รู้ใจ กรุ๊ป ประกาศซื้อกิจการ Lifepal โบรกเกอร์ประกันภัยออนไลน์ชั้นนําในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความโดดเด่นในการจัดจําหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ และมีผู้ใช้งานมากถึง 2 ล้านคนต่อเดือน

ในปีที่ผ่านมา Lifepal มองหานักลงทุนรายใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านประกันภัยและได้พบกับพันธมิตรการลงทุนที่สมบูรณ์แบบอย่างรู้ใจ กรุ๊ป ซึ่งการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้นับเป็นการผนึกกําลังระหว่างสองบริษัท โดย Lifepal จะเป็นผู้ให้บริการช่องทางการจัดจําหน่ายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซีย และรู้ใจ กรุ๊ป จะรับหน้าที่ในการปรับปรุงการดำเนินงานของ Lifepal ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีการกําหนดราคาและการประกันภัยที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท รวมถึงการดูแลประสบการณ์ลูกค้าเพื่อให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด

ทั้งสองบริษัทจะร่วมกันขยายการนําเสนอผลิตภัณฑ์และการจัดจําหน่ายทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้มั่นใจว่าบริการที่มอบให้นั้นครอบคลุมและตอกย้ำการให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ทั้งนี้ รู้ใจเป็นแบรนด์ประกันภัยรถยนต์อันดับ 3 ที่ได้รับความนิยมและจดจำได้มากที่สุดจากการจัดอันดับในประเทศไทย นอกจากนี้ยังครองอันดับ 1 ด้านการบริการลูกค้าและมีเป้าหมายที่จะสร้างมาตรฐานความสำเร็จเช่นเดียวกันนี้ในตลาดอินโดนีเซีย

โดยลูกค้าของ Lifepal จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการบริหารจัดการของรู้ใจ กรุ๊ป ผ่านการเสนอเบี้ยประกันในราคาย่อมเยาและประสบการณ์การบริการลูกค้าที่เหนือกว่า ซึ่งเป็นการถ่ายทอดความสําเร็จของรู้ใจจากประเทศไทยไปยังประเทศอินโดนีเซีย และพันธมิตรประกันภัยต่างๆ ของ Lifepal จะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงกระบวนการ

ประกันภัยสู่รูปแบบดิจิทัล เช่น การตรวจสภาพรถยนต์ การบริการเคลมเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน และกลยุทธ์ในการรักษาความยั่งยืนของพอร์ตโฟลิโออีกด้วย สำหรับการดําเนินงานของ Lifepal จะเป็นอิสระจากรู้ใจ อินโดนีเซีย โดย Lifepal จะเป็นผู้ให้บริการเปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์และประกันสุขภาพแบบออนไลน์ต่อไป

ทั้งรู้ใจ กรุ๊ป และ Lifepal ต่างรู้สึกตื่นเต้นกับอนาคตและมีเป้าหมายที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อนําเสนอบริการประกันภัยที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง พร้อมมุ่งมั่นให้บริการที่เป็นเลิศในอินโดนีเซียและภูมิภาคต่อไป

อลิอันซ์ เปิด รายงานอลิอันซ์ โกลบอล อินชัวรันส์ ฉบับล่าสุด (Allianz Global Insurance Report 2022) วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของตลาดประกันทั่วโลก จากรายงานนี้ ชี้ให้เห็นว่ามูลค่าเบี้ยประกันทั่วโลกเพิ่มขึ้น 5.1% ในปี 2021 โดยจำแนกเป็นประกันชีวิตเพิ่มขึ้น 4.4% และประกันวินาศภัยเพิ่มขึ้น 6.3% เป็นผลมาจากแรงขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ความตระหนักด้านความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น และเงินออมที่สูงขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์จากตลาดที่กำลังเติบโต สำหรับรายได้จากเบี้ยประกันทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 4.2 ล้านล้านยูโร (หรือประมาณ 154.6 ล้านล้านบาท) จำแนกเป็นรายได้จากเบี้ยประกันชีวิต 2.5 ล้านล้านยูโร (92 ล้านล้านบาท) และรายได้จากประกันวินาศภัย 1.7 ล้านล้านยูโร (62.6 ล้านล้านบาท) ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ปี 2021 มีการเติบโตที่อย่างมาก คือ สัดส่วนของการเติบโตของเบี้ยประกัน โดยมากกว่าสองในสามมาจากยุโรปตะวันตกและอเมริกาเหนือ กว่าครึ่งเป็นการเติบโตในตลาดสหรัฐอเมริกาตลาดเดียว อย่างไรก็ตาม ปี 2021 ถือเป็นปีสุดท้ายในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาที่มีระดับการเติบโตต่ำ 3.6% ต่อปีโดยเฉลี่ย และเป็นการเติบโตที่มาจากเอเชียเป็นส่วนใหญ่ซึ่งมีจำนวนเบี้ยประกันอื่นๆ รวมกันทั้งหมดคิดเป็น 40% และกว่าครึ่งเป็นการเติบโตในประเทศจีน ดังนั้นสัดส่วนตลาดของจีนจึงเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 12%

มีการคาดการณ์ว่าปี 2022 จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ดีมากสำหรับธุรกิจประกัน แต่สงครามในยูเครนส่งผลกระทบที่เป็นลบต่อการคาดการณ์นี้ โดยคาดว่ารายได้จากเบี้ยประกันจะสูงขึ้นประมาณ 1 จุดเปอร์เซ็นต์ (percentage point) ช้ากว่าอัตราที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากผลกระทบของสงครามต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่น ถึงแม้ว่าจะมีอัตราเงินเฟ้อเป็นปัจจัยสนับสนุน โดยรวมแล้ว เราหวังว่าจะเห็นรายได้จากเบี้ยประกันที่สูงขึ้น 4.8% ในปี 2022 และรายได้จากเบี้ยประกันชีวิตและประกันวินาศภัยเพิ่มขึ้น 4.9% และ 4.6% ตามลำดับ ตัวเลขดังกล่าวจำเป็นต้องพิจารณาตามอัตราเงินเฟ้อโลกในปีนี้ที่ 6.2%

แม้ว่าในปัจจุบันจะมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้เราอาจมองโลกในแง่ร้ายเกินไปเกี่ยวกับอนาคตในอีกหลายปีข้างหน้า ความไม่แน่นอนเหล่านี้จะทำให้เกิดความตระหนักรู้ด้านความเสี่ยงที่สูงขึ้น และเน้นให้เห็นถึงผลของปัญหาระดับโลก ซึ่งได้แก่ปัญหาทางด้านสภาพภูมิอากาศและด้านประชากรศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงนี้จะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของการป้องกันความเสี่ยง ดังนั้น จึงคาดการณ์เบี้ยประกันจะเติบโตขึ้น 4.8% ในอีกสิบปีข้างหน้า (ประกันชีวิต 4.9% และประกันวินาศภัย 4.6%) ซึ่งสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของรายได้เบี้ยประกัน 67% หรือ 2.8 ล้านล้านยูโร (103 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2032 69% หรือ 1.8 ล้านล้านยูโร (66.24 ล้านล้านบาท) ของการเติบโตนี้มาจากประกันชีวิต และ 63% หรือหนึ่งล้านล้านยูโร (36.8 ล้านล้านบาท) มาจากทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด

ลูโดวิค เซอร์บราน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มอลิอันซ์ กล่าวว่า "การระบาดของโควิด และภาวะสงครามในยูเครน เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการจัดการความเสี่ยง และความต้องการการคุ้มครองที่มากขึ้น ธุรกิจประกันจำเป็นต้องรักษาสถานะทางด้านเศรษฐกิจและสังคมไว้ให้ได้ ต้องนำเสนอโซลูชั่นใหม่ๆ สำหรับความเสี่ยงใหม่และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ประเด็นเรื่องความสามารถที่จะประกันได้และความสามารถที่จะจ่ายได้ จึงจะเป็นประเด็นที่เร่งด่วนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งเราต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และการทำงานร่วมกับ พันธมิตร ลูกค้า ผู้ให้บริการ และผู้กำหนดนโยบายในระดับที่มากกว่าที่ผ่านมา"

เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) มีอัตราการเติบโตของรายได้เบี้ยประกันรวมเพียงเล็กน้อยหรือ 0.6% จำแนกเป็นรายได้จากเบี้ยประกันชีวิต 0.3% รายได้จากเบี้ยประกันวินาศภัย 1.4% โดยสาเหตุหลักได้แก่ การหดตัวในจีน (-1.7%) รายได้จากเบี้ยประกันรวมยังมากกว่าหนึ่งล้านล้านยูโร แม้จะมีความไม่แน่นอนจากสงครามยูเครนและโควิด 19 มีความเป็นไปได้ที่การเติบโตจะเร่งขึ้นถึง 7.2% ในปี 2022 จำแนกเป็นประกันชีวิต 7.0% ทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด 7.6% และคาดว่าการเติบโตเฉลี่ยในอีก 10 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ 7.3% จำแนกเป็นประกันชีวิต 7.5% ประกันอื่นๆ 6.8% ซึ่งน้อยกว่าทศวรรษที่ผ่านมาที่เติบโตอยู่ที่ 7.5%

มิคาเอล กริม ผู้เขียนร่วมของรายงานนี้กล่าวว่า “การเติบโตในจีนอาจสิ้นสุดลงแล้ว ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ในจีนและทั่วโลก เราได้ตัดสินใจลดอัตราคาดการณ์การเติบโตของเราในตลาดจีนลง ‘แค่’ 6.9% เทียบกับ 9.2% เมื่อ 10 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตลาดประกันโลกจะยังคงเปลี่ยนฐานมาอยู่ในซีกโลกตะวันออก ประมาณ 42% ของเบี้ยประกันใหม่จะมาจากเอเชีย (ยกเว้นญี่ปุ่น) โดยครึ่งหนึ่งมาจากจีน ใครก็ตามที่กำลังมองหาการเติบโตยังคงต้องมองมาที่เอเชีย และสิ่งนี้จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในเร็ววันนี้”

ทั้งนี้ ตลาดประกันไทยโต 2.1% ในปี 2021 หลังจากลดลง 1.5% ในปีก่อนหน้า โดยเป็นการฟื้นตัวจากทั้งกลุ่มประกันวินาศภัย และประกันชีวิต กลุ่มประกันวินาศภัยกลับมาโตเป็นบวกแม้จะโตเพียง 0.8% ก็ตาม ในขณะที่กลุ่มประกันชีวิตโต 4.7% (2.1% ในปี 2020) จากการตระหนักถึงความเสี่ยงที่มากขึ้นของโควิด 19 สำหรับปี 2022 เราคาดหวังการเติบโต 3.7% (ประกันชีวิต 4.5% ประกันวินาศภัย 3.2%) ในขณะที่ธุรกิจประกันกลุ่มทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ดจะกลับมาฟื้นตัวในอีก 10 ปีข้างหน้า อัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยควรอยู่ที่ 5.9% ต่อปี (ประกันชีวิต 5.6% ประกันวินาศภัย 6.5%) ซึ่งสูงกว่าอัตราของเมื่อ 10 ปีที่แล้วที่ 5.4% แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น

อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2565
36.8 บาท ต่อ 1 ยูโร
X

Right Click

No right click