โครงการ FC Bayern Youth Cup Thailand 2019 (เอฟซี บาร์เยิร์น ยูธ คัพ ไทยแลนด์ 2019) อันเป็นความร่วมมือระหว่าง สโมสรฟุตบอล บาเยิร์น มิวนิค บุนเดสลีก้า บริษัท สปอร์ตไทย-บาวาเรีย จำกัด กลุ่มวังขนาย และ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต  เปิดตัว 10 ตัวแทนเยาวชนไทยฝีเท้าเด่น เตรียมบินลัดฟ้าร่วมแข่งขันในรายการ FC Bayern Youth Cup World Final 2019 (เอฟซี บาร์เยิร์น ยูธ คัพ เวิร์ล ไฟนัล 2019) ณ อลิอันซ์ อารีน่า เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 15-19 พฤษภาคม 2562 พร้อมได้สัมผัสประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต พบปะตำนานผู้เล่นของบาเยิร์น มิวนิค และร่วมเข้าชมการแข่งขันนัดสุดท้ายของฤดูกาล

โครงการ FC Bayern Youth Cup Thailand 2019 ดำเนินการต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 4 มีเยาวชนกว่า 10,000 คนเข้าร่วมโครงการนี้มาแล้ว ล่าสุดได้รางวัล เหรียญทอง ในประเภท โครงการสุดยอดการพัฒนาเยาวชนในประเทศไทย จาก SPIA ASIA AWARD 2018  สำหรับปีนี้ ได้เปิดรับสมัครเยาวชนจากทั่วประเทศมาตั้งแต่เดือนมกราคม มีเยาวชนสมัครเข้าร่วมคัดเลือกกว่า 3,500 คน โดยโครงการได้คัดเลือกเยาวชนจำนวน 120 คน มาร่วมแข่งรอบ National Final ณ สนามกีฬาไทย ญี่ปุ่น ดินแดง เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2562 โดยมี มร.เคราซ์ เอาเกนธาเลอร์ ตำนานบาเยิร์นและแชมป์บุนเดสลีก้า 7สมัย ร่วมเป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือก จนได้เยาวชนฝีเท้าเด่นรวม 15 คนเข้าค่ายเก็บตัว Thailand Camp วันที่ 22 -26 เมษายน 2562 ณ กิเลนวัลเล่ย์  จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเก็บตัวฝึกซ้อมทักษะฟุตบอลเพิ่มเติม ในค่ายฯ มีการทำกิจกรรมร่วมกันทั้ง Team Building รวมถึงฝึกซ้อมอย่างหนัก จนขณะนี้ได้คัดเหลือ 10 คนสุดท้าย ที่มีฝีเท้าโดดเด่นที่สุด เป็นตัวแทนทีมประเทศไทย ที่จะเดินทางไปแข่งขันฟุตบอลในสนามระดับโลกอย่าง อลิอันซ์ อารีน่า

นายวินิจ เลิศรัตนชัย  กรรมการผู้จัดการ บริษัท สปอร์ตไทย – บาวาเรีย จำกัด กล่าวว่า  “ก่อนอื่นผมขอแสดงความยินดีกับเยาวชนทั้ง 10 คนที่ผ่านการคัดเลือก ซึ่งเป็นผลของความตั้งใจและการทำงานหนักในการเข้าแคมป์ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และขอเป็นกำลังใจให้กับเยาวชนอีก 5 คนที่ไม่ผ่านการคัดเลือก แค่เพียงกล้าออกมาร่วมกิจกรรมและผ่านเข้าสู่รอบประเทศก็เป็นชัยชนะต่อตนเองที่ยิ่งใหญ่แล้ว อย่าย่อท้อขอให้มุ่งมั่นฝึกซ้อมพัฒนาตนเองต่อไป ผมมีความภูมิใจและยินดีเป็นอย่างมากที่โครงการ FC Bayern Youth Cup Thailand ได้สร้างโอกาสให้กับเยาวชนที่มีใจรักในกีฬาฟุตบอลและมีฝีเท้าที่ดี เป็นตัวแทนเยาวชนไทยไปแข่งขันที่เยอรมนี และสามารถทำผลงานได้ดีด้วยการคว้าแชมป์ 2 สมัย และเป็นเอเชียชาติเดียวที่สามารถคว้าแชมป์มาครอง มาถึงปีนี้น้องๆ ที่ผ่านมาถึงรอบนี้ทุกคนล้วนมีความสามารถ และผมเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งให้กับประเทศไทยได้สำเร็จ”

นางสาวธัญรักษ์ ณ วังขนาย ผอ.ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กลุ่มวังขนาย กล่าวว่า  ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะอยู่ในความทรงจำของน้องๆทั้ง 15 คน กลุ่มวังขนายได้ให้การสนับสนุนโครงการ FC Bayern Youth Cup มาอย่างต่อเนื่อง 4 ปีแล้ว และมีความภาคภูมิใจที่เห็นเยาวชนไทยมีฝีเท้าที่ดีเยี่ยม และกล้าออกมาทำความความฝัน สำหรับในปีนี้ ขอเป็นกำลังใจให้กับเยาวชนไทยที่ผ่านการคัดเลือกมาทั้ง 10 คนไปคว้าแชมป์ให้สำเร็จอีกครั้ง สำหรับเยาวชนที่ไม่ผ่านการคัดเลือกก็อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ขอให้หมั่นฝึกฝน พัฒนาทักษะการเล่นฟุตบอลต่อไป

นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารงานลูกค้า บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ในฐานะผู้สนับสนุนหลัก กล่าวว่า ในปีนี้ อลิอันซ์ อยุธยา มุ่งมั่นส่งเสริมเยาวชนภายใต้แนวคิด Explore the Future With Us โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้เยาวชนไทยออกไปค้นหาสิ่งใหม่ๆ รอบตัว พร้อมเดินหน้าล่าฝัน ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์เยาวชนที่ครอบคลุมทุกมิติ สำหรับโครงการ FC Bayern Youth Cup Thailand 2019 อลิอันซ์ อยุธยา มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับเยาวชนผู้ได้รับการคัดเลือกทั้ง 10 คน  เชื่อว่าจะเป็นประสบการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะได้ไปสัมผัสกับประสบการณ์ระดับโลก กับ สุดยอดทีมบาเยิร์น มิวนิค พร้อมโอกาสลงเตะ ณ สนาม อลิอันซ์ อารีน่า ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของ อลิอันซ์ อยุธยา ที่ได้มีส่วนผลักดันและสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนไทย ที่แม้มีเงินก็ซื้อไม่ได้ ทั้งนี้เราเชื่อว่าเยาวชนทั้ง 10 คน จะเตรียมตัวและมีความพร้อมเป็นอย่างดี  ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ขอให้ทุกคนกล้าที่จะแสดงฝีเท้าและศักยภาพตนเองให้เต็มที่ เพื่อจะได้ไปถึงสิ่งที่ทั้งทีมและตนเองมุ่งหวังได้สำเร็จ ทั้งนี้อลิอันซ์ อยุธยา ในฐานะบริษัทประกันชีวิตชั้นนำ ได้มอบกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองชีวิตและอุบัติเหตุ พร้อมด้วยค่ารักษาพยาบาล ตลอดระยะเวลาเดินทาง แก่นักกีฬา สื่อมวลชน และทีมงาน รวม 25 ท่าน  ด้วยทุนประกันท่านละ 4 ล้านบาท  รวมเป็นทุนประกันทั้งสิ้น 100 ล้านบาท

เยาวชนทั้ง 10 คน ที่ได้รับการคัดเลือกได้แก่  1)โอ๊ต - เผด็จ  แก้วมณี  2)เกมส์ - ปฏิภาณ เตี้ยงสูงเนิน 3)ลีซอ - เดชานนท์ ศรีเมือง 4)ฟิว - เกริกพล อาบรัมย์ 5) เกมส์ - นรากรณ์ แก่งกระโทก 6)คีม - นิติพันธ์ สุกใส 7)คิว -  พิทยา  ใจยาว 8)กอล์ฟ - ธนกฤต ทองศรี 9)มิกซ์ - ศุภวิชญ์ มาน้อย 10)กอล์ฟ - ฌัฐกิตติ์ แสงคำ โดยจะร่วมเดินทางไปประเทศเยอรมนีในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม และจะลงฝึกซ้อมเพื่อปรับตัวกับสภาพอากาศทันทีที่เดินทางไปถึงโดยจะเข้าแคมป์ฝึกซ็อมที่เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ก่อนเดินทางเข้าสู่เมืองมิวนิคเพื่อเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันฟุตบอลในสนาม    อลิอันซ์ อารีน่า ระหว่างวันที่ 15-19 พฤษภาคม 2562 ซึ่งการแข่งขันจะแบ่งเป็น 2 สาย ในแต่ละสายลงทำการแข่งขันแบบพบกันหมด โดยจะมีการจับสลากแบ่งสายในช่วงค่ำของวันที่ 17 พฤษภาคม 2562 เพื่อจะทำการแข่งขัน ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2562 ในปีนี้มีทีมเข้าร่วมแข่งขันจาก 8 ประเทศ อาทิ เยอรมนี, สิงค์โปร์ ,จีน, อินเดีย, ไนจีเรีย , สหรัฐอเมริกา และ ไทย ผู้สนใจสามารถร่วมชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันได้ทาง Facebook : Allianz Ayudhya

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณชัยณรงค์ เอื้อสิทธิชัย ประธานเจ้าที่บริหาร ฝ่ายจัดจำหน่ายผ่านธนาคาร (กลาง) พร้อมพนักงานจิตอาสาฝ่ายขาย ภูมิภาคนครหลวง 1 ร่วมจัดกิจกรรมเพื่อสังคมไทยน่าอยู่ BANCs Hearts in Action Day หรือกิจกรรมจิตอาสาจากใจของทีมฝ่ายจัดจำหน่ายผ่านธนาคาร  โดยครั้งนี้ ได้มีผู้บริหารและพนักงานจิตอาสาเดินทางไปร่วมกิจกรรมปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก (ครูหยุย) พร้อมจัดทำแปลงและปลูกพืชผักสวนครัว  นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่สนุกสนานเพื่อส่งมอบความสุขและมอบรอยยิ้มให้กับน้อง ๆ ณ มูลนิธิสร้างสรรค์เด็กอีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ตอกย้ำเป้าหมายหลักของบริษัท ฯ คือ การให้โอกาสทุกคนได้มีชีวิตที่ดีขึ้นตามใจปรารถนา

คณะการบริหารและจัดการ (FAM) สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ สทป. จัดโครงการ Smart Supervisor 4.0 รุ่นที่ 1 หรือหลักสูตรอบรมผู้บริหารรุ่นใหม่ของ สทป. เพื่อเพิ่มศักยภาพ สร้างความตื่นตัวและเตรียมความพร้อมต่อการมาถึงของ Digital Disruption ได้อย่างเท่าทันและมีประสิทธิภาพ

โดยโครงการ Smart Supervisor 4.0 ครั้งนี้เกิดจากการที่คณะผู้บริหารของ สทป. ได้ตระหนักถึงโลกปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงการเกิดขึ้นขององค์ความรู้ใหม่ๆ ในยุคดิจิตอล ที่มาพร้อมข้อเรียกร้องให้หน่วยงานต่างๆ ต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด การทำงานและทัศนคติให้ร่วมสมัยขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับองค์กรที่ทำงานกับวิทยาการด้านความมั่นคงของประเทศอย่าง สทป. ซึ่งมีผลงานในการวิจัย พัฒนาและผลิตยุทโธปกรณ์สำหรับกองทัพมานับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ไม่ว่าจะเป็นอากาศยานไร้คนขับ จรวดหลายลำกล้องนำวิถี หรือ Simulator จำลองยุทธ์ เป็นต้น

พลอากาศเอก ดร. ปรีชา ประดับมุข ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป.) ได้เล่าถึงความคาดหวังของ Smart Supervisor 4.0 ในงานแถลงข่าวของโครงการ ณ สำนักหอสมุดกลาง สจล. ว่า “ปัจจุบัน วิทยาการทางการทหารนั้นเติบโตเร็วมาก ผู้บริหารของ สทป. รุ่นต่อๆ ไป หรือผู้ที่จะได้รับการเลื่อนขั้นจาก ผู้ปฏิบัติการมาเป็นผู้บริหาร จะใช้เพียงประสบการณ์เป็นเกณฑ์วัดไม่ได้อีกแล้ว หากแต่จะต้องมีองค์ความรู้ที่ทันสมัย การจัดโครงการ Smart Supervisor 4.0 นี้ขึ้นมา ก็เพื่อหาความรู้เพิ่มเติมจากผู้มีความรู้ก็คือ สจล. ซึ่งก็ถือเป็นการร่วมแรงร่วมใจของทั้งสองหน่วยงานในการออกแบบหลักสูตร เพื่อพัฒนา สทป.ในอนาคต”

ทางด้าน ศ.ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ก็ได้แสดงทัศนะต่อการเป็นผู้บริหารยุคใหม่ไว้ว่า “ปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ได้สร้างจากมือของศาสตราจารย์หรือด็อกเตอร์อีกต่อไป มันอาจถูกสร้างโดยเด็กอายุ 11 หรือ 15 ยุคนี้คนเพียงคนเดียวอาจชัตดาวน์ทั้งกองทัพ หรือทั้งประเทศได้ เป็นยุคที่คนต้องแข่งขันกันทุกวินาที ฉนั้นแล้ว ผู้นำในยุคนี้จึงต้องมีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการคน บริหารเด็ก บริหารคนที่เก่งที่สุด ให้ทำงานบรรลุเป้าหมาย ในเวลาที่จำกัด นั่นคือความท้าทายที่ สทป. ต้องเผชิญในยุค disruption ซึ่งก็เรื่องที่ดีที่ทางผู้บริหารได้เห็นถึงความสำคัญในด้านนี้”

สำหรับคณะการบริหารและจัดการ หรือ FAM คือผู้ได้รับมอบหมายให้ดูแลหลักสูตรและจัดการเรียนการสอนในโครงการ Smart Supervisor 4.0 นี้ โดยมีลักษณะการอบรมแบ่งออกเป็นทักษะที่สำคัญ 8 ทักษะ 28 วิชา 90 ชั่วโมง ดังนี้

- ทักษะการสอนงาน การแก้ปัญหา และการตัดสินใจ

- ทักษะด้านการวางแผนเชิงกลยุทธ์ และการบริหารความเสี่ยง

- ทักษะการใช้เครื่องมือบริหารจัดการต่างๆ และพัฒนาวิสัยทัศน์

- ทักษะการทำงานเป็นทีม และทักษะการสร้างสรรค์สิ่งใหม่

- การบริหารโครงการและการบริหารการเปลี่ยนแปลง

- การพัฒนาบุคลิกภาพ การสื่อสาร และการประสานงาน

- การพัฒนาความซื่อสัตย์ ความภัคดี และหลักธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหาร

- Smart Coaching Supervisors 4.0

ซึ่งหลักสูตรดังกล่าวได้รับการออกแบบและดูแลอย่างใกล้ชิดจาก ดร. สุดาพร สาวม่วง คณบดี คณะการบริหารและจัดการ สจล. ที่ได้ตั้งมุดหมายของโครงการ ตามอักษรย่อภาษาอังกฤษของ สทป. ไว้ว่า D : Disruption, T : Technology, I : Innovation (หมายเหตุ: DTI คืออักษรย่อของ สทป. Defence Technology Institute)

“เราอยากให้ผู้เรียน กลายเป็น supervisor ที่ smart ดังนั้นหลักสูตรจะเน้นในการสร้างบุคลิกภาพ จิตวิทยาในการสื่อสาร ภาวะผู้นำ และรู้จักเครื่องมือในการบริหาร ให้ทำงานในองค์การอย่างมีความสุข ลักษณะการเรียนการสอนจะเป็นการนำปัญหาขององค์กรของผู้เรียน มาเป็นโจทย์ในการศึกษา หรือเวิร์คช็อป แล้วหลังจากนั้นจะร่วมคิดโปรเจ็กต์ที่นำไปใช้จริงเมื่อสำเร็จการศึกษา ซึ่งเราอยากให้มันเป็นตัวอย่างที่ดีกับองค์กรอื่นๆ ด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของคณะอย่าง FAM to FAMOUS ที่เราไม่ได้คิดเฉพาะในคณะ หรือ สจล. แต่อยากให้การพัฒนามันเกิดขึ้นกับทุกองค์กรที่พร้อมจะให้เราช่วย ทั้งในประเทศในระดับอาเซียนด้วย” ดร. สุดาพร กล่าวในช่วงท้าย

dwp|design worldwide partnership จัดงานเปิดตัว dwp|signature ซึ่งเป็นความร่วมมือของสถาปนิกและมัณฑนากรผู้มีชื่อเสียงจากทั่วโลก อาทิ จอร์ดี้ ฟู (dwp|jordy fu), แอนน์ คาร์สัน (dwp|anne carson), แมทธิว แคมป์เบล ลอเรนซา (dwp|matthew campbell laurenza) และ แกรี่ ซิลลิค (dwp|gary szillich) พร้อมเปิดตัวสตูดิโอแห่งใหม่ dwp เอ็ม อินทีเรียร์ (dwp|minteriors) ในประเทศเมียนมาร์  ในโอกาสเดียวกัน ณ ห้อง โคลอนเนด โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ โดยมีแขกผู้มีเกียรติระดับแนวหน้าในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในและต่างประเทศ ผู้บริหารธุรกิจโรงแรม บุคคลผู้มีชื่อเสียงในสังคม และสื่อมวลชน เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

เอ็ดเวิร์ด เอ็นสโก, แกรี่ ซีลิส, แอน คาร์สัน, เบร็นตัน มอเรลโล, สก๊อตต์ วิทเทเคอร์, มียา มิตสึ, จอร์ดี้ ฟู, แมทธิว แคมป์เบล ลอเรนซา และศรินรัตน์ กมลรัตนพิบูล

ทีม THE THREE MUSKETEERS จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขัน “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2019” ครั้งที่ 16 ในประเทศไทย นำเสนอกลยุทธ์และพัฒนาแผนการตลาดดิจิทัล ภายใต้โจทย์ “INVENT THE FUTURE SKINCARE EXPERIENCE FOR HEALTH-CONSCIOUS CONSUMERS” หรือ “การสร้างสรรค์ประสบการณ์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแห่งอนาคต เพื่อผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพ” ให้กับแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง เน้นการเข้าถึงและสื่อสารโดยตรงกับผู้บริโภคที่รักสุขภาพ ผ่านการใช้นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขัน “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2019” ระดับโลก ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในเดือน พฤษภาคม 2562 ลุ้นชิงรางวัลประสบการณ์การทำงานที่ฝรั่งเศส ณ Station F ฮับสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

ทีม THE THREE MUSKETEERS จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชนะเลิศ “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2019” ของประเทศไทย ประกอบด้วย นายนพรุจ กรุงไกรเพชร นางสาววราลี ธนะนิวิฐ และ นางสาวพิมพ์พัชร จันเทรมะ นักศึกษาคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ชั้นปีที่ 4  เปิดเผยว่า “สำหรับผลงานอุปกรณ์ดูแลรักษาผิว SkinActiv นั้น มาจากการค้นคว้าของเรา และพบว่า 87% ของผู้หญิงไทยยังเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้ไม่ถูกต้อง ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นไม่ตอบโจทย์กับสภาพผิวของพวกเขา ซึ่งอุปกรณ์ดูแลรักษาผิว SkinActiv นี้ มาพร้อมกับวิธีการใช้ 2 โหมด คือโหมด Diagnosis ซึ่งมีเซนเซอร์วินิจฉัยสภาพผิวของผู้ใช้ และโหมด Treatment ที่จะช่วยผ่อนคลาย ฟื้นฟูผิวหน้า และสามารถรักษาสิว ลดริ้วรอย และเปิดรูขุมขนเพื่อการเปิดรับผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนมือถือ เราคาดหวังว่าอุปกรณ์ SkinActiv จะทำหน้าที่เป็นตัวช่วยในการดูแลผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยการวิเคราะห์สภาพผิว ให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและวิธีการรักษาที่เหมาะกับสภาพผิวของผู้ใช้มากที่สุด”

“พวกเรารู้สึกดีใจมากที่ชนะการแข่งขัน “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2019” ขอขอบคุณบริษัทลอรีอัล ที่เปิดโอกาสให้พวกเราได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างอิสระ และใช้ทักษะรอบด้านในการออกแบบแผนการตลาดและนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาประยุกต์ใช้ และขอขอบคุณสำหรับการผลักดันให้พวกเราก้าวข้ามขีดจำกัด และกรอบการนำเสนอเดิมๆ เพื่อที่จะเอาชนะใจกรรมการให้ได้ภายในเวลาเพียงแค่ 5 นาทีอีกด้วย นี่คือความท้าทายที่คนเจนเนอเรชั่นเรามองหา” ทีม THE THREE MUSKETEERS กล่าว

นายธนยศ ครุฑระเบียบ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โครงการ ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม เป็นโครงการสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มองหาความท้าทาย ที่ต้องการพัฒนาทักษะความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลโซลูชั่นส์ใหม่ๆ มาตอบโจทย์ทางธุรกิจ และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทีม THE THREE MUSTKETEERS เป็นผู้ตอบโจทย์ได้สมบูรณ์แบบที่สุด
และจะเป็นตัวแทนประเทศไทย ไปแข่งต่อที่เวทีโลกเพื่อชิงรางวัลชนะเลิศที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมี เป็นครั้งแรก คือ ประสบการณ์การทำงานที่ฝรั่งเศส ณ Station F ฮับสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก พาร์ทเนอร์ของลอรีอัล เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ความตั้งใจของโครงการในการสร้างสรรค์นวัตกรรม และส่งเสริมแนวคิดการทำงานแบบผู้ประกอบการอย่างแท้จริง”

รูปแบบการแข่งขันลอรีอัล แบรนด์สตอร์มจะกำหนดให้นักศึกษานำเสนอผลงานทุกรอบ ในสไตล์ “Pitching” หรือ การขายไอเดียแบบธุรกิจสตาร์ทอัพ โดย 5 ทีมที่มีผลงานโดดเด่น จะได้นำเสนอผลงานบนเวทีในรอบสุดท้าย เพื่อชิงรางวัลชนะเลิศต่อหน้าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ อันประกอบไปด้วย คุณอินเนส คาลไดรา กรรมการผู้จัดการ และ คุณวิภาวี ทับสกุล ผู้จัดการทั่วไป แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด ดร.รัฐศาสตร์ กรสูต รองผู้อำนวยการสำนักงาน สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และ พญ.ขวัญจิรา วงศ์เกียรติขจร แพทย์เฉพาะทางผิวหนัง

ผลการตัดสินการแข่งขันโครงการ “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2019” ประเทศไทย คือ ทีม THE THREE MUSTKETEERS จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กับผลงานนำเสนอภายใต้คอนเซ็ปต์ “ผลงานอุปกรณ์ดูแลรักษาผิว SkinActiv” รับรางวัลเงินสดจำนวน 100,000 บาท และเป็นตัวแทนประเทศไทยแข่งขันกับตัวแทนจาก 65 ประเทศทั่วโลก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในเดือนพฤษภาคม 2562 ทีม BART HEART จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชนะรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รับรางวัลเงินสด 50,000 บาท และทีม S’OREAL จากวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยศิลปากร ชนะรางวัล CSR Award รับเงินสด 30,000 บาท

นางอินเนส คาลไดรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวสรุปว่า “วัตถุประสงค์ของโครงการฯ คือการเป็นมากกว่าการแข่งขันแผนการตลาด แต่เป็น “Project and Talent Incubator” ซึ่งตอกย้ำวิสัยทัศน์การเป็นผู้บุกเบิกด้าน Beauty Tech ของบริษัท ทุกๆ ปีความคิดสร้างสรรค์ และไอเดียในการรังสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ จากนักศึกษาผู้เข้าร่วมโครงการฯ จะแปลกใหม่ มีความน่าสนใจเสมอ เรามีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการมอบประสบการณ์ที่มีค่าให้แก่นักศึกษาไทย เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้พัฒนาศักยภาพที่เป็นพื้นฐานสำคัญในการทำงานจริง เพื่อการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต”

X

Right Click

No right click