ครั้งแรกกับโครงการใหญ่ “Alipay+-in-China” (A+China) ที่ช่วยให้ผู้ใช้โมบายวอลเล็ท 10 แบรนด์ชั้นนำจากไทย มาเลเซีย มองโกเลีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง และเขตบริหารพิเศษมาเก๊า สามารถใช้อีวอลเล็ทของประเทศตนเองในจีนแผ่นดินใหญ่ได้แล้ว สร้างการเข้าถึงให้กับประชากรกว่า 175 ล้านคน  ถือเป็นการขยายอีโคซิสเต็มการชำระเงินผ่านมือถือ หรือโมบายเพย์เมนต์ระหว่างประเทศครั้งใหญ่ของ Alipay+ สู่เครือข่ายผู้ค้าจำนวนมากของจีน

โครงการ A+China เป็นความคิดริเริ่มของแอนท์กรุ๊ปที่จะช่วยแนะนำบริการชำระเงินผ่านมือถือระหว่างประเทศในจีน โดยร่วมมือกับพันธมิตรอีวอลเล็ท และองค์กรบัตรระหว่างประเทศ ก่อนที่จะมีการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ที่หางโจว

ภายใต้โครงการนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถเลือกที่จะผูกบัตรธนาคารระหว่างประเทศของตนกับ Alipay เวอร์ชั่นสากลที่อัปเดตแล้ว เพื่อเพลิดเพลินกับการชำระเงินผ่านมือถือและบริการดิจิทัลไลฟ์ขณะที่ท่องเที่ยวในประเทศจีน

  

การเพิ่มของอีวอลเล็ทดังกล่าวจะส่งผลให้จำนวนอีวอลเล็ทต่างประเทศที่ได้รับการยอมรับในจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้นเป็น 10 ราย โดย AlipayHK (เขตปกครองพิเศษฮ่องกงของจีน), Touch ’n Go eWallet (มาเลเซีย) และ Kakao Pay (เกาหลีใต้) เป็นบริการนำร่องภายใต้โครงการนี้ตั้งแต่ปลายปี 2565 โดยรวมแล้ววิธีการชำระเงินเหล่านี้สามารถเข้าถึงประชากรกว่า 175 ล้านคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียตะวันออก

ผู้ใช้อีวอลเล็ทเหล่านี้สามารถใช้แอปชำระเงินของตนเองได้ทุกที่ที่มีการให้บริการของ Alipay เพื่อเพลิดเพลินกับการชำระเงินแบบไร้เงินสดที่ราบรื่นและปลอดภัย รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่โปร่งใสและแข่งขันได้ นอกจากนี้ ยังได้รับสิทธิประโยชน์มากมายจากโปรโมชั่นต่างๆ ผ่าน Alipay+ Rewards ซึ่งเป็นฮับการตลาดดิจิทัลระหว่างประเทศที่อยู่ในวอลเล็ท โดยทีมงานของวอลเล็ทต่างๆ ยังคงให้บริการสนับสนุนลูกค้าที่ใช้โรมมิ่ง โดยอาศัยความสามารถด้านเทคโนโลยีการชำระเงินแบบอัจฉริยะของ Alipay+

ภายใต้โครงการ A+China ทาง Alipay+ ยังได้ต้อนรับพันธมิตรการชำระเงินผ่านมือถือรายใหม่อย่างเป็นทางการอีก 5 ราย ซึ่งได้แก่ Hipay, Changi Pay, OCBC, Naver Pay และ Toss Pay เข้าสู่เครือข่ายผู้ค้าทั่วโลกของ Alipay+

Alipay+ ซึ่งเป็นชุดโซลูชั่นการชำระเงินผ่านมือถือระหว่างประเทศ รวมถึงโซลูชั่นการตลาดและดิจิทัลที่พัฒนาโดยกลุ่มธุรกิจระหว่างประเทศของแอนท์กรุ๊ป ช่วยให้พันธมิตรด้านการชำระเงินสามารถเชื่อมผู้ค้าทั่วโลกและผู้ค้าในระดับท้องถิ่นเข้ากับผู้บริโภคดิจิทัลจากต่างประเทศได้เป็นอย่างดี

นอกจากประเทศจีน Alipay+ ยังเข้าถึงผู้ค้า 5 ล้านรายใน 56 ตลาด และทำงานร่วมกับพันธมิตรด้านการชำระเงินผ่านมือถือกว่า 20 รายทั่วเอเชีย ซึ่งรวมกันแล้วสามารถให้บริการกับผู้บริโภคได้มากกว่า 1.4 พันล้านบัญชี ตอนนี้โครงการ A+China ได้ขยายบริการ Alipay+ เข้าสู่เครือข่ายผู้ค้าขนาดใหญ่ของจีนที่มีจุดขายสินค้าและบริการ (POS) หลายสิบล้านแห่ง

โครงการ A+China จัดตั้งขึ้นภายใต้การแนะนำของธนาคารประชาชนจีน และได้รับการสนับสนุนจาก NetsUnion Clearing Corporation รวมถึงพันธมิตรด้านอีวอลเล็ท องค์กรบัตรระหว่างประเทศ ตลอดจนสถาบันการเงินอื่นๆ ในจีน นักท่องเที่ยวยังสามารถเลือกที่จะผูกบัตรธนาคารระหว่างประเทศของตนกับ Alipay เวอร์ชั่นสากลที่อัปเดตแล้ว เพื่อเพลิดเพลินกับการชำระเงินผ่านมือถือและบริการดิจิทัลไลฟ์ขณะที่พำนักอยู่ในประเทศจีน

พร้อมกันนี้ แอนท์กรุ๊ปยังได้เปิดตัวแคมเปญด้านการตลาดและให้ความรู้แก่ผู้ค้าทั่วจีนแผ่นดินใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองท่องเที่ยวชั้นนำ เพื่อต้อนรับเหล่านักกีฬา แฟนๆ และนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย

ดักลาส ฟีกิน รองประธานอาวุโสของแอนท์กรุ๊ป และหัวหน้าฝ่ายบริการการชำระเงินผ่านมือถือระหว่างประเทศของ Alipay+ กล่าวว่า การขยายจำนวนพันธมิตรและเครือข่ายร้านค้า และการยกระดับขีดความสามารถการดำเนินงานด้านดิจิทัลของเอสเอ็มอี ถือเป็นกุญแจสำคัญสำหรับกลยุทธ์ในอนาคตของ Alipay+ “ผู้ให้บริการชำระเงินผ่านมือถือจำนวนมากเข้าร่วมอีโคซิสเต็มของการค้าดิจิทัลระหว่างประเทศมากขึ้น ตั้งแต่โมบายวอลเล็ท ไปจนถึงแอปธนาคาร แอปของผู้ค้าอิสระ และซูเปอร์แอป เรามีแผนที่จะลงทุนเจาะลึกให้รวดเร็วมากขึ้นสำหรับเทคโนโลยีการชำระเงินและดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง เพื่อช่วยให้พันธมิตรและผู้ค้าของเราเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกช่องทาง” ฟีกินกล่าว

ในฐานะสถาบันผู้ให้บริการเคลียร์ริ่งที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารประชาชนจีน NetsUnion Clearing Corporation ให้บริการแลกเปลี่ยนข้อมูลการทำธุรกรรมที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพและบริการหักบัญชีกองทุนสำหรับการชำระเงินมือถือระหว่างประเทศของแอนท์กรุ๊ป และดิจิทัลวอลเล็ทในต่างประเทศ เรามุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนที่แข็งแกร่งสำหรับการชำระเงินผ่านมือถือระหว่างประเทศในเหตุการณ์ต่างๆที่สำคัญ เช่น หางโจวเอเชียนเกมส์ เพื่อช่วยบ่มเพาะการบริโภคระหว่างประเทศที่เปิดกว้างและครอบคลุมในประเทศจีน รวมถึงส่งเสริมการหมุนเวียนคุณภาพสูงของวัฏจักรเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ NetsUnion Clearing Corporation of China กล่าว

เอริก จิง ประธานและซีอีโอของแอนท์กรุ๊ป กล่าวว่า “ในฐานะพันธมิตรด้านการชำระเงินอย่างเป็นทางการของเอเชียนเกมส์ เรารู้สึกขอบคุณอย่างมากสำหรับคำแนะนำของธนาคารประชาชนจีน การสนับสนุนของ NetsUnion Clearing Corporation และความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินและองค์กรบัตรระหว่างประเทศรายใหญ่ ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้เราสามารถดึงดูดผู้ใช้โมบายวอลเล็ททั่วโลกและผู้ใช้บัตรธนาคารในต่างประเทศมายังจีน นับเป็นการสร้างแรงบันดาลใจอย่างดีเยี่ยมที่เราได้เห็นความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ ในระดับภูมิภาค เพื่อช่วยให้นักท่องเที่ยวเพลิดเพลินกับทางเลือกและความสะดวกสบายมากขึ้น ขณะที่ธุรกิจขนาดเล็กก็ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจการค้าระหว่างประเทศด้วยนวัตกรรมที่แปลกใหม่ เรามุ่งหวังที่จะสร้างความร่วมมือที่กว้างและเจาะลึกมากขึ้น เพื่อสานต่อภารกิจร่วมกันของเราในการทำให้โลกน่าอยู่มากขึ้นโดยอาศัยพลังของเทคโนโลยีดิจิทัล”

จำนวนธุรกรรมการชำระเงินทั้งหมดในประเทศจีนผ่านวอลเล็ทนำร่องของ A+China ซึ่งได้แก่ Kakao Pay, Touch ’n Go eWallet และ AlipayHK เพิ่มขึ้น 47 เท่าในช่วงหกเดือน ระหว่างเดือนมีนาคมถึงสิงหาคม 2566 ทั้งนี้ เซี่ยงไฮ้ กวางโจว และเซินเจิ้นเป็นเมืองยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้ มาเลเซีย และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง โดยอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจค้าปลีก และการคมนาคมขนส่งเป็นสามหมวดหมู่ที่มีการทำธุรกรรมเหล่านี้มากที่สุด

จากข้อมูลของ PricewaterhouseCoopers1 ภายในปี 2573 จำนวนธุรกรรมไร้เงินสดจะเพิ่มขึ้นประมาณสองเท่าหรือสามเท่า ขณะที่จีนเป็นผู้นำในภูมิภาคสำหรับการใช้ดิจิทัลวอลเล็ท ส่วนพื้นที่อื่นๆ ในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้กลายเป็นตลาดการชำระเงินผ่านมือถือที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ผลการศึกษาของ FIS2 ชี้ว่า ระหว่างปี 2561 ถึง 2566 ดิจิทัลวอลเล็ทในภูมิภาคนี้ (ไม่รวมจีน) มีส่วนแบ่งมูลค่าธุรกรรมอี-คอมเมิร์ซเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า และส่วนแบ่งมูลค่าธุรกรรมการชำระเงิน ณ จุดขายเพิ่มขึ้นหกเท่า

ปัจจุบันเทคโนโลยีคลาวด์ กลายเป็นบริการขั้นพื้นฐานที่แทบทุกองค์กรในประเทศไทยหันมาปรับใช้ในกระบวนการทำงานของตนเองกันอย่างพร้อมเพรียงกัน เพราะคลาวด์ถือเป็นตัวแปรหลักที่สามารถช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน พัฒนาประสิทธิภาพของการทำงานในองค์กร และที่สำคัญคือสามารถช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจจากการลดต้นทุนและส่งมอบสินค้าหรือบริการที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า จุดแข็งที่กล่าวมาทั้งหมดทำให้องค์กรต่างๆ ในบ้านเรา ตั้งแต่ธุรกิจขนาดใหญ่มาจนถึงขนาดเล็กอย่างเอสเอ็มอี ต่างปรับตัวมาใช้งานคลาวด์กันอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ภาคอุตสาหกรรมที่ต่างกันก็มีความต้องการใช้งานเทคโนโลยีคลาวด์ในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป และการเกิดขึ้นของรูปแบบธุรกิจหรือบริการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งทำให้ภาคองค์กรไทยมีความต้องการที่จะติดตั้งและใช้บริการคลาวด์ที่หลากหลายยิ่งขึ้นตามไปด้วย บริการของเทคโนโลยีคลาวด์ในอนาคตจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้มีความยืดหยุ่น ไร้ขอบเขต รองรับฟีเจอร์ทุกรูปแบบที่องค์กรไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคตต่างมองหา

นายสุรศักดิ์ วนิชเวทย์พิบูล หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี แผนกธุรกิจคลาวด์ ประเทศไทย บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับทิศทางของเทคโนโลยีคลาวด์สำหรับองค์กรในอนาคตว่า หัวเว่ยเชื่อว่าเสาหลักสำคัญของคลาวด์แห่งอนาคตคือการมีสถาปัตยกรรมที่สามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว สามารถปรับแต่งให้เข้ากับรูปแบบการดำเนินธุรกิจได้หลากหลายรูปแบบ รองรับข้อจำกัดของการประกอบกิจการที่แตกต่างกันไป โดยหัวใจสำคัญคือเทคโนโลยีคลาวด์ในยุคใหม่ต้องสามารถปรับแต่งบริการสำหรับลูกค้าให้ตอบสนองเทรนด์ของการดำเนินธุรกิจได้ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต โดยมีฟีเจอร์สำคัญ 3 ข้อ ดังต่อไปนี้:

  1. สถาปัตยกรรมแบบไร้ขอบเขต (Regionless Architecture) ฟีเจอร์ที่จะทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้บริการเทคโนโลยีคลาวด์ได้แม้จะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี อีกทั้งยังสามารถใช้บริการคลาวด์ได้จากพื้นที่ทั้งภายในประเทศไทยหรือต่างประเทศ โดยเราเรียกเทคโนโลยีคลาวด์นี้ว่า Global Cloud Resource Orchestration & Scheduling (GOS) ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ล้ำสมัยกว่าเดิมและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น หากองค์กรต้องการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือเน้นเรื่องความยั่งยืน (Go Green) หัวเว่ยก็สามารถช่วยกำหนดได้ว่าเราควรจะใช้เทคโนโลยีหรือวิธีการใดที่จะมาช่วยลดผลกระทบกับทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายเรื่องโครงข่าย และยังช่วยจัดระเบียบศูนย์ข้อมูล (Data Center) ให้ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนหรือโยกย้ายได้ตามต้องการ ในส่วนของแอปพลิเคชัน หัวเว่ยยังมีฟีเจอร์ Ubiquitous Cloud Native Service (UCS) ที่จะช่วยจัดการระบบคลาวด์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นคลาวด์สาธารณะ (Public Cloud) คลาวด์ส่วนตัว (Private Cloud) หรือไฮบริดคลาวด์ (Hybrid Cloud) โดยมีจุดเด่นในเรื่องที่สามารถเคลื่อนย้ายข้อมูลไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลกได้โดยใช้เวลาไม่ถึงนาที มอบอิสระในการกระจายบริการไปยังประเทศต่าง ๆ ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วจากที่ไหนก็ได้ อีกทั้งยังมีค่าความหน่วง (Latency) ที่ต่ำอีกด้วย
  2. การประมวลผลผ่านเครือข่ายที่มีความยืดหยุ่น (Flexible Computing) คลาวด์ของหัวเว่ยมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้ระบบต่าง ๆ สามารถทำงานสอดประสานกันได้เป็นอย่างดี ยังสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็ว และที่สำคัญคือมีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาประยุกต์ใช้เพื่อกระจายกำลังการทำงาน ดึงทรัพยากรส่วนที่ยังไม่ถูกใช้งานมาเสริมส่วนที่กำลังใช้งาน เพื่อส่งมอบประสิทธิภาพการทำงานที่ดีที่สุดและราบรื่นที่สุดให้แก่ลูกค้า

ทั้งนี้ เทคโนโลยีคลาวด์ของหัวเว่ยยังสามารถนำไปใช้งานเป็นโครงส้รางพื้นฐานร่วมกับเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงในปัจจุบันอย่างเทคโนโลยี AI ได้ด้วยเช่นกัน โดย ดร. กอบกฤตย์ วิริยะยุทธกร ตัวแทนจากสมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ของประเทศไทยได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “ส่วนตัวผมใช้งานคลาวด์ของหัวเว่ยแล้วรู้สึกประทับใจมาก เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงจนเรียกได้ว่า Zero Downtime ตั้งแต่ผมใช้งานมายังไม่เคยมีช่วงไหนที่ระบบขัดข้องสักครั้ง นอกจากนี้ การรับส่งข้อมูลก็มีความรวดเร็ว มีค่าความหน่วง (Latency) ต่ำ ทำให้เราสามารถใช้ในการตรวจจับวัตถุด้วยเทคโนโลยี AI ผ่านการสตรีมภาพวิดีโอจากสถานที่จริง ช่วยให้พนักงานไม่ต้องเดินทางไปที่หน้าไซต์งาน โดยระหว่างการใช้บริการก็จะมีเจ้าหน้าที่จากหัวเว่ยคอยให้คำปรึกษาตลอด ทำให้เหมาะกับคนที่ต้องการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ประสิทธิภาพสูง ที่มาพร้อมกับการบริการที่ดีในราคาที่ย่อมเยา”

  1. การบริหารจัดการการทำงานของแอปพลิเคชันบนคลาวด์ (Cloud Application Operation) ฟีเจอร์ดังกล่าวจะช่วยส่งมอบคุณภาพด้านเครือข่าย (Network) ที่ดีขึ้นและสามารถทำให้เข้าถึงข้อมูลได้จากทุกแห่งทั่วโลก เช่น หากต้องแลกเปลี่ยนข้อมูลไปที่สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ระบบจะค้นหาเส้นทางที่ดีที่สุดในภูมิภาคนั้น เพื่อให้ส่งต่อข้อมูลได้ไว ลดค่าความหน่วง (Latency) ให้น้อยที่สุด ทำให้บริการคลาวด์นั้น ๆ สามารถเข้าถึงลูกค้าในหลายภูมิภาค (Multiple Region) ได้รวดเร็วกว่าเดิมและมีค่าใช้จ่ายที่น้อยลง

หัวเว่ยยังได้ชูวิสัยทัศน์ที่ต้องการสร้างซุปเปอร์คลาวด์คอมพิวติ้ง (Super Cloud Computing) ให้เป็นเสมือนคลาวด์หนึ่งเดียวทั่วโลก เพื่อให้เกิดเป็นการใช้เทคโนโลยีคลาวด์เนทีฟแบบไร้ขอบเขตและไร้รอยต่อ (Regionless) อย่างแท้จริง ลดข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ที่เกิดจากการให้บริการคลาวด์ที่ยังคงยึดติดกับพื้นที่ในการให้บริการ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลไปทั่วโลกได้อย่างเต็มประสิทธิภาพหรือใช้เวลายาวนานเกินความจำเป็น และอาจส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจที่ต้องอาศัยความรวดเร็วเป็นแต้มต่อในการแข่งขัน รวมทั้งองค์กรอาจต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่การใช้คลาวด์เนทีฟแบบไร้ขอบเขตจะช่วยให้การเชื่อมต่อใช้งานระหว่างประเทศเป็นไปอย่างราบรื่น รวดเร็ว มีความเสี่ยงที่ข้อมูลจะเสียหายต่ำ เนื่องจากระบบอัจฉริยะจะช่วยเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดในการส่งต่อข้อมูล โดยทั้งหมดนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้บริการคลาวด์ให้แก่องค์กรได้อีกด้วย

การก้าวข้ามขีดจำกัดเกี่ยวกับขอบเขตของการให้บริการคลาวด์ตามหลักของหัวเว่ยคือ การนำเสนอเทคโนโลยีคลาวด์ที่ใช้งานได้แบบไร้ขอบเขต ใช้ได้จากทุกที่ทั่วโลก ใช้งานง่าย และมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยตอบรับเทรนด์ของการดำเนินธุรกิจในอนาคต และยังสามารถช่วยให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ในประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันที่สูงขึ้น มีโอกาสขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น ตลอดจนตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายรูปแบบจากความยืดหยุ่นทางธุรกิจที่มากขึ้น ในขณะที่ผู้บริโภคก็จะได้ประโยชน์จากการได้รับการบริการที่รวดเร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศไหนก็สามารถได้รับการให้บริการที่ได้มาตรฐานระดับโลก

ทั้งนี้ หัวเว่ย คลาวด์ สนับสนุนการขับเคลื่อนกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลให้กับอีโคซิสเต็มของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ผ่านการสนับสนุนพาร์ทเนอร์สำคัญทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชน ด้วยเทคโนโลยีคลาวด์ทั้งแบบคลาวด์ส่วนตัว คลาวด์สาธารณะ หรือไฮบริดคลาวด์ รวมถึงกลยุทธ์การให้บริการคลาวด์ในรูปแบบ Everything as a Service สอดคล้องกับพันธกิจของหัวเว่ยในการ “เติบโตในประเทศไทย ร่วมสนับสนุนประเทศไทย” และการผลักดันประเทศไทยในการก้าวขึ้นสู่การเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลแห่งภูมิภาคอาเซียนในอนาคตอันใกล้

ภายใต้งานประชุมระดับโลก พร้อมมอบรางวัลแก่พาร์ทเนอร์ไทยที่มีบริการและโซลูชันด้านคลาวด์ยอดเยี่ยม

X

Right Click

No right click