ความมั่นคงในอาชีพอาจจะวัดจากรายได้ต่อปี ยอดขาย หรือกำไรสุทธิ แต่สำหรับ “ภชภณ  วนพงศ์ทิพากร” มองต่างไปถึงความต่อเนื่องของอาชีพแบบไร้ความเสี่ยง แต่เป็นความมั่นคงที่สร้างความมั่งคั่งให้กับเขาและคุณภาพชีวิตที่ดีของครอบครัว

ภชภณ เล่าว่า เดิมทำธุรกิจครอบครัวตัดเย็บเสื้อผ้าส่งประตูน้ำ แต่ตนเองมีมุมมองกับธุรกิจเสื้อผ้า คือการรอรับคำสั่งซื้อจากลูกค้า ที่เสี่ยงกับความไม่แน่นอน และมองว่าวัตถุดิบหลายอย่างที่ใช้ในการผลิต ไม่สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างเช่นในขั้นตอนผลิตมีเศษผ้าเหลือใช้กลายเป็นต้นทุนแฝง ขณะที่คู่แข่งของไทยอย่างฮ่องกงและจีน มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง เขาจึงมองหาช่องทางธุรกิจที่ตอบโจทย์ ทั้งการมีการสั่งซื้อที่แน่นอนและมีความเสี่ยงน้อยที่สุด

หนึ่งในธุรกิจที่สามารถตอบโจทย์นั้นได้มากที่สุด คือ การเลี้ยงไก่เนื้อในระบบเกษตรพันธสัญญา หรือ “คอนแทรคฟาร์ม” โดยภชภณเริ่มต้นเป็นเกษตรกร ภายใต้ชื่อ บริษัท มั่งคั่งแอนนิมอล จำกัด ทำประกันราคากับบริษัทชั้นนำแห่งหนึ่ง เมื่อปี 2546 หลังเห็นตัวอย่างความสำเร็จของญาติที่จังหวัดบุรีรัมย์  ก่อนเริ่มต้นธุรกิจเขาศึกษาสัญญาอย่างดี พบว่าไม่มีความเสี่ยงด้านการตลาด ปัญหาโรคน้อย ต้นทุนต่ำสุด และต้องทำให้ตนเองเป็นผู้รับจ้างเลี้ยงที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อผลตอบแทนที่ดีที่สุด

เมื่อเริ่มแรกเขาเรียนรู้การเลี้ยงไก่ด้วยตัวเอง จากการฝึกงานในฟาร์ม เรียกว่ากิน-นอนอยู่ในฟาร์ม ควบคู่กับการสรรหาบุคลากรที่มีความรู้มาช่วยงานในฟาร์มด้วยตัวเอง และเดินทางไปศึกษาความก้าวหน้าของระบบฟาร์ม ในงานแสดงเทคโนโลยีทางปศุสัตว์ระดับนานาชาติ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาประยุกต์ใช้

ปัจจุบัน ภชภณยกเลิกสัญญากับบริษัทแรกไปหลายปีแล้ว และทำสัญญาคอนแทรคฟาร์มกับบริษัทผู้ผลิตและส่งออกเนื้อสัตว์รายใหญ่ 3 บริษัท เพื่อให้มีเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ที่ร่วมงานกันมาตั้งแต่ปี 2562 เลี้ยงไก่เนื้อ 270,000 ตัว จำนวน 10 โรงเรือน ในจังหวัดนครราชสีมาและปราจีนบุรี

สำหรับการเป็นคู่สัญญากับซีพีเอฟ เขาบอกว่าต้องทำงานแข่งกับตัวเอง เลี้ยงให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด เช่นอัตราการตายไม่เกิน 2% และกำหนดน้ำหนักมาตรฐานในวันจับสัตว์ ที่สะท้อนความสามารถในการเลี้ยง เพื่อทำให้เกษตรกรได้ผลตอบแทนสูงสุด และเป็นฟันเฟืองสำคัญในการสร้างอาหารปลอดภัยให้ผู้บริโภค

ที่สำคัญ ซีพีเอฟถือเป็นคู่ค้าที่ดี ผู้บริหารและพนักงานช่วยเหลือทันทีเมื่อเกิดปัญหา โดยเฉพาะช่วงการระบาดของ  โควิด-19 ได้รับเงินช่วยเหลือจากผลกระทบด้านการจับไก่เข้าโรงงานชำเเหละไม่ได้ตามเเผนที่กำหนดไว้ ทำให้มีผลต่อประสิทธิภาพต้นทุน ค่าใช้จ่ายฟาร์มเพิ่มขึ้น ซึ่งทางบริษัทก็ได้ให้ความช่วยเหลือ เพื่อลดภาระต้นทุน ทำให้ฟาร์มมีเงินทุนหมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่าย

ภชภณ กล่าวย้ำว่า การเลี้ยงไก่ระบบคอนแทรคฟาร์มมิ่งให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด เป็นความท้าทาย และยังกระตุ้นตัวเองให้พัฒนาตลอดเวลา ที่สำคัญคือต้องรักษามาตรฐานอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการผลักดันให้ฟาร์มมั่งคั่งแอนนิมอล เป็นเกษตรกรอัจฉริยะ (Smart Farm) เพื่อยกระดับการบริหารจัดการฟาร์มให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“สำหรับเกษตรพันธสัญญา ผมไม่คิดเรื่อง “เอาเปรียบ” กับ “เสียเปรียบ” แต่ต้องมีความเข้าใจในบทบาทของแต่ละฝ่าย เราต้องแข่งกับตัวเอง แข่งกับต้นทุน รู้จังหวะในการทำธุรกิจ มีความสามารถในการบริหารจัดการ ถ้าสองฝ่ายพึงพอใจก็เป็นคู่สัญญาที่ win-win ทั้งคู่” ภชภณ กล่าว

จากความสำเร็จของระบบคอนแทรคฟาร์ม ทำให้ฟาร์มมั่งคั่งแอนนิมอล มีแผนขยายฟาร์มเพิ่มเติมในปี 2568 เพราะเห็นว่าธุรกิจนี้ยังเติบโตได้ ตราบใดที่คนยังต้องรับประทานอาหาร ส่วนหัวใจของความสำเร็จคือ การบริหารธุรกิจให้เร็ว และยังต้องสนุกกับการทำงาน ต้องเป็นแบบอย่างให้พนักงานและลูกชายได้เห็นอาชีพที่มีความก้าวหน้าและเติบโตตามเป้าหมาย

ทุกวันนี้ กิจวัตรประจำวันของ ภชภณ จึงไม่ใช่การตรากตรำทำงาน แต่คือการมีความสุขกับครอบครัว มีเวลาแวะเวียนไปตรวจเยี่ยมฟาร์มและพูดคุยกับพนักงาน และมีเวลามองหาธุรกิจอื่นๆที่อยากทำ ทั้งหมดนี้คือคำตอบของโจทย์ที่เขาตั้งไว้แต่แรกกับคอนแทรคฟาร์ม ที่สามารถสร้างอาชีพมั่นคงและความมั่งคั่งให้เขาได้อย่างแท้จริง

บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนลเพ็ทฟู้ด จำกัด ภายใต้กลุ่มบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ โชว์ศักยภาพผู้นำด้านอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง ในงาน Pet Fair South East Asia 2023 โดยนำสินค้าอาหารและขนมสัตว์เลี้ยง แบรนด์ ‘เจอร์ไฮ’ (Jerhigh) และ ‘จินนี่’ (Jinny) มาจัดแสดง และเปิดโอกาสเจรจาธุรกิจในรูปแบบ B2B มีนักลงทุนและผู้ซื้อรายสำคัญจากทั่วเอเชียและยุโรปที่ให้ความสนใจ ร่วมพูดคุย หารือ เพื่อสร้างความร่วมมือทางธุรกิจ ทั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์และบรรยากาศภายในบูธ

นายกิติศักดิ์ ลิ้มอำไพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนลเพ็ทฟู้ด จำกัด กล่าวว่า การร่วมงาน Pet Fair Southeast Asia 2023 ครั้งนี้ บริษัทฯ นำจุดเด่น 4 ด้าน ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน ได้แก่ 1.) ขนมสุนัขยอดขายอันดับ 1 ในประเทศไทย ที่ครองแชมป์ยาวนานมากกว่า 10 ปี 2.) วัตถุดิบคุณภาพ อย่าง เนื้อไก่ของซีพีเอฟ ที่เลี้ยงด้วยโปรไบโอติก การันตีมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารขั้นสูงระดับอวกาศ ตามหลักเกณฑ์ความปลอดภัยด้านอาหารขององค์การ NASA ที่นักบินอวกาศรับประทาน 3.) ความสำคัญต่อความยั่งยืน ตั้งแต่การเลือกใช้แพ็กเกจจิ้งที่ย่อยสลายได้ และใช้โปรตีนทางเลือก ได้แก่ แพลนต์เบสต์และแมลง มาเป็นวัตถุดิบ

และ 4.) คุณภาพของโรงงาน การันตีด้วยรางวัลมากมาย ล่าสุด ปี 2566 ได้รับรางวัล CSR-DIW Awards  จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม มอบให้แก่สถานประกอบการที่ให้ความสำคัญ ส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิบัติงานตามมาตรฐานความรับผิดชอบของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่มีต่อสังคมได้อย่างครบถ้วนและต่อเนื่อง ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทำให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถอยู่ร่วมกับชุมชน สังคม ได้อย่างยั่งยืน

“ปัจจุบัน บริษัทฯ ผลิตอาหารและขนมสำหรับสัตว์เลี้ยง จำหน่ายและส่งออกผลิตภัณฑ์ทั้งในและต่างประเทศ รวม 21 ประเทศ โดยในปี 2567 ตั้งเป้าให้มีส่วนแบ่งในตลาดเดิมมากขึ้น ส่วนตลาดในประเทศ มีการต่อยอดขนมสำหรับสุนัขที่ผลิตจากเนื้อไก่คุณภาพดี ปลอดภัย ปลอดสาร มีทั้งแบบอบแห้ง แบบนิ่ม รวมถึงตัวขัดฟัน และขนมสำหรับน้องแมวที่เป็นแบบเปียก พร้อมทั้งเสริมด้วย Postbiotic ซึ่งช่วยเรื่องระบบทางเดินอาหารของน้องแมว อย่าง Meat Mallow Bite แบรนด์จินนี่อีกด้วย” นายกิติศักดิ์ กล่าว

สำหรับ บูธของบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนลเพ็ทฟู้ด จำกัด พร้อมเปิดให้เจรจาธุรกิจเต็มรูปแบบ ระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 10:00-18:00 น  (17:00 น. ในวันสุดท้ายของการจัดงาน) ณ บูธ D17, Hall 101 ศูนย์นิทรรศการและการประชุม BITEC บางนา ติดตามรายละเอียดและลงทะเบียนเข้าชมงานได้ที่ www.petfair-sea.com นอกจากนี้สามารถศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ของ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนลเพ็ทฟู้ด จำกัด เพิ่มเติมได้ที่ www.jerhigh.com 

MEAT ZERO ผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช ในกลุ่ม บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ต้อนรับเทศกาลถือศีลกินเจ ตั้งแต่วันที่ 15-23 ตุลาคม 2566 หลากหลายเมนู ภายใต้แนวคิด 'ถูกเจ ถูกใจ ใครๆ ก็กินได้' ทำให้เทศกาลกินเจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ด้วยรสชาติที่ถูกปากทุกกลุ่มวัย ไม่ต้องกังวลจะแตกเจ พร้อมเพิ่ม 2 เมนูใหม่! 'เนื้อไก่นุ่ม' เอาใจสายโชว์ฝีมือทำอาหาร และ 'ไส้กรอกค็อกเทลเจ' เอาใจสายเร่งรีบ สะท้อนผ่าน 3 Tiktoker ชื่อดัง ตัวแทนคนรุ่นใหม่ ที่มีไลฟ์สไตล์เป็นของตัวเอง ได้แก่ 1. พี่ฮง (Bangkokboykub) หนุ่มเกาหลีมาดกวน ทรงแบดๆ 2. เชฟอิน (Kamlangin) เชฟมากความสามารถ ที่รังสรรค์เมนูต่างๆ ได้อร่อยถูกปาก จนทุกคนต้องทำตาม และ 3. คุณอินทนนท์ (intanont246) นักเล่าเรื่องที่มีความเรียลและสนุกตามคาเรคเตอร์ พร้อมทริคมูต่างๆ ที่จะมาสร้างสีสัน ทำให้ทุกคนเห็นว่า ใครๆ ก็กิน MEAT ZERO ได้

สำหรับเทศกาลกินเจปีนี้  MEAT ZERO จัดเต็ม! นำผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืชมาให้เลือกสรรมากมายตลอด 10 วัน ได้ทั้งบุญทั้งสุขภาพ ตั้งแต่อาหารพร้อมรับประทาน อาทิ ราเมนผัดพริกเผา ข้าวถั่วแขกผัดพริกเกลือ ข้าวผัดคะน้าปลาเค็มพริกสด วุ้นเส้นอบทรงเครื่อง ไส้กรอกวุ้นเส้น ลาบทอด เกี๊ยวซ่า เบอร์เกอร์ปลา ไส้กรอกค็อกเทล โบโลน่า และอาหารพร้อมปรุงยอดฮิต อย่าง เนื้อบด เนื้อสามชั้น ไก่นุ่ม โปรตีนทางเลือกให้ผู้บริโภค วางจำหน่ายแล้วที่ ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไทย

นอกจากนี้ MEAT ZERO ยังร่วมกับคู่ค้าธุรกิจและร้านอาหารชั้นนำ อาทิ Chester Black Canyon Salad Factory The Coffee Club นิตยาไก่ย่าง Sukishi แสนยอด Terrace รังสรรค์เมนูเจโดยใช้วัตถุดิบหลักเนื้อจากพืช พร้อมจับมือ ห้าง Central รวม 8 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์ เวสต์เกต พระราม 3 อีสต์วิลล์ พระราม 2 พระราม 9 ปิ่นเกล้า และบางนา ขนทัพเมนูเจให้ชิมช้อป ในงาน Thailand J Food Festival 2023 รวมทั้งห้างโมเดิร์นเทรดทั่วประเทศ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/meatzero/ 

ซีพีเอฟ มุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช (Plant-Based) แบรนด์ MEAT ZERO ด้วยนวัตกรรม Plant-Tec จนได้ผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะ เนื้อสัมผัส และรสชาตที่อร่อยเสมือนเนื้อสัตว์จริง โปรตีนและไฟเบอร์สูง อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่มีโคเลสเตอรอล ตอบโจทย์ผู้บริโภค กลุ่มเจ วีแกน มังสวิรัติ มังสวิรัติยืดหยุ่น ตลอดจนกลุ่มคนที่รักสุขภาพและใส่ใจสิ่งแวดล้อม การันตีคุณภาพและความอร่อย ด้วยรางวัล “สุดยอดรสชาติอาหารระดับโลก” หรือ Superior Taste Award จากสถาบันชั้นนำของโลก International Taste Institute ประเทศเบลเยียม 2 ปีซ้อน

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ รับ “รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติประจำปี 2566”

คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และภาคีเครือข่ายทั้งภาคการศึกษาและเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ ร่วมกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ จัดเสวนาวิชาการหัวข้อ วิทยาศาสตร์บูรณาการสำหรับอาหารดูแลสุขภาพเชิงรุก : นวัตกรรมเนื้อหมูชีวา มีโอเมก้า 3 จากธรรมชาติ ตอกย้ำความพรีเมียม ยกระดับมาตรฐานอาหารสุขภาพของไทย

รองศาสตราจารย์ ดร.พัชราณี ภวัตกุล หัวหน้าภาคโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ปัจจุบันเวชศาสตร์การป้องกันเป็นที่แพร่หลายในทางการแพทย์ เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยโรค NCDs เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อการวิจัยและศึกษานวัตกรรมอาหารที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพเชิงรุก ซึ่งโอเมก้า 3 เป็นอีกสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายของคนทุกวัย มีความสำคัญต่อการทำงานของสมอง สายตา ระบบหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี รวมถึงลดการอักเสบ เป็นสาเหตุสำคัญของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ

 

ดร.อนันตวัฒน์ กุลธนเตชานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สำนักวิชาการอาหารสัตว์ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด กล่าวว่า หมูชีวา ถือเป็นนวัตกรรมที่ยกระดับอาหารไทยไปอีกขั้น เริ่มจากการศึกษาและวิจัย ทำให้สามารถคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดีที่สุด เลี้ยงด้วยสูตรอาหารธรรมชาติที่เลือกสรรพิเศษที่อุดมด้วยโอเมก้า 3 สูง อาทิ เมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed) น้ำมันปลาทะเลลึก และสาหร่ายทะเลลึก เป็นต้น รวมถึงมีส่วนผสมของโปรไบโอติก (Probiotic) อยู่ภายในฟาร์มระบบปิดที่มีการป้องกันโรคอย่างเข้มงวด ลักษณะคอกขังรวม (Group Pen Gestation) ตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ ส่งผลให้หมูชีวาอยู่สบาย แข็งแรง ไม่ป่วย ได้การรับรองมาตรฐานการเลี้ยงจาก NSF จากประเทศสหรัฐอเมริกา รับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ จึงไม่มีการใช้ยาปฏิชีวนะ 100% ตลอดการเลี้ยงดู สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่การผลิต ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่า หมูชีวาเป็นแหล่งโอเมก้า 3 สูง สามารถรับประทานได้ทุกวัน และช่วยดูแลสุขภาพเชิงรุก

ด้าน นางสาวอนรรฆวี ชูรัตน์ ผู้บริหารสูงสุดสายงานการตลาดกลาง ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นส่งเสริมให้ประชากรโลกมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น ด้วยการวิจัยและพัฒนาอาหารที่ช่วยดูแลสุขภาพเชิงรุก โดยคำนึงถึง 3 ปัจจัย ได้แก่  นวัตกรรม (Innovation) สุขภาพ (Wellness) และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Planet) อย่าง หมูชีวา ถือเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่พัฒนาตั้งแต่สายพันธุ์ อาหารที่เลี้ยง ตลอดจนวิธีการเลี้ยง เพื่อให้มีโอเมก้า 3 สูง โดยได้รับการรับรองจากงานวิจัยต่างๆ รวมถึงมาตรฐานระดับนานาชาติ  เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงความปลอดภัยทางอาหาร พร้อมกับสร้างความมั่นคงทางอาหารและการบริโภคอย่างยั่งยืน

ผลิตภัณฑ์ 'หมูชีวา' เป็นเนื้อหมูคุณภาพพรีเมียม เลี้ยงดูอย่างพิถีพิถัน การันตีด้วยรางวัลสุดยอดรสชาติอาหารระดับโลก ประจำปี 2023 หรือ Superior Taste Award 2023 ระดับ 1 ดาว โดยเชฟชั้นนำกว่า 200 คน จาก International Taste Institute รางวัล SET Awards 2021 ในกลุ่ม Business Excellence ด้านนวัตกรรมดีเด่น (Outstanding Innovative Company Awards) โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับวารสารการเงินธนาคาร และรางวัลชนะเลิศสุดยอดนวัตกรรมระดับโลก จากงาน THAIFEX – Anuga Asia 2020 วางจำหน่ายแล้วใน ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ อาทิ The Mall, Tops, Villa Market, Foodland, MaxValu หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ufarmthailand.com/cheeva_pork 

สำหรับ งานสัมมนาวิชาการ The International Conference for Public Health, Environment, and Education for Sustainable Development Goals and Lifelong Learning มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 300 คน เป็นเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ และส่งเสริมนวัตกรรม เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ภายในปี 2573 ด้านสาธารณสุข สุขภาพ การส่งเสริมและความเป็นอยู่ที่ดี โภชนาการและวิทยาศาสตร์การอาหาร อนามัยสิ่งแวดล้อม สร้างอนาคตที่ดีต่อสุขภาพและยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ นายแพทย์สรายุทธ สุภาพรรณชาติ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายบริหารสินทรัพย์ เป็นประธานในพิธีเปิด และ รองศาสตราจารย์ ดร.สราวุธ เทพานนท์ คณบดี คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมด้วย

X

Right Click

No right click