เอไอเอส ย้ำผู้นำอีสปอร์ตของประเทศ เดินหน้าสร้างโอกาสก้าวสู่การเป็นผู้เล่นอีสปอร์ตระดับทีมชาติให้กับคนไทย
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เตรียมก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 ของการดำเนินธุรกิจ
NTT Ltd., ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก เผยถึงการคาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีปี 2020 ใน Future Disrupted : 2020 โดยชี้แนวโน้ม 6 เทคโนโลยีสำคัญช่วยพัฒนาธุรกิจ สอดรับการพลิกโฉมและยกระดับธุรกิจสู่ยุคดิจิทัล
โดยแนวโน้มเทคโนโลยีที่สำคัญทั้ง 6 ด้าน ประกอบด้วย
เทคโนโลยีด้าน Disruptive (Disruptive Technologies)
การรักษาความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ (Cybersecurity)
รูปแบบสถานที่ทำงาน (Workplace)
โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure)
ธุรกิจ (Business)
และการบริการด้านเทคโนโลยี (Technology Services)
Ettienne Reinecke ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท NTT Ltd. คาดการณ์ว่า "การใช้เทคโนโลยีด้าน Disruptive ( disruptive technologies ) ที่จะเกิดเป็นกระแสหลักในปี 2020 โดยจะเป็นการผสมผสานระหว่างข้อมูล ระบบอัตโนมัติ และ IoT (Internet of Things) เข้าด้วยกันเพื่อสร้างการเชื่อมต่อของเมืองและสังคมให้เชื่อมโยงถึงกัน"
เอ็นทีที ยังคาดการณ์ว่า ในปี 2020 หลายสิ่งหลายอย่างที่เคยกล่าวถึงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จะมีการเชื่อมต่อกันเพื่อนำไปสู่การสร้างเมืองอัจฉริยะที่มีความชาญฉลาด รวมทั้งสร้างสภาพแวดล้อมการทำงาน และธุรกิจยุคใหม่ที่เชื่องโยงถึงกันบนพื้นฐานของความปลอดภัย
ทั้งนี้ ระบบข้อมูล เทคโนโลยีด้าน AI (Artificial Intelligence) และระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการออกแบบมาโดยตรง จะเป็นหัวใจที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของอุปกรณ์ต่างๆ ให้เชื่อมโยงและสื่อสารข้อมูลถึงกันได้ด้วยตัวเอง โดยปราศจากการควบคุมของมนุษย์ เมืองอัจฉริยะและการใช้ IoT จะกลายเป็นบรรทัดฐานในการปรับปรุงประสิทธิภาพ สร้างการเติบโต และพัฒนานวัตกรรมในทุกภูมิภาค
ที่ผ่านมา เอ็นทีที มีการควบรวมบริษัทต่างๆ ในเครือ ให้อยู่ภายใต้แบรนด์ NTT Ltd. ปัจจุบัน NTT Ltd. มีพนักงาน 40,000 คนจาก 31 แบรนด์ ซึ่งรวมทั้งบริษัท NTT Communications บริษัท Dimension Data และบริษัท NTT Security เพื่อให้บริการลูกค้ากว่า 10,000 รายทั่วโลก
การใช้ข้อมูลเชิงลึกที่รวบรวมจากฐานลูกค้าทั่วโลก ทำให้เอ็นทีทีสามารถคาดการณ์อนาคตเพื่อสร้างสรรค์โซลูชั่นด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพสูงสุดให้กับลูกค้า ทั้งนี้ รายงานการคาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีปี 2020 ใน Future Disrupted : 2020 จะช่วยให้องค์กรธุรกิจและอุตสาหกรรมเห็นทิศทางและแนวทางที่จำเป็นเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นตลอดปี 2020
“ที่ผ่านมา หลายอุตสาหกรรมมักพูดถึงเทคโนโลยีต่างๆ ทั้งระบบคลาวด์ ข้อมูล เทคโนโลยีเอไอ และระบบความปลอดภัยในมุมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ปีหน้าสิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยนไป โดยเราจะเห็นการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์มีการประมวลผลอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างสภาพแวดล้อมใหม่ ที่มีความเป็นอัจฉริยะมากขึ้น มีการเชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในสังคม" Ettienne Reinecke กล่าว
Reinecke กล่าวต่อว่า ในปี 2020 เมืองและสังคมต่างๆ ทั่วโลกจะเริ่มเดินตามรอยการพัฒนาเมืองของลาสเวกัส ซึ่งได้กลายเป็นต้นแบบของเมืองอัจฉริยะที่มีการแบ่งปันข้อมูลระหว่างภูมิภาค และสร้างการรับรู้สถานการณ์ต่างๆ ผ่านเทคโนโลยีในรูปแบบวิดีโอและเสียงด้วยการใช้เทคโนโลยี IoT บนโครงสร้างพื้นฐานที่มีความปลอดภัย ลาสเวกัสได้พัฒนาเมืองให้มีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยต่อการอยู่อาศัย มีการปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ เพื่อไปสู่เป้าหมายของการมีชีวิตที่ยืนยาว ซึ่งการพัฒนาโครงการเมืองอัจฉริยะ จำเป็นต้องอาศัยการผสมผสานเทคโนโลยีที่หลากหลาย เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์ โดยเรามองว่าการพัฒนาเมืองในรูปแบบดังกล่าวจะเป็นเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีในปีหน้า
รายงานการคาดการณ์ Future Disrupted : 2020 จัดทำและรวบรวมขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญของเอ็นทีที โดยได้ระบุแนวโน้มสำคัญใน 12 เดือนข้างหน้า รวมถึงเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทในอนาคต และขั้นตอนต่างๆ ที่ธุรกิจสามารถนำไปใช้เพื่อสร้างให้เกิดประโยชน์ตลอดปี 2020
แม้เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ช่วงที่ผ่านมากลับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างช้ากว่าที่เคยเป็นมา ซึ่งชี้ให้เห็นชัดว่า เรายังไม่มีเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่ช่วยแก้ปัญหาในสังคม ธุรกิจ หรือในชุมชน ฉะนั้นยังมีโอกาสอีกมากที่เราจะใช้เทคโนโลยีหรือเครื่องมือต่างๆ เพื่อสนับสนุนการริเริ่มสร้างนวัตกรรมในหลากหลายสาขา เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในอนาคต
เทคโนโลยีสำคัญที่เอ็นทีทีคาดว่าจะมีบทบาทในอนาคต ประกอบด้วย
รายละเอียดเกี่ยวกับแนวโน้มเทคโนโลยีในปี 2020 สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ dedicated Future Disrupted page
นายวิทยา จูงหัตถการสาธิต ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาช่องทางธุรกิจแห่งฟอร์ติเน็ตได้กล่าวเปิดงานสัมมนา “Six Dot Two – The Latest Security Fabric OS Release” ที่จัดให้กับพันธมิตรกว่า 200 ท่าน โดยในงานได้มีการเปิดตัวระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุด FortiOS 6.2 ที่เพิ่มนวัตกรรมใหม่กว่า 300 รายการให้แก่เครือข่ายผืนผ้าซีเคียวริตี้แฟบริค (Security Fabric) ของฟอร์ติเน็ต ที่ครอบคลุมเครือข่ายทั้งหมดตั้งแต่ Network Core ไปจนถึงเครือข่ายส่วนเอจ (Edge) ทั้ง IoT และ Multi-Clouds พร้อมเชื่อมต่อโซลูชั่นของผู้ให้บริการรายอื่นๆ จากกลุ่มพันธมิตร Fortinet Fabric-Ready Partner และใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การใช้อุบายเหยื่อล่อภัยใหม่ๆ (FortiDeceptor) และเทคโนโลยี AI จาก FortiGuard Labs ในการฟีดข่าวภัยคุกคาม ประสาน และให้การป้องกันแบบอัตโนมัติ สามารถมองเห็นการโจมตีแบบครอบคลุม ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ขององค์กรเอ็นเตอร์ไพร้ส์ในทุกขนาด พร้อมกันนี้ ในงาน ฟอร์ติเน็ตยังได้เปิดตัวฟอร์ติเกตไฟร์วอลล์เน็กซ์เจเนอเรชั่นรุ่นใหม่สำหรับองค์กรขนาดกลาง FortiGate 100F, 400F, 600F อีกด้วย
นายจอห์น แมดิสัน รองประธานอาวุโส ฝ่ายผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น แห่งฟอร์ติเน็ตกล่าวว่า "ฟอร์ติเน็ตประกาศศักยภาพการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโซลูชั่นความปลอดภัยเครือข่ายอีกครั้งด้วยความสำเร็จในการผสมผสานเทคโนโลยี SD-WAN ที่ดีที่สุด