เอสซีจีโดยนายรุ่งโรจน์  รังสิโยภาส  กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ให้การต้อนรับนายเวือง ดิ่งห์ เหวะ (H.E Mr. Vuong Dinh Hue) ประธานสภาแห่งชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อฉลองการครบรอบ 10 ปีของความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทย-เวียดนาม และยังได้เจรจาการดำเนินธุรกิจ การลงทุนร่วมกัน นับเป็นการสานความสัมพันธ์และเสริมสร้างศักยภาพเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เพื่อฉลองการครบรอบ 10 ปีของความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทยและเวียดนาม หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาธุรกิจไทยเวียดนาม สมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนามร่วมกับหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม (VCCI) ยังจัดงานสัมมนา Viet Nam - Thailand Business Policy & Legislation Forum: Enhancing Trade And Investment Collaboration  หัวข้อ Unlocking Trade and Investment Opportunities between Vietnam and Thailand เพื่อเปิดมุมมองให้เห็นถึงการเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างไทย-เวียดนาม และการปลดล็อคอุปสรรคการค้าและการลงทุนให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างสะดวกและประสบความสำเร็จด้วย

เอสซีจี ร่วมแสดงความยินดีกับ โปรโม-โมรียา และ โปรเม-เอรียา จุฑานุกาล รับรางวัลการทูตสาธารณะ โดยกระทรวงการต่างประเทศร่วมกับมูลนิธิไทย มอบให้ผู้ทำงานสาธารณประโยชน์  สร้างชื่อเสียงให้ไทยในต่างประเทศ และประสบความสำเร็จในกีฬากอล์ฟระดับโลก เป็นบุคคลต้นแบบสร้างแรงบันดาลใจให้น้องๆ รุ่นถัดไป

นายปรเมศวร์ นิสากรเสน ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-ดิสทริบิวชั่นแอนรีเทล ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี กล่าวว่า “เอสซีจี ขอแสดงความยินดีกับสองพี่น้อง โปรโม-โมรียา และ โปรเม-เอรียา จุฑานุกาล ที่รับรางวัลการทูตสาธารณะ ทั้งคู่เป็นแบบอย่างที่ดีของนักกีฬาไทยที่ประสบความสำเร็จทั้งในระดับประเทศและระดับโลก อาทิ  โปรเม อดีตนักกอล์ฟหญิงมือ 1 ของโลก และคว้าแชมป์รายการใน LPGA มาแล้วรวม 12 รายการ เช่น U.S.Woman’s Open ปี 2018 และRolex Player of the Year  ส่วนโปรโม ได้รับรางวัล Rookie of the Year และแชมป์รายการ Hugel-JTBC LA Open ปี 2018 ซึ่งสร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้คนไทย  ทั้งยังเป็นต้นแบบของนักกีฬาที่ได้ร่วมส่งเสริมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสร้างสังคมที่ดี และยังเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่เดินตามความฝัน สร้างความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

รางวัลการทูตสาธารณะ ประจำปี 2566 (Public Diplomacy Award 2023) จัดโดยกระทรวงการต่างประเทศร่วมกับมูลนิธิไทย เพื่อมอบรางวัลให้บุคคล หรือองค์กรที่ทำงานสาธารณประโยชน์ หรือสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยในต่างประเทศ เช่น ด้านมนุษยธรรม สาธารณสุข วัฒนธรรม นวัตกรรม กีฬา ฯลฯ  

บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด นำโดย นายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Smart System Solution Business, SCG (ที่ 4 จากขวา) ร่วมกับ Mr.Christian Weeks, Chief Executive Officer of enVerid Systems, Inc. (ที่ 3 จากขวา) พันธมิตรผู้ให้บริการโซลูชันดูแลคุณภาพอากาศภายในอาคารอย่างยั่งยืน ผนึกกำลังร่วมกันนำเสนอเทคโนโลยี SCG Air Scrubber เทคโนโลยีหนึ่งเดียวภายใต้ความร่วมมือระหว่าง SCG และ enVerid จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับเกียรติให้จัดแสดงในงาน COP28 (Conference of the Parties) หรือ การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีเป้าหมายในการสร้างแนวทางข้อตกลงระดับโลก เพื่อร่วมกู้วิกฤติการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยมีผู้นำกว่า 200 ประเทศเข้าร่วม ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 28 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 12 ธันวาคม 2566 ณ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยงานนี้ นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี (ที่ 3 จากซ้าย) ได้เข้าเยี่ยมชมงานแสดงเทคโนโลยี SCG Air Scrubber พร้อมให้กำลังใจแก่ทีมงานตัวแทนจากธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี อีกด้วย

นายวชิระชัย คูนำวัฒนา กล่าวว่า การได้รับเกียรติให้เข้าร่วมจัดแสดงเทคโนโลยีร่วมกับพันธมิตรบริษัท enVerid ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ดีอย่างยิ่งในการได้นำเสนอเทคโนโลยีหนึ่งเดียวที่มีประสิทธิภาพทั้งการช่วยลดปัญหา Global Boiling เนื่องจากคุณสมบัติหลักของ SCG Air Scrubber คือสามารถช่วยลดการใช้พลังงานจากระบบปรับอากาศในอาคารลงได้สูงสุดถึง 30% และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างน้อย 8 Kg CO2/sq.m/year นอกจากนี้ระบบ SCG Air Scrubber ยังสามารถดูดซับก๊าซพิษและบำบัดอากาศเสียในอาคารได้ ถือเป็นการดูแลคุณภาพอากาศที่ปลอดภัยแก่ผู้อยู่อาศัย ไปพร้อมกับการทำให้อาคารใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และยังเป็นเทคโนโลยีเดียวที่สามารถทำได้ในปัจจุบัน

ซึ่งในอนาคต SCG และ enVerid มีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจและพัฒนาเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนตามแนวทางของสากล ตลอดจนดูแลคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนให้ดีที่สุด” นายวชิระชัย กล่าวทิ้งท้าย

โดยระบบ SCG Air Scrubber คือเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบปรับอากาศและระบายอากาศ (HVAC System) โดยการบำบัดมลพิษอากาศภายในอาคาร ช่วยป้องกันไม่ให้ระบบปรับอากาศและระบายอากาศ (HVAC System) ชำรุด เสียหาย และลดภาระการทำความเย็นที่ต้องดูดอากาศจากภายนอกเข้ามาเกินความจำเป็น ตลอดจนสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในอาคารให้มีค่าไม่เกิน 750 ppm โดยอ้างอิงจากปริมาณที่อนุญาตตามมาตรฐานคุณภาพอากาศภายในอาคาร (IAQP ASHRAE Standard 62.1) ทั้งนี้ ระบบ SCG Air Scrubber ยังสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้อย่างน้อย 8 Kg CO2/sq.m/year ซึ่งในปี 2020 ที่ผ่านมา SCG Air Scrubber ถูกรับเลือกให้เป็น 1 ใน 9 นวัตกรรมที่มีความโดดเด่นในสาขา Smart Heat & Air จาก The Clean Fight 2020 นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นองค์กรที่รับการสนับสนุนจากหน่วยงานวิจัยและพัฒนา พลังงานแห่งรัฐนิวยอร์ก New York State Energy Research & Development (NYSERDA) มาแล้วอีกด้วย

ล่าสุด เปิดตัวบรรจุภัณฑ์รุ่นน้ำหนักเบาพิเศษของ ไลปอน เอฟ  โปร และ โชกุบุสซึ ลดการใช้วัสดุ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด (Kao) รุกตลาดผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจความยั่งยืน จับมือสองผู้เชี่ยวชาญด้านบรรจุภัณฑ์ระดับโลก ได้แก่ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC และ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) การพัฒนาวัสดุบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก เพิ่มทางเลือกแก่ผู้บริโภคเพื่อความยั่งยืน เน้นบรรจุภัณฑ์คุณภาพที่ปลดปล่อยคาร์บอนต่ำลงและรีไซเคิลได้ เตรียมนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของคาโอในประเทศไทยในอนาคต

ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566  บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ภายใต้สินค้าแบรนด์ดัง คู่ครัวเรือนคนไทยต่าง ๆ อาทิ แอทแทค บิโอเร ไฮเตอร์ มาจิคลีน ลอรีเอะ ฯลฯ ได้ปักหมุดพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจความยั่งยืน โดยเข้าร่วมพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ เอสซีจีซี และ ดาว พร้อมเปิดโอกาสพัฒนานวัตกรรมร่วมกับพันธมิตรตลอดห่วงโซ่คุณค่า (value chain) ณ อาคารทรู ดิจิทัล พาร์ค เวสต์ สำนักงานใหญ่กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย โดยมีนายยูจิ ชิมิซึ ประธานกรรมการ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด นายพิสันติ์ เอื้อวิทยา ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC และ นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ร่วมลงนามในครั้งนี้

นายยูจิ ชิมิซึ ประธานกรรมการ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "คาโอ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับบริษัทชั้นนำทางด้านอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์อย่าง เอสซีจีซี และ ดาว ในการร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมสำหรับสร้างบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน ตามหลัก 4R: Reduce, Reuse, Recycle และ Replace สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางด้าน ESG หรือ "Kirei Lifestyle Plan" (คิเรอิ ไลฟ์สไตล์ แพลน)

คาโอมีเป้าหมายที่จะบรรลุ Net Zero ในปี ค.ศ. 2040 เพื่อลดผลกระทบต่อภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากการดำเนินธุรกิจของคาโอ เราจึงใส่ใจในการจัดการพลังงานภายในโรงงานผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตลอดวงจรอายุ เพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน และตั้งเป้าหมายลดขยะที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์พลาสติกสุทธิเป็นศูนย์ในปี ค.ศ. 2040 หมายความว่าปริมาณบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่เราจำหน่ายออกไปจะต้องเท่ากับปริมาณบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่นำกลับมารีไซเคิล นั่นจึงเป็นเหตุผลที่คาโอต้องมีพันธมิตรที่เข้มแข็ง เชี่ยวชาญ และมีเป้าหมายร่วมกัน อย่าง เอสซีจีซี และ ดาว เพื่อสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามแนวทางที่ยั่งยืนและเกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง”

นายพิสันติ์ เอื้อวิทยา ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC กล่าวว่า “แนวทางเพื่อความยั่งยืนที่ SCGC ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง คือ การดำเนินธุรกิจภายใต้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยพัฒนากรีนโซลูชัน (Green Solutions) ที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของเจ้าของแบรนด์สินค้า และผู้บริโภคที่ใส่ใจต่อความยั่งยืน สำหรับความร่วมมือกับคาโอในครั้งนี้ SCGC พร้อมนำความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบและพัฒนาขวดและถุงบรรจุภัณฑ์ ด้วยนวัตกรรมพลาสติกรักษ์โลก จาก SCGC GREEN POLYMERTM  ซึ่งมี 4 โซลูชันหลัก ได้แก่ การลดใช้ทรัพยากร (Reduce) การออกแบบเพื่อให้รีไซเคิลได้ (Recyclable) การนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) และการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน (Renewable) เพื่อสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนให้กับผลิตภัณฑ์ภายใต้คาโอ รวมทั้งส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม”

นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า "ดาวมุ่งมั่นในการสนับสนุนลูกค้าของเราในการลดการปลดปล่อยคาร์บอน และลดขยะพลาสติกตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน เราพร้อมสนับสนุนคาโอ ในการออกแบบและพัฒนาถุงบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน ด้วยความเชี่ยวชาญจากดาวทั้งในประเทศไทย และ ดาว แพค สตูดิโอ (Dow Pack Studio) สิงคโปร์ ผสานกับนวัตกรรมเม็ดพลาสติกชนิดพิเศษของ ดาว เช่น INNATE, ELITE, DOWLEX และ Dow PCR  เพื่อให้ถุงบรรจุภัณฑ์ของคาโอสามารถรีไซเคิลได้ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น และยังคงตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี"

ข้อตกลงนี้จะนำไปสู่การออกแบบพัฒนาวัสดุใหม่ ๆ และการนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ให้กับสินค้าต่างภายใต้คาโอ ให้มีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ต่ำลง และสามารถนำไปรีไซเคิลได้ ทั้งบรรจุภัณฑ์ชนิดขวด และชนิดถุง โดยยังคงคุณสมบัติของบรรจุภัณฑ์ที่ดีในการปกป้องผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายในและให้ความสะดวกกับผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของคาโอในการเดินหน้าสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนของบริษัท ที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ภายในปี 2593 สอดคล้องกับแนวทางของ เอสซีจีซี และ ดาว ที่มุ่งมั่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อสร้างทางเลือกที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นให้กับผู้บริโภคชาวไทย

X

Right Click

No right click