กองทุนประกันวินาศภัย เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. ๒๕๓๕  และที่แก้ไขเพิ่มเติม  มีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐ  ภายใต้กำกับของฝ่ายบริหาร  ประเภทกองทุนที่เป็นนิติบุคคล  ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2566  มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัย  ในกรณีที่บริษัทถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย  และเพื่อพัฒนาธุรกิจประกันวินาศภัยให้มีความมั่นคงและเสถียรภาพ  โดยกองทุนประกันวินาศภัยไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ มีรายได้หลักมาจากเงินที่บริษัทประกันวินาศภัยมีหน้าที่ต้องนำส่งเข้ากองทุนประกันวินาศภัย ตามอัตราที่คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยประกาศกำหนด โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งตามกฎหมายกำหนดไว้ในอัตราไม่เกินร้อยละ 0.๕  ของเบี้ยประกันภัยที่บริษัทได้รับ  โดยบริษัทต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนประกันวินาศภัยปีละ 2 ครั้ง   ครั้งที่ 1 นำส่งภายในเดือนมกราคม  ในอัตราร้อยละ ๐.๕ ของ
เบี้ยประกันภัยที่บริษัทได้รับในรอบเดือนกรกฎาคมถึงเดือนธันวาคมของปีที่ผ่านมา  และครั้งที่ 2 นำส่งภายในเดือนกรกฎาคม  ในอัตราร้อยละ ๐.๕  ของเบี้ยประกันภัยที่บริษัทได้รับในรอบเดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายนของปีเดียวกัน

นับแต่ปี  พ.ศ. 2551  ที่มีการจัดตั้งกองทุนประกันวินาศภัยขึ้นตามพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551  จนถึงปัจจุบัน  มีบริษัทประกันภัยถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย  จำนวนทั้งสิ้น 14 บริษัท  โดยเฉพาะในช่วงปี พ.ศ. 2562 ถึง พ.ศ. 2565  ได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19)  เป็นครั้งแรกของโลก  และในปี พ.ศ. 2563 กระทรวงสาธารณสุข  ได้ตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย  โดยเชื้อดังกล่าวได้มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว  จนทำให้บริษัทประกันภัยที่รับประกันภัยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19)  มีสถานะขาดสภาพคล่องทางการเงิน  และไม่มีเงินจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย จนส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ ทำให้บริษัทประกันภัยถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยและปิดกิจการลงอย่างต่อเนื่อง  ได้แก่  บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน),  บริษัท เดอะ วัน ประกันภัย จำกัด (มหาชน),  บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)  และบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน)  ซึ่งการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยดังกล่าว  ส่งผลทำให้กองทุนประกันวินาศภัยต้องชำระหนี้แทนบริษัทประกันภัยที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตตามกฎหมาย  และทำให้กองทุนประกันวินาศภัยมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  โดยมีจำนวนประมาณ  60,000  ล้านบาท  และมีจำนวนเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัยมากกว่า  600,000  ราย 

โดยที่ผ่านมา...

โดยที่ผ่านมา  กองทุนประกันวินาศภัยได้ดำเนินการตามภารกิจที่กฎหมายกำหนดไว้ ในพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558  ด้วยมีเจตนารมณ์ในการชำระหนี้และคุ้มครองเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัยในกรณีที่บริษัทที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย ซึ่งในระยะเวลาที่ผ่านมากองทุนประกันวินาศภัยได้ดำเนินการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้เสร็จสิ้นแล้ว 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท ศูนย์สุขภาพประเทศไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท สัญญาประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท สัจจะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยปัจจุบันกองทุนประกันวินาศภัยอยู่ระหว่างการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้อีกจำนวน 7 บริษัท ได้แก่ บริษัท สัมพันธ์ประกันภัย จำกัด, บริษัท เอ.พี.เอฟ. อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวร์รันส์ จำกัด, บริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน), บริษัท เดอะ วัน ประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยคิดเป็นเงินค่าสินไหมทดแทนที่กองทุนประกันวินาศภัย ได้พิจารณาอนุมัติชำระหนี้แทนบริษัทที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตแล้วจำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 8,517 ล้านบาท รวมเป็นจำนวนเจ้าหนี้ที่ได้รับชำระหนี้แล้วทั้งสิ้น 145,948 ราย ทั้งนี้ยังไม่รวมอีก 4 บริษัท ที่อยู่ระหว่างการชำระบัญชีของบุคคลภายนอกและรอการนำส่งมาให้กองทุนประกันวินาศภัยชำระหนี้ต่อไป

กองทุนประกันวินาศภัย ตระหนักและทราบถึงความเดือดร้อนของประชาชนผู้เป็นเจ้าหนี้ ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากเอาประกันภัยเป็นอย่างดี และได้พยายามเพิ่มอัตราบุคลากร ปรับปรุงระบบการบริหารจัดการกองทุนในการรองรับและเพื่อเร่งรัดการพิจารณาคำขอรับชำระหนี้ และได้อนุมัติจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนให้แก่เจ้าหนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงปี พ.ศ. 2566 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 กองทุนประกันวินาศภัยสามารถพิจารณาคำทวงหนี้ และเสนอขออนุมัติจ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้ได้ประมาณเดือนละ  7,000  ถึง 8,000 กรมธรรม์ คิดเป็นเงินที่ขออนุมัติจ่ายให้แก่เจ้าหนี้แต่ละเดือนไม่น้อยกว่า 350 ถึง 400 ล้านบาท โดยในขณะเดียวกันกองทุนประกันวินาศภัยได้พยายามจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ โดยได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาเกี่ยวกับการจัดหาแหล่งเงินทุนของกองทุนประกันวินาศภัย และได้มีการดำเนินการ เช่น ประการแรก กองทุนประกันวินาศภัยได้ดำเนินการเสนอขอปรับเพิ่มอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนประกันวินา ตามมาตรา 80/3 จากเดิมอัตราร้อยละ 0.25 ปรับเพิ่มเป็นอัตราร้อยละ 0.50 ของเบี้ยประกันภัยที่บริษัทได้รับ ซึ่งเป็นอัตราเงินนำส่งสูงสุดที่กฎหมายกำหนด ประการที่สอง กองทุนประกันวินาศภัยได้เสนอแผนขอบรรจุวงเงินในแผนบริหารหนี้สาธารณะในวงเงิน 3,000 ล้านบาท ต่อสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ โดยเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ครั้งที่ 1 และรับทราบตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ซึ่งแผนดังกล่าวอยู่ระหว่างดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง  และประการสุดท้าย  กองทุนประกันวินาศภัยได้มีหนังสือถึงสำนักงบประมาณ  เพื่อดำเนินการขอรับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลตามมาตรา 80 (11) ซึ่งจากการดำเนินการตามกฎหมายในด้านต่าง ๆ นี้ จะเป็นการเพิ่มช่องทางในการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อรองรับสถานะทางการเงินของกองทุนประกันวินาศภัย  เพื่อให้ได้เงินมาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้โดยเร็วที่สุด     

ดังนั้น …

ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการและการดำเนินการขออนุมัติการจ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัยให้เป็นไปโดยความเรียบร้อย ซึ่งต้องรอเงินเข้ากองทุนประกันวินาศภัยตามกำหนดระยะเวลาที่บริษัทจะต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนประกันวินาศภัย ตามมาตรา 80/3 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และกองทุนประกันวินาศภัยยังไม่ได้รับเงินจากช่องทางอื่น ๆ ด้วยเหตุดังกล่าวจึงเป็นข้อจำกัดในการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ อันเกิดจากการเอาประกันภัยแทนบริษัทที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย ดังนั้น ตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2567  เป็นต้นไป กองทุนประกันวินาศภัยมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนรอบการขออนุมัติการจ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้ให้มีความสัมพันธ์กับรายได้ และรอบการนำส่งเงินเข้ากองทุนประกันวินาศภัยของบริษัทประกันภัยตามที่กฎหมายกำหนด แต่อย่างไรก็ดีในระหว่างที่รอการอนุมัติจ่ายเงิน กองทุนประกันวินาศภัยจะเร่งรัดให้มีการพิจารณารับรองมูลหนี้ให้แก่เจ้าหนี้อย่างต่อเนื่องเต็มกำลัง และหากกองทุนประกันวินาศภัยได้รับเงินจากช่องทางอื่น เช่น การกู้ยืมเงินหรือออกตราสารทางการเงิน หรือหากกองทุนประกันวินาศภัยได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลหรือจากแหล่งเงินอื่น ๆ กองทุนประกันวินาศภัยจะเร่งดำเนินการ
ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัยโดยเร็วที่สุดต่อไป 


กองทุนประกันวินาศภัย

26 มีนาคม พ.ศ. 2567

ต่อยอดเชิงพาณิชย์ เพื่อการเข้าถึงและความมั่นคงของระบบสุขภาพไทย

ผนึกกำลังแบรนด์อะไหล่กว่า 20 แบรนด์ ขับเคลื่อนธุรกิจอู่รถยนต์ไทย

บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE ผู้นำตลาดเครื่องดื่มระดับแถวหน้าของเมืองไทย ประกาศ Rebranding “เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์” (Sappe Beauti Drink) แบรนด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความสวยแบรนด์แรกของไทย สู่โฉมใหม่ที่จะช่วยสะท้อนไลฟ์สไตล์ของ Gen Z ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ภายใต้ชื่อแบรนด์ “เซ็ปเป้ บิวติ” (Sappe Beauti) พร้อมเปิดตัว TVC ภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่สุดทัชใจ ชูคอนเซ็ปต์ “ความเท่าเทียมทุกความสวย” ผ่านแคมเปญทางการตลาด “สวยเรา ไม่ต้องสวยใคร” ตอกย้ำการเป็นแบรนด์เพื่อความสวยอันดับหนึ่งของไทยที่ให้คุณค่าทุกความสวยอย่างแท้จริง

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เซ็ปเป้เดินหน้าคิดค้นและพัฒนาสูตรเครื่องดื่มเซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแตกต่างด้วยการใส่นวัตกรรมรูปแบบใหม่ๆ ในเครื่องดื่ม เพิ่มคุณประโยชน์ที่หลากหลาย ในรสชาติที่อร่อย ผสานความสดชื่นอย่างลงตัว สามารถตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภคอย่างตรงจุด จึงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และยังครองความเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความสวยมายาวนานต่อเนื่อง 18 ปี

ในปีนี้ เซ็ปเป้ก้าวไปอีกขั้น สู่การเป็นแบรนด์เครื่องดื่มที่เข้าใจผู้บริโภค Gen Z ด้วยการปรับโฉม Rebranding ครั้งสำคัญจาก เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ สู่การเป็น “เซ็ปเป้ บิวติ” อย่างเป็นทางการ พร้อมต่อยอดสู่การเป็นแบรนด์เพื่อสุขภาพและความสวยที่จะตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้นในหลากมิติ โดยออกสตาร์ทด้วยแคมเปญ ‘สวยเรา ไม่ต้องสวยใคร’ ที่เจาะอินไซต์แนวความคิดของคนรุ่นใหม่ในเรื่อง Beauty Standard และภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ‘The Rejected Casts’ เพื่อเชิดชูความสวยทุกรูปแบบ ส่งเสริมให้ทุกคน สวยในเวอร์ชั่นของตัวเองอย่างเต็มที่ และสนับสนุนให้ทุกคนมองเห็นคุณค่าในตัวเอง ไม่ใช่แค่เพียงสิ่งที่สังคมต้องการให้เป็น ซึ่งเซ็ปเป้พร้อมยืนหยัดเป็นกระบอกเสียงให้ทุกคนรักตัวเอง และส่งเสริมความเท่าเทียมกันของทุกคนในสังคมอย่างยั่งยืน”

โดยแคมเปญ “สวยเรา ไม่ต้องสวยใคร” เป็นแคมเปญที่สื่อสารเพื่อเข้าถึงกลุ่ม Gen Z โดยเฉพาะ หยิบยกประเด็นร้อนในสังคมอย่างเรื่องมาตรฐานความสวย (Beauty Standard) มาบอกเล่าในมุมมองใหม่ ผ่านโปรเจค The Rejected Casts ภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่สร้างจากเรื่องจริงของกลุ่ม Gen Z หลากหลายเพศ จำนวน 7 แคสต์ ผ่านการให้สัมภาษณ์ถึงประสบการณ์ตรงและเหตุผลที่ไม่ผ่านแคสต์ติ้งงานโฆษณา ซึ่งล้วนเป็นเพราะรูปร่าง สีผิว ใบหน้า ดวงตา และรอยยิ้มที่ไม่ตรงตามพิมพ์นิยม ก่อนจะเฉลยว่าทุกคนผ่านการแคสต์งานในครั้งนี้และได้ร่วมเป็นตัวแทนความสวยในแบบฉบับของตัวเองที่ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบกับใครของแบรนด์เซ็ปเป้ บิวติ เพื่อสื่อถึงการให้คุณค่ากับทุกความสวย พร้อมฉีกค่านิยมความสวยในกรอบเดิมๆ ของสังคม ด้วยการให้โอกาสนักแสดงที่เคยถูกปฏิเสธงานมามากมาย เพียงเพราะพวกเขาสวยไม่ตรงตามมาตรฐานความสวยที่คนส่วนใหญ่ชื่นชอบ

นอกจากนี้ เพื่อให้โดนใจกลุ่ม Gen Z มากยิ่งขึ้น เซ็ปเป้ บิวติยังเปิดตัวบรรจุภัณฑ์ดีไซน์ใหม่ล่าสุด ซึ่งได้นักออกแบบชื่อดังที่กวาดรางวัลด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์มาแล้วทั่วโลก มารับหน้าที่ดีไซน์ฉลากบรรจุภัณฑ์ใหม่ทั้ง 4 รสชาติ ในคอนเซ็ปต์ “โอบกอดตัวเอง (Embrace Yourself)” ที่นำดอกไม้ที่มีความหมายสื่อถึงความรักที่ให้กับตัวเอง มาเป็นองค์ประกอบสำคัญในการออกแบบ ได้แก่ สูตรคอลลาสกิน (Collaskin) ขวดสีชมพู ใช้ดอกคาเนชั่นแทนสัญลักษณ์ของความรักอย่างบริสุทธิ์ใจ, สูตรเอส-ลิม (S-lim) ขวดสีเขียวอ่อน ใช้ดอกลิลลี่แทนสัญลักษณ์ของความรักอย่างอ่อนหวาน อ่อนโยน, สูตรบิวติท็อกซ์ (Beautitox) ขวดสีเขียวเข้ม ใช้ดอกทานตะวันแทนสัญลักษณ์แห่งความรักที่ให้กำลังใจ และสูตรบิวติ อายส์ (Beauti Eyes) ขวดสีแดง ใช้ดอกเบญจมาศแทนสัญลักษณ์ของความรักที่มีชีวิตชีวา สดใส ซึ่งช่วยสะท้อนตัวตนและความชื่นชอบของกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ในแต่ละลายจะมีการสอดแทรกรูปการ์ตูนของคนที่มีความหลากหลายทั้งรูปร่าง เพศ และสีผิวเอาไว้บนฉลาก เพื่อให้สอดคล้องกับภาพรวมของแคมเปญอีกด้วย

“เพราะความสวย คือความหลากหลาย ดังนั้น เซ็ปเป้ บิวติ จึงอยากจุดประกายมุมมองเรื่องความสวยในรูปแบบใหม่ พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคม เพื่อให้คนรุ่นใหม่มีความมั่นใจในตัวเอง มีความรักตัวเอง (Self-Love) ตลอดจนกล้าที่จะเป็นตัวเองให้เต็มที่ เพราะเราเชื่อว่าทุกคนสามารถเปล่งประกายความสวยในแบบของตัวเองได้อย่างเท่าเทียมกัน เราหวังว่าทุกคนจะเข้าถึงและชื่นชอบแคมเปญใหม่ ภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ และบรรจุภัณฑ์ใหม่ที่เราตั้งใจสร้างสรรค์ออกมาในครั้งนี้ ผ่านทุกช่องทางการสื่อสารของเซ็ปเป้” นางสาวปิยจิต กล่าวเพิ่มเติม

ร่วมเปิดใจให้กับความสวยทุกรูปแบบไปกับเครื่องดื่ม เซ็ปเป้ บิวติ ทั้ง 4 รสชาติได้แล้ววันนี้ที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ทุกสาขา และร้านค้าทั่วไปทั่วประเทศ ในราคา 20 บาท หรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ Line: @sappeonline และ Shopee: Sappe Official Store หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Sappe Beauti Drink และ Tiktok: Sappeonline

เตรียมรับเทศกาล สงกรานต์ 2567 ล่าสุด บ้านสุขาวดี สถานที่ท่องเที่ยวซอฟต์พาวเวอร์ ชื่อดังพัทยา เริ่มจัดเตรียมสถานที่ พร้อมเปิดบ้านในวันที่ 1-30 เมษายน นี้ ชวนลูกค้าทุกท่านสนุกไปกับปาร์ตี้โฟมโดยเปิดให้เล่นฟรีทุกวัน ตั้งแต่ 17:30 น.-19:30 น.

นางวรวรรณ โชติเทวัญ ผู้บริหารแห่งบ้านสุขาวดี เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลแห่งความสุขของทุกครอบครัวไทยปีนี้ บ้านสุขาวดี ตั้งใจสรรค์สร้าง ความสวยงามอลังการณ์พร้อมสืบสานวัฒนธรรมความเป็นไทยในเทศกาลสงกรานต์ เพื่อส่งมอบความสุขแก่ลูกค้าคนสำคัญทุกท่าน โดยเราเนรมิตรบ้านสุขาวดี จัดรถบุปผาชาติที่มีความงดงามตระการตาโชว์ความเป็นไทย พร้อมตัวแทนนางนพมาศ ให้ลูกค้าถ่ายรูปด้วย นอกจากนี้ยังเปิดให้ลูกค้าสามารถสักการะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านและสรงน้ำพระ พร้อมกับมีบริการชุดไทยสวยๆ ให้สามารถแต่งกายและถ่ายรูป กับบรรยากาศไทยๆ ในบ้านสุขาวดีอีกด้วย สำหรับอัตลักษณ์ประจำสงกรานต์ที่ขาดไม่ได้ คือสระน้ำใหญ่ใส่น้ำอบหอมไทย ลอยดอกมะลิ ดอกดาวเรือง อบอวลด้วยความหอม บ้านสุขาวดีก็เตรียมให้ลูกค้าได้สาดเล่นตลอดเดือนเมษายนนี้ฟรี พร้อมยังมีไฮไลท์โชว์พิเศษอันงดงามตระการตาสุดๆ จากสาวงาม และ BOY GIRL ของบ้านสุขาวดี

นอกจากนี้ เตรียมเต็มอิ่มไปกับเมนูอาหาร ที่รังสรรค์เป็นพิเศษ ที่จะขาดไม่ได้ คือเมนูกุ้งก้ามกรามตัวใหญ่จุใจ และของหวานซิกเนเจอร์ ข้าวเหนียวมะม่วงเลิศรสจากบ้านสุขาวดี ที่ใครได้ลิ้มลองเป็นต้องติดใจ

พลาดไม่ได้ตลอดเดือนเมษายนนี้เท่านั้น ให้บ้านสุขาวดีเป็นอีกหมุดหมายของทุกท่านและทุกครอบครัวในทุกช่วงโอกาสพิเศษ แล้วพบกันนะคะ

สมกับเป็น CEO หนุ่มไฟแรงจริงๆ เพราะล่าสุด "CEOคิม" สมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร แห่ง APM แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ ขึ้นแท่นรับตำแหน่ง ประธานชมรมวาณิชธนกิจ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (IB Club)คนล่าสุดแบบไร้ข้อกังขา รับไม้ต่อจากสมภพ กีระสุนทรพงษ์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ช่วยสานต่อและผลักดันให้ตลาดทุนได้เดินหน้าได้อีกแรง งานนี้สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ ครอบครัว และ พี่ๆน้องๆ APM เป็นอย่างมาก...

ประวัติ

คุณสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร

อายุ 54 ปี

การศึกษา

- ปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ สาขาการเงิน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปี 2541

- ปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ สาขาเศรษฐศาสตร์การเงิน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปี 2534

ประสบการณ์

- 2535-2537 ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), เจ้าหน้าที่สินเชื่อ ฝ่ายสินเชื่ออุตสาหกรรมการผลิตและบริการ

- 2537-2541 บริษัทหลักทรัพย์ยูเนี่ยน จำกัด, ผู้จัดการส่วนวานิชธนกิจ

- 2542 ร่วมกับ ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ก่อตั้งบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเมนท์ จำกัด

- 2564-ปัจจุบัน บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

เคทีซีชวนโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เปิดเวทีเสวนา KTC FIT TALK ครั้งที่ 11 ในหัวข้อ “กว่าจะเกษียณก็สายเสียแล้ว” กระตุกคนไทยตระหนักรู้ อย่ารีรอจนถึงวัยเกษียณ แนะวางแผนการเงินการลงทุนและสุขภาพเพื่อผลระยะยาว เริ่มต้นได้ตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป เพื่อเตรียมพร้อมสู่สังคมผู้สูงวัย แบบ Smart Health & Smart Wealth โดยดึงเหล่ากูรูแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เปิดมุมมองแบบเจาะลึก พร้อมนำเสนอสิทธิพิเศษที่เหมาะสมและมีคุณค่าสำหรับสมาชิกบัตรเคทีซี ควบคู่ผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตและสุขภาพ

ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ แพทย์ประจำศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ (VitalLife Scientific Wellness Center) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “ประเทศไทยกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) เข้าไปทุกที ซึ่งข้อมูลจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เผยว่า ในปี 2566 ประเทศไทยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปประมาณ 13  ล้านคน ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ โดยความต้องการของผู้สูงอายุจะเกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 ซึ่งเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต อันได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่มห่มและยารักษาโรค / ความต้องการความมั่นคงและความปลอดภัยในชีวิตโดยเฉพาะในเรื่องของการเงิน / ความต้องการสุขภาพกายและใจที่ดี รวมถึงการเข้าถึงระบบสาธารณสุขที่จำเป็น”

“ปัจจุบันการดูแลตัวเองแบบองค์รวมที่เน้นการดูแลทั้งสุขภาพกายและใจ กำลังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีและอยากสนับสนุนให้คนทุกวัยหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพเพื่อผลในระยะยาว เพราะการดูแลป้องกันย่อมดีกว่าการรักษา และเพื่อการเกษียณอย่างสำราญ เราควรเริ่มดูแลสุขภาพตั้งแต่ช่วงอายุ 35 เพื่อเตรียมตัว ปรับตัวให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกายและอายุที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเวชศาสตร์ชะลอวัยเป็นโปรแกรมการดูแลสุขภาพ เพื่อการมีอายุยืนยาวอย่างเยาว์วัย พร้อมปรับสมดุลของคุณภาพชีวิตได้อย่างเหมาะสม...”

นายสุวัฒน์ เทพปรีชาสกุล ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต (หมวดประกัน) “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่า บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่า “กลุ่มสมาชิกบัตรที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการวางแผนเตรียมความพร้อมทางการเงินและสุขภาพเพื่อการเกษียณอย่างมีคุณภาพ และเป็นกลุ่มมีกำลังซื้อ ซึ่งเคทีซีมองเห็นโอกาสในการร่วมส่งเสริมและสนับสนุนให้สมาชิกบัตรเครดิตมีการวางแผนชีวิตที่ดี เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงและปลอดภัยในระยะยาว โดยปัจจุบันพอร์ตของเคทีซีมีสมาชิกที่ใช้บัตรเครดิตในการซื้อและชำระเบี้ยประกันแตกต่างกันไปตามอายุ โดยช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป มีจำนวนสมาชิก 62% ของสมาชิกบัตรที่ชำระเบี้ยประกันด้วยบัตรเครดิตเคทีซี”

“ภาพรวมของการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดประกัน ยังคงมีสัดส่วนสูงเป็นอันดับหนึ่งในหมวดการใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งประกันชีวิต (Life) และประกันวินาศภัย (Non-Life) ซึ่งส่งสัญญาณให้เห็นถึงการหันมาใส่ใจในเรื่องของการวางแผนทางการเงินและสุขภาพมากขึ้น เราจึงมองหาโอกาสในการเข้าถึงคนกลุ่มใหม่ๆ และคนในวัยทำงาน เพื่ออำนวยความสะดวกให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์เพื่อการวางแผนทางการเงินและสุขภาพที่เหมาะสมในแต่ละช่วงอายุ โดยเฉพาะช่วงอายุก่อนเข้าสู่วัยเกษียณที่ต้องให้ความสำคัญ ซึ่งเคทีซีได้รวบรวมข้อเสนอและสิทธิพิเศษที่สอดคล้องกับแต่ละไลฟ์สไตล์ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งรับเครดิตเงินคืน คะแนนพิเศษ ส่วนลด และผ่อนชำระ ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจประกันชั้นนำมากมายกว่า 69 ราย”

นางภควิภา เจริญตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้า บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด มหาชน กล่าวว่า “จากจำนวนคนสูงอายุที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งค่าใช้จ่ายของคนในวัยเกษียณที่มากตามไปด้วย การเตรียมความพร้อมในการวางแผนการเงินจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยต้องตั้งเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน และถ้าหากได้เริ่มต้นเร็วก็จะเป็นหลักประกันให้กับชีวิตในวัยหลังเกษียณได้อย่างมั่นคง ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีแผนประกันที่หลากหลายสามารถออกแบบชีวิตหลังวัยเกษียณด้วยตัวเอง เช่นผลิตภัณฑ์ บำนาญ เรดดี้ หรือ ผลิตภัณฑ์ ไลฟ์ รีไทร์5 ให้คุณเตรียมความพร้อมกับการใช้จ่ายในยามเกษียณ และ ผลิตภัณฑ์ ไอเฮลท์ตี้ อัลตร้า ที่ช่วยให้คุณวางใจกับเรื่องค่ารักษาพยาบาล เพื่อให้คุณมีชีวิตยามเกษียณอย่างมีคุณภาพ”

นางสาวสิรีรัตน์ คอวนิช ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต (หมวดสุขภาพและความงาม) เคทีซีหรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แนวโน้มการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดสุขภาพและความงามเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา  และเติบโตกว่า 20% ในปี 2566 มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในหมวดสุขภาพและความงามเป็นอันดับต้นๆ และยังพบว่าสมาชิกบัตรเครดิตในแต่ละช่วงอายุมีการใช้จ่ายที่แตกต่างกัน โดยในหมวดโรงพยาบาล สมาชิกบัตรเครดิตที่เป็นกลุ่มสูงวัยที่มีช่วงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป มีสัดส่วนถึง 40% ในขณะที่หมวดความงามและกีฬาจะเป็นกลุ่มวัยกลางคนอายุตั้งแต่ 30 – 50 ปี  สมาชิกบัตรเครดิตที่มียอดใช้จ่ายในหมวดสุขภาพและความงามมีแนวโน้มเด็กลง ซึ่งนับเป็นเรื่องดีที่ในทุกช่วงวัยมีการใส่ใจในสุขภาพมากขึ้นเพื่อให้ตนเองดูดีทั้งภายในและภายนอก เคทีซีพร้อมตอบโจทย์ความต้องการของสมาชิกทุกกลุ่มทุกช่วงวัย โดยเป็นการดูแลสุขภาพแบบครบวงจรด้วยสิทธิพิเศษที่หลากหลายครอบคลุมทุกช่วงอายุ อีกทั้งได้ร่วมกับพันธมิตร

โรงพยาบาลรัฐบาลและเอกชน คลินิกเวชกรรม คลินิกทันตกรรม และร้านขายยา รวมกว่า  700 แห่งทั่วประเทศ พันธมิตรคลิกนิกเสริมความงาม ร้านนวดสปา ร้านทำผม ร้านทำเล็บ กว่า 4,000 แห่งทั่วประเทศ และพันธมิตรแบรนด์กีฬา ร้านค้ากีฬาชั้นนำ สตูดิโอฟิตเนสกว่า 500 แห่งทั่วประเทศ เพราะนอกจากการวางแผนการเงินที่ดี หรือ Smart Wealth แล้ว เราอยากเห็นคนไทย Smart Health สมาร์ทดูดี ผิวพรรณสวยงาม สุขภาพแข็งแรง เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปกับการทำทุกกิจกรรมที่ต้องการ

ภายในงานเสวนาครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจากคุณหมอแอร์ นายแพทย์อกนิษฐ์ ศรีสุขวัฒนา คุณหมอชื่อดัง ผู้ที่เป็นทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคและความผิดปกติของหัวใจ ประจำศูนย์ Health Performance Team นักไตรกีฬา นักวิ่งมาราธอนระดับแนวหน้า และยังเป็นเจ้าของธุรกิจ นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์กีฬาสำหรับนักไตรกีฬา และนักวิ่ง ในนาม Avarin (เอวาริน) มาร่วมแชร์ประสบการณ์ในเรื่องของการวางแผนทางการเงิน และการดูแลสุขภาพอีกด้วย

ขยายโอกาสทางธุรกิจครั้งสำคัญเพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน เริ่ม 25 มี.ค.- 5 มิ.ย. 67

ผุดบริการใหม่ SAVER เน้นความคุ้มค่า ใช้ AI เสริมแกร่ง-พัฒนาอีโคซิสเต็ม

Page 2 of 580
X

Right Click

No right click