December 07, 2025

พฤกษา โฮลดิ้ง (Pruksa Holding) ได้รับคะแนนเต็ม 5 คะแนนด้านการต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชัน จากการประเมินของ FTSE Russell ESG Scores 2024 พร้อมทั้งได้รับคะแนนในมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) สูงกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน และเหนือกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัทที่ได้รับการประเมินในประเทศไทยในเกือบทุกด้าน ยืนยันถึงความมุ่งมั่นของพฤกษาในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและโปร่งใส

นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การที่พฤกษา โฮลดิ้ง ได้รับการยอมรับในเรื่องการต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชันในระดับสากลจาก FTSE Russell ไม่เพียงสะท้อนถึงความทุ่มเทในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน แต่ยังเป็นการยืนยันถึงมาตรฐานที่เรายึดมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาลและโปร่งใส เรามุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความยั่งยืนในทุกมิติ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและสังคมไทย”

โดยบริษัทฯ ได้กำหนดนโยบายต่อต้านการทุจริตอย่างชัดเจน มุ่งสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดมั่นในความซื่อสัตย์และโปร่งใส นโยบายดังกล่าวประกอบด้วยการปฏิเสธพฤติกรรมการคอร์รัปชันในทุกรูปแบบ  นโยบาย No Gift Policy ไม่รับ ไม่ให้ ไม่ขอของขวัญ ของกำนัลทุกชนิด และเรายังส่งเสริมการบริหารงานที่โปร่งใส โดยใช้ระบบ Check & Balance แยกคนจัดซื้อกับคนอนุมัติไม่ให้เป็นคนเดียวกัน มีคณะทำงานในการต่อรอง เพื่อไม่ให้มีการต่อรองโดยคนใดคนหนึ่ง รวมทั้งนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการตรวจจับพฤติกรรมหรือขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง งานขาย ที่ผิดปกติ จัดตั้งช่องทางร้องเรียนที่ปลอดภัยสำหรับพนักงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ให้ความรู้และฝึกอบรมเกี่ยวกับการป้องกันการทุจริตอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีการตรวจสอบและประเมินผลนโยบายดังกล่าวเป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่านโยบายถูกปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และยังได้ร่วมเป็นภาคีในโครงการแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (Thai Private Sector Collective Action Against Corruption) หรือ CAC โดยมีการชวนคู่ค้าร่วมประกาศเจตนารมณ์ หวังขยายเครือข่ายธุรกิจตลอดทั้งซัพพลายเชนให้ปลอดจากการคอร์รัปชันอีกทางด้วย

 

สำหรับ FTSE Russell เป็นองค์กรประเมินและจัดอันดับระดับโลก (Global rater) ที่ได้รับความเชื่อถือจากนักลงทุนทั่วโลก โดยทุกวันนี้ กองทุนรวมชั้นนำใช้ข้อมูลจาก FTSE Russell คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมกว่า 15.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3 เท่าของ GDP ของประเทศไทย นอกจากนี้ FTSE Russell ยังเป็นบริษัทในเครือตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (London Stock Exchange Group: LSEG) ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำของโลก

พฤกษา โฮลดิ้งยังคงเดินหน้าส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน พร้อมยืนหยัดเป็นองค์กรต้นแบบในวงการธุรกิจไทยที่ได้รับการยอมรับในเวทีโลก

บริษัท แอล พี ซี วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด (LPC) ในเครือ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมโอกาสทางการศึกษา ให้กับพนักงานและบุตรอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 14 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2554-2567 รวมทั้งสิ้นกว่า 6,000 ทุน คิดเป็นมูลค่ากว่า 24 ล้านบาท  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการสร้างความเท่าเทียมในเรื่องการศึกษาและพัฒนาทักษะ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตสตรีด้อยโอกาส ซึ่งในปี 2567 จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 14  โดยมี นางสาวดารณี ฉัตรพิริยะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้บริหารบริษัทในเครือเป็นผู้มอบทุนการศึกษาแก่บุตรพนักงาน จำนวน694 ทุน รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 3.05 ล้านบาท  ทั้งนี้ เงินทุนการศึกษาดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากการสนับสนุนและการใช้บริการ ‘แม่บ้าน LPC’ และ ‘แจ๋วลุมพินี-บริการทำความสะอาดห้องชุด’ ของลูกค้าโครงการหมู่บ้านและคอนโดมิเนียมของ LPN และโครงการต่างๆ กว่า 300 แห่ง ทำให้บริษัทฯ สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิต และครอบครัวของพนักงานให้ดียิ่งขึ้น  ซึ่งการมอบทุนการศึกษา เป็นหนึ่งในนโยบายที่ต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพนักงานภายใต้กิจกรรม ‘แม่ดี ลูกเก่ง’ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน รวมถึงตอบแทนความทุ่มเทของพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์ ทุ่มเทใส่ใจ ในบทบาทที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมชื่นชมยินดีกับโอกาสทางการศึกษาของบุตรพนักงานทุกคนให้มีความเท่าเทียมกันในเรื่องการศึกษาที่ถือว่าเป็นพื้นฐานของการมีสังคมที่ดีต่อไปในอนาคต และขอบคุณทุกภาคส่วน ที่มีส่วนร่วมผลักดันคุณภาพชีวิตของสตรีด้อยโอกาสอย่างยั่งยืน ร่วมกับ แอล พี ซี วิสาหกิจเพื่อสังคม

สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ บริการ ‘แม่บ้าน LPC’ และ “แจ๋วลุมพินี” สามารถติดต่อได้ที่ โทร.02-689-6868  และช่องทางออนไลน์ https://www.facebook.com/lpcsocialenterprise   

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ ร่วมด้วย นายปกป้อง ยินดีผล (ขวาสุด) ผู้อำนวยการฝ่ายอสังหาริมทรัพย์และงานบริการ และ นายเบญจพล อิงคนินันท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ หัวหน้าฝ่ายบริหารเชิงกลยุทธ์ด้านสุขภาพ ได้มอบเงินบริจาคจำนวน 400,000 บาท จากกิจกรรม “AIA Vitality Virtual Challenge 2024” ให้แก่มูลนิธิรามาธิบดีฯ เพื่อนำไปสมทบทุนสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ของมูลนิธิ โดยมี นางสาวพรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ เป็นผู้แทนรับมอบ ณ สำนักงานมูลนิธิรามาธิบดีฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้

สำหรับเงินบริจาคดังกล่าวมาจากการสมัครเข้าร่วมกิจกรรมและเงินบริจาคสมทบของผู้เข้าร่วมกิจกรรม “AIA Vitality Virtual Challenge 2024” ซึ่งเป็นกิจกรรมเดิน-วิ่งสะสมระยะทางในรูปแบบออนไลน์ ทั้งแบบเดี่ยวและแบบทีม จัดขึ้นโดยเอไอเอ ไวทัลลิตี้ ในระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม – 31 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา กิจกรรมนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้สมาชิกเอไอเอ ไวทัลลิตี้ และประชาชนทั่วไปได้ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเองในรูปแบบที่ง่ายและสนุกสนาน สอดคล้องกับแนวคิด “Rethink Healthy ปรับความคิดเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น” โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 2,000 คน

ทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ และในปี 2568 นี้ เอไอเอ ยังคงเดินหน้าสานต่อความมุ่งมั่นในการส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย รวมถึงผู้คนกว่าพันล้านคนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต่อไป ตามคำมั่นสัญญา “Healthier, Longer, Better Lives -  เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น”

พรูเด็นเชียล ประเทศไทย จัดงาน “Agency Kick Off 2025: Muscle Up, Excellence Unleashed” โดยมีนายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยนายดอน จรรย์ศุภรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการพาณิชย์ และนายอนุชา ภิงคารวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบริหารตัวแทน บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย นำทีมผู้บริหารและเหล่าตัวแทนของบริษัทฯ เข้าร่วมงานโดยงานนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพ และขยายทัพตัวแทนให้เติบโตอย่างแข็งขันผ่านโครงการ PRUSmart Program ซึ่งประกอบด้วย 4 หลักสูตร ได้แก่:

  • PRUSmart Agent: หลักสูตรการขายตั้งแต่ขั้นพื้นฐานจนถึงระดับมืออาชีพ
  • PRUSmart FA: หลักสูตรที่ปรึกษาทางการเงินระดับมืออาชีพ
  • PRUSmart Leader: หลักสูตรบริหารทีมขายและขยายทีมอย่างยั่งยืน
  • PRUSmart GA: หลักสูตรสำหรับเจ้าของสำนักงานตัวแทนและที่ปรึกษาทางการเงิน

นอกจากนี้ยังมีการประชาสัมพันธ์การแข่งขันและกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งปี เช่น ABCD Club, President’s Club, MDRT Annual Meeting, PRU MDRT, Mid-Year Conference 2025 และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อเพิ่มคุณภาพในการให้บริการ และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า ณ โรงแรมเอส 31 สุขุมวิท เมื่อเร็วๆ นี้

นายอัศวิน - นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี  ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด “บิ๊กซี ฟู้ดเพลส สาขา ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า” โดยมี นางสาวบุศรา ภูธนชัย ผู้อำนวยการศูนย์การค้า ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า และ นางภัทราพร เตชะไพบูลย์ หะรินสุต กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมโบรส ไวน์ จำกัด รวมถึงคณะผู้บริหารบิ๊กซี ให้เกียรติเข้าร่วมแสดงความยินดี การเปิดตัวครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเทพมหานคร โดยสาขาดังกล่าวถือเป็นสาขาที่ 16 ของบิ๊กซี ฟู้ดเพลส

“บิ๊กซี ฟู้ดเพลส สาขา ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า” พร้อมนำเสนอบริการใหม่ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อยกระดับประสบการณ์การชอปปิงและการท่องเที่ยว ที่ตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า ประกอบด้วยโซนของฝากสำหรับนักท่องเที่ยว รวบรวมสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย, โซนเดลิก้า (Delica) คัดสรรอาหารทะเลสดใหม่ให้ลูกค้าได้เลือกสรร พร้อมบริการปรุงอาหารตามความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารคุณภาพ อาทิ ร้านข้าวแท่ง, ร้านน้ำพริก นารีนาถ และร้านขนมไทย งามศิลป์ ที่นำเสนอรสชาติไทยแท้ในบรรยากาศที่อบอุ่น ทั้งยังมีโซนไวน์ คัดสรรไวน์คุณภาพจากหลากหลายประเทศทั่วโลก โซนนี้ออกแบบมาเพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษสำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบการจับคู่ไวน์กับมื้ออาหาร

บิ๊กซี ฟู้ดเพลส สาขา ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่สำหรับการชอปปิง แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่เชื่อมโยงวัฒนธรรมไทยเข้ากับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ได้อย่างลงตัว และพร้อมยินดีต้อนรับทุกท่านสู่โลกแห่งการชอปปิงและความสุขที่ไม่มีที่สิ้นสุด โดยเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 - 21.00 น.

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ร่วมกับ ปั๊มน้ำมันบางจาก จัดแคมเปญ “เติมสบาย รับชิล ๆ” ให้กับผู้ถือบัตรเครดิต ttb และบัตรเครดิต ttb Global House ทั้งบัตรหลักและบัตรเสริม ประเภทบุคคลธรรมดา รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5% เมื่อเติมน้ำมันครบ 600 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป ที่ปั๊มน้ำมันบางจากทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2568

  • บัตรเครดิต ttb reserve infinite และบัตรเครดิต ttb reserve signature จำกัดเครดิตเงินคืนสูงสุด 30 บาท / ครั้ง สูงสุด 4 ครั้ง หรือ 120 บาท / เดือน และสูงสุด 1,440 บาท / บัญชีบัตรหลัก ตลอดรายการส่งเสริมการขาย
  • บัตรเครดิต ttb และบัตรเครดิต ttb Global House จำกัดเครดิตเงินคืนสูงสุด 18 บาท / ครั้ง สูงสุด 4 ครั้ง หรือ 72 บาท / เดือน หรือสูงสุด 864 บาท / บัญชีบัตรหลัก ตลอดรายการส่งเสริมการขาย

สามารถลงทะเบียนภายในเดือนที่ทำรายการเพื่อรับสิทธิ์ผ่านแอป ttb touch หรือส่ง SMS พิมพ์ BKC เว้นวรรค ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่ 4899777 ลงทะเบียนเพียงครั้งเดียวรับสิทธิ์ตลอดรายการ สำหรับบัตรเครดิต ttb reserve สามารถรับสิทธิ์ได้โดยไม่ต้องลงทะเบียน ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของโปรโมชัน ได้ที่ https://www.ttbbank.com/th/promotion/detail/bangchak-jan25

ทีทีบีส่งเสริมให้ลูกค้าบัตรเครดิตใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 7-16% ต่อปี เพื่อชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งในวันนี้ และอนาคต

ลองจินตนาการดูสิ ถ้าคนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาดูแลธรรมชาติ โลกใบนี้จะน่าอยู่ขึ้นแค่ไหน

การปลูกฝังให้เด็กๆตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ ถือเป็นอีกวิธีที่จะชวนพวกเขาให้มาร่วมเป็นเครือข่ายคนรุ่นใหม่หัวใจรักษ์โลกได้เข้าใจปัญหาโลกร้อนและวิธีป้องกัน

ฐานโลกรวน : โลกร้อนทำให้เกิดภัยธรรมชาติเยอะขึ้น... แต่ถ้าพวกเรารู้วิธีการป้องกันและลดผลกระทบ ก็ช่วยโลกได้นะ

ฐานขยะแปลงร่าง : ขยะที่เราทิ้งไปทุกวัน แต่บางอย่างสามารถนำกลับมาเพิ่มมูลค่าได้ เพียงแค่รู้จักแยกขยะ" 3Rs ใช้น้อย ใช้ซ้ำ นำกลับมาใช้ใหม่ เริ่มจากโรงเรียน แล้วขยายสู่ชุมชน

ฐานต้นกล้าสู่ป่าใหญ่ : จากต้นกล้าเล็กๆ วันนี้ จะกลายเป็นป่าใหญ่ในวันหน้า เพียงช่วยกันปลูกต้นไม้และเรียนรู้การอนุรักษ์ ฟื้นฟู ก็ช่วยสร้างความหลากหลายทางชีวภาพได้

ฐานความปลอดภัย : ดูแลตัวเองได้ ก็พร้อมดูแลโลกได้เหมือนกัน ปลอดภัยไว้ก่อน เพื่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม

ทั้งหมดนี้คือความมุ่งมั่นของโครงการ “ปันรู้ ปลูกรักษ์” โครงการดี ๆ จากซีพีเอฟ เพื่อสร้างเครือข่ายเยาวชนคนรุ่นใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ขยายผลจากในโรงเรียน

สู่ครอบครัว และชุมชน เพราะเราเชื่อว่า... พลังของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนโลกได้

 

เป็นเวลากว่า 1 ปีที่ SCGD เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตลอดปี 2024 ที่ผ่านมา บริษัทได้ดำเนินการตามพันธกิจเป็นผู้นำวัสดุปิดผิวและสุขภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง แม้ปีนี้จะเผชิญกับความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจ และภัยธรรมชาติที่ท้าทาย แต่บริษัทยังมุ่งมั่นเดินหน้าตามกลยุทธ์ดำเนินงาน เตรียมความพร้อมสำหรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเมื่อสถานการณ์ตลาดฟื้นตัว ส่งผลให้บริษัทยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง  มีการเติบโตที่สำคัญใน 6 ด้านหลัก ได้แก่

  1. ควบคุมต้นทุนเพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไร

บริษัทเร่งลงทุนในโครงการลดต้นทุนโดยการใช้เชื้อเพลิงทดแทน และพลังงานหมุนเวียน ส่งผลให้สามารถใช้พลังงานชีวมวลประมาณ 19% และพลังงานจากโซลาร์เซลล์ประมาณ 10% ในการผลิตทั้งหมด โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทั้งสองประเภทให้ถึง 46% และ 15% ภายในปี 2573 ตามลำดับ

  1. เพิ่มสินค้าผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มสูง รวมไปถึงการปรับปรุงไลน์การผลิตกระเบื้อง

บริษัทออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเพื่อการดำรงชีวิตที่ดีขึ้น เช่น กระเบื้องเกรซพอร์ซเลน X-Strong ที่สามารถรับน้ำหนักได้มาก และวัสดุตกแต่งพื้นผิว Paws & Play ลดอาการข้อเสื่อมของสัตว์เลี้ยง และทนต่อรอยขีดข่วนรวมถึงสุขภัณฑ์อัตโนมัติ (Smart toilet) นอกจากนี้ SCGD ได้ปรับปรุงไลน์การผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลน ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงทั้งในไทยและเวียดนาม เพราะมีคุณสมบัติที่แข็งแรง  สวยงาม อีกทั้งเปิดไลน์ผลิตวัสดุตกแต่งพื้นผิว SPC LT by COTTO ในไทย เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้ใช้งานได้สะดวกสบายขึ้นด้วยคุณสมบัติการติดตั้งง่าย และทนทาน  

 

  1. เติบโตธุรกิจสุขภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียน

บริษัทขยายตัวแทนจำหน่ายสุขภัณฑ์ในแต่ละประเทศกว่า 170 รายทั่วอาเซียนในปีนี้ อีกทั้งร่วมปรับหน้าร้านโชว์รูมของตัวแทนจำหน่ายให้สอดคล้องกับแบรนด์ของสินค้าทุกระดับ ส่งผลให้ยอดขายการส่งออกสุขภัณฑ์ไปยังอาเซียนเติบโตขึ้นอย่างมีนัยยะกว่า 500 ล้านบาท

  1. ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในอาเซียน

SCGD ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อเพิ่มการเข้าถึงตลาดและเข้าใจความต้องการลูกค้ามากขึ้น โดยในประเทศไทยได้เปิดร้าน COTTO LiFE สาขาดอนเมืองซึ่งเป็นแฟลกชิปโชว์รูม พร้อมบริการครบวงจร ส่วนในต่างประเทศ ได้เพิ่มร้าน CTM ในฟิลิปปินส์กว่า 4 สาขา  รวมทั้งเปิดร้านค้าของบริษัทแห่งแรกในประเทศเวียดนามและประเทศกัมพูชาชื่อ V-Ceramic และ OK Tiles Outlet ตามลำดับ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดวัสดุก่อสร้าง และการตกแต่งบ้านที่กำลังขยายตัว

 

  1. แบรนด์สินค้าครองใจผู้บริโภคทั้งในไทยและต่างประเทศ

SCGD ได้รับรางวัลมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ สะท้อนผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภค เช่น รางวัล “2024 THAILAND’S MOST ADMIRED BRAND” จาก BrandAge ในโอกาสที่ COTTO ได้รับรางวัลติดต่อกันเป็นปีที่ 13  รางวัลแบรนด์วัสดุปิดผิวและสุขภัณฑ์ชั้นนำ "Marketeer Number 1 Brand Thailand" รางวัลชนะเลิศ กระเบื้อง COTTO รักษ์โลกรุ่น ECO-SHIZZO ในเวที TGDA 2024 และรางวัลวัสดุก่อสร้างเพื่อสัตว์เลี้ยงดีเด่นจากบ้านและสวน รวมถึงรางวัลระดับภูมิภาคอย่าง "ASIA's Top Influential Brands Awards 2023" สุดยอดแบรนด์ระดับเอเชีย ที่ครองใจผู้บริโภคในอุตสาหกรรมและ "Asia Excellent Brand Awards 2024" ในประเทศเวียดนาม

  1. SCGD เดินหน้าสู่หุ้นยั่งยืน

ช่วงเดือนธันวาคม SCGD ได้รับการคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้เป็นหนึ่งใน "หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings" ระดับ A กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (Propcon) และ "ดัชนี SETESG" ประจำปี 2567 สะท้อนการเติบโตอย่างยั่งยืนและการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ลงทุน โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและสิ่งแวดล้อม

 

บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นรักษาพัฒนานวัตกรรมสินค้า โซลูชัน ตอบเทรนด์โลกเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ให้ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ รวมทั้งปรับปรุงกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามแผนงานระยะยาว (ปี 2025-2030) ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ยั่งยืน และลงทุนเพื่อเพิ่มรายได้เป็น 2 เท่า ตามเป้าที่ตั้งไว้ภายในปี 2030  

X

Right Click

No right click