รอยัล ภูเก็ต มารีน่า หรือ RPM กำลังก้าวสู่การเป็นท่าจอดเรือชั้นนำที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หลังจากได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร หรือ CFO ทำให้ RPM ได้ก้าวไปสู่อีกขั้นของการเป็นท่าจอดเรือปลอดคาร์บอนแห่งแรกของโลก
RPM มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนทางทะเลในฐานะท่าจอดเรือแห่งเดียวในประเทศไทย และผู้นำรายแรกในภูเก็ตในกลุ่มอุตสาหกรรมท่าจอดเรือ โรงแรม และอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร CFO ประจำปี 2566 จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ในนาม อบก. (TGO) อันแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการดำเนินการด้านคาร์บอนฟุตพริ้นท์ การชดเชยคาร์บอน เพื่อนำไปสู่การจัดการและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศและมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในอนาคต โดยการรับรองนี้เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงประสิทธิภาพของกระบวนการในการบริหารงานภายในองค์กร ที่ได้รับหลังจากการประเมินผลงานด้านการจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร โดยมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์การรับรองขององค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการรับรองระบบ ในนาม International Accreditation Forum และ คณะกรรมการการมาตรฐานแห่งชาติ หรือ National Standardization Council of Thailand
นายกูลู ลัลวานี หัวเรือใหญ่ของ RPM เน้นย้ำว่า "การผ่านการรับรอง CFO ครั้งนี้ ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความทุ่มเทอันแน่วแน่ของเรา ในด้านความยั่งยืน สะท้อนให้เห็นในทุกแง่มุมของการดำเนินงานอย่างตั้งใจ เรามีความยินดีที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานภาครัฐในฐานะท่าจอดเรือแห่งเดียวของประเทศไทย และผู้นำรายแรกในภูเก็ตในกลุ่มอุตสาหกรรมท่าจอดเรือ โรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป้าหมายของเราคือรักษามาตรฐานการเป็นท่าจอดเรือที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่สุดอีกแห่งของเอเชียรอยัล ภูเก็ต มารีน่า เรามุ่งเน้นการพัฒนาสู่การเป็นผู้นำด้านการดำเนินธุรกิจมุ่งสู่คาร์บอนต่ำ สู่การเป็นท่าจอดเรือที่ปลอดคาร์บอนแห่งแรกของโลก ตั้งเป้าเป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำสำหรับการใช้ชีวิต การทำงาน การพักผ่อนหรือแม้แต่การเฉลิมฉลอง ตามแบบวิถีชีวิตของนักท่องเที่ยวทางทะเล ณ เมืองท่องเที่ยวชั้นนำของโลก อย่างภูเก็ตแห่งนี้
นอกเหนือจากสิ่งอํานวยความสะดวกในท่าจอดเรือของเราแล้ว เรายังคงพัฒนาและยกระดับที่พักอาศัยชั้นเลิศ ศูนย์กลางร้านค้า สำหรับผู้คนที่ต้องการวิถีชีวิตที่แตกต่าง ยิ่งไปกว่านั้น RPM ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างแท้จริง จากการได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลด้านองค์กรเพื่อสิ่งแวดล้อม จัดโดยหอการค้า เนเธอร์แลนด์ – ไทย NTCC ที่ตอบโจทย์ต่อความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน สิ่งแวดล้อม สังคม และการกํากับดูแลกิจการ (ESG)
อีกทั้งยังเป็นตัวแทนเดียวจากท่าจอดเรือในภูเก็ตที่ได้ร่วมแบ่งปันวิสัยทัศน์ในงานสัมมนาหัวข้อ “ยุทธศาสตร์สู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวยั่งยืนของอันดามัน” หรือ Andaman Sustainable Tourism Forum ครั้งที่ 1 จัดโดย มูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน และสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต”
อีกหนึ่งความสำเร็จของ RPM คือ การเปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ โดยในปีนี้เอง RPM ได้รับใบประกาศเกียรติคุณ อย่าง Letter of Recognition หรือ LOR ภายใต้โครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก หรือเรียกโดยย่อว่าโครงการ LESS ซึ่งจัดโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกแห่งประเทศไทย หรือ อบก. นั่นเอง ท่าจอดเรือของ RPM สามารถตอบสนองต่อความต้องการพลังงานได้มากถึง 40% ต่อวัน ผ่านการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่สะอาดและยั่งยืน ทั้งนี้องค์กรยังมีแผนพัฒนาเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่อง สู่การเป็นท่าจอดเรือปลอดคาร์บอนของโลก
นอกจากนี้ RPM เอง ร่วมมือกับพันธมิตรทางเรือต่าง ๆ ในการลดการใช้ขวดพลาสติกในกิจกรรมการเดินเรือทุกประเภท ตั้งเป้าหากสำเร็จจะสามารถช่วยลดขวดพลาสติกไปได้ราว ๆ กว่า 4 ล้านขวดต่อปี ความร่วมมือเหล่านี้ยังครอบคลุมไปถึงพันธมิตรอื่น ๆ มากมาย อาทิเช่น องค์กร Seakeepers, มูลนิธิ Oceans For All, License To Clean, บริษัท Wawa Creations และ Disabled Sailing Thailand หรือที่รู้จักกันในนาม สมาคมกีฬาเรือใบสำหรับคนพิการ อีกด้วย
ทั้งหมดนี้ถือเป็นก้าวแรกและก้าวสำคัญของ รอยัล ภูเก็ต มารีน่า ในการเดินทางสู่การเป็นท่าจอดเรือปลอดคาร์บอนแห่งแรกของโลก ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
อมาธารา เวลเนส รีสอร์ท ทำข้อตกลงความร่วมมือกับ รอยัล ออร์คิด ฮอลิเดย์ และ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ในเครือโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ คิดค้นโปรแกรมเพื่อส่งเสริมการป้องกันสุขภาพและปรับสมดุลของร่างกายแบบองค์รวม (Holistic Vitality Program) เพื่อร่วมส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับไฮเอนด์ของเมืองไทยให้เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวระดับหรูทั่วโลก ตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาลในการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติในอนาคต
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ปรารถนา ปุณณกิติเกษม ผู้อำนวยการ อมาทารา อะ เดสทิเนชั่น สปา เปิดเผยว่า “อมาธารา เวลเนส รีสอร์ท เป็นสปารีสอร์ทเพื่อสุขภาพระดับไฮเอนด์แห่งแรกและแห่งเดียวของภูเก็ตที่มุ่งมั่นตามแนวคิดการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมและการปรับสมดุลของร่างกายโดยใช้วิทยาการสมัยใหม่ โปรแกรมการดูแลรักษาสุขภาพชั้นเลิศที่ออกแบบมาให้ครอบคลุมเป้าหมายที่หลากหลาย นับตั้งแต่การขับสารพิษ การควบคุมน้ำหนัก การชะลอวัยที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลในรูปแบบโปรแกรมเพื่อสุขภาพไปจนถึงโปรแกรมการพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบ เพื่อให้ผู้ใช้บริการรู้สึกรื่นรมย์ ผ่อนคลายและสามารถบรรลุผลสัมฤทธิ์ด้านสุขภาพที่ต้องการ ทำให้เรามุ่งมั่นคิดค้นโปรแกรมเพื่อสุขภาพแบบบูรณาการแนวใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมพลานามัยและประสบการณ์การพักผ่อนระดับสูงของผู้ใช้บริการทุกท่าน”
“ซึ่งครั้งนี้ เราได้ร่วมกับศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ในการพัฒนาโปรแกรมเพื่อส่งเสริมการป้องกันสุขภาพและปรับสมดุลของร่างกายแบบองค์รวมเพื่อชีวิตที่ยืนยาว (Holistic Vitality Program) เพื่อมอบประสบการณ์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมชั้นเลิศ จากการผสมผสานระหว่างการตรวจประเมินทางการแพทย์บนมาตรฐานระดับโลก ทั้งในด้านดัชนีการมีอายุยืนยาว การให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ ผสานกับโปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวมและบริการห้องพักริมทะเลระดับหรู พร้อมการจัดอาหารตามหลักโภชนาการ อาหารเสริม วิตามิน และทรีทเมนท์เพื่อสุขภาพตามความต้องการเฉพาะรายของแขกแต่ละท่าน โดยมีจุดประสงค์เพื่อการมีชีวิตที่ยืนยาว การชะลอวัย และการสร้างสมดุลแก่สุขภาพแบบองค์รวมทั้งทางกาย ใจ และความสงบสุขภายใน ภายใต้การทดสอบทางการแพทย์สมัยใหม่และคำแนะนำที่มีประโยชน์ รวมถึงการใช้ทรีทเมนท์เพื่อมอบความผ่อนคลายและสมดุล กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ และโภชนาการที่ถูกต้อง” ผศ. ดร. ปรารถนา กล่าวสรุป
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ แพทย์ทางด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย สูตินรีเวช แบรนด์แอมบาสเดอร์ ศูนย์สุขภาพไวทัลไลฟ์ และ ผู้อำนวยการศูนย์สูตินรีเวช โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์จะใช้ประสบการณ์อันยาวนานในด้านการชะลอวัยและการส่งเสริมสุขภาพเพื่อการมีชีวิตที่ยืนยาว รวมถึงการใช้ดัชนีการมีอายุยืนยาวของไวทัลไลฟ์ (Vitallife Vitality Index) ซึ่งจะพิจารณาองค์ประกอบต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการมีสุขภาพดี ได้แก่ฮอร์โมน ความดันโลหิต ความเครียด การดำเนินชีวิต สมรรถภาพร่างกาย องค์ประกอบของร่างกาย ภาวะการอักเสบ และแม้แต่อาหารที่เราบริโภค เพื่อมอบประโยชน์แก่ลูกค้าของอมาธารา ซึ่งดัชนีรูปแบบใหม่ล่าสุดนี้ได้รับการออกแบบขึ้นเพื่อช่วยในการจัดโปรแกรมเพื่อความยืนยาวของชีวิตแบบองค์รวม ซึ่งเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่ในด้านการทำนายสุขภาพ การป้องกัน การคืนความแข็งแรงและฟื้นฟูร่างกาย”
คุณอลิศรา คิดหมาย ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจท่องเที่ยว Royal Orchid Holidays เปิดเผยว่า การร่วมมือระหว่างอมาธารา เวลเนส รีสอร์ท และ รอยัล ออร์คิด ฮอลิเดย์ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ “รอยัล ออร์คิด ฮอลิเดย์ มีความพร้อมในการสนับสนุนโปรแกรมการดูแลสุขภาพของ อมาธารา ด้วยการโปรโมทและจำหน่ายโปรแกรมผ่านช่องทางการขายของรอยัล ออร์คิด ฮอลิเดย์ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถจองบัตรโดยสาร และซื้อบริการเพื่อสุขภาพมาตรฐานระดับสากล บริการโรงแรมห้องพักชั้นนำ และสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังได้แบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว ตอบสนองนโยบายภาครัฐในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมระดับสากลของเอเชีย”
นอกจากสิทธิประโยชน์ในการซื้อแพ็คเกจโปรแกรมเพื่อส่งเสริมการป้องกันสุขภาพและปรับสมดุลของร่างกายแบบองค์รวมเพื่อชีวิตที่ยืนยาว (Holistic Vitality Program) พร้อมกับบัตรโดยสารราคาพิเศษจากรอยัล ออร์คิด ฮอลิเดย์ แล้วผู้บริโภคยังจะได้รับสิทธิพิเศษอีกมากมายจากการร่วมมือครั้งนี้ อาทิ รับไมล์สะสมสองเท่า การอัพเกรดห้องพัก (ตามความสามารถในการให้บริการ) ชุดของขวัญเพื่อสุขภาพหนึ่งชุดต่อหนึ่งห้องพัก ตลอดจนส่วนลดค่าอาหารและเครื่องดื่มและสปาทรีทเมนท์
จากซ้ายไปขวา: อีริค เวเบอร์ ผู้จัดการทั่วไป อมาธารา เวลเนส รีสอร์ท, ฟีบี บุญเกิด ผู้อำนวยการฝ่ายเวลเนสและพั
สำหรับข้อตกลงความร่วมมือระหว่างอมาธารา เวลเนส รีสอร์ท และ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ครอบคลุมการทำงานหลายด้าน ซึ่งรวมถึงการพัฒนาโปรแกรมการดูแลรักษาสุขภาพสำหรับลูกค้า รวมถึงบริการแนะแนวเรื่องสุขภาพและผลิตวิตามินโดยแพทย์ของทางศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ยังทำให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมกิจกรรมการตลาด โดยเน้นการโปรโมทโปรแกรมเพื่อส่งเสริมการป้องกันสุขภาพและปรับสมดุลของร่างกายแบบองค์รวมเพื่อชีวิตที่ยืนยาว (Holistic Vitality Program) ของอมาธารา ซึ่งให้ความสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่
กาย: ผ่านการตรวจสอบองค์ประกอบของร่างกายและการตรวจประเมินร่างกายเบื้องต้น และการให้บริการต่าง ๆ โดยรวมถึงกายภาพบำบัด สปาทรีทเมนท์ (ทรีทเมนท์สปาอมาธาราซิกเนเจอร์, ทรีทเมนท์ไทยฮัมมัม, ทรีทเมนท์การนวดบำบัดแผนไทย, Thai Yoga Massage, และ Thai Thermal Therapy) การนวดบำบัดแบบอายุรเวช (Abhyanga, Kati Vasti, Shirodara) ทรีทเมนท์ขับสารพิษและกระชับสัดส่วน การออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพและความแข็งแรงของร่างกาย (TRX, มวยไทย, Pilates Reformer, Pilates on Mat, Kinesis, Core bag and Kettle Bell Training, การออกกำลังกายส่วนบุคคล, การยืดเส้นกล้ามเนื้อ, ว่ายน้ำ และ แอโรบิคในน้ำ)
ทรีทเมนท์ไทยฮัมมัม
ใจและอารมณ์: ผ่านกิจกรรมการบริหารความเครียด เช่น การบำบัดด้วยโยคะ การควบคุมลมหายใจด้วยโยคะ โยคะนิทราส่งเสริมการนอนหลับ การทำสมาธิ และการฝึกฝนแบบ Life coaching
โปรแกรมส่งเสริมพลังชีวิตภายในแบบองค์รวม: ผ่านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมและการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลทั้งในด้านทรีทเมนท์ กิจกรรม โภชนาการและอาหารเสริมเฉพาะรายตามผลการทดสอบดัชนีของโปรแกรมเพื่อส่งเสริมการป้องกันสุขภาพและปรับสมดุลของร่างกายแบบองค์รวมเพื่อชีวิตที่ยืนยาว
ระยะเวลาการเข้าร่วมโปรแกรม 5 วัน 4 คืน ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 105,900 บาท ในกรณีที่เข้าใช้บริการสองท่าน และ 117,400 บาท หากเข้าใช้บริการเพียงท่านเดียว ราคาดังกล่าวรวมบริหารห้องพักระดับห้าดาว การให้คำปรึกษาทางเวลเนสโดยผู้เชี่ยวชาญ อาหารสุขภาพสามมื้อต่อวันตามหลักโภชนาการ ทรีทเมนท์และกิจกรรมตามโปรแกรม โดยศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์จะให้บริการตรวจเลือด การให้คำปรึกษาโดยแพทย์และการจ่ายอาหารเสริมและวิตามินตามความต้องการเฉพาะราย เพื่อให้แขกแต่ละท่านสามารถมีชีวิตยืนยาวได้แบบองค์รวมต่อไปแม้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ