บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้นำด้านโลจิสติกส์ของไทย และ บริษัท รอยัล คาร์โก จำกัด ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ครบวงจรของฟิลิปปินส์ ได้ลงนามในสัญญาร่วมทุน (Joint Venture Agreement) ของบริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ ฟิลิปปินส์ จำกัด โดยมี นายนิธิ ภัทรโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี และ นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด พร้อมด้วย Mr. Michael Kurt Raeuber, Chairman and Group CEO, Royal Cargo Inc และ Mr. Andrew Kurt Raeuber, President of Royal Cargo Inc. ร่วมลงนามในครั้งนี้ โดยมีนายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD ร่วมเป็นพยาน
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ ทั้ง 2 ฝ่าย มีวิสัยทัศน์ร่วมกันที่ต้องการยกระดับสู่ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์อันดับหนึ่งของอาเซียน (Third party logistics service provider -3PLs ) และให้บริการแบบ Seamless end to end logistics solution ในประเทศฟิลิปปินส์ ที่สามารถเชื่อมโยงการให้บริการที่ครอบคลุมและครบวงจรในภูมิภาคอาเซียนและจีนตอนใต้
บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ ฟิลิปปินส์ จำกัด ให้บริการนำเข้าและส่งออกสินค้า บริการพิธีการศุลกากร บริการขนส่งสินค้าภายในประเทศ บริการบริหารคลังสินค้า บริการขนส่งสินค้าข้ามเกาะภายในประเทศ รวมถึงบริการให้คำปรึกษาและวางแผนการขนส่ง เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการที่สนใจทำธุรกิจนำเข้า-ส่งออกไปยังประเทศฟิลิปปินส์ ด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญทางด้านการเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ รวมทั้งเป็นผู้นำในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนทางด้านโลจิสติกส์ จึงพร้อมดำเนินการโลจิสติกส์แบบ End-to-end solution เต็มรูปแบบ และก้าวสู่ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์อันดับหนึ่งของอาเซียน (Third party logistics service provider -3PLs ) โดยตั้งเป้ายอดขาย 154 ล้านบาท ภายในปี 2570
นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า “การร่วมมือครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจโลจิสติกส์ในฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะ บริษัท รอยัล คาร์โก จำกัด เป็นบริษัทที่มีศักยภาพและเครือข่ายด้านโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง จะช่วยสร้างฐานธุรกิจที่เข้มแข็งในประเทศฟิลิปปินส์ได้อย่างดี โดยในช่วงแรก บริษัทจะมุ่งเน้นการให้บริการในกลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้าง กลุ่มสินค้ากระดาษและบรรจุภัณฑ์ และขยายผลต่อไปยังกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มสินค้าอาหารแช่เย็นแช่แช่ง และกลุ่มสินค้าอื่นๆ ต่อไป โดยเน้นบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High value added service)”
Mr. Michael Kurt Raeuber ประธาน และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของ Royal Cargo กล่าวว่า “เรามีวิสัยทัศน์ และแผนงานร่วมกันซึ่งเป็นโอกาสสร้างการเติบโต ขยายบริการทั่วอาเซียน รวมถึงภูมิภาคออสเตรเลีย-อาเซียน โดยความร่วมมือระหว่าง SCG Logistics ร่วมกับ JWD Group และ Royal Cargo จะนำศักยภาพความเชี่ยวชาญของแต่ละฝ่ายมาช่วยยกระดับการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นความชำนาญในเรื่องบริการสำหรับสินค้าควบคุมอุณหภูมิ บริการสำหรับสินค้าอันตราย หรือ บริการนำเข้า-ส่งออก ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นอาวุธสำคัญที่จะทำให้เรากลายเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนในภูมิภาคนี้”