×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 802

คุณณฐาภพ ธรรมชาติ Assistant Vice President บริษัท เจ อีลิท จำกัด และนางสาวอุษณีย์ เลาหะวรนันท์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานสื่อสารการตลาดและธุรกิจ MAAI BY KTC บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมมอบสิทธิพิเศษ ให้ลูกค้าสามารถโอนคะแนนสะสมระหว่าง J POINT และ MAAI Point ได้แล้ว พร้อมส่งแคมเปญต้อนรับวันสงกรานต์ ที่ทำให้การโอนคะแนนพิเศษยิ่งขึ้นโดยรับคะแนน J POINT เพิ่มขึ้น 20% เพื่อส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษแก่ลูกค้า โดยเป็นการนำจุดแข็งด้านสิทธิประโยชน์ในการแลกคะแนนสะสม ทั้ง J POINT และ MAAI BY KTC (มาย บาย เคทีซี) มารวมกัน เพื่อนำเสนอทางเลือกที่แตกต่าง ในการขยายสิทธิประโยชน์ที่ตรงใจที่สุดให้กับสมาชิก J POINT และ MAAI BY KTC มากกว่าที่เป็นมา

J POINT ระบบสะสมคะแนนในกลุ่มเจมาร์ท กรุ๊ป เป็น Loyalty Program Platform ทำหน้าที่บริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า ช่วยทำความรู้จักและเข้าใจลูกค้ามากขึ้นในทุกมิติ ผ่านการมอบสิทธิพิเศษต่างๆ J POINT เป็นรูปแบบการสะสมคะแนนแบบดิจิทัล โดยมีระบบการทำงานผ่าน LINE Official Account บนแอปพลิเคชัน LINE โดยลูกค้าจะได้รับคะแนนสะสมจากทุกยอดการใช้จ่ายในการซื้อสินค้าหรือบริการ และยังสามารถนำคะแนนสะสมกลับมาแลกเป็นส่วนลด รวมทั้งดีลสิทธิพิเศษต่างๆ จากทุกบริษัทในกลุ่มเจมาร์ท กรุ๊ป ที่เป็น Group of Retail และ Group of Financial รวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ

MAAI BY KTC (มาย บาย เคทีซี) ผู้ให้บริการด้านดิจิทัล ลอยัลตี้ แพลตฟอร์ม (Digital Loyalty Platform) แบบครบวงจรในการบริหารจัดการคะแนนสะสมและสิทธิประโยชน์ด้านไลฟ์สไตล์ สามารถตอบโจทย์ทุกธุรกิจที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน

สำหรับการโอนคะแนนสะสม J POINT ทุก ๆ 100 คะแนน สามารถโอนเป็นคะแนนสะสม MAAI Point ได้เท่ากับ 65 คะแนน และสามารถโอนคะแนนสะสม MAAI Point ทุก ๆ 100 คะแนน เพื่อเป็นคะแนน J POINT ได้เท่ากับ 65 คะแนน พิเศษสำหรับสมาชิกที่โอนคะแนนจาก MAAI Point เป็นคะแนน J POINT รับเพิ่ม 20% จากปกติ 65 คะแนน เป็น 80 คะแนน ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน - 31 พฤษภาคม 2567 ผ่าน LINE Official J POINT และ Application MAAI BY KTC

สำหรับท่านที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก J POINT สามารถสมัครสมาชิกง่ายๆ ผ่าน LINE Official @Jpoint พร้อมสะสมคะแนนจากทุกยอดการใช้จ่ายจากร้านค้าในเครือ เจมาร์ท และพันธมิตร เพื่อแลกรับสิทธิพิเศษต่างๆ มากมายตอบโจทย์ครบทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต กิน ดื่ม เที่ยว บันเทิง เรียนรู้ สุขภาพ/ความงาม ไอทีแก็ดเจ็ต และอำนวยความสะดวกสบายที่คัดสรรมาให้ลูกค้าคนพิเศษที่เป็นสมาชิก J POINT และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

บ.เจ เวนเจอร์ส (JVC) ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ และแอปพลิเคชันทางด้านฟินเทค และลงทุนในธุรกิจสตาร์ตอัพ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.เจมาร์ท (JMART) เปิดเกมรุกธุรกิจใหม่ในโลกของฟินเทค เตรียมเปิดตัว JFin DDLP ระบบสินเชื่อแบบดิจิทัลที่ไม่มีตัวกลาง อีกทั้งเตรียมนำมาต่อยอดผลิตภัณฑ์อื่นๆ ประเดิมใช้งานในกลุ่มเจมาร์ทภายในปี 2562 นี้

สำหรับก้าวรุกครั้งนี้ เป็นความต่อเนื่อง จากที่ บมจ.เจมาร์ท (JMART) ประกาศความสำเร็จของบ.เจ เวนเจอร์ส โดยได้เปิดระดมทุน ICO (Initial Coin Offering) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่
ผ่านมา และการระดมทุนครั้งนี้สร้างปรากฏการณ์ จากการเปิด Pre-Sale JFin Coin ที่ราคา 6.60 บาทต่อโทเคน และจำนวน 100 ล้านโทเคนนั้น สามารถขายหมดเกลี้ยงภายใน 55 ชั่วโมง

 

 

ธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ JVC เผยถึงการพัฒนาระบบสินเชื่อแบบ DDLP คือ ระบบการกู้ยืมเงินแบบดิจิทัลบนเทคโนโลยีบล็อกเชนที่มีความปลอดภัยสูง รองรับกระบวนการแบบครบวงจร ตั้งแต่การระบุตัวตน (KYC) กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ การประเมินเครดิต การอนุมัติสินเชื่อ และการติดตามหนี้สิน เพื่อสนับสนุนและพัฒนาการบริการด้านสินเชื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รวมถึงรองรับระบบ P2P Lending ระบบตลาดสินเชื่อออนไลน์ที่เชื่อมต่อให้ผู้กู้ที่มีศักยภาพสามารถกู้เงินได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านธนาคารหรือสถาบันการเงิน ดังนั้นระบบ DDLP จะเป็นหนึ่งในระบบสำคัญที่เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของกลุ่มบริษัทเจมาร์ทในอนาคตอันใกล้นี้ ตั้งเป้าระบบจะแล้วเสร็จพร้อมเริ่มใช้งานในปี 2562

สำหรับจุดแข็งของ JFin DDLP คือ เป็นระบบที่พัฒนาขึ้นจากการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ ทำให้สามารถสร้างระบบการเงินที่ยั่งยืน ขยายตลาด และเข้าถึงประชากรได้อีกจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบธนาคารหรือการให้บริการทางการเงิน โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นการจับกลุ่มลูกค้าที่มีเครดิตดี วิเคราะห์จากฐานข้อมูลลูกค้าของกลุ่มเจมาร์ทที่มีรวมกันมากกว่า 3 ล้านราย

โดยเฉพาะบริษัทในเครือ ได้แก่ บมจ.เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ผู้นำในธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ และรับจ้างติดตามหนี้สิน เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เรามีฐานข้อมูลและสามารถรับความเสี่ยงได้มากขึ้น

รวมถึงการเสริมทัพด้วยการจับมือพันธมิตรและกลุ่ม
ผู้ประกอบการสตาร์ตอัพ เพื่อสนับสนุนข้อมูลให้แก่บริษัทฯ ให้มี Big Data ที่สามารถสร้าง Credit scoring หรือการประเมินการขอสินเชื่อบุคคลโดยอัตโนมัติผ่านเทคนิคการให้คะแนนเครดิตผ่านข้อมูลต่างๆ ที่ระบุไว้ เพื่อให้สามารถคัดเลือกลูกค้าที่มีเครดิตดีได้อย่างแม่นยำมากขึ้น นับเป็นจุดเริ่มต้นของการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในโลกการเงินอย่างสมบูรณ์แบบ ส่งผลดีต่อ JVC ในฐานะผู้นำในธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์ และแอปพลิเคชันทางด้านฟินเทคให้ได้รับการตอบรับมากขึ้นในอนาคต 

X

Right Click

No right click