พร้อมเปิดตัวสมาร์ทชาร์จเจอร์ตอบโจทย์ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า

เฟ้นหาสุดยอดนักรบไซเบอร์รุ่นใหม่จาก 2,323 คน จัดเต็มที่สุดในไทยและอาเซียน

ราคาเพียง 17,990 บาท พร้อมขยายโปรแจกของแถมถึง 31 ตุลาคม 2566

หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ประกาศเตรียมเปิดตัว HUAWEI WATCH GT 4 Series ในประเทศไทยในวันที่ 5 ตุลาคม 2566 หลังจากประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามจากการเปิดตัวล่าสุดในยุโรปและประเทศจีน สำหรับสมาร์ทวอทช์เรือธงอย่าง WATCH GT Series เจเนอเรชันใหม่นี้ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ "Fashion Forward " แสดงถึงวิสัยทัศน์อันมุ่งมั่นของหัวเว่ยในการรวมเทคโนโลยีและแฟชั่นเข้าด้วยกัน นับเป็นการประกาศสู่ยุคใหม่ของแฟชั่นสมาร์ทวอทช์ตอบโจทย์ทั้งการดูแลสุขภาพ การเล่นกีฬา ที่ยังคงมีดีไซน์แมทช์เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้สวมใส่ได้อย่างลงตัว

ดีไซน์เด่น มีสไตล์สะกดทุกสายตา

หัวใจสำคัญของปรัชญาการออกแบบของหัวเว่ยคือความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการ “ออกแบบที่มีจุดมุ่งหมาย” ซึ่งมีรากฐานและแนวทางที่คำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง HUAWEI WATCH GT 4 เป็นตัวแทนของผู้นำด้านแฟชั่นที่โดดเด่น ยกระดับการดีไซน์จาก GT Series แบบคลาสสิก เน้นองค์ประกอบการออกแบบที่สร้างสรรค์ในขณะที่ยังคงรักษาความสวยงามทางเรขาคณิตสมัยใหม่จากดีไซน์ของรุ่นก่อน

อุปกรณ์สวมใส่แต่ละชิ้นกลายเป็นไอเทมที่โดดเด่นเติมเต็มสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของผู้ใช้  หัวเว่ยพัฒนาประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทวอทช์อย่างต่อเนื่องผ่านการใช้วัสดุคุณภาพสูงที่ทนทาน และการเพิ่มตัวเลือกให้เหมาะกับสไตล์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น

ตอบสนองทุกความต้องการด้านแฟชั่น

HUAWEI WATCH GT 4 Series มาพร้อมขนาด 46 มม. และ 41 มม. สะท้อนถึงงานฝีมือที่พิถีพิถันในทุกรายละเอียด ดีไซน์รูปลักษณ์ใหม่รวบรวมความสง่างามและศิลปะทางเรขาคณิต โดยคำนึงถึงความสะดวกสบายสูงสุดของผู้สวมใส่ อีกทั้งผลิตด้วยวัสดุระดับพรีเมียมและรูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นโลหะอย่างมีสไตล์ การออกแบบนี้เน้นย้ำถึงประสบการณ์ของผู้ใช้ โดยผสานสมาร์ทวอทช์เข้ากับชีวิตประจำวันได้อย่างราบรื่น สะท้อนหลักการของความสมดุล ความกลมกลืน และการออกแบบที่สร้างสรรค์

ประสบการณ์ผู้ใช้ได้รับการยกระดับด้วยหน้าจอแบบ Always-On Display (AOD) ที่ได้รับการพัฒนาช่วยเพิ่มความสวยงามของการมองเห็น พร้อมด้วยหน้าปัดนาฬิกาที่มีสไตล์และปรับแต่งได้หลากหลายสำหรับการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ ด้วยตัวเลือกจากดีไซน์ใหม่ 12 แบบ และตัวเลือกจากนักพัฒนาบุคคลที่สามกว่า 25,000 แบบ บน HUAWEI Watch Face Store เปิดประตูสู่ความสร้างสรรค์ที่เป็นไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าจะจับคู่กับชุดสูทธุรกิจที่หรือชุดลำลองสำหรับการไปเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์ สมาร์ทวอทช์เรือนนี้สามารถปรับได้อย่างง่ายดาย ช่วยเพิ่มรูปลักษณ์โดยรวมของผู้สวมใส่ให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น

HUAWEI WATCH GT 4 ขนาด 46 มม. เท่ไม่เหมือนใครกับตัวเรือนทรงแปดเหลี่ยม

ด้วยแรงบันดาลใจจากความแม่นยำของการเจียระไนเพชรที่แวววาวและไดนามิกของการออกตามหลักแอโรไดนามิกที่พบในรถยนต์สมรรถนะสูง ทำให้ HUAWEI WATCH GT 4 ในดีไซน์ขนาด 46 มม. ก้าวข้ามขีดจำกัดของสมาร์ทวอทช์แบบเดิมๆ

HUAWEI WATCH GT 4 ขนาด 46 มม. นำเสนอการออกแบบรูปทรงเรขาคณิตโดยใช้ตัวเรือนนาฬิกาทรงแปดเหลี่ยมซึ่งเป็นรูปทรงที่นำความชัดเจนทางเรขาคณิตและความสมมาตรมาสู่นาฬิกา ขณะเดียวกันก็สร้างรูปลักษณ์ที่โดดเด่นสะดุดตา การออกแบบหน้าปัด “แปดเหลี่ยม” อันเป็นเอกลักษณ์นี้เพิ่มสัมผัสถึงความแข็งแกร่งนอกเหนือจากดีไซน์ทรงกลมคลาสสิก ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่แข็งแกร่งและทนทาน ทำให้นาฬิกาเป็นที่จดจำได้ทันทีและเป็นสัญลักษณ์ซึ่งบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ของผู้สวมใส่

HUAWEI WATCH GT 4 ขนาด 41 มม. รูปทรงจี้เครื่องประดับอันหรูหรา

ในขณะเดียวกัน HUAWEI WATCH GT 4 ขนาด 41 มม. เป็นตัวอย่างการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างแฟชั่นและความสง่างาม ด้วยรูปทรงจี้ที่ออกแบบเพื่อยกระดับให้กลายเป็นเครื่องประดับที่โดดเด่น ความงดงามที่โฉบเฉี่ยวและประณีตเป็นผลจากงานฝีมือที่พิถีพิถันซึ่งปรับแต่งให้เข้ากับสไตล์เฉพาะตัวของผู้สวมใส่ได้อย่างลงตัว

การออกแบบลักษณะคล้าย “จี้” อันหรูหราตรงขานาฬิกาเสริมด้วยพื้นผิวส่วนโค้งรับเข้ากับดีไซน์ปุ่มควบคุม สายนาฬิกา และตัวเรือนนาฬิกาได้อย่างงดงาม การออกแบบนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการผสมผสานรูปแบบและฟังก์ชันที่ไร้รอยต่อสะท้อนถึงสไตล์ที่เหนือกาลเวลา

นอกจากนี้การออกแบบจี้บนกรอบด้านนอกยังช่วยเพิ่มสัมผัสพิเศษของความซับซ้อนและความแวววาว ไม่เพียงแต่เสริมรูปลักษณ์ที่ทันสมัยของนาฬิกาแต่ยังให้รูปลักษณ์ระดับไฮเอนด์ที่ทันสมัยอีกด้วย

สีสันอันเป็นเอกลักษณ์ที่ออกแบบมาเพื่อดึงดูดสายตา

HUAWEI WATCH GT 4 series ขนาด 46 มม. และ 41 มม. มาพร้อมตัวเลือกสีที่แตกต่างกัน รวมทั้งตัวเรือนสเตนเลสสตีลอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้นอย่างปราณีตด้วยความใส่ใจในรายละเอียด เพื่อมอบนาฬิกาเฉพาะบุคคลที่เหมาะกับรสนิยมและความชอบที่หลากหลาย

HUAWEI WATCH GT 4 ขนาด 46 มม. มีให้เลือก 4 สี  ได้แก่ สีเทาพร้อมสายสแตนเลสในตัว สีเขียวพร้อมสายแบบทอสีเขียว สีน้ำตาลพร้อมสายหนังสีน้ำตาล และสีดำพร้อมสายฟลูออโรอีลาสโตเมอร์สีดำ ในขณะที่ HUAWEI WATCH GT 4 ขนาด 41 มม. มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเงินพร้อมสายข้อมือเปียโนคีย์ทูโทน สีขาวพร้อมสายหนังสีขาว และสีดำพร้อมสายรัดฟลูออโรอีลาสโตเมอร์สีดำ โดย HUAWEI WATCH GT 4 แต่ละรุ่นนำเสนอการผสมผสานที่หรูหราระหว่างสไตล์ ความสะดวกสบาย และนวัตกรรม

HUAWEI WATCH GT 4 series มีให้เลือกมากมายเพื่อให้เหมาะกับทุกโอกาสและกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว ตั้งแคมป์ดูดาว เดินป่าบนยอดเขา ไปจนถึงดินเนอร์สุดหรูก็ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์องคุณได้อย่างลงตัว

การบูรณาการรูปแบบและฟังก์ชันอย่างกลมกลืน

เสน่ห์ของ HUAWEI WATCH GT 4 series มีมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งรวบรวมจิตวิญญาณของนาฬิกาคลาสสิกไปพร้อมๆ กับการมอบฟังก์ชันการทำงานที่ล้ำสมัย อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานถึง 14 วัน[1]ในรุ่น 46 มม. และ 7 วัน[2]ในรุ่น 41 มม.  HUAWEI WATCH GT 4 ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความทนทานและความยืดหยุ่น ไม่ถูกจำกัดด้วยข้อจำกัดของอายุการใช้งานแบตเตอรี่อีกต่อไป แต่ยังช่วยให้ผู้สวมใส่ได้ใช้งานต่อเนื่องเดินทางออกไปทำกิจกรรมที่จะปลดปล่อยความเป็นคุณได้อย่างเต็มที่

อีกทั้งพัฒนาด้านคำแนะนำทางกีฬาและคุณสมบัติด้านสุขภาพแบบมืออาชีพ โดยอัปเกรดเทคโนโลยีการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจขณะออกกำลังกาย TruSeen™ 5.5+ ให้มีการอ่านค่าที่แม่นยำยิ่งขึ้นและการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับการวัดทางสรีรวิทยาของผู้สวมใส่

เพื่อให้สอดคล้องกับการให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีมากขึ้น HUAWEI WATCH GT 4 series จึงมีมากกว่า 9 หมวดหมู่และแผนการฝึกอบรมทางวิทยาศาสตร์ส่วนบุคคลมากกว่า 200 รายการ ดาวน์โหลดใช้งานได้สะดวกและฟรีผ่านแอป HUAWEI Health App ซึ่งออกแบบมาเพื่อยกระดับการออกกำลังกายของผู้ใช้งาน

ไม่ว่าจะเป็นการปั่นจักรยาน โยคะกลางแจ้ง HUAWEI WATCH GT 4 Series มาพร้อมกับฟีเจอร์อัจฉริยะมากมาย เป็นเพื่อนร่วมทางปลุกแรงบันดาลใจให้คุณก้าวข้ามขีดจำกัดและปลดล็อคความนักกีฬาภายในตัวคุณ  อีกทั้งมีโหมดกีฬาที่หลากหลายมากกว่า 100 โหมดและครอบคลุมประเภทการออกกำลังกายมากขึ้น รวมถึงโหมดแบบกำหนดเองที่เพิ่มเข้ามาใหม่ 4 โหมดสำหรับฟุตบอล บาสเก็ตบอล พาเดลเทนนิส และอีสปอร์ต พร้อมด้วยโหมดกีฬามืออาชีพอีก 19 โหมดซึ่งรวมถึงการเดินในร่มและกลางแจ้ง วิ่ง โยคะ ปั่นจักรยาน และว่ายน้ำ

เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการออกกำลังกาย HUAWEI WATCH GT 4 Series มาพร้อมกับความสามารถในการพัฒนาการติดตามสุขภาพ เช่น การแจ้งเตือนการออกกำลังกายรายวัน เพื่อช่วยให้ผู้ใช้บรรลุเป้าหมายในการออกกำลังกายและปลูกฝังนิสัยการใช้ชีวิตที่แอคทีฟ คุณสมบัติ วงแหวนกิจกรรม (Activity Rings) ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อยกระดับการติดตามกิจวัตรประจำวันไปอีกระดับ

การพัฒนาระบบนำทางด้วยดาวเทียม GNSS อัจฉริยะใหม่ล่าสุดใน HUAWEI WATCH GT 4 Series เพื่อวางตำแหน่งที่มีความแม่นยำสูงแบบ Dual-Band รองรับดาวเทียม 5 ระบบ ที่จะติดตามทุกการเคลื่อนไหวของผู้ใช้งานเพื่อเป้าหมายในการมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงยิ่งขึ้น

รองรับฟีเจอร์ใช้งานใหม่ล่าสุด การส่งข้อความและการตอบกลับอย่างรวดเร็ว รวมถึงแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามที่เปิดใช้งานเพื่อเข้าถึงเพลง การนำทาง และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้สะดวกและชาญฉลาด ยิ่งไปกว่านั้น HUAWEI WATCH GT 4 สามารถจับคู่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ iOS และ Android ได้ ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้แน่ใจว่าความเป็นส่วนตัวและข้อมูลของคุณได้รับการปกป้องตลอดเวลา ทำให้ผู้ใช้อุ่นใจในการเข้าถึงเทคโนโลยีชั้นนำของอุตสาหกรรม

ดึงไอคอนระดับโลกปฏิวัติวงการสมาร์ทวอทช์หัวเว่ย

ด้วยการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างกีฬาและแฟชั่น Pamela Reif ผู้มีอิทธิพลด้านฟิตเนสและไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลก รวมถึง Sir Mo Farah ตำนานการวิ่งและผู้ชนะเลิศเหรียญทองหลายรายได้รับการเสนอชื่อให้เป็น HUAWEI Wearable Product Ambassadors

HUAWEI WATCH GT 4 Series เป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นล่าสุดที่ยึดหลักการออกแบบเชิงเรขาคณิตระดับพรีเมียม “Classics Evolved” แสดงออกถึงการผสมผสานเสน่ห์แห่งประเพณีเข้ากับความทันสมัยที่ไร้ขีดจำกัดของรูปแบบและฟังก์ชันเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน

เตรียมพบกับการเปิดตัวในประเทศไทยพร้อมโปรโมช้นอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้ได้ที่นี่  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อสินค้า คอมมิวนิตี้ และบริการ ง่ายๆ ในคลิกเดียว เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My HUAWEI ใน AppGallery และติดตาม  HUAWEI Mobile TH 


[1] อิงตามผลลัพธ์จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการของ Huawei การใช้งานจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความคลาดเคลื่อนระหว่างรุ่น พฤติกรรมการใช้งาน และปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม

[2] อิงตามผลลัพธ์จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการของ Huawei การใช้งานจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความคลาดเคลื่อนระหว่างรุ่น พฤติกรรมการใช้งาน และปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม

AIS ผู้นำเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทยและหัวเว่ย ได้ทำการทดสอบระบบโครงข่าย 5G ในรูปแบบ RedCap เชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรกในจังหวัดกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ซึ่งผลการทดสอบสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี โดยเป็นการทดสอบบนเครือข่ายพาณิชย์บนคลื่นความถี่ 700MHz และ 2600MHz และใช้อุปกรณ์เทอร์มินัลของ RedCap หลากหลายประเภท รวมถึงเครื่อง DTU (อุปกรณ์ส่งข้อมูล) และกล้องต่าง ๆ โดยมีการทดสอบการทำงานทั้งในด้านความเร็วสูงสุดในการดาวน์โหลดและอัปโหลด ประสิทธิภาพการทำงานขณะการเคลื่อนที่ การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ RedCap กับอุปกรณ์ eMBB ซึ่งผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าทั้งเครือข่าย 5G ของ AIS และอุปกรณ์เทอร์มินัลของ RedCap สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่คาดการณ์ไว้ ถือเป็นก้าวสําคัญในการนำเทคโนโลยี RedCap ไปใช้งานในเชิงพาณิชย์

5G RedCap นั้นถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อการใช้งานกับแอปพลิเคชันประเภท IoT ทั้งการใช้งานในความเร็วระดับกลางและความเร็วสูง เช่น เซ็นเซอร์ในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ และกล้องวงจรปิด โดยเป็นการลดความซับซ้อนของระบบเครือข่ายแบบ Baseband อุปกรณ์ส่งสัญญาณ และเสาอากาศ โดยเทคโนโลยี RedCap นี้มีต้นทุนที่ต่ำกว่าและใช้พลังงานน้อยกว่าอุปกรณ์ 5G ประเภท eMBB เป็นอย่างมาก ซึ่งหากนำไปเทียบกับระบบ 4G แบบ CAT4 UEs แล้ว เทคโนโลยี RedCap ยังสามารถรักษาคุณสมบัติพื้นฐานของเทคโนโลยี 5G เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการส่งข้อมูลจำนวนมาก และค่าความหน่วงที่ต่ำ นอกจากนี้ RedCap ยังสนับสนุนคุณสมบัติหลัก ๆ สำหรับภาคธุรกิจด้วย เช่น เทคโนโลยี Network Slicing และการระบุตําแหน่ง

นายวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจงานปฎิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศของ AIS กล่าวว่า “นอกจากการพัฒนาด้านการบริการเพื่อคุณภาพที่ดีที่สุด เรายังพร้อมนำนวัตกรรมใหม่ล่าสุดเข้ามายกระดับเทคโนโลยี 5G ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในพันธกิจของเราที่ต้องการช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคตอย่างยั่งยืน และนี่เองที่ทำให้เราเดินหน้าผสานความร่วมมือทำงานกับพาร์ทเนอร์ระดับโลกอย่างหัวเว่ย ในการยกระดับโครงข่าย 5G ของประเทศไทยให้มีมาตรฐานระดับโลก และเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของเราในการก้าวไปสู่ Cognitive Tech-Co (การเพิ่มความอัจฉริยะลงไปในบริการหรือลงไปในโซลูชัน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า)"

เราประสบความเร็จในการทดสอบความสามารถของเทคโนโลยี 5G ในหลากหลายรูปแบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทั้งคลื่นความถี่ 2600MHz และ 700MHz ของ AIS นั้นสามารถมอบประสบการณ์การใช้งานเหนือระดับให้แก่ผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี และ AIS ยังคงตั้งเป้าหมายพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยีรวมถึงแอปพลิเคชันต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและเพิ่มประสิทธิภาพของภาคการผลิต เทคโนโลยี RedCap นั้นถือเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยี 5G ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายจากอุปกรณ์ของ 5G ได้ถึงร้อยละ 70 รวมถึงจะช่วยเร่งให้เกิดการนำ 5G ไปประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรมให้รวดเร็วขึ้นอีกด้วย โดย AIS จะยังคงเดินหน้าร่วมมือกับหัวเว่ย และพันธมิตรในอุตสาหกรรม เพื่อร่วมกันหาวิธีที่จะนำเทคโนโลยี RedCap มาใช้ในการควบคุมการทำงานในภาคอุตสาหกรรม การใช้งานในภาคการผลิตพลังงาน สมาร์ทซิตี้ อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ และด้านอื่น ๆ ในอนาคต

ซึ่งหัวเว่ยกล่าวว่า “RedCap เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่จะเพิ่มศักยภาพให้กับเครือข่าย 5G และยังสามารถนําไปประยุกต์ใช้ได้ในหลากหลายรูปแบบ โดยหัวเว่ยจะเดินหน้าร่วมมือกับ AIS ในการร่วมกันสร้างเครือข่าย 5G คุณภาพสูง ผ่านความร่วมมือทางด้านนวัตกรรม ร่วมสร้างแอปพลิเคชันด้าน 5G ใหม่ ๆ กับพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรม และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในประเทศไทยต่อไป”

X

Right Click

No right click