บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด นำโดย นายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Smart System Solution Business, SCG (ที่ 4 จากขวา) ร่วมกับ Mr.Christian Weeks, Chief Executive Officer of enVerid Systems, Inc. (ที่ 3 จากขวา) พันธมิตรผู้ให้บริการโซลูชันดูแลคุณภาพอากาศภายในอาคารอย่างยั่งยืน ผนึกกำลังร่วมกันนำเสนอเทคโนโลยี SCG Air Scrubber เทคโนโลยีหนึ่งเดียวภายใต้ความร่วมมือระหว่าง SCG และ enVerid จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับเกียรติให้จัดแสดงในงาน COP28 (Conference of the Parties) หรือ การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีเป้าหมายในการสร้างแนวทางข้อตกลงระดับโลก เพื่อร่วมกู้วิกฤติการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยมีผู้นำกว่า 200 ประเทศเข้าร่วม ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 28 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 12 ธันวาคม 2566 ณ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยงานนี้ นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี (ที่ 3 จากซ้าย) ได้เข้าเยี่ยมชมงานแสดงเทคโนโลยี SCG Air Scrubber พร้อมให้กำลังใจแก่ทีมงานตัวแทนจากธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี อีกด้วย

นายวชิระชัย คูนำวัฒนา กล่าวว่า การได้รับเกียรติให้เข้าร่วมจัดแสดงเทคโนโลยีร่วมกับพันธมิตรบริษัท enVerid ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ดีอย่างยิ่งในการได้นำเสนอเทคโนโลยีหนึ่งเดียวที่มีประสิทธิภาพทั้งการช่วยลดปัญหา Global Boiling เนื่องจากคุณสมบัติหลักของ SCG Air Scrubber คือสามารถช่วยลดการใช้พลังงานจากระบบปรับอากาศในอาคารลงได้สูงสุดถึง 30% และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างน้อย 8 Kg CO2/sq.m/year นอกจากนี้ระบบ SCG Air Scrubber ยังสามารถดูดซับก๊าซพิษและบำบัดอากาศเสียในอาคารได้ ถือเป็นการดูแลคุณภาพอากาศที่ปลอดภัยแก่ผู้อยู่อาศัย ไปพร้อมกับการทำให้อาคารใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และยังเป็นเทคโนโลยีเดียวที่สามารถทำได้ในปัจจุบัน

ซึ่งในอนาคต SCG และ enVerid มีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจและพัฒนาเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนตามแนวทางของสากล ตลอดจนดูแลคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนให้ดีที่สุด” นายวชิระชัย กล่าวทิ้งท้าย

โดยระบบ SCG Air Scrubber คือเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบปรับอากาศและระบายอากาศ (HVAC System) โดยการบำบัดมลพิษอากาศภายในอาคาร ช่วยป้องกันไม่ให้ระบบปรับอากาศและระบายอากาศ (HVAC System) ชำรุด เสียหาย และลดภาระการทำความเย็นที่ต้องดูดอากาศจากภายนอกเข้ามาเกินความจำเป็น ตลอดจนสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในอาคารให้มีค่าไม่เกิน 750 ppm โดยอ้างอิงจากปริมาณที่อนุญาตตามมาตรฐานคุณภาพอากาศภายในอาคาร (IAQP ASHRAE Standard 62.1) ทั้งนี้ ระบบ SCG Air Scrubber ยังสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้อย่างน้อย 8 Kg CO2/sq.m/year ซึ่งในปี 2020 ที่ผ่านมา SCG Air Scrubber ถูกรับเลือกให้เป็น 1 ใน 9 นวัตกรรมที่มีความโดดเด่นในสาขา Smart Heat & Air จาก The Clean Fight 2020 นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นองค์กรที่รับการสนับสนุนจากหน่วยงานวิจัยและพัฒนา พลังงานแห่งรัฐนิวยอร์ก New York State Energy Research & Development (NYSERDA) มาแล้วอีกด้วย

ล่าสุด เปิดตัวบรรจุภัณฑ์รุ่นน้ำหนักเบาพิเศษของ ไลปอน เอฟ  โปร และ โชกุบุสซึ ลดการใช้วัสดุ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด (Kao) รุกตลาดผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจความยั่งยืน จับมือสองผู้เชี่ยวชาญด้านบรรจุภัณฑ์ระดับโลก ได้แก่ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC และ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) การพัฒนาวัสดุบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก เพิ่มทางเลือกแก่ผู้บริโภคเพื่อความยั่งยืน เน้นบรรจุภัณฑ์คุณภาพที่ปลดปล่อยคาร์บอนต่ำลงและรีไซเคิลได้ เตรียมนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของคาโอในประเทศไทยในอนาคต

ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566  บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ภายใต้สินค้าแบรนด์ดัง คู่ครัวเรือนคนไทยต่าง ๆ อาทิ แอทแทค บิโอเร ไฮเตอร์ มาจิคลีน ลอรีเอะ ฯลฯ ได้ปักหมุดพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจความยั่งยืน โดยเข้าร่วมพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ เอสซีจีซี และ ดาว พร้อมเปิดโอกาสพัฒนานวัตกรรมร่วมกับพันธมิตรตลอดห่วงโซ่คุณค่า (value chain) ณ อาคารทรู ดิจิทัล พาร์ค เวสต์ สำนักงานใหญ่กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย โดยมีนายยูจิ ชิมิซึ ประธานกรรมการ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด นายพิสันติ์ เอื้อวิทยา ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC และ นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ร่วมลงนามในครั้งนี้

นายยูจิ ชิมิซึ ประธานกรรมการ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "คาโอ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับบริษัทชั้นนำทางด้านอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์อย่าง เอสซีจีซี และ ดาว ในการร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมสำหรับสร้างบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน ตามหลัก 4R: Reduce, Reuse, Recycle และ Replace สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางด้าน ESG หรือ "Kirei Lifestyle Plan" (คิเรอิ ไลฟ์สไตล์ แพลน)

คาโอมีเป้าหมายที่จะบรรลุ Net Zero ในปี ค.ศ. 2040 เพื่อลดผลกระทบต่อภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากการดำเนินธุรกิจของคาโอ เราจึงใส่ใจในการจัดการพลังงานภายในโรงงานผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตลอดวงจรอายุ เพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน และตั้งเป้าหมายลดขยะที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์พลาสติกสุทธิเป็นศูนย์ในปี ค.ศ. 2040 หมายความว่าปริมาณบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่เราจำหน่ายออกไปจะต้องเท่ากับปริมาณบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่นำกลับมารีไซเคิล นั่นจึงเป็นเหตุผลที่คาโอต้องมีพันธมิตรที่เข้มแข็ง เชี่ยวชาญ และมีเป้าหมายร่วมกัน อย่าง เอสซีจีซี และ ดาว เพื่อสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามแนวทางที่ยั่งยืนและเกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง”

นายพิสันติ์ เอื้อวิทยา ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC กล่าวว่า “แนวทางเพื่อความยั่งยืนที่ SCGC ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง คือ การดำเนินธุรกิจภายใต้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยพัฒนากรีนโซลูชัน (Green Solutions) ที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของเจ้าของแบรนด์สินค้า และผู้บริโภคที่ใส่ใจต่อความยั่งยืน สำหรับความร่วมมือกับคาโอในครั้งนี้ SCGC พร้อมนำความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบและพัฒนาขวดและถุงบรรจุภัณฑ์ ด้วยนวัตกรรมพลาสติกรักษ์โลก จาก SCGC GREEN POLYMERTM  ซึ่งมี 4 โซลูชันหลัก ได้แก่ การลดใช้ทรัพยากร (Reduce) การออกแบบเพื่อให้รีไซเคิลได้ (Recyclable) การนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) และการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน (Renewable) เพื่อสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนให้กับผลิตภัณฑ์ภายใต้คาโอ รวมทั้งส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม”

นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า "ดาวมุ่งมั่นในการสนับสนุนลูกค้าของเราในการลดการปลดปล่อยคาร์บอน และลดขยะพลาสติกตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน เราพร้อมสนับสนุนคาโอ ในการออกแบบและพัฒนาถุงบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน ด้วยความเชี่ยวชาญจากดาวทั้งในประเทศไทย และ ดาว แพค สตูดิโอ (Dow Pack Studio) สิงคโปร์ ผสานกับนวัตกรรมเม็ดพลาสติกชนิดพิเศษของ ดาว เช่น INNATE, ELITE, DOWLEX และ Dow PCR  เพื่อให้ถุงบรรจุภัณฑ์ของคาโอสามารถรีไซเคิลได้ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น และยังคงตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี"

ข้อตกลงนี้จะนำไปสู่การออกแบบพัฒนาวัสดุใหม่ ๆ และการนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ให้กับสินค้าต่างภายใต้คาโอ ให้มีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ต่ำลง และสามารถนำไปรีไซเคิลได้ ทั้งบรรจุภัณฑ์ชนิดขวด และชนิดถุง โดยยังคงคุณสมบัติของบรรจุภัณฑ์ที่ดีในการปกป้องผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายในและให้ความสะดวกกับผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของคาโอในการเดินหน้าสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนของบริษัท ที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ภายในปี 2593 สอดคล้องกับแนวทางของ เอสซีจีซี และ ดาว ที่มุ่งมั่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อสร้างทางเลือกที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นให้กับผู้บริโภคชาวไทย

เคทีซี  หนึ่งในธุรกิจสินเชื่อชั้นแนวหน้าของประเทศไทย จับกระแสรักษ์โลก จัดงานเสวนา KTC FIT Talks ครั้งที่ 10 ในหัวข้อ “ถึงเวลาพลังงานทางเลือก เป็นพลังงานทางรอด” เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชน

โดยเชิญตัวแทนภาครัฐและภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทน ร่วมเปิดมุมมองต่อพลังงานทางเลือก แนวโน้มของการใช้งานรถพลังงานไฟฟ้าและโซลาเซลล์ในประเทศไทย รวมถึงโอกาสในการเข้าถึงพลังงานทางเลือกในระดับครัวเรือน และสิทธิพิเศษเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายสมาชิกบัตรเครดิตและผู้บริโภค

นายวัชรินทร์ บุญฤทธิ์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ กรมพัฒนาพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้เผยถึงประเด็นว่า  กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ดำเนิกนการส่งเสริม สนับสนุนการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2561-2580 (AEDP 2018) โดยกำหนดเป้าหมายการใช้พลังงานทดแทนที่ร้อยละ 30 ภายในปี พ.ศ. 2580 และมุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาพลังงานทดแทน ทั้งในส่วนของพลังงานไฟฟ้า พลังงานความร้อน และเชื้อเพลิงในภาคขนส่ง ซึ่งขับเคลื่อนผ่านมาตรการต่างๆ”

นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานยังจัดทำแผนพลังงานชาติฉบับใหม่ ที่มีเป้าหมายการมุ่งสู่ Carbon Neutrality 2050 หรือความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งหมายถึงการลด ดูดซับ หรือชดเชยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในปริมาณที่เท่ากับการปล่อย CO2 ตามกรอบแผนพัฒนาพลังงานชาติ (National Energy Plan) ซึ่งกำหนดเป้าหมายการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนไว้ที่สัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 โดยมุ่งเพิ่มการใช้พลังงานทดแทน ส่งเสริมการประหยัดพลังงานให้เข้มข้นมากขึ้น รวมทั้งมีนโยบายส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ภายใต้ขอบเขตของการร่วมมือในการพัฒนาส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกระหว่างภาครัฐและเอกชนที่สามารถร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนสังคม พร้อมส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกในบริบทต่างๆ เช่น การส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจสีเขียว การใช้พลังงานสะอาดให้มากขึ้น รวมถึงการแลกเปลี่ยนความรู้ ความเชี่ยวชาญและมุมมองความต้องการในเชิงธุรกิจ”

นายสุวัฒน์ เทพปรีชาสกุล ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่า “เคทีซีเป็นสถาบันการเงินไทยโดยคนไทยเพื่อคนไทย เราตระหนักและให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจภายใต้ ESG หรือแนวคิดการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นความยั่งยืนมาตลอด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเรื่องของการร่วมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับสังคมไทยเพื่อส่งต่อให้กับคนรุ่นหลัง และพลังงานทางเลือกจากธรรมชาติกำลังเป็นความจำเป็นที่เข้ามาทดแทนพลังงานแบบเดิม เราจึงพยายามวางแผนกลยุทธ์การตลาดต่างๆ เพื่อร่วมขับเคลื่อนให้คนไทยและสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีที่สนใจเรื่องของพลังงานทดแทน สามารถเข้าถึงและจับต้องได้ โดยจากการศึกษาพบว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ และฐานข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (Electronic Vehicle – EV) ตั้งแต่ ต้นปี 2566 ถึงปัจจุบัน ยังพบว่ามีการเติบโตต่อเนื่องถึง 60% และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ EV / เครื่องชาร์จระบบรถยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนประกันภัย สำหรับรถยนต์ EV โดยเฉพาะ และพร้อมมองหาโอกาสในการต่อยอดเพื่อเป็นหนึ่งในการสรรค์สร้างสังคมสู่ความยั่งยืนต่อไป”

 

นายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Smart System Solution Business ในธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี กล่าวว่า “จากเมกะเทรนด์ ที่ผลักดันให้ระบบโซลาร์ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความต้องการใช้รถไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประสิทธิภาพของวัสดุอุปกรณ์ของระบบดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนของระบบโซลาร์ต่ำลงและเข้าถึงง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบันระบบโซลาร์แบบออนกริด (On-Grid) ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจาก คืนทุนรวดเร็วที่สุด และสามารถขายคืนการไฟฟ้าในโครงการโซลาร์ภาคประชาชน หากต้องการติดตั้งระบบโซลาร์ นอกเหนือจากพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของเจ้าของบ้านแล้ว ควรพิจารณาถึงมาตรฐานของอุปกรณ์ในระบบ ผู้ให้บริการติดตั้งที่เชื่อถือได้ เพื่อการดูแลในระยะยาว”

“เอสซีจี โซลาร์รูฟ โซลูชัน ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมระบบหลังคาโซลาร์สำหรับที่พักอาศัย พร้อมโซลูชันครบวงจร เรามุ่งมั่นพัฒนาสินค้านวัตกรรมให้มีคุณภาพ โดยเฉพาะระบบการยึดติดแผงโซลาร์โดยไม่ต้องเจะหลังคา เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องหลังคารั่วด้วย Solar FIX การให้บริการแบบครบวงจร และการรับประกันตลอด 25 ปีโดยเอสซีจี ตลอดจนพัฒนาสินค้าและบริการให้เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์การใช้ไฟฟ้าในบ้านอย่างครอบคลุมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ เพื่อขับเคลื่อนและผลักดันให้พลังงานสะอาดสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายยิ่งขึ้น”

นายณัฐสิทธิ์ สุนทราณู ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความร่วมมือในการทำการตลาดเพื่อร่วมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีในสังคมไทย “อีกมุมหนึ่งของการดำเนินธุรกิจที่เคทีซีคำนึงถึงมาโดยตลอด คือการบูรณาการกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน ภายใต้กรอบความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ ที่มีการดำเนินงานให้สอดคล้องสนับสนุนในทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรรมาภิบาล โดยเคทีซีได้คัดสรรสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสม คุ้มค่าและตรงกับความต้องการของสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีเป็นสำคัญ ซึ่งเรื่องของที่พักอาศัยถือเป็นปัจจัยหลักพื้นฐานของมนุษย์ เคทีซีจึงจัดเตรียมสิทธิพิเศษที่ช่วยตอบโจทย์แนวคิดและวิถีชีวิตไลฟ์สไตล์ส่วนใหญ่ของสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีที่เป็นคนรุ่นใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมองหาความคุ้มค่าในการใช้จ่ายอย่างชาญฉลาด เพื่อให้สมาชิก เคทีซีและผู้บริโภคสามารถเข้าถึงพลังงานทางเลือกได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลิตภัณฑ์โซลาร์รูฟ และการเข้าถึงผลิตภัณฑ์โซลาร์รูฟได้ง่ายขึ้น โดยในช่วงปีพ.ศ.2564 - 2566 ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในการติดตั้ง โซลาร์รูฟเติบโตเฉลี่ย 10%”

“เคทีซียังได้เตรียมสิทธิพิเศษในรูปแบบต่างๆ กับพันธมิตรชั้นนำเกี่ยวกับการติดตั้งโซลาร์รูฟ ทั้งการผ่อนชำระ 0% หรือรับเครดิตเงินคืนเพิ่มเติม เพื่อแบ่งเบาภาระให้กับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี โดยสามารถติดต่อและหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-123-5000 หรือ โซลาร์ รูฟ (ktc.co.th) เราเชื่อว่าวันนี้พลังงานทางเลือกเป็นเรื่องสำคัญและจะได้รับความสนใจมากขึ้นจากกระแสของการรักษ์โลกและความยั่งยืน เคทีซีจึงต้องการเป็นส่วนหนึ่งที่นำเสนอความคุ้มค่าให้กับสมาชิกเคทีซี นึกถึงโซลาร์รูฟ นึกถึงบัตรเครดิตเคทีซี นอกจากนี้ ยังเปิดรับธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือก และสนใจจะเป็นพันธมิตร คู่ค้าร่วมกับเคทีซีในการมอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิก โดยร้านค้าที่สนใจใช้บริการรับชำระของเคทีซี (KTC Merchant Acquiring) สามารถสมัครได้ที่ www.ktc.co.th/merchant หรือติดต่อ Call Center ธุรกิจร้านค้าเคทีซี โทร. 0-2123-5700”

นายสุวัฒน์กล่าวปิดท้าย “สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจจะเปลี่ยนรถจากพลังงานแบบเดิม มาใช้รถพลังงานไฟฟ้า หรือรถ EV เคทีซียินดีมอบสิทธิพิเศษที่ครบวงจรสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี อาทิ ผ่อนชำระ 0% ค่าจองรถ และค่าดาวน์รถยนต์ EV รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 16% หรือ รับคะแนนสะสมพิเศษสูงถึง 1,000,000 คะแนน เป็นต้น ค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โปรโมชั่นบัตรเครดิต KTC รับเครดิตเงินคืน ส่วนลด ของแถม โปร KTC เพียบ หรือโทร. 0-2123-5000”

ผลลัพธ์จากการต่อยอดความร่วมมือระหว่างเอสซีจีและเซ็นทรัลพัฒนา

X

Right Click

No right click