February 13, 2025

“การเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย” เป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นตามปกติ นับตั้งแต่ยุโรปเข้าสู่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) และแพร่ขยายองค์ความรู้สมัยใหม่ไปทั่วทั้งโลก นำมาสู่การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ การปฏิวัติอุตสาหกรรม จนมาถึงการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล อย่างไรก็ตาม แม้โลกจะเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไร แต่สิ่งที่ยังคงยืนหยัดและสะท้อนถึงธรรมชาติของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็คือ การปรับตัวผ่านกระบวนการเรียนรู้

ท่ามกลางพายุแห่งการเปลี่ยนแปลงที่กำลังก่อตัวโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้สนทนากับ 3 คนรุ่นใหม่ ผู้เชื่อมั่นในศักยภาพการเรียนรู้ของมนุษย์โดยไม่มีที่สิ้นสุด

สาวอักษรเยอรมันกับบทบาท Data Engineer

พิชญา จรูญพงษ์ศักดิ์ หรือ อนิก ผู้เติบโตในครอบครัวที่พ่อและแม่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ทำให้เธอมีความฝัน ตั้งเป้า และมุ่งมั่นเดินไปข้างหน้าสู่เส้นทางแม่พิมพ์ของชาติตั้งแต่เด็ก โดยเธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและโท สาขาวิชาภาษาเยอรมัน จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนวันหนึ่งเธอพิชิตฝันได้สำเร็จ รับหน้าที่ครูในโรงเรียนมัธยมและอาจารย์สอนคอร์สภาษาเยอรมันสำหรับบุคคลทั่วไป ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ

การคลุกคลีกับ “ดนตรีคลาสสิก” ของเธอในช่วงปฐมวัย เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้พิชญาสนใจศึกษาภาษาเยอรมัน แต่แล้วความสนใจนั้นก็ขยายวงสู่ความก้าวหน้าในวิทยาการ จนพบว่าเยอรมนีเป็นชนชาติที่มีระบบการจัดการองค์ความรู้ที่เป็นเลิศผ่านระเบียบวิธีคิดเชิง “โครงสร้าง” ทำให้คนรุ่นหลังสามารถสืบค้นองค์ความรู้ย้อนหลังได้นับร้อยปีผ่านห้องสมุด ทั้งยังเห็นลักษณะทางสังคมแต่ละยุคผ่านความนิยมของการใช้คำอีกด้วย

แต่แล้ววันหนึ่ง พิชญารู้สึกว่าโลกของเธอเริ่ม “แคบลง” ทุกวันๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการคลุกคลีกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นระยะเวลานาน ในทางกลับกัน เพื่อนในวัยเรียนที่เติบโตมาด้วยกันมีโอกาสไปเผชิญโลกที่แตกต่างหลากหลาย บ้างก็บริหารทรัพยากรบุคคล บ้างก็ทำสายการตลาด บ้างก็ไปเป็นทูต ถึงแม้พวกเธอจะไม่ได้ศึกษาสาขานั้นๆ โดยตรงก็ตาม

ทันใดนั้น เธอจึงตัดสินใจหยุดเครื่องจักรในสายอาชีพครูชั่วครู่ เพื่อขอไปเปิดประสบการณ์ ขยายขอบเขตการเรียนรู้ เพื่อพิสูจน์ศักยภาพของตัวเธอเอง และที่นั่นก็คือ โครงการ True Next Gen ปี 2564 ที่เปิดกว้างให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนองค์กรโดยไม่จำกัดสาขาที่เรียน พร้อมให้โอกาสในการสับเปลี่ยนหมุนเวียนภาระหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย

หน่วยงานแรกที่พิชญาเข้าไปดูแลคือ งานของสภาดิจิทัล ทำให้ได้เรียนรู้การจัดการเชิงนโยบาย ทั้งยังกระตุ้นความสนใจด้านดาต้าแก่เธออีกด้วย และงานที่ 2 ก็คือ งานพัฒนา VLEARN Platform มีโอกาสได้ผลิตคลาสเรียนออนไลน์ งานการตลาด รวมถึงการทำแอปอีกด้วย  และหน่วยสุดท้ายคือ Digitalization Center ที่ทำให้เธอได้สัมผัสกับเรื่องดาต้าอย่างจัง

ในเวลาเดียวกัน ทรูก็ได้เปิดรับสมัครโครงการ Data Science Immersive ซึ่งพิชญารีบร่อนใบสมัครคว้าโอกาสไว้ เพราะเธอมองว่า การมีทักษะเทคนิคเฉพาะด้านแบบนี้จะช่วยผลักดันศักยภาพตัวเองได้ไกลยิ่งขึ้น

ในวันแรกที่เข้าเรียน พิชญาสารภาพว่า เธอฟังไม่รู้เรื่องเลย แต่ก็พยายามจับหลักให้ทัน เพราะเวลาไหลไปเร็วมาก การเรียนการสอนในทุกๆ วันเป็นเรื่องใหม่ทั้งหมด เมื่อจบวัน ก็ต้องกลับไปทำการบ้านที่เป็นโค้ดดิ้ง

พิชญาบอกว่า พื้นฐานทางภาษาศาสตร์อักษรศาสตร์ที่ติดตัวมา ช่วยให้เธอมีทักษะการจับแพทเทิร์นเพื่อเห็นโครงสร้างของฐานข้อมูล คล้ายคลึงกับตอนทำวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทของเธอ ในหัวข้อ “ภาษาเยอรมันอย่างง่าย” ซึ่งเป็นการศึกษาหารูปแบบ/โครงสร้างทางภาษา เพื่อให้ผู้มีความบกพร่องทางการเรียนรู้สามารถอ่านและเข้าใจได้ โดยเฉพาะกับเอกสารทางราชการ

อย่างไรก็ตาม แม้ภาษามนุษย์และภาษาคอมจะมีสิ่งที่คล้ายคลึงกันในแง่โครงสร้าง ขณะเดียวกันก็มีจุดที่แตกต่างกันอย่างมหาศาล โดยเฉพาะความรู้พื้นฐานด้านฮาร์ดแวร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสมรรถนะและการใช้พลังงานในการรับ-ส่งข้อมูล

“ภาษาคอมคนละเรื่องกับภาษามนุษย์ ภาษาคอมก็คือภาษาที่ใช้สื่อสารกับฮาร์ดแวร์ แต่ในความต่างก็มีความเหมือน นั่นคือ การจัดเรียงภาษาที่ซับซ้อนให้เป็นโครงสร้าง เห็นภาพที่เข้าใจง่ายขึ้น” พิชญา อธิบาย พร้อมเสริมว่า data practitioner ที่ดีควรมีทักษะ abstract thinking มองส่วนประกอบแบบองค์รวม

ภายหลังการเข้าคอร์สอย่างเข้มข้น พิชญามีโอกาสลงสนามจริงกับทีมพัฒนาซอฟแวร์ของแอป MorDee ตั้งแต่การพัฒนาซอฟแวร์ จนปัจจุบัน ทำหน้าที่เป็น data engineer วางระบบการเดินทางของดาต้าเพื่อให้ยูสเซอร์นำไปใช้ประโยชน์ได้สะดวกขึ้น

หนุ่มเศรษฐศาสตร์ผู้กระโจนสู่เส้นทางศาสตร์แห่งดาต้า

เส้นทางชีวิตเปรียบได้กับการเล่นรถไฟเหาะ มีสมหวังมีผิดหวัง พร้อมเจอสิ่งที่ไม่คาดคิดได้ตลอด เช่นเดียวกับ เรื่องราวของ เฉลิมชนม์ วงศ์โสภา หรือ อิม เด็กหนุ่มผู้ถือใบปริญญาด้านเศรษฐศาสตร์ถึง 2 ใบ แต่แล้วก็ตกหลุมและหลงใหลให้กับความน่าสนใจของดาต้า

เฉลิมชนม์ร่ำเรียนเรื่อย ๆ ไปตามระบบ แต่ก็ยังหาอาชีพในฝันไม่ได้ จนเมื่อเข้าสู่หัวเลี้ยวหัวต่อที่ต้องตัดสินใจ เขาจึงเลือกเรียนเศรษฐศาสตร์ โดยหวังว่าจะเข้าทำงานในหน่วยงานราชการอย่างกระทรวงการคลัง หรือสภาพัฒน์ แต่เมื่อเรียนจบปริญญาตรี ความรู้สึก “ไม่มั่นใจ” กับการเข้าสู่สนามแห่งมืออาชีพของเขากลับดังขึ้น เกรงว่าตนเองจะไม่สามารถประยุกต์ใช้ทฤษฎีกับการทำงานจริงได้ เฉลิมชนม์จึงตัดสินใจเรียนต่อระดับปริญญาโทในสาขาเดียวกันทันที

“เศรษฐศาสตร์​ถือเป็นสหวิทยาการที่เกี่ยวข้องกับหลายศาสตร์ทั้ง คณิต สถิต สังคมศาตร์ ซึ่งผู้เรียนต้องรู้จักการประยุกต์พลิกแพลง และนี่คือสเน่ห์ของเศรษฐศาสตร์” เฉลิมชนม์ อธิบาย

ระหว่างนั้้น เขาก็เริ่มร้อนวิชา ต้องการหาวิธีใช้ทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ในสนามจริง จึงได้ไปสมัครงานที่บริษัทวิจัยในตำแหน่ง data analyst และนั่นจึงนำพาให้เขาเข้าใจการทำงานของดาต้าและหลักสถิติมากขึ้น

“เมื่อต้องทำงานจริง การวิเคราะห์ข้อมูลก็เปรียบได้กับการต่อจิ๊กซอว์ เราต้องค่อยๆ ปะติดปะต่อ ภายหลังที่ต่อจนได้ภาพที่สมบูรณ์ เมื่อนั้นเราก็จะเห็นคำตอบที่อยู่ในข้อมูลเหล่านั้นเอง” เฉลิมชนม์ กล่าวพร้อมเล่าต่อว่า ที่เดียวกันนี้เอง ทำให้เขารู้จักกับอาชีพ data scientist พลันเมื่อเห็นวิธีคิดและการทำงานเพื่อพยากรณ์แนวโน้มแล้ว ยิ่งกระตุ้นต่อมความสนใจของเขา จนหาคอร์สสั้นๆ ลงเรียนเอง

หลังจากตรากตรำกับการเรียนและงานวิจัยเป็นเวลา 2 ปีเต็ม เฉลิมชนม์ก็คว้าดีกรีปริญญาโทในสาขาเศรษฐศาสตร์มาได้ พร้อมกับบทบาทและองค์กรเป็น Business Intelligence Analyst รับผิดชอบงานพัฒนา dashboard เพื่อแสดงผลข้อมูล ที่ธนาคารยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง แม้จะพอคลุกคลีกับงานดาต้ามาบ้าง แต่เมื่อระบบโปรแกรมที่ใช้ต่างกัน เฉลิมชนม์จึงต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่

ความพยายามอยู่ที่ใด ความสำเร็จอยู่ที่นั่นฉันนั้น เขาใช้เวลาช่วงเช้าก่อนเข้างาน เพื่อเรียนลงลึกเกี่ยวกับโปรแกรมนั้น โดยเขารับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ด้วยเหตุผลว่าตรงจุดและสนุก จนสามารถใช้โปรแกรมได้อย่างชำนาญการ แต่กระนั้น เฉลิมชนม์ยังคงมีความรู้สึก “ค้างคา” เพราะความใคร่รู้ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง อย่างการเข้าใจถึงที่มาข้อมูลที่ต้องอาศัยทักษะเทคนิคอื่นๆ

ในเวลาเดียวกัน เฉลิมชนม์เห็นข้อความประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโครงการ Digital Science Immersive โดย ทรู คอร์ปอเรชั่น เพื่อให้โอกาสกับผู้ที่สนใจด้านดาต้าได้มีโอกาสฝึกฝนและพัฒนาตัวเอง พร้อมเข้าสู่สนามดาต้าอย่างมืออาชีพ แน่นอนว่าเขารีบยื่นใบสมัครทันที พร้อมกับเป็น 1 ใน 6 คนที่ได้รับทุนเรียนฟรี

สำหรับคอร์ส Data Science Immersive ดำเนินการสอนโดย General Assembly สถาบันการศึกษา ผู้บุกเบิกแนวทางการเปลี่ยนสายอาชีพสู่สายเทคและดิจิทัล จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งคอร์สเรียนดังกล่าวกินเวลาทั้งสิ้น 3 เดือนเต็ม ตั้งแต่เช้าถึงเย็น เหมือนกลับไปเรียนมัธยมฯ ใหม่

เหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้ความค้างคาในใจเริ่มจางลง พร้อมกับความฝันที่ชัดขึ้นกับเป้าหมายการทำหน้าที่ data scientist ด้วยเวลาเพียง 3 เดือน เฉลิมชนม์ประเมินความสามารถด้านดาต้าของตัวเองพัฒนาขึ้นถึง 80-90% ซึ่งนอกจากความรักดาต้าเป็นทุนเดิมแล้ว วิธีการสอนและความใส่ใจของอาจารย์จาก General Assembly ก็มีส่วนสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถของผู้เรียน

การเรียนการสอนของ General Assembly มีความต่างจากระบบการสอนแบบไทยอย่างมาก สิ่งที่เห็นได้ชัดคึอ ความรักในงานของอาจารย์ที่เราสัมผัสได้ ทุกเช้าจะมีการรีวิวเนื้อหา ปรับคอร์สตามสภาวะการเรียนรู้ และยังะคอยเช็คอุณหภูมิของห้องตลอดเวลา อันไหนง่ายไป ยากไป ถ้าเครียดก็จะใส่มุกตลก ให้บรรยากาศการเรียนสนุกขึ้น

“ที่สำคัญ ยังมีเซสชั่นที่เปิดพื้นที่ให้ทุกคนในคอร์สได้ถกเถียงและอภิปรายถึงประเด็นที่เกิดขึ้นนอกตำราอย่างสร้างสรรค์ การมองข้อมูลที่ต่างมุม รวมถึงจริยธรรมด้านดาต้าที่ต้องคำนึงถึงอย่างแรก”

ปัจจุบัน เฉลิมชนม์ทำงานในตำแหน่ง data scientist สายงาน People & Organization Strategy, and Analytics ของทรู คอร์ปอเรชั่น ซึ่งถือเป็นตำแหน่งใหม่และเป็นกำลังสำคัญของกลุ่มงานทรัพยากรบุคคล กับภารกิจเปลี่ยนองค์กรสู่ AI-First Organization ที่ตั้งเป้าไว้

จากเส้นทางดนตรี สู่นักสื่อสารด้วยดาต้า

หากใครได้ดูรายการประกวดร้องเพลงยุคบุกเบิก The Star ค้นฟ้าคว้าดาว อาจคุ้นๆ เห็นเธอคนนี้ผ่านตามาบ้าง ภัควลัญชณ์ โชติพิชชานันช์ หรือ ดิ๊ง เพราะเธอเป็นหนึ่งในผู้เข้าประกวดรอบ 20 คนสุดท้ายของรุ่น 4 สะพานอีกเส้นที่สานฝันอาชีพนักร้อง นักแต่งเพลงในวัยเด็ก เธอมุ่งมั่นกับมันอย่างมาก ถึงขั้นศึกษาเต็มเวลาในระดับปริญญาตรี คณะดุริยางคศาสตร์ สาขาดนตรีเชิงพาณิชย์ ม.ศิลปากร

ความฝันย่อมเป็นเพียงความฝันหากไม่ลงมือทำ แต่นั่นไม่ใช่ภัควลัญชณ์ เพราะเธอมุ่งมั่นคว้าฝันด้วยการฝึกฝนทั้งร้องเพลงทุกวัน วันละ 2 ชั่วโมง ซึ่งการฝึกตัวเองอย่างนี้ตั้งแต่เด็กช่วยบ่มเพาะให้เธอกลายเป็นคนมีวินัย จนกระทั่งอายุ 18 ปี เธอได้เป็นครูสอนร้องเพลงตามที่ฝันไว้ที่สถาบันดนตรีมีฟ้า ซึ่งเป็นโรงเรียนดนตรีในเครือ GMM Grammy และเป็นผู้สอนระดับขั้นสูง (KCI Advance Instructor) ของสถาบัน KPN Music Academy

แต่เมื่อทำงานสอนครบ 8 ปี ภัควลัญชณ์รู้สึกถึงจุด “อิ่มตัว” เธอจึงมองหาความท้าทายใหม่ๆ ขณะนั้นเธอพึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาการตลาด จาก NIDA และนั่นจึงเป็นจุดหักเห เบนเข็มพาเธอเข้าสู่การทำงานในองค์กรเป็นครั้งแรกในชีวิต โดยเริ่มจากงานที่ศูนย์บริการลูกค้า จากนั้นจึงย้ายสู่สายงานสื่อสารองค์กร ทำหน้าดูแลงานสื่อสารภายในองค์กร

ช่วงปี 2560 เป็นยุคที่โซเชียลมีเดียเริ่มบูม คอนเทนท์บนฟีดมีความหลากหลายมากขึ้น แต่ที่เตะตาภัควลัญชณ์อย่างมากเลยคือ “อินโฟกราฟิก” และ “วิดีโอสั้น (short-form video)” เพราะเนื้อหาที่ย่อยมาแล้ว ดูปราดเดียวก็เข้าใจ เธอในบทบาทนักสื่อสารจึงอยากสร้างสรรค์ให้ได้บ้าง และนั่นถือเป็นจุดสตาร์ท เพื่อพัฒนา hard skill โดยหาคอร์สเรียนโปรแกรมออกแบบและตัดต่อวิดีโอด้วยตัวเอง จนสามารถทำกราฟิก-ตัดต่อวิดีโอเล่าเรื่องเองได้ เรียกได้ว่า “กระหายใคร่รู้กับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”

จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ภัควลัญชณ์เดินทางเข้าสู่โลกดาต้าก็คือ การที่หัวหน้างาน (อรอุมา วัฒนะสุข ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าสายงานสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ที่ทรู) ได้จัดอบรม Data Storytelling ให้สมาชิกในทีมได้อัปสกิลให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้งานสื่อสารด้วยดาต้าเป็นเครื่องมือที่นำไปสู่การสร้างคุณค่าและการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมได้อย่างแท้จริง และนั่นจึงไปกระตุกความสนใจการเล่าเรื่องด้วยดาต้าที่มุ่งเน้นให้คนมีปฏิสัมพันธ์กับเรื่องที่เล่าได้ด้วยเทคนิค Scrollytelling ผ่านเว็บไซต์ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในสื่อชั้นนำของโลก เธอจึงหาคอร์สเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นต่อการพัฒนาสื่อรูปแบบดังกล่าวเพิ่มเติม และพบว่าต้องอาศัยความเข้าใจภาษาโค้ดดิ้ง เช่น SQL, R ที่ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลและทำ data visualization และอีกกลุ่มที่ช่วยทำให้เว็บไซต์ Interactive ได้อย่างภาษา HTML, CSS และ Java script

ระหว่างทาง เธอได้รับความไว้วางใจให้เป็น project manager ดูแลรับผิดชอบโครงการต่างๆ ซึ่งล้วนนำมาซึ่งการรีสกิลและอัพสกิลใหม่ๆ เช่น ความเข้าใจใน UX/UI การทำ prototype เว็บไซต์และแอป จากการดูแล corporate website การทำงานเชิงวิชาการจากฐานข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลการเคลื่อนที่ (Mobility Data) เพื่อนำไปสู่ข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนและออกแบบนโยบายสาธารณะเพื่อการพัฒนาเมืองรอง เช่นเดียวกับการเกิดขึ้นของ Generative AI ที่เธอเริ่มศึกษาและทำความเข้าใจถึงพื้นฐานแนวคิดการพัฒนา และการนำไปใช้

“ถ้าจะเป็น ‘มนุษย์เป็ด’ ในที่ทำงาน ก็ต้องเป็นเป็ดพรีเมียม (Multipotentialite) เรียนรู้ให้กว้าง ไว และไม่หยุดยั้งตลอดชีวิต (Life-Long Learning) เพราะทักษะที่หลากหลายนั้น จะทำให้เราเห็นภาพรวมของงาน และสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง” ภัควลัญชณ์ กล่าว

ปัจจุบัน ภัควลัญชณ์ รับหน้าที่ดูแลงานสื่อสารผ่านดาต้าและช่องทางดิจิทัล ภายใต้หน่วยงานสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ ที่ทรู คอร์ปอเรชั่น

เธอเปรียบการพัฒนาตัวเองกับการฝึกของนักดนตรีว่า “เป้าหมายของนักดนตรีคือ ขยายขีดความสามารถตัวเอง เช่นเดียวกับการอัปสกิลที่ต่างต้องเริ่มที่การมี growth mindset แล้วตามด้วยการฝึกฝน เตรียมตัวเองให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ในขณะเดียวกัน การมีบุคคลต้นแบบหรือโค้ชที่ดีก็จะช่วยให้นักดนตรีพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด เช่นเดียวกับการอัปสกิลที่เราควรมี mentor ที่ดี เพื่อชี้แนะแนวทางและให้การสนับสนุน เราก็จะพิชิตเป้าหมายได้อย่างแน่นอน”

จากเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงตัวเองของ 3 ตัวอย่างข้างต้น เราพบคุณลักษณะร่วมที่สำคัญ 4 ประการ คือ

  1. รู้จักตัวเอง โดยเฉพาะ “จิตใจ”
  2. เชื่อมั่นในศักยภาพตัวเองว่ายังพัฒนาต่อไปได้
  3. ลงมือทำ ฝึกฝนอย่างมีวินัยจนชำนาญ
  4. ทบทวนตัวเองบ่อย เพื่อตกผลึกความคิด แก้ไขจุดผิดพลาด และเดินก้าวหน้าอย่างมั่นคง

 

 บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย และอันดับ 1 ของโลกด้านความยั่งยืนด้วยคะแนน DJSI 2023 สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ครั้งใหม่ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปจำนวน 5 ชุด อายุหุ้นกู้ตั้งแต่ 1 ปี 3 เดือน ถึง 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง [2.95 -4.50]% ต่อปี ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือที่ยังคงระดับ “A+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากทริสเรทติ้ง สะท้อนความแข็งแกร่งของบริษัททรู คอร์ปอเรชั่นทั้งด้านโทรคมนาคมและด้านเทคโนโลยีดิจิทัล คาดเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 23 - 24 และวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 โดยมีธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ซีไอเอ็มบี ยูโอบี และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้ รวมถึงการขายผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet โดยมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นนายทะเบียนหุ้นกู้และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้

นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า “การดำเนินงานของทรู คอร์ปอเรชั่น ในปี 2566 ภายหลังการควบรวมเป็นบริษัทใหม่นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี รายได้เติบโตต่อเนื่องและความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น โดย EBITDA เติบโตขึ้นติดต่อกัน 4 ไตรมาส ในขณะที่สามารถรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม (Synergy) ได้สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2567 นี้ บริษัทมุ่งเน้นการเติบโตและการสร้างผลกำไรอย่างยั่งยืน อีกทั้งเรายังเป็นบริษัทไทยที่ได้คะแนนดัชนีความยั่งยืน DJSI สูงสุดอันดับหนึ่ง ในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างธุรกิจให้เติบโตควบคู่กับการส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG)

ในปีนี้คาดว่ารายได้จากการให้บริการจะเติบโตประมาณ 3-4% สอดคล้องกับประมาณการณ์การเติบโตของ GDP ประเทศไทยและการฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยว รวมถึงแนวโน้มรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการ (ARPU) ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและรายได้จากกลุ่มลูกค้าองค์กร (B2B) ที่สูงขึ้น นอกจากนี้ บริษัทคาดการณ์ว่า EBITDA จะเติบโตขึ้น 9-11% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม (Synergy) การควบคุมต้นทุนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง และด้วยความสำเร็จที่พิสูจน์แล้วผ่านผลการดำเนินงานปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายในปีนี้ได้ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพและการสร้างวัฒนธรรมและแนวทางการทำงานที่เป็นหนึ่งเดียว”

ทั้งนี้ ในไตรมาส 4 ปี 2566 ทรู คอร์ปอเรชั่น มียอดผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 5 แสนเลขหมายหรือคิดเป็น 1% จากไตรมาสก่อน ทำให้มียอดรวมผู้ใช้งานเป็น 51.9 ล้านเลขหมาย ณ สิ้นปี 2566 นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้ให้บริการเครือข่าย 5G ที่ครอบคลุมมากที่สุดในประเทศ โดยครอบคลุมประชากร 90% ทั่วประเทศพร้อมด้วยฐานผู้ใช้บริการ 5G ที่มากสุดถึง 10.5 ล้านราย โดยเพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสที่ผ่านมา พร้อมทั้งทรูยังได้ครองแชมป์ประสิทธิภาพอินเทอร์เน็ตมือถือที่ดีที่สุดในประเทศไทย 8 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2559-2566 จากสถาบันทดสอบคุณภาพระดับโลกอย่าง nPerf ประเทศฝรั่งเศส นอกจากนี้ บริษัทยังได้วางเป้าเพิ่มรายได้และยกระดับบริการ 5G โดยคาดการณ์ว่าจะมีผู้ใช้บริการ 5G มากกว่า 16 ล้านรายในปีนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ต่อลูกค้า หรือ ARPU

บริษัทและหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ “A+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567 ซึ่งตอกย้ำสถานะผู้นำทางการตลาด (market position) ในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ เสริมทัพด้วยโครงข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศพร้อมด้วยชุดคลื่นความถี่ที่ครอบคลุม และชื่อแบรนด์ที่ผู้บริโภคคุ้นเคย อีกทั้งปัจจัยบวกจากประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการควบรวม (Synergies) รวมถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัทที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในอนาคต

หุ้นกู้ครั้งนี้จะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) โดยมีอายุหุ้นกู้ระหว่าง 1 ปี 3 เดือน ถึง 10 ปี เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนทุกระดับ นักลงทุนที่ชอบลงทุนระยะสั้นยังคงสามารถเลือกลงทุนในรุ่น 1 ปี 3 เดือน 2 ปี 6 เดือน หรือ 3 ปี 3 เดือน นักลงทุนที่ชอบลงทุนระยะกลางก็อาจเลือกลงทุนในรุ่น 5 ปี 3 เดือน หรือนักลงทุนท่านใดที่ชอบลงทุนระยะยาวและต้องการดอกเบี้ยเพื่อนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็อาจเลือกจะลงทุนในรุ่น 10 ปี เพราะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลหรือ Yield Curve ที่ปรับตัวลดลงหลังจากที่ธนาคารกลางประเทศหลักๆ เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอังกฤษ เริ่มส่งสัญญาณหยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และบางประเทศเริ่มมีการพูดถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567 หลังจากเงินเฟ้อเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง ทำให้การลงทุนในหุ้นกู้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในช่วงที่ธนาคารกลางประเทศต่างๆ ยังไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะบริษัทที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงๆ และ TRUE ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ “A+” ทั้งยังเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ด้วย

วัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้ในการชำระคืนหนี้คงค้าง และ/หรือ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการเติบโตของบริษัท โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ คาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 23 - 24 และวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป เสนอขายจำนวน 5 ชุด ดังนี้

1. หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [2.95 - 3.00]% ต่อปี

2. หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.45 - 3.55]% ต่อปี

3. หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 3 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.70 – 3.85]% ต่อปี

4. หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 5 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [4.00 – 4.20]% ต่อปี

5. หุ้นกู้ชุดที่ 5 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [4.30 – 4.50 ]% ต่อปี ซึ่งเฉพาะรุ่นอายุ 10 ปี ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดได้ตั้งแต่หุ้นกู้ครบปีที่ 5

ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th หรือ สอบถามรายละเอียดที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 6 แห่ง ได้แก่

• ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา (ยกเว้นสาขาไมโคร) หรือ โทร. 1333 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bualuang mBanking

• ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร. 02 888 8888 กด 819 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

• ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 777 6784 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

• ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 626 7777 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน แอป CIMB Thai Digital Banking

• ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 285 1555

• บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02 680 4004

 

สำหรับผู้สนใจจองซื้อหุ้นกู้ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet สามารถศึกษาเพิ่มเติมถึงรายละเอียด ขั้นตอน และวิธีการสมัคร TrueMoney Wallet Application และวิธีการจองซื้อ ได้ที่เว็บไซต์ www.truemoney.com หรือติดต่อขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ของ บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด โทร. 1240 กด 6

 ทรู คอร์ปอเรชั่น เดินหน้าพิสูจน์เครือข่ายที่ดีที่สุดทั่วไทยรับเทรนด์ท่องเที่ยว พร้อมนำศักยภาพเครือข่าย 5G และเทคโนโลยีดิจิทัล เสริมแกร่งชุมชนทั่วไทย และภาคใต้ พร้อมชวนนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติร่วมสัมผัสธรรมชาติและวิถีชุมชนดั้งเดิม เพิ่มเสาสัญญาณใช้พลังงานหมุนเวียน ด้วยการติดตั้งและใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศทุกภาคทั่วไทยและจังหวัดสุราษฎร์ธานี อีกทั้งเอาใจสายท่องเที่ยวต่างประเทศ ชู GO Beyond Roaming มาพร้อมประสบการณ์ In-Flight Roaming เปิด โรมมิ่งบนเครื่องบิน เชื่อมต่อโลกออนไลน์อย่างไร้ขีดจำกัด และ On Cruise Roaming ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อได้ตลอดเวลาแม้ท่องมหาสมุทร กับ Cruise Line ชั้นนำระดับโลก

นายชารัด เมห์โรทรา รองประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “เรามุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าทั่วไทยทั้งเรื่องเครือข่ายที่ดีที่สุด และ การให้บริการเหนือระดับแบบไร้รอยต่อ โดยได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัลให้ทันสมัยและมีคุณภาพสูง รวมถึงการยกระดับประสบการณ์การใช้งาน 5G ด้วยการอัปเกรดเทคโนโลยีเครือข่ายอย่างต่อเนื่องสู่มาตรฐานระดับโลก พร้อมทั้งพัฒนาเครือข่ายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และสนับสนุนการท่องเที่ยวไทย”

การใช้งานดาต้าจังหวัดภาคใต้พุ่งติดเทรนด์เติบโตแถวหน้า

ทรู คอร์ปอเรชั่นนำศูนย์ปฏิบัติการเครือข่าย AI อัจฉริยะ BNIC (Business Network Intelligence Center) วิเคราะห์พฤติกรรม แนวโน้มการใช้งานดาต้าทุกจังหวัดทั่วประเทศ พบว่าจังหวัดภาคใต้มีการใช้งานเติบโตสูงติดเทรนด์ โดยมีจังหวัดภูเก็ตเป็นอันดับ 1 เติบโตประมาณ 29%, อันดับ 2 ได้แก่ จังหวัดสุพรรณบุรี เติบโตประมาณ 22% และ อันดับ 3 คือ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เติบโตประมาณ 20% ซึ่งรับกับกระแสท่องเที่ยวภาคใต้ที่เติบโตมากขึ้น

ทั้งนี้ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ยังมีเกาะลับที่ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวให้ความนิยมเพิ่มขึ้นคือ “เกาะนกเภา” ซึ่งทรูได้เป็นผู้ให้บริการติดตั้งเสาสัญญาณรายแรก เพิ่มโอกาสเข้าถึงอินเทอร์เน็ตให้กับคนในชุมชนและโรงเรียน โดยเสาสัญญาณดังกล่าวเป็นเสาที่ใช้พลังงานหมุนเวียน ด้วยการติดตั้งและใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ทำให้ชุมชนในเกาะใช้งานมือถือและเน็ตได้อย่างมีคุณภาพ สามารถออนไลน์โปรโมตโฮมสเตย์ให้เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมทั้งทรูยังได้ขยายสัญญาณให้ครอบคลุมทั่วทั้งบนฝั่ง บนเกาะ กลางทะเล เติมเต็มไลฟ์สไตล์ แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ทรูพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการท่องเที่ยวซึ่งเป็นอุตสาหกรรมสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

Net Zero เพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศอย่างยั่งยืน สุราษฎร์ใช้เสาโซล่าเซลล์ 6%

ทรู คอร์ปอเรชั่น ผลักดันเส้นทางสู่ Net Zero อย่างเข้มข้น ด้วยการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและโซลูชันการเชื่อมต่อให้ทันสมัย รวมถึงการอัปเกรดเสาสัญญาณสู่การใช้งาน 5G และ 4G ได้อย่างเต็มที่ เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน โดยปี 2566 สามารถลดการใช้พลังงานได้กว่า 10,000 เมกะวัตต์ชั่วโมงและลดก๊าซเรือนกระจกได้ 4,400 ตัน การใช้ AI และ Machine Learning เพื่อตรวจจับและแก้ไขปัญหาเครือข่ายอย่างรวดเร็ว นับเป็นกุญแจสำคัญในการลดการใช้พลังงานและก๊าซเรือนกระจก สำหรับปีที่ผ่านมา ทรูได้ติดตั้งแผงโซล่า  เซลล์ที่เสาสัญญาณกว่า 7,800 แห่งและดาต้าเซ็นเตอร์ 1 แห่ง ทำให้สามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 45,000 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี โดยในปี 2567 มีแผนที่จะติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ที่เสาสัญญาณรวมเป็น 11,200 แห่ง และดาต้า เซ็นเตอร์อีก 6 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 64,000 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี และสามารถหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 28,800 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ทั้งนี้ สุราษฎร์ธานีได้ติดตั้งใช้เสาสัญญาณโซล่าเซลล์ จำนวน 6% ของเสาทั้งหมด

นอกจากนี้ ทรูยังนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน อาทิ ระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ผ่านแอปพลิเคชัน หมอดี (MorDee) ที่เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ สามารถปรึกษาปัญหาสุขภาพกับหมอออนไลน์ได้ทุกที่ทั่วไทย ซึ่งมีหมอมากกว่า 500 ท่าน 20 กว่าสาขา ผู้ป่วยสามารถพบแพทย์ผ่านวิดีโอคอล โทร หรือแชท กับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ จากสถาบันชั้นนำแบบเป็นส่วนตัว ด้วยการออนไลน์ผ่านแอปจากที่ไหนก็ได้ ในเวลาที่สะดวก ไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องไปโรงพยาบาล ไม่ต้องรอนานอีกด้วย

นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยีของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้รับประโยชน์จากโครงข่ายดิจิทัลและการพัฒนา 5G เพื่อที่จะทำให้การท่องเที่ยวมีความสนุกสนาน เข้าถึงได้ง่าย ซึ่งทรูได้ออกแบบเครือข่ายให้เหมาะสมกับความต้องการใช้งานแต่ละพื้นที่โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในภาคใต้ ซึ่งเทคโนโลยี 5G จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเปิดประตูสู่การให้บริการใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ช่วยเพิ่มคุณภาพและประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น ตลอดจนเอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างยั่งยืน เราวางแผนปรับปรุงเครือข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization) ทั่วประเทศและรวมถึงภาคใต้ นอกจากนี้ ทรูยังมีแผนในการรวมโครงข่ายเป็นหนึ่งเดียว (One Integrated Network) และใช้ประโยชน์คลื่นความถี่ทุกย่านอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานบนเครือข่ายที่ครอบคลุมและเร็วยิ่งขึ้น

จากดาต้าการใช้งานที่แหล่งท่องเที่ยวภาคใต้ของทรู คอร์ปอเรชั่น พบว่าจุดหมายท่องเที่ยวภาคใต้ 5 อันดับแรกที่มีปริมาณดาต้าสูงสุด ประจำมีนาคม 2567 ซึ่งสอดคล้องกับแผนการพัฒนาสัญญาณเพื่อนักท่องเที่ยว ดังนี้

1. เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี

2. เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี

3. เกาะพีพี จ.กระบี่

4. อ่าวนาง จ.กระบี่

5. เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล

นายชารัด กล่าวเสริมว่า “ทรูและดีแทคให้ความสำคัญกับการออกแบบแพ็กเกจและสิทธิประโยชน์ที่ตรงความต้องการนักท่องเที่ยว รวมถึงนำจุดเด่นของการตลาดแต่ละพื้นที่มาใช้ดึงดูดนักท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการรองรับการเดินทางท่องเที่ยวไทย ขณะเดียวกัน มุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทรูและดีแทค ทั้งการท่องเที่ยวต่างประเทศและในประเทศ

สำหรับการท่องเที่ยวในประเทศ แบรนด์ทรูและดีแทคพร้อมมอบสิทธิพิเศษมากมายสำหรับทุกการเดินทางท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยเครื่องบินหรือรถยนต์ รวมถึงการพักผ่อนในโรงแรมที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ทั้งยังมั่นใจได้ด้วยประกันอุบัติเหตุและการเดินทางที่ครอบคลุมเพื่อความมั่นใจให้ลูกค้า

เดินทางด้วยเครื่องบิน

· ลูกค้าสามารถแลกเงินอัตราพิเศษกับ Twelve Victory ใช้บริการรถรับส่งไปสนามบินผ่านแอป Maxim หรือ The Black Tie Limousine

· เสิร์ฟสุขสุดพิเศษ ก่อนเดินทาง ทุกเที่ยวบินสามารถอิ่มอร่อยได้ที่ 9 สนามบินภายในประเทศ พร้อมสิทธิพิเศษในการช็อป duty free และรถกอล์ฟรับส่งจากเครื่องบินสู่จุดตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) สำหรับลูกค้าทรูแบล็คการ์ด

เดินทางด้วยรถยนต์

· มีบริการเช็กอัปสุขภาพรถที่ Cockpit, Autobac และชาร์จรถที่ EA anywhere

· บริการรถเช่าจาก TrueLeasing, DriveHub และอีกมากมาย รวมถึงสถานีบริการน้ำมันชั้นนำอย่าง PT, Susco

· Cafehopping ไม่พลาดสำหรับคอกาแฟตลอดเส้นทาง ทั้ง Cafe Amazon, D'Oro และร้านกาแฟสุดฮิป

โรงแรมที่พักตอบโจทย์ลูกค้า

· บริการจองห้องพักทั้งจาก Ascend Travel, Agoda และจองผ่าน Personal Assistance สำหรับลูกค้าทรูแบล็ค/ดีแทคแพลทินัมบลู พร้อมสิทธิพิเศษจากเครือโรงแรมชั้นนำ

ปลอดภัยทุกการเดินทาง

· ได้รับความคุ้มครองจากประกันอุบัติเหตุ/การเดินทางจาก AIA, FWD ทิพยประกันภัย และไทยวิวัฒน์

ทั้งนี้ สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปต่างประเทศ ทรู คอร์ปอเรชั่นได้เปิดตัว "GO Travel" แพ็คเกจเน็ตและซิมต่างประเทศ ซึ่งเป็นครั้งแรกของบริการใหม่ระดับพรีเมียมสำหรับการท่องเที่ยวเหนือกว่าการโรมมิ่งทั่วไป เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวระดับเวิลด์คลาสให้แก่ลูกค้าทั้งทรูและดีแทค ทำให้สามารถสื่อสารได้อย่างราบรื่นทั่วโลกผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรมากกว่า 700 รายทั่วโลก

 

ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 28,800 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าในปีนี้

รู้หรือไม่ “ไทย” เป็นหนึ่งในประเทศที่มีสัดส่วน CFO เป็นผู้หญิงมากที่สุดในโลก คิดเป็นอันดับที่ 2 ของโลกที่ 43% ซึ่งหนึ่งในจำนวนดังกล่าวคือ ยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

ในเดือนแห่งวันสตรีสากล 2567 นี้ True Blog ได้มีโอกาสพุดคุยกับผู้บริหารหญิงแกร่ง ผู้มีบทบาทสำคัญต่อการพิชิตเป้าหมาย Telecom-Tech Company ของทรู คอร์ปอเรชั่น ผ่านมิติทางการเงินและทุน แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้นั้น ยุภาผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน ทั้งชีวิตส่วนตัวและการงาน

อะไรคือแรงผลักดันให้เธอก้าวข้ามแรงกดดัน ยืนหยัดนำองค์กรแสนล้านพลิกสู่เป้าหมายทางการเงินได้เร็วกว่ากำหนด มาร่วมถอดรหัสผ่านเรื่องราวของเธอได้ที่นี่

โอกาสที่เสียไปจากความเป็นผู้หญิง

ยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) โลดแล่นอยู่บนเส้นทางทางการเงินตั้งแต่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี เธอมีพื้นเพเป็นคนจังหวัดระยอง ต่อมาย้ายชีวิตเข้าเมืองหลวงเพื่อเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาที่ดีกว่าในระดับมัธยมศึกษา เมื่อชีวิตเดินถึงทางแยกเพื่อเลือกเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา ขณะนั้น แนวคิดด้านอาชีพและการค้นหาตัวเองในสังคมไทยยังไม่แพร่หลายเหมือนในปัจจุบัน และจำกัดเพียงไม่กี่อาชีพ เช่น แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร วิศวกร ทำให้ผู้เข้าสอบส่วนใหญ่ยึดเกณฑ์ความมั่นคงในหน้าที่การงานและระดับคะแนนของตัวเองเป็นหลัก

“จริงๆ พี่เป็นเด็กสายวิทย์ ชอบคณิตศาสตร์ แต่เลือกเรียนบัญชีตามค่านิยมของสังคมเพราะ ‘เขาบอกกันว่า’ หางานง่าย แต่ในความเป็นจริงคณิตศาสตร์ทางบัญชีต่างจากคณิตศาสตร์บริสุทธิ์มากเลย” ยุภาเล่าถึงประสบการณ์ในวัยเยาว์

เมื่อสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีจากธรรมศาสตร์ เธอมีความมุ่งมั่นตั้งใจศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่ต่างประเทศ เพราะอยากกลับมาเป็นอาจารย์ แต่ด้วยความเป็น “ลูกสาว” การเดินทางไปต่างบ้านต่างเมืองเพียงลำพังเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยง และขณะนั้นการสื่อสารยังไม่สะดวกสบายเหมือนดังเช่นปัจจุบัน ช่องทางในการสื่อสารหลักยังคงเป็น “จดหมาย” ด้วยความเป็นห่วงลูกสาวของพ่อแม่ จึงรั้งให้เรียนในประเทศไปพลาง โดยต่อมาเธอเรียนจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ สถาบันพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)

“ความแตกต่างของการเป็นลูกผู้หญิงกับลูกผู้ชายในสมัยก่อนชัดเจนมาก ถ้าเป็นผู้ชาย ที่บ้านพร้อมสนับสนุนเต็มที่ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงต้องมีเพื่อนหรือบัดดี้ไปด้วย ซึ่งพี่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นเพราะความเป็นห่วงเป็นใยของพ่อแม่เรา ในทางกลับกัน ผู้หญิงเราก็เสียโอกาสอย่างง่ายดาย แม้เราจะมีความสามารถ มหาวิทยาลัยเลือกเราไปเรียนก็ตาม” ผู้บริหารหญิงสะท้อนกรอบทางสังคมที่มีต่อผู้หญิงในอดีต

ฝ่าฟันวิกฤต (การเงิน)

เมื่อยุภาเก็บเกี่ยวความรู้เต็มตำรา ก็ถึงเวลาเข้าสู่ “สนามการทำงาน” โดยเริ่มทำงานที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเป็นแห่งแรก ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย CFO ดูแลในส่วนของการบัญชีบริหาร (Managerial Accounting) แม้เธอจะเข้าสู่สนามการทำงานอย่างเต็มตัว เเต่เธอก็ยังไม่ทิ้งความฝันในการไปเรียนต่อ ยังคงเตรียมตัวเพื่อสานฝันต่อ ในระหว่างนั้น องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ปัจจุบัน ควบรวมกับ CAT Telecom เป็นบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)) กำลังเปิดรับพนักงาน ด้วยความที่ตั้งอยู่ละแวกเดียวกันในย่านเพลินจิต เธอจึงสมัครเข้าทำงานในส่วนงาน Corporate Planning โดยรับผิดชอบด้านกลยุทธ์การเงินของบริษัท ครอบคลุมตั้งแต่การลงทุน การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ

ในช่วงปี 2535-2539 ถือเป็นยุคเฟื่องฟูของธุรกิจโทรคมนาคมไทย รัฐบาลเปิดสัมปทานให้เอกชนมาลงทุนด้านโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์เคลื่อนที่ และที่นี่เอง ทำให้ยุภาพบกับคุณศุภชัย เจียรวนนท์ ผู้บุกเบิกธุรกิจสื่อสารของเครือซีพีภายใต้บริษัท เทเลคอมเอเชีย เนื่องจากบริษัทดังกล่าวได้รับสัมปทานจำนวน 2.2 ล้านเลขหมายจากองค์การฯ

“พี่ยังจำได้เลยวันที่พี่นั่งตรงข้ามคุณศุภชัย ร่วมเจรจาข้อสัญญาสัมปทานระหว่างทั้งสองฝ่าย และนั่นถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้พี่มาทำงานกับกลุ่มทรู ในภายหลัง” ยุภา กล่าว

งานแรกที่ได้รับมอบหมายคือที่ UTV ธุรกิจโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกผ่านสายเคเบิล ที่ถือเป็นการปฏิวัติการรับชมโทรทัศน์มีความชัดเจนพร้อมกับคอนเทนท์พิเศษที่มากกว่า โดยขณะนั้นคู่แข่งที่สำคัญอีกรายคือ IBC การแข่งขันทางธุรกิจดำเนินมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งไทยเผชิญกับ “วิกฤตต้มยำกุ้ง” เมื่อปี 2540 ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้ทั้งสองบริษัทอยู่ในภาวะแทบล้มละลาย ต้นทุนด้านคอนเทนท์ที่ซื้อจากต่างประเทศมาสูงขึ้นเป็น “เท่าตัว” ทำให้ทั้ง IBC และ UTV จำเป็นต้องควบรวมกิจการกันเป็น UBC โดยแยกออกมาเป็นนิติบุคคล มีทรูฯ และ MIH บริษัทสื่อรายใหญ่สัญชาติแอฟริกาใต้ถือหุ้นใหญ่

เบื้องหลังความไว้วางใจ

ยุภา ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งหญิงแกร่งที่ยืนหยัดอย่างท้าทาย ผ่านมาหลากวิกฤตหลายสถานการณ์ ร่วมหัวจมท้ายจนได้รับ “ความไว้วางใจ” จากคณะกรรมการบริษัทให้กุมบังเหียนดูแลด้านการเงินในตำแหน่ง CFO ทั้งที่ TrueVisions, True Move, True Online และกลุ่มทรู เป็นตำแหน่งสุดท้ายก่อนควบรวมกิจการ โดยปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) ของ ทรู คอร์ปอเรชั่น

อะไรที่ทำให้ยุภาได้รับความไว้วางใจให้ดูแลสินทรัพย์มูลค่านับแสนล้าน True Blog ถาม? เธอครุ่นคิดอยู่สักครู่ก่อนตอบว่า “สมัยที่ทำ UBC ที่นั่นความหลากหลายทั้งเชื้อชาติและภาษา ทั้งแอฟริกัน ดัช อังกฤษ กรีซ ตอนนั้นพี่ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ Deputy CFO พี่ถามนายพี่ที่เป็นชาวกรีซว่า ทำไมถึงเลือกพี่ เขาตอบว่า เพราะพี่ทุ่มเทเพื่อประโยชน์ขององค์กรอย่างเต็มที่ก่อนคิดถึงตัวเองเสมอ ไม่ว่างานนั้นจะท้าทายและยากขนาดไหนก็ตาม”

แม้โดยธรรมชาติ ความเป็นผู้หญิงจะเผชิญกับข้อจำกัดทั้งทางร่างกายและจิตใจอยู่บ้าง และบางครั้งก็สร้างประสบการณ์ที่ไม่ดี ยุภาเล่าถึงเหตุการณ์หนึ่ง ขณะนั้นเธอเดินทางไปประชุมกับคู่ค้ารายหนึ่ง ด้วยความที่อายุน้อยบวกกับความเป็นผู้หญิง ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจของฝั่งคู่ค้าคิดว่าเธอทำหน้าที่ติดตาม จนแสดงกิริยาอาการที่ไม่ให้เกียรติผู้หญิงเท่าที่ควร รู้สึกได้ถึงการถูกคุกคามทางเพศ

Stepping Stone

อย่างไรก็ตาม ยุภายังคงยืนยันว่า ความเป็นผู้หญิงไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าในอาชีพการงาน ผู้หญิงสามารถเปลี่ยนความเป็นผู้หญิงมาเป็นจุดแข็ง ก้าวข้ามข้อจำกัดทางเพศ ผ่านการค้นหาและวางเป้าหมายของชีวิต มองภาพใหญ่ คิดเป็นองค์รวม เพื่อให้เห็นตัวเองในอนาคต

“ผู้นำหญิงต้องใช้ soft power ให้เป็นความได้เปรียบ เปลี่ยนความละเอียดให้เป็นความรอบคอบ แต่ต้องมองภาพใหญ่เป็นองค์รวมก่อน จัดลำดับความสำคัญแล้วค่อยลงรายละเอียดเฉพาะเรื่องที่สำคัญเท่านั้น” นักบริหารหญิงอธิบาย

ยกตัวอย่างกรณีวางแผนการเงิน ความผิดพลาดต้องเป็น “ศูนย์” นักการเงินจึงต้องมองไปข้างหน้าและวางแผนล่วงหน้า พิจารณาปัจจัยแวดล้อม ควบคู่กับเศรษฐกิจมหภาค และที่สำคัญเราต้องมีแผนสำรองเสมอ ซึ่งตอนนี้เราเตรียมตัวเพื่อปีหน้าแล้ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีของ ทรู คอร์ปอเรชั่น ก่อนการควบรวมเราลงทุนค่อนข้างมากเพื่อขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพทำให้เรามีหนี้ค่อนข้างสูง รวมทั้งสิ้น 3.7 แสนล้านบาท มีความจำเป็นในการรีไฟแนนซ์ปีละหลายหมื่นล้านบาท โดยต้องพิจารณาถึงแหล่งเงินทุน และอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม บาลานซ์ให้เกิดความสมดุลทั้งผู้กู้และนักลงทุน ทั้งนี้เรายึดมั่นในความรับผิดชอบสูงสุดให้สมกับที่ผู้ให้กู้และนักลงทุนไว้วางใจเรา

เช่นเดียวกับกรณีการควบรวมกิจการของทรู คอร์ปอเรชั่น ดีลนี้เป็นหนึ่งในดีลที่มีมูลค่ามากที่สุดในภูมิภาค ต้องอาศัยการตัดสินใจทางการเงินอย่างแน่วแน่ภายใต้เงื่อนเวลาที่จำกัด แน่นอน...อาจมีบางช่วงที่ดีลอาจไปต่อไม่ได้ แต่การมีเจ้านายที่ดี ให้กำลังใจพร้อมสนับสนุนไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร ก็ทำให้เราก้าวต่อไปข้างหน้าได้

“ในฐานะ CFO เราบริหารเงินเยอะ บริหารความเสี่ยง เป็นความรับผิดชอบสูงสุดซึ่งพลาดไม่ได้ กำลังใจจากเจ้านาย โทรมาขอบคุณ ชื่นชมในความทุ่มเทเวลาทำงานใหญ่สำเร็จ แค่นี้ก็ทำให้เราไม่รู้สึกโดดเดี่ยว แม้ต้องรับงานหนักก็ตาม” ยุภา เผยความในใจ

เธอฝากข้อคิดแก่ผู้หญิงที่ต้องการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานว่า “ถนนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องบาลานซ์การงานและชีวิตส่วนตัวให้ดี การทำงานย่อมจะมีความคิดเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่ถ้าทุกการตัดสินใจทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของส่วนรวม-องค์กร อย่างอื่นก็เป็นเรื่องเล็กหมด และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรเราต้องยอมรับและแก้กันไป ยิ่งงานท้าทายและอุปสรรคมากเท่าไหร่ สิ่งนั้นจะเป็น Stepping Stone ที่ทำให้เราแกร่งขึ้น เติบโตขึ้น และรู้สึกภาคภูมิใจทุกครั้งที่มองกลับมา”

X

Right Click

No right click