เครือเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ มอบผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพ สนับสนุนโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 42 ร่วมสร้างโอกาสการเรียนรู้แก่เยาวชนจากพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ มุ่งพัฒนาทัศนคติแนวคิด สู่การพัฒนาตนเองและครอบครัว สู่การเป็น “คนดีของสังคม” พร้อมนำความรู้ไปต่อยอดสร้างโอกาสทางการศึกษาในอนาคต ณ สโมสรทหารบก (ส่วนกลาง) วิภาวดี กรุงเทพมหานคร

โครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 42 ได้รับเกียรติจาก พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกมูลนิธิ "สานใจไทย สู่ใจใต้" เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฯ พร้อมด้วย นายอารีย์ วงศ์อารยะ ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิฯ โดยมี นายจอมกิตติ ศิริกุล ผู้บริหารสูงสุด สายงานด้านบริหารกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และผู้ช่วยบริหารสำนักประธานคณะกรรมการบริหาร ซีพีเอฟ เป็นผู้แทนบริษัท ร่วมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำศาสนา ครอบครัวอุปถัมภ์ เยาวชนผู้ร่วมโครงการฯ และครูพี่เลี้ยง เข้าร่วมกิจกรรมรวมกว่า 350 คน

พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ กล่าวว่า “สานใจไทย สู่ใจใต้” ชื่อโครงการนี้ได้แสดงออกถึงความร่วมมือของทุกคนในประเทศไทย ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือดูแล ส่งเสริม ให้ความอนุเคราะห์แก่เยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีโอกาสได้รับสิ่งที่พวกเขาใฝ่ฝันไว้ นอกจากนี้ ขอฝากถึงเยาวชนให้จดจำดำริของ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ที่ว่า "ความเป็นไทย และความเป็นธรรม" ความเป็นไทย หมายถึง ความรัก ความผูกพัน โอบอ้อมอารี โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องมีความเชื่อเหมือนกัน แต่เมื่อมารวมกันเป็นคนไทยแล้ว ก็จะมีสิ่งนั้นอยู่ในความรู้สึกอยู่ในความคิดของทุกคน และเมื่อมีความเป็นไทย มีความผูกพันกันแล้ว การให้ "ความเป็นธรรม" ก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก จากความยุติธรรม มีความเท่าเทียมกัน ภายใต้กรอบวัฒนธรรมและกฎหมายของสังคม

ด้าน นายจอมกิตติ ศิริกุล กล่าวว่า ซีพีและซีพีเอฟ โดยมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์ ให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 20 สำหรับโครงการฯในรุ่น 42 นี้ บริษัทมอบผลิตภัณฑ์อาหาร ไข่ไก่สดซีพี และข้าวตราฉัตร ให้แก่เยาวชนและพี่เลี้ยง จำนวน 350 คน สำหรับนำไปประกอบอาหารบริโภคตลอดช่วงที่พักอาศัยกับครอบครัวอุปถัมภ์  ในระหว่างวันที่ 17 เมษายน – 27 พฤษภาคม 2567 ตลอดระยะเวลาการจัดกิจกรรมเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้ร่วมกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ ประสบการณ์ทักษะอาชีพ และได้พำนักกับครอบครัวอุปถัมภ์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง ได้พัฒนาทัศนคติแนวคิด สู่การพัฒนาตนเองและครอบครัว เพื่อเป็นคนดีของสังคม พร้อมนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดสร้างโอกาสทางการศึกษาต่อไปในอนาคต

ทางด้าน อาวาตีฟ โชติจันทร์ ตัวแทนเยาวชน กล่าวถึงสาเหตุที่ตัดสินใจสมัครเข้าร่วมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ว่าต้องการพัฒนาตนเอง และออกจากกรอบ ประกอบกับอยากลองทำสิ่งใหม่ๆ โดยหวังว่าจะได้นำประสบการณ์ที่ได้รับไปพัฒนาในด้านต่างๆ และโครงการฯ นี้ถือเป็นโอกาสที่ดีและเป็นประสบการณ์ที่ไม่อาจหาได้จากที่อื่น

กิจกรรมในครั้งนี้ เป็นการจัดในนาม มูลนิธิ “สานใจไทย สู่ใจใต้” เป็นครั้งแรก โดยมูลนิธิฯ มีเป้าหมาย สนับสนุนให้เยาวชนไทยได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมเดียวกัน มีความเป็นธรรม ความเป็นไทยเท่าเทียมกัน โดยโครงการ “สานใจไทย สู่ ใจใต้” เกิดขึ้นจากดำริของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ

กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) มอบผลิตภัณฑ์โพลิยูรีเทนให้กับมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพื่อใช้ในการผลิตชิ้นส่วนขาเทียมจำนวนทั้งสิ้น 920 กิโลกรัม มูลค่า 85,400 บาท โดยมีคณะผู้บริหารขอมูลนิธิขาเทียมเป็นผู้รับมอบ โดยกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทยให้การสนับสนุนมูลนิธิขาเทียมฯ อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 บริจาคผลิตภัณฑ์โพลิยูรีเทนสำหรับการทำขาเทียมแล้วกว่า 40,000 ขา รวมถึงจัดการอบรมต่าง ๆ แก่เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม ปรับปรุงและพัฒนาระบบการผลิตเพื่อเพิ่มมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพอีกด้วย

เคทีซีจับมือคาเธ่ย์ ปลูกต้นโกงกางที่ป่าชายเลนในประเทศไทยภายใต้โครงการ “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น” โดยโครงการ “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น” เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเสริมสร้างความยั่งยืนที่คาเธ่ย์ได้ดำเนินมาเป็นเวลา 3 ปี เพื่อสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น ฟื้นฟูถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติ และรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความยั่งยืน และสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ชุมชนท้องถิ่น เคทีซีจึงได้ร่วมสนับสนุนและต่อยอดโครงการดังกล่าว ด้วยการสมทบจำนวนต้นไม้สำหรับปลูกในป่าชายเลนเท่าจำนวนบัตรโดยสารของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ที่จำหน่ายผ่าน KTC World Travel Service และชำระด้วยบัตรเครดิต KTC ในปี 2566 ทั้งนี้ ทีมงานเคทีซีและคาเธ่ย์ ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้รวม 4,000 ต้น ณ ป่าชายเลนบางปู สมุทรปราการในวันที่ 23 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา

นางประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เคทีซีดำเนินธุรกิจบนแนวคิดด้านความยั่งยืนโดยคำนึงถึงทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล การร่วมมือกับพันธมิตรเปิดโอกาสให้สมาชิกได้มีส่วนร่วมแสดงความรับผิดชอบและบรรเทาปัญหาภาวะสิ่งแวดล้อมก็เป็นแนวคิดของเคทีซีด้วยเช่นกัน การร่วมมือกับ คาเธ่ย์ เพื่อต่อยอดโครงการ “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น”  เป็นส่วนหนึ่งที่เคทีซีต้องการสนับสนุนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ชุมชนท้องถิ่น และรณรงค์ให้สมาชิกเห็นความสำคัญของการปลูกต้นโกงกางในป่าชายเลน ซึ่งเป็นระบบนิเวศที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ช่วยลดโลกร้อนได้ดีเมื่อเทียบกับป่าบกทั่วไป ด้วยป่าชายเลนสามารถสะสมคาร์บอนไดออกไซด์ได้ในปริมาณที่มากกว่า เคทีซีจึงได้ร่วมสมทบต้นโกงกางเพิ่ม 1 ต้น เมื่อสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีจองบัตรโดยสารเครื่องบินสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ทุกๆ 1 ใบ ผ่าน KTC World Travel Service โดยโครงการดังกล่าวนี้ เป็นความร่วมมือระยะยาวระหว่างสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคและเคทีซี เริ่มต้นขึ้นในปี 2566 ซึ่งตลอดทั้งปีที่ผ่านมา มีจำนวนต้นโกงกางที่ได้รับจากโครงการนี้ถึง 4,000 ต้น  และในปีนี้ สมาชิกเคทีซียังคงสามารถเป็นส่วนหนึ่งใน โครงการ “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น”  ได้ตลอดทั้งปี 2567 คาเธ่ย์ ดำเนินโครงการ “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น”  เป็นครั้งแรกในปี 2564 ที่ประเทศไทย และได้ขยายผลไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งนำไปสู่การปลูกป่าชายเลนมากกว่า 27,000 ต้นทั่วทั้งภูมิภาค

นางสาวเคอรี่ ลุย ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมาร์ สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค กล่าวว่า “เราภูมิใจที่ได้สานต่อความพยายามในการส่งเสริมความยั่งยืนและตอบแทนชุมชนที่เราให้บริการ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป และต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนในสังคมมาร่วมมือกันเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นแก่โลกของเรา ในโอกาสนี้ เราจึงได้เชิญเด็กด้อยโอกาส 10 คนมาร่วมกิจกรรมกับเรา เพื่อให้พวกเขาได้รับประสบการณ์ตรงในการปลูกป่า และฟูมฟักแนวความคิดด้านความยั่งยืน ยิ่งไปกว่านั้น เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับเคทีซี พันธมิตรที่มีแนวคิดเดียวกันในการเดินทางเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น”

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC World Travel Service โทรศัพท์ 02 123 5050 สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ 

หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% ต่อปี

นางสาวสิรีรัตน์ คอวนิช (กลางซ้าย) ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนมอบเงินจำนวน 29,402,285 บาท สมทบทุนเข้าโครงการอุปการะเด็กในมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็ก ครอบครัวและชุมชนยากไร้ ซึ่งเผชิญกับปัญหาความยากจน รวมทั้งช่วยให้ครอบครัวและชุมชน สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีได้ร่วมกันบริจาคผ่านการใช้คะแนนสะสม KTC FOREVER และบัตรเครดิตเคทีซี โดยมีดร.สราวุธ ราชศรีเมือง (กลางขวา) ผู้อำนวยการ มูลนิธิศุภนิมิตฯ ให้เกียรติรับมอบ ณ มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เขตห้วยขวาง เมื่อเร็วๆ นี้ 

มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรสาธารณกุศลเพื่อการพัฒนาและการรณรงค์เพื่อสร้างความยุติธรรมในสังคม โดยดำเนินพันธกิจช่วยเหลือเด็ก ผ่านการทำงานร่วมกับครอบครัวและชุมชน เพื่อเอาชนะปัญหาความยากจนและความไม่ยุติธรรมในสังคม ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตเด็ก และชุมชนที่เปราะบางยากไร้ที่สุดโดยไม่มีการแบ่งแยกเพศ เชื้อชาติ ภาษาและศาสนา โดยมูลนิธิฯ มีเป้าหมายจะช่วยเหลือเด็ก 3 ล้านคนที่อยู่ในภาวะเปราะบางให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นภายในปี 2025 ปัจจุบันมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย มีพื้นที่ดำเนินงานใน 36 จังหวัดทั่วทุกภาคของประเทศไทย และมีเด็กในความอุปการะ 38,479 คน

เดินหน้าปลูกป่า 1 ล้าน ตร.ม. สร้างพื้นที่สีเขียว มุ่งสู่องค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนครบวงจร ตามปรัชญา “Go Beyond Dreams”

บริษัท ชูมณี จำกัด วิสาหกิจเพื่อสังคม ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าของแบรนด์ร้านสะดวกซัก Otteri wash & dry ร่วมกับ เรือนจำจังหวัดนนทบุรี “ลงนามบันทึกความเข้าใจในการพัฒนากลุ่มอาชีพงานบริการซักอบรีดและอาชีพในอุตสาหกรรมการโรงแรมครบวงจร” เพื่อพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังให้เป็นคนที่มีคุณภาพ สร้างงาน สร้างอาชีพ ให้ผู้ต้องขังมีความรู้และสามารถอยู่ร่วมกับสังคมภายนอกได้อย่างปกติสุขภายหลังพ้นโทษ และไม่กระทำผิดซ้ำในอนาคต ณ กรมราชทัณฑ์
กระทรวงยุติธรรม

นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า “กรมราชทัณฑ์มีนโยบายอันเป็นเป้าหมายสำคัญ เพื่อสร้างความเข้มแข็ง และพัฒนาระบบเครือข่ายความร่วมมือด้านการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังในรูปแบบทวิภาคี ได้แก่ สถานศึกษา หน่วยงานภาครัฐ เอกชน เรือนจำ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากหน่วยงานภาคีเครือข่ายอย่างชูมณี ที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ ในการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโอกาส สร้างงาน สร้างอาชีพให้แก่ผู้ต้องขัง เพื่อเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพภายหลังพ้นโทษต่อไป”

นายกวิน นิทัศนจารุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชูมณี จำกัด เปิดเผยว่า “ชูมณี” ดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมจากการขับเคลื่อนโครงการ มาจากการมองเห็นปัญหาต่างๆ ในสังคม และพยายามนำธุรกิจไปเป็นหนึ่งแนวทางช่วยแก้ไขหรือบรรเทาปัญหาให้ผ่อนคลายลงได้ไม่มากก็น้อย และการลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกับเรือนจำจังหวัดนนทบุรีในครั้งนี้ เราเล็งเห็นถึงความสำคัญของการมอบโอกาส ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญ และช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจให้คนที่เคยทำผิดพลาดอย่างผู้ต้องขัง ให้สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ หนึ่งในนั้นคือ “โอกาสในการทำงาน” ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด พัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขังให้กลับตนเป็นคนดี ประเทศไทยพบปัญหาผู้พ้นโทษกระทำผิดซ้ำสูงมาก เพราะไม่มีการให้พื้นที่ให้โอกาส ในการประกอบอาชีพและเข้าสู่ตลาดแรงงาน ผู้พ้นโทษจำนวนมากไม่มีที่ไป ไม่มีบ้านให้กลับ ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม แม้กระทั่งคนในครอบครัว จนต้องกลับสู่วงจรชีวิตเดิม และกระทำผิดซ้ำ จนต้องกลับสู่เรือนจำอีกครั้ง”

สำหรับการลงนามบันทึกความเข้าใจในการพัฒนากลุ่มอาชีพงานบริการซักอบรีดและอาชีพในอุตสาหกรรมการโรงแรมครบวงจร ชูมณี ถือเป็นองค์กรหลักในการช่วยส่งเสริมความรู้ ฝึกอบรมความสามารถในการให้บริการ ซัก อบ รีด ให้แก่ผู้ต้องขัง พร้อมส่งมอบวัสดุอุปกรณ์ในการอำนวยความสะดวกแก่การเรียนรู้ จนเกิดการสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่ผู้ต้องขังได้มีรายได้ตั้งแต่ยังไม่พ้นโทษ จนมีอาชีพ เตรียมความพร้อมให้ผู้ต้องขังสามารถกลับคืนสู่สังคมได้หลังพ้นโทษ และไม่กระทำผิดซ้ำในอนาคต

นอกจากนี้ ชูมณี ร่วมกับตั้งต้นดี และภาคีเครือข่าย ในการร่วมสนับสนุนให้ผู้ต้องขังได้รับโอกาสใหม่ โดยการจ้างงานผู้พ้นโทษจากเรือนจำ ที่ผ่านการอบรมให้บริการ ซัก อบ รีด เข้าทำงานที่ศูนย์ฝึกอาชีพ ซัก อบ รีด ตั้งต้นดี By ชูมณี ให้สอดคล้องกับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ และสอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ความปลอดภัย ด้านสุขอนามัยและแรงงาน เพื่อใช้ประโยชน์ในการพัฒนาส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้พ้นโทษ ตามที่เห็นสมควรภายใต้การดูแลของ ตั้งต้นดี ที่สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) Thailand Institute of Justice (TIJ)

 

สนับสนุนการอนุรักษ์ระบบนิเวศ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตตามสโลแกน Life’s Good

มุ่งมั่นเดินหน้าปลูกจิตสำนึกเยาวชนและคนไทยทั้งประเทศ สร้างแรงบันดาลใจในการอนุรักษ์สัตว์ป่าและป่าไม้ ผ่านการประกวดภาพถ่าย ‘สัตว์มีค่า ป่ามีคุณ’ ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 29 โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผนึกกำลังเครือเจริญโภคภัณฑ์ ด้วยการดำเนินงานของ ซีพีเอฟ ซีพีออลล์ และทรู คอร์ปอเรชั่น จัดพิธีมอบรางวัลโครงการปลูกจิตสำนึกอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การประกวดภาพถ่าย 'สัตว์มีค่า ป่ามีคุณ' ประจำปี 2565-2566 พร้อมจัดนิทรรศการภาพถ่ายอันทรงคุณค่า ประจำปี 2565 และ ปี 2566 ณ ลานกิจกรรมชั้น 1 และผนังโค้งชั้น 3 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

โดยมี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย ดร.อาชว์ เตาลานนท์ รองประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และดร.เนตรชนก วิภาตะศิลปิน หัวหน้าสายงานกลยุทธ์องค์กรและด้านการศึกษา บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น โดยผู้ได้รับรางวัลเกียรติยศในปี 2565-2566 มีดังนี้

  • ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

-  ประจำปี 2566 ระดับบุคคลทั่วไป ประเภทสัตว์มีค่า ภาพพฤติกรรมสัตว์ป่า

นายธีรพงศ์ เพ็ชร์รัตน์ เจ้าของภาพ “ศึกชนช้าง”

- ประจำปี 2565 ระดับบุคคลทั่วไป ประเภทสัตว์มีค่า ภาพสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

นายปฤษฎิ์ เก่งสูงเนิน เจ้าของภาพ “More than Dream”

  • ถ้วยประทานสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

- ประจำปี 2566 ระดับบุคคลทั่วไป ประเภทป่ามีคุณ ภาพถ่ายระยะใกล้

นายศราวุฒิ ทองเมือง เจ้าของภาพ “Hoar Frost”

- ประจำปี 2565 ระดับบุคคลทั่วไป ประเภทป่ามีคุณ ภาพทิวทัศน์

นายสุชาติ เกื้อทาน เจ้าของภาพ “ไออุ่นแห่งขุนเขา”

ทั้งนี้ ในปี 2565 และปี 2566 มีเยาวชนและประชาชนทั่วไปเข้าร่วมประกวดทั้งสิ้น 1,126 คน รวม 4,041 ภาพ เป็นการตอกย้ำ และสร้างความตระหนัก ปลูกใจรักสิ่งแวดล้อม รวมถึงการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สมบัติอันล้ำค่าอันเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติให้ยั่งยืนสืบไป

ปลูกใจรักสิ่งแวดล้อม ทรูปลูกปัญญา

บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ FWD ประกันชีวิต มอบเวชภัณฑ์ที่จำเป็น เพื่อสนับสนุนหน่วยงานที่ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันไฟป่า ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายดำรงค์ จักรมานนท์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก เป็นตัวแทนรับมอบ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร และบุคลากร จากหน่วยงานต่างๆ ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเข้าปฏิบัติหน้าที่

 

ทั้งนี้ FWD ประกันชีวิต ให้ความสำคัญในการสร้างประโยชน์ให้สังคมอยู่ได้อย่างยั่งยืน โดยมีกรอบแนวคิดในการสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน 3 ด้าน คือ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม

Page 1 of 43
X

Right Click

No right click