

Crescendo Lab ผู้นำด้านแพลตฟอร์มการสื่อสารทางธุรกิจแห่งเอเชีย ประกาศ 3 ความสำเร็จครั้งสำคัญที่ช่วยเร่งการเติบโตในประเทศไทย: (1) ได้รับการรับรองเป็น LINE Thailand Expert Developer Partner ซึ่งมีเพียง 4 บริษัทในประเทศไทยที่ได้รับระดับนี้ (2) ปรับกลยุทธ์องค์กรสู่ AI-First เต็มรูปแบบ โดย “ใช้ AI ในการสร้างผลิตภัณฑ์ และสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็น AI” ซึ่งทุกการเปิดตัวนับจากนี้จะขับเคลื่อนด้วยโมเดล AI ขั้นสูง (3) เปิดตัว กลยุทธ์ AI สองแกนหลัก (Dual-Track AI Strategy) ผ่านผู้ช่วยอัจฉริยะ “AiMon” ซึ่งคาดว่าจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้ภาคการเงินของไทยได้ถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5.15 หมื่นล้านบาท) ต่อปี
ความสำเร็จนี้ส่งผลให้ Crescendo Lab เป็นผู้ให้บริการ SaaS เพียงรายเดียวในเอเชียที่ครองสถานะ LINE Expert Partner ทั้งในประเทศไทย และ LINE Gold Tech Partner ในไต้หวันในคราวเดียวกัน คว้าโอกาสจากผู้ใช้ LINE 56 ล้านคน: Crescendo Lab ได้รับการรับรองสถานะ Expert Developer Partner
จากข้อมูลของ DataReportal ณ เดือนมกราคม 2568 ประเทศไทยมีผู้ใช้งาน LINE ต่อเดือน (Monthly Active Users) ถึง 56 ล้านคน หรือคิดเป็น 85.7% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งประเทศ ทำให้ LINE กลายเป็นช่องทางหลักในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าสำหรับธุรกิจธนาคารและประกันภัย การได้รับสถานะ LINE Thailand Expert Developer Partner ซึ่งเป็นระดับสูงสุดด้านเทคนิคของโปรแกรมนี้ ตอกย้ำความเชี่ยวชาญของ Crescendo Lab ในฐานะผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่นำเสนอโซลูชัน SaaS ที่เป็น AI-Native อย่างแท้จริง ด้วยการทำงานร่วมกันของแพลตฟอร์ม MAAC (Marketing Automation & Analytics Cloud) และ CAAC (Conversational AI & Analytics Cloud) ช่วยให้องค์กรในไทยสามารถใช้ LINE เพื่อสร้างประสบการณ์ด้านการตลาดและบริการลูกค้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้อย่างสมบูรณ์ภายในไม่กี่วัน และใช้ประโยชน์จากฐานผู้ใช้ขนาดมหาศาลเพื่อต่อยอดทางธุรกิจ
“AiMon” ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ฝังอยู่ใน MAAC และ CAAC: ยกระดับการตลาด การบริการและการขายแบบ Plug-and-Play
AiMon พร้อมใช้งานใน 3 บทบาทสำคัญสำหรับองค์กร:
● ผู้ช่วยนักการตลาด AI (AI Marketing Assistant): เปลี่ยนข้อความร่างให้เป็นแคมเปญการตลาดที่สร้างยอดขายได้จริงบน LINE OA และ SMS โดยผสานโทนของแบรนด์เข้ากับข้อมูลแบบเรียลไทม์
● ผู้ช่วยบริการลูกค้า AI (AI Customer-Service Assistant): ตอบคำถามที่พบบ่อยได้มากกว่า 80% ลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ลงกว่าครึ่ง พร้อมส่งต่อเคสที่ซับซ้อนให้มนุษย์ได้อย่างไร้รอยต่อ
● ผู้ช่วยฝ่ายขาย AI (AI Sales Assistant): ติดตามพฤติกรรมและความสนใจซื้อของลูกค้า เพื่อระบุกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะซื้อสูง ช่วยให้ทีมขายเข้าถึงลูกค้าได้ในจังหวะที่สำคัญที่สุด
AI มาตรฐาน ISO การันตีช่วยภาคการเงินไทยประหยัด 1.4 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
KPMG คาดการณ์ว่า การนำ AI มาใช้อย่างเต็มรูปแบบจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานของภาคธนาคารและประกันภัยในไทยได้ถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยส่วนที่จะประหยัดได้มากที่สุดคือศูนย์บริการลูกค้า (Contact Center) และกระบวนการในสำนักงาน (Back-office) โซลูชันของ Crescendo Lab ซึ่งประกอบด้วยสองแพลตฟอร์มหลัก ได้ผ่านมาตรฐาน ISO 27001 และ SOC 2 ทั้งยังสอดคล้องกับกรอบความปลอดภัยของ LINE ทำให้สถาบันการเงินสามารถนำเทคโนโลยี Generative AI, Semantic Search และ Smart Routing ไปใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องเพิ่มความซับซ้อนด้านไอที ซึ่งไม่เพียงช่วยประหยัดต้นทุน แต่ยังสร้างความมั่นใจด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบอีกด้วย
Muang Thai Life: ยกระดับการมีส่วนร่วมกับผู้ติดตามกว่า 40 ล้านคนบน LINE ด้วย AI อัจฉริยะ
บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจประกันชีวิต และสุขภาพของประเทศไทยมากว่า 74 ปี มุ่งมั่นพัฒนาองค์กรสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
จากความสำเร็จในการบริหารจัดการ นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และการบริการลูกค้า เมืองไทยประกันชีวิตได้รับรางวัลสำคัญ อาทิ รางวัลประกันภัยเกียรติยศสูงสุด (Hall of Fame) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 และ THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2025 ประเภทอุตสาหกรรมประกันชีวิต ต่อเนื่องปีที่ 7 ตอกย้ำศักยภาพองค์กรที่เข้าใจและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจสู่มาตรฐานใหม่ในยุคดิจิทัล
หนึ่งในก้าวสำคัญคือ การนำเทคโนโลยี AI มาเสริมศักยภาพบนแพลตฟอร์ม LINE ที่มีผู้ติดตามกว่า 40 ล้านคน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารและสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าอย่างรวดเร็ว ตรงจุด และตรงใจ (อ้างอิง: LINE Official Muang Thai Life, Muang Thai Life Website)
เมืองไทยประกันชีวิตยังร่วมมือกับ Crescendo Lab นำฟีเจอร์ AI Smart Sending มาใช้ ส่งผลให้อัตราการเปิดอ่านข้อความเพิ่มสูงถึง 75% สะท้อนความสำเร็จในการใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนการสื่อสาร และตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมดิจิทัลของบริษัทในธุรกิจประกันชีวิตไทยและระดับภูมิภาค
เส้นทางสู่การเป็น AI-First: ต่อยอดพอร์ตโฟลิโอ AI ของ Crescendo Lab ทั่วทั้งองค์กร
จิน เสวีย(JinHsueh), ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Crescendo Lab กล่าวว่า ทาง Crescendo Lab ได้กำหนดให้กลยุทธ์ AI-First เป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนผ่านองค์กร โดยยึดมั่นในแนวทาง “ใช้ AI ในการสร้างผลิตภัณฑ์และสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็น AI” ซึ่งเป้าหมายของเราคือการมอบ AI ที่ปลอดภัยและคุ้มค่าให้กับองค์กรในไทย ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้ทันทีและขยายขนาดได้ตามความต้องการทางธุรกิจ
“บริษัทจะฝังโมเดล AI ขั้นสูงไว้ในทุกการอัปเดตผลิตภัณฑ์ พร้อมพัฒนาสู่การเป็นที่ปรึกษาอัจฉริยะสำหรับองค์กร (AI Enterprise Advisors) ซึ่งจะเปลี่ยนจากการตอบสนองเชิงรับไปสู่การเป็น "สมองกลใหม่ขององค์กร" ที่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกได้ในเชิงรุก แพลตฟอร์มทั้งหมดถูกสร้างขึ้นบนมาตรฐานความปลอดภัยระดับเดียวกับสถาบันการเงินและสอดคล้องกับข้อบังคับต่างๆ เพื่อขจัดอุปสรรคในการนำ AI ไปใช้ พร้อมส่งมอบคุณค่าทางธุรกิจที่วัดผลได้จริง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Crescendo Lab กล่าวทิ้งท้าย
Synology หนึ่งในผู้นำด้านโซลูชันการจัดเก็บและปกป้องข้อมูล เปิด 3 ความท้าทายของอุตสาหกรรมภาคการศึกษาไทยในยุค e-Education หลังซอฟต์แวร์ SaaS รายใหญ่ ขึ้นราคาและลดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลฟรีลง รายงานของ Netwrix เผย 80% ของสถาบันทั่วโลกถูกโจมตีอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี และต้องปฏิบัติตามระเบียบปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลการศึกษาอย่างรัดกุม แนะใช้โซลูชัน On-Premise การวางระบบตั้งอยู่ภายในองค์กร ปิดความท้าทาย พร้อมชูโซลูชัน Synology Office Suite ตอบโจทย์ดีมานด์ตลาด ช่วยลดต้นทุน ซื้อครั้งเดียวไม่เสียค่ารายเดือน
เร็กซ์ หวง ผู้อำนวยการฝ่ายแอปพลิเคชัน บริษัท ซินโนโลจี้ จำกัด (Synology) เปิดเผยว่า ในยุคที่เทคโนโลยีการศึกษากำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ภาคการศึกษาต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ Software as a Service (SaaS) บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Google และ Microsoft ล่าสุด ยกเลิกแผนบริการพื้นที่เก็บข้อมูลไม่จำกัดฟรีและปรับลดฟังก์ชันการทำงาน ทำให้สถาบันการศึกษาต้องหันมาทบทวนระบบ SaaS ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และมองหาแนวทางแก้ไขในระยะยาวที่มีความยั่งยืนต่อการบริหารต้นทุนและความปลอดภัยของข้อมูลในภาคการศึกษาที่ล้วนเป็นข้อมูลสำคัญ โดยความท้าทายที่ภาคการศึกษาต้องเผชิญมีดังนี้
1. ต้นทุนขึ้น การเปลี่ยนแปลงนโยบาย SaaS รายใหญ่ในตลาดทั้ง 2 ราย ส่งผลให้สถาบันการศึกษาต้องจ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาพื้นที่เก็บข้อมูลและฟังก์ชันการทำงานเดิม โดยเฉพาะสถาบันขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งอาจต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
2. ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูลพุ่ง จากรายงานของ Netwrix (2024) พบว่า 80% ของสถาบันการศึกษาทั่วโลกถูกโจมตีทางไซเบอร์อย่างน้อย 1 ครั้งในแต่ละปี เนื่องจากสถาบันการศึกษาจัดการข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น ประวัตินักเรียน ข้อมูลการเงิน และงานวิจัย
3. กฎระเบียบรัดกุมขึ้น กฎระเบียบเฉพาะด้านการศึกษา เช่น FERPA และ GDPR มีข้อกำหนดที่เข้มงวดขึ้นสำหรับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล สถาบันการศึกษาต้องมั่นใจว่าระบบของตนปลอดภัย เป็นส่วนตัว และสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่โซลูชันประสิทธิภาพการทำงานสาธารณะอาจไม่สามารถริงรับได้อย่างมีประสิทธิภาพได้
ทั้งนี้ส่งผลให้สถาบันการศึกษาเริ่มฟันมาใช้โซลูชัน Productivity หรือชุดซอฟต์แวร์ แบบติดตั้งภายในองค์กร (on-premise) หรือ การวางระบบตั้งอยู่ภายในองค์กร ที่มีการติดตั้ง server ภายในองค์กรจะช่วยให้สถาบันการศึกษามีการควบคุมข้อมูลที่มากขึ้น คาดการณ์ค่าใช้จ่ายได้ง่าย และเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการพื้นที่เก็บข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น ต่างจากโซลูชัน SaaS ที่มักมีความเสี่ยงจากการปรับราคาหรือการเปลี่ยนฟีเจอร์การให้บริการที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้
![]()
เร็กซ์ หวง กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสถาบันการศึกษาให้สามารถหันไปใช้ชุดประสิทธิภาพการทำงานที่แบบ on-premise บริษัท มีบริการ Synology Office Suite สำหรับสถาบันการศึกษา ซึ่งมีความยืดหยุ่นในการจัดเก็บข้อมูล ให้ความปลอดภัยแก่ข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย และยังช่วยลดต้นทุน มากไปกว่านั้น ยังช่วยเสริมสร้างการทำงานร่วมกันและการสื่อสารด้วยเครื่องมือแบบครบวงจรเช่น Synology Drive, Office, MailPlus, Chat, Calendar, Contacts และ NoteStation เครื่องมือเหล่านี้มีฟีเจอร์ที่ช่วยนักเรียน อาจารย์ และคุณครู จัดการไฟล์ทำงานได้ง่ายและให้ข้อมูลปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เช่น การจัดเก็บไฟล์อย่างปลอดภัย การกำหนดสิทธิ์การแชร์ที่ละเอียด การแก้ไขเอกสารแบบเรียลไทม์ และการส่งข้อความ
นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ดูแลระบบไอที สามารถจัดการระบบง่ายขึ้น ด้วย dashboard ที่รวมศูนย์ ระบบติดตามสถานะและเครื่องมือสำหรับตรวจสอบเพื่อความสอดคล้องกับกฎระเบียบ ทำให้การทำงานราบรื่นยิ่งขึ้นพร้อมทั้งเพิ่มความสามารถในการดูแลโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลได้อย่างแข็งแกร่ง
“การบริการ SaaS รายใหญ่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในระยะสั้น และเป็นโอกาสที่ดีสำหรับสถาบันการศึกษาในการทบทวนความเหมาะสมของระบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โซลูชัน Productivity แบบ on-premise นำเสนอเส้นทางที่ยั่งยืนเพื่อตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ เสริมความปลอดภัยให้กับข้อมูล และสร้างรากฐานดิจิทัลที่มั่นคง เพื่อรองรับความต้องการด้านภาคการศึกษาที่เปลี่ยนแปลง”