

ธนาคารกสิกรไทยประกาศแต่งตั้ง นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย และนางสาวจิตสุภา วัชรพล เข้าเป็นคณะกรรมการธนาคาร ประเภทกรรมการอิสระ มีผลตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การแต่งตั้ง นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย และนางสาวจิตสุภา วัชรพล เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างลงในคณะกรรมการ ทำให้ธนาคารมีจำนวนกรรมการครบ 15 คน ตามข้อบังคับของธนาคาร และส่งเสริมหลักการกํากับดูแลกิจการที่ดีตามมาตรฐานสากล รวมทั้งกรรมการทั้ง 2 ท่านจะนำประสบการณ์ ทักษะความรู้ความสามารถโดยตรงของแต่ละท่านมาเสริมความแข็งแกร่งของคณะกรรมการในการดูแลขับเคลื่อนการดำเนินงาน เพิ่มความแข็งแกร่งของธนาคารเพื่อส่งมอบยุทธศาสตร์ K-Strategy พร้อมรับมือกับโอกาสและความท้าทายในอนาคตภายใต้สภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และเคยดำรงตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการประเทศไทย สภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน รวมทั้งประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย เป็นผู้มีประสบการณ์ทางธุรกิจอย่างกว้างขวาง ทั้งในด้านวิศวกรรม การบริหารจัดการการค้า และธุรกิจระหว่างประเทศ รวมทั้งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโต และเป็นผู้นำในการส่งเสริมนวัตกรรมที่ยั่งยืน เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ นายฉัตรชัยสำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมเคมี จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
นางสาวจิตสุภา วัชรพล ปัจจุบันดํารงตําแหน่ง กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บจก.ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ และ บจก.เทรนด์ วี จี 3 (ไทยรัฐทีวี และไทยรัฐออนไลน์) และกรรมการ มูลนิธิไทยรัฐ เป็นผู้นํารุ่นใหม่จากภาคธุรกิจสื่อที่เข้าถึงผู้บริโภค มีประสบการณ์ด้านการบริหารสื่อชั้นนำของประเทศไทย รวมทั้งขับเคลื่อนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงสู่สื่อยุคดิจิทัล นอกจากนี้ ยังเป็นผู้นำองค์กรด้านการขับเคลื่อนเรื่องการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน นางสาวจิตสุภาสำเร็จการศึกษาด้านการบริหารธุรกิจสาขาการตลาด จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และด้าน Integrated Marketing จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
ดร.พิพัฒน์พงศ์ โปษยานนท์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เป็นผู้แทนธนาคารรับมอบ 2 รางวัลระดับประเทศและระดับโลก ได้แก่ 1. รางวัล Best Online Trade Facilitation Solution in Thailand จากนิตยสาร Alpha South East Asia 2. รางวัล The World’s Best Trade Finance Providers 2025 – Thailand จากนิตยสาร Global Finance ซึ่งธนาคารได้รับต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านดิจิทัลเพื่อธุรกิจการค้าระหว่างประเทศที่พร้อมเคียงข้างลูกค้าในทุกสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจลูกค้าด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกรรมระหว่างประเทศ ทั้งในมิติของความสะดวก ความปลอดภัย และความแม่นยำ โดยเฉพาะการพัฒนาแพลตฟอร์ม K BIZ และ K-Connect Intertrade (KCIT) ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถโอนเงินและดำเนินธุรกิจนำเข้า-ส่งออกได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านระบบดิจิทัลแบบครบวงจร
อีกทั้งธนาคารยังคงเดินหน้าปรับใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะอย่าง AI, Robotic Process Automation (RPA) และ Optical Character Recognition (OCR) เพื่อยกระดับกระบวนการทำงานให้เป็นระบบอัตโนมัติ เพิ่มความรวดเร็วและลดความซับซ้อนในการบริการลูกค้า ในขณะเดียวกัน ยังร่วมพัฒนานวัตกรรมใหม่ร่วมกับพันธมิตรในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการทดลองใช้ Digital Currency สำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศ หรือการสร้าง Trade Digital Platform เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของธุรกรรมระหว่างประเทศของไทยให้พร้อมสู่อนาคต
บลจ.กสิกรไทย ปักหมุดต้นเดือนพฤษภาคมนี้ เตรียมเปิดเสนอขาย ThaiESGX 2 กองทุน 2 ทางเลือก ทั้งรูปแบบลงทุนในหุ้น 100% และแบบผสม 70/30 ในหุ้นและตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน เน้นหุ้นไทยที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูง สนับสนุนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน พร้อมได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
นายวิน พรหมแพทย์, CFA ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย เตรียมพร้อมเสนอขาย 2 กองทุนน้องใหม่ Thai ESGX ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2568 โดยมีทั้งรูปแบบที่เน้นลงทุนในหุ้นไทย 100% และแบบผสม 70/30 ในหุ้นไทยและตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน เพื่อตอบโจทย์ผู้ลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนจากหุ้นไทยที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด โดยพิจารณาคัดเลือกบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลการดำเนินงานมั่นคง มีรายได้และกำไรที่ไม่ผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อสนับสนุนการลงทุนอย่างยั่งยืน
นายวินกล่าวต่อไปว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาต่อเนื่อง ส่งผลให้หุ้นหลายตัวมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ที่สูงขึ้น โดยปัจจุบัน Dividend Yield ของ SET อยู่ที่ 4.4% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 15 ปีที่ผ่านมาที่ 3.2% ยิ่งกว่านั้น SET High Dividend ซึ่งเป็นดัชนีที่สะท้อนหุ้นกลุ่มที่มีอัตราจ่ายปันผลสูงต่อเนื่อง ปัจจุบันมีอัตราจ่ายปันผลเฉลี่ยสูงถึง 5.6% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 15 ปีย้อนหลังที่ 4.2% โดยบทวิจัย KAsset Capital Market Assumptions (KCMA) คาดว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นไทยในอนาคตนั้น จะมาจากอัตราปันผลที่สูงขึ้นเป็นหลัก โดยสนับสนุนจากการที่ 3 อุตสาหกรรมใหญ่สุดของ SET ได้แก่ พลังงาน ธนาคาร และสื่อสาร คิดเป็น 44% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดนั้น ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงเติบโตเต็มที่ (Mature Stage) ที่ความต้องการใช้เงินลงทุนเพื่อขยายกิจการชะลอลงจากช่วง 15 ปีก่อน ทำให้มีความสามารถจ่ายปันผลได้สูงขึ้น
“บลจ.กสิกรไทย ประเมินผู้ที่จะเข้ามาลงทุนในกองทุน Thai ESGX ออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1) ผู้ที่มีฐานภาษีในระดับสูงเกิน 20% และมองเห็นโอกาสในการเข้าลงทุนเมื่อดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาในระดับที่น่าสนใจ และ 2) ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมในกองทุน LTF ซึ่งกองทุน LTF จากกสิกรไทย มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกว่า 58,000 ล้านบาท โดยคาดการณ์ว่าผู้ที่มีเงินลงทุนใน LTF น้อยกว่า 500,000 บาท จะพิจารณาสับเปลี่ยนมาลงทุนในกองทุน Thai ESGX เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจจากหุ้นปันผลสูง” นายวินกล่าว
นายวินกล่าวเพิ่มเติมว่า บลจ.กสิกรไทย มีความพร้อมและศักยภาพในการบริหารจัดการกองทุน Thai ESGX การันตีได้จากทีมงานผู้เชี่ยวชาญและประสบการณ์อันยาวนาน เพื่อมุ่งหวังที่จะเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาวอย่างยั่งยืนให้กับผู้ลงทุน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถซื้อ และ/หรือ สับเปลี่ยนจาก LTF มายังกองทุน Thai ESGX ได้สะดวกและปลอดภัยผ่าน App K PLUS และ K-My Funds สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888
กลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมทางการเงินและเทคโนโลยีดิจิทัล เข้าร่วมงาน Money 20/20 Asia ซึ่งเป็นงานสัมมนาด้านฟินเทคระดับโลก จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 - 24 เมษายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีธนาคารระดับโลกและภูมิภาค บริษัทผู้ให้บริการด้านการชำระเงินระดับโลกและเอเชีย ผู้นำด้านเทคโนโลยี นักลงทุนและกลุ่มบริษัทร่วมทุน สตาร์ทอัพ หน่วยงานกำกับดูแลชั้นนำของเอเชีย และมีเดียแพลตฟอร์มมากมายที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ โดยผู้บริหารธนาคารกสิกรไทยได้ร่วมแบ่งปันวิสัยทัศน์และมุมมองเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมการเงินในยุคดิจิทัล พร้อมเปิดตัว ออร์บิกซ์กรุ๊ป ให้บริการที่ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Ecosystem) ในประเทศไทย ถือเป็นกลุ่มธุรกิจทางการเงินที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ครอบคลุมที่สุด เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ธุรกิจที่ตอบโจทย์อนาคตภายใต้กลุ่มออร์บิกซ์

ผู้นำธนาคารกสิกรไทยบนเวทีระดับโลก
นายพิพิธ เอนกนิธิ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า งาน Money20/20 มหกรรมงานฟินเทคชั้นนำระดับโลก ซึ่งกรุงเทพฯ ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานเป็นครั้งที่ 2 เนื่องจากเป็นเมืองศูนย์กลางการเติบโตของฟินเทคในเอเชียที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยได้ขึ้นร่วมเสวนาในหัวข้อ "Legacy Banks in the New Economy: Innovation, Agility, and Customer-Centric Transformation" การพลิกโฉมธนาคารดั้งเดิมในยุคเศรษฐกิจใหม่ ด้วยนวัตกรรม ความคล่องตัว และการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยได้แสดงวิสัยทัศน์ของธนาคารกสิกรไทย มุ่งสร้างอนาคตการเงินด้วยนวัตกรรมและพันธกิจเพื่อความยั่งยืน ด้วยการปรับตัวก้าวข้ามทุกวิกฤตสู่การเป็น Early Adopter อย่างแท้จริง ด้วยความสำเร็จจาก K PLUS โมบายแบงกิ้งที่ครองอันดับหนึ่งดิจิทัลแบงก์กิ้งที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ ธนาคารยังเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ความร่วมมือกับพันธมิตร และการพัฒนาแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าในทุกมิติ สอดคล้องกับทิศทางของยุคเศรษฐกิจใหม่ และสร้างนวัตกรรมทางการเงินในโลกบล็อกเชน เชื่อมโยงกลยุทธ์ทั้งด้านสินทรัพย์ดิจิทัล และ ESG เพื่อขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืน

ขณะที่ นายวศิน วณิชย์วรนันต์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย ได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ "Digital Banks vs. Legacy Banks: Will 2025 Be the Tipping Point?" การแข่งขันระหว่างธนาคารดิจิทัล และธนาคารดั้งเดิม ผ่านมุมมองของผู้นำองค์กรการเงินระดับโลก โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้ ธนาคารดั้งเดิมสามารถรักษาความสำคัญและแข่งขันกับธนาคารดิจิทัลได้โดยการปรับตัวเป็น Hybrid Bank ผสมผสานระหว่างความแข็งแกร่งดั้งเดิม เช่น ความน่าเชื่อถือและความสัมพันธ์กับลูกค้า กับการพัฒนา ประสบการณ์ดิจิทัลที่ทันสมัย และการจับมือเป็นพันธมิตร เพื่อเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ ส่วนกลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ การลงทุนในนวัตกรรม ปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร รวมถึงการใช้จุดแข็งด้าน Human Touchpoints เพื่อสร้างความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย ขับเคลื่อนให้ลูกค้าใช้ชีวิตและทำธุรกิจได้ทุกที่ ทุกเวลา ด้วยบริการที่ครบวงจร สอดรับกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล พร้อมต่อยอดจากธุรกิจธนาคารสู่ระบบนิเวศทางการเงินยุคใหม่ เช่น การจัดตั้งกลุ่มธุรกิจทางการเงินเพื่อรองรับ Digital Asset Ecosystem และ การให้บริการที่ครบวงจร เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในโลกการเงินยุคใหม่

ทั้งนี้ ดร.กรินทร์ บุญเลิศวณิชย์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย ยังได้แถลงข่าวเปิดตัว กลุ่มออร์บิกซ์ อย่างเป็นทางการ พร้อมแสดงวิสัยทัศน์การให้บริการที่ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญในการวางรากฐานให้กับอนาคตของวงการการเงินไทย ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัยน่าเชื่อถือสอดคล้องตามเกณฑ์จากหน่วยงานกำกับดูแลภายในประเทศ และเข้าถึงได้จริง สำหรับทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน ออร์บิกซ์กรุ๊ป ตั้งเป้าขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัลของภูมิภาค
ดร.กรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การให้บริการที่ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลนี้จะเป็นพลังขับเคลื่อนในการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม และสร้างความเชื่อมั่นอย่างยั่งยืนให้กับนักลงทุน โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อปูทางสู่ระบบการเงินดิจิทัลที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะยาวของประเทศ
สำหรับ บริษัท ออร์บิกซ์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้เปิดตัว กลุ่มออร์บิกซ์ (Orbix Group) ผู้ให้บริการที่ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัล ที่มุ่งเสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลแบบไร้รอยต่อ (Seamless) บริการครอบคลุมในระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยเทคโนโลยีระบบรักษาข้อมูลและความปลอดภัย
ปัจจุบัน มีบริการที่ครอบคลุมระบบนิเวศด้านสินทรัพย์ดิจิทัล 5 บริษัท ภายใต้ออร์บิกซ์กรุ๊ป ประกอบด้วย:

มุ่งสู่อนาคตของฟินเทคและสินทรัพย์ดิจิทัล
การเข้าร่วมงาน Money20/20 Asia ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของธนาคารกสิกรไทย และ ออร์บิกซ์กรุ๊ปภายใต้กลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย ในการเป็นผู้ขับเคลื่อนนวัตกรรมทางการเงิน พร้อมพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัลให้เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับอนาคตทางการเงินที่มีมาตรฐานภายใต้หน่วยงานกำกับดูแล และสามารถเข้าถึงได้