“วลัยพร ช่วยยก” เจ้าของร้านจำหน่ายข้าว ใน อ.เมืองนครศรีธรรมราช ที่ทำเป็นธุรกิจครอบครัวมาหลายปี กระทั่งผันตัวเองมาเปิดร้านไก่ย่าง กับธุรกิจห้าดาว จากจุดเริ่มต้นที่ลูกชายของเธอชอบรับประทานไก่ย่าง ประกอบกับตัวเธอเองเป็นคนที่ใส่ใจกับเรื่องอาหารการกินอยู่แล้ว จึงตั้งมาตรฐานกับอาหารสำหรับครอบครัวไว้ค่อนข้างสูง ไม่ใช่จะทานอะไรก็ได้ ดังนั้นเนื้อไก่ที่ลูกทานก็ต้องเป็นไก่ที่ได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย ซึ่งแบรนด์เดียวที่เธอมั่นใจคือ “ไก่ย่างห้าดาว”
วลัยพรไม่รีรอที่จะติดต่อส่วนกลางของธุรกิจห้าดาวผ่านเบอร์ 02-800-8000 จากนั้นทีมงานห้าดาวในพื้นที่นครศรีธรรมราช ก็ติดต่อกลับเธอในทันที ตั้งแต่เข้ามาช่วยหาพื้นที่ในการเปิดร้าน การดูทำเลร้าน รวมถึงประสานงานกับพื้นที่ จนในที่สุดร้านห้าดาวสาขาแรก ที่หน้าร้านเซเว่นเปิดใหม่ หน้าอบต.ท่าซัก อ.เมืองนครศรีธรรมราช จึงเริ่มต้นเปิดร้านในเดือนมิถุนายน 2565 ในรูปแบบกลาสเฮ้าส์ ที่ทันสมัย มีที่นั่งในร้านอย่างสะดวกสบาย จึงได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ดีมาก สาขานี้ขายดีอย่างที่ตั้งเป้าไว้
“ตอนที่เริ่มเปิดสาขาแรก ก็ไม่คิดว่าจะทำจริงจังขนาดนี้ แค่อยากให้เป็นธุรกิจเสริมเพื่อให้ลูกได้ทานไก่ย่างที่ได้มาตรฐาน แต่เวลาทำอะไรเราทุ่มเทอยู่แล้ว โดยเริ่มลงทุนทำเองตั้งแต่เริ่มต้น ทางห้าดาวให้ไปเรียน 5 วัน โดยให้ทีมงานไปด้วย 1 คน ได้เรียนรู้รูปแบบธุรกิจ การบริหารร้าน การจัดการสินค้า เทคนิคการขาย จากนั้นก็ลงมือเองทุกอย่าง เพื่อให้เราทำเป็นและในที่สุดคือสอนงานทีมงานได้ หลังจากใช้เวลาเรียนรู้ จนทีมงานพร้อมและทำได้เหมือนเรา หลังจากนั้นก็ปล่อยมือให้เขาทำกันเอง โดยเราดูแลให้ได้มาตรฐานตามที่บริษัทกำหนด และย้ำกับทีมงานตลอดว่าต้องขายสินค้าที่ดี อร่อย และต้องซื่อสัตย์กับลูกค้าเสมอ” วลัยพร กล่าว
เมื่อร้านแรกไปได้สวย จากนั้นร้านสาขาที่ 2 ก็ตามมา แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพราะอยากให้ลูกทานไก่มาตรฐานเท่านั้น แต่วลัยพรกับสามีคิดตรงกันว่า การลงทุนทำร้านอย่างน้อยก็เป็นการสร้างงานในคนพื้นที่ ให้มีรายได้ มีงานทำ และยังทำให้คนในชุมชนได้รับประทานอาหารที่มีมาตรฐาน สะอาด ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เมื่อมีพื้นที่เหมาะสม เธอจึงเปิดร้านอีกสาขาใกล้บ้าน จากแนวคิดที่ว่าหากซื้อบ้านหลังละล้านกว่าบาท แล้วให้คนมาเช่าก็จะได้ค่าเช่าเดือนละ 3-4 พัน แต่ถ้ามาลงทุนกับร้านห้าดาวหรือซุ้มไก่ย่าง ก็ยังมีกำไรหมุนเวียนต่อเนื่อง
“จากร้านห้าดาวร้านแรก ใช้เวลาเพียง 1 ปี 3 เดือน ในการขยายสู่ร้าน 11 สาขาในวันนี้ ทั้งสาขาที่นครศรีธรรมราช 10 สาขา และขยายสาขาไปที่พัทลุงอีก 1 สาขา ไปทำที่บ้านเกิดของเรา เพราะอยากให้มีร้านห้าดาว ให้คนในพื้นที่บ้านเราได้รับประทานอาหารที่มีมาตรฐาน และคนในชุมชนก็ได้มีงานทำด้วย ถือว่าเราบรรลุเป้าหมายที่วางไว้แล้ว ทั้งเรื่องมาตรฐานอาหารที่ทุกคนควรมีโอกาสเข้าถึง และการสร้างงานสร้างอาชีพด้วยธุรกิจห้าดาว” วลัยพร บอกอย่างมั่นใจ
สำหรับกุญแจของความสำเร็จ วลัยพรบอกว่า เกิดจากสินค้าที่มีมาตรฐานที่ดี ซึ่งตัวเธอมั่นใจกับซีพี เพราะเคยทำงาน FOOD Store ของข้าวตราฉัตร มานานกว่า 7 ปี เธอเชื่อมั่นในทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัท ที่มีการยกระดับมาตรฐานสินค้าที่ดีอยู่แล้ว ยิ่งธุรกิจห้าดาวที่เป็นผู้นำในธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหาร ที่มีการจัดการร้านและการจำหน่ายที่ดี ควบคู่กับการจัดโปรโมชั่นของบริษัท เมื่อผนวกกับการวางแผนการสั่งสินค้าที่เหมาะสม มีเทคนิคการขาย และการสร้างคนให้พร้อมในการทำงานเสมอ และเธอยังเข้าตรวจร้านทุกสาขา มีกล้องวงจรปิดที่สามารถสั่งการผ่านกล้องได้ ช่วยในการดูแลร้าน ดูการทำงานของทีมงานและลูกค้า ทำให้ธุรกิจทั้ง 11 สาขาของวลัยพรสำเร็จได้อย่างไม่ยาก
“ห้าดาวไม่ใช่แค่ธุรกิจที่สร้างรายได้ให้เราเท่านั้น แต่ยังสร้างอาชีพให้คนในชุมชนอีกมากมาย ไม่เฉพาะร้านของเรา แต่หมายถึงธุรกิจแฟรนไชส์ห้าดาวทั่วประเทศ อีกกว่า 5,000 สาขา เชื่อว่าธุรกิจนี้จะกลายเป็นมรดกให้กับลูกๆได้ อย่างลูกคนโตอายุ 18 ปี ที่เริ่มเข้ามาเรียนรู้ธุรกิจต่อจากเราแล้ว ส่วนลูกคนเล็กอายุ 12 ปี ก็สนใจมาก โดยนำธุรกิจของแม่ ทั้งการบริหารงาน การดูแลการทำงานของทีมงาน ไปเสนอในวิชาเลือกธุรกิจที่โรงเรียน ถือว่าเป็นความภูมิใจของเขา สำหรับคนที่อยากทำธุรกิจสิ่งที่ต้องมุ่งเน้น คือ ความจริงจังและซื่อสัตย์กับลูกค้า ไม่หวังกำไรอย่างเดียว ต้องเป็นผู้ให้คืนกลับสู่สังคมด้วย” วลัยพร กล่าวทิ้งท้าย.
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ร่วมมือกับกระทรวงแรงงานขับเคลื่อนต้นแบบองค์กรเอกชนปลอดยาเสพติด ดูแลพนักงานในสถานประกอบกิจการห่างไกลยาเสพติด มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน หนุนสร้างสังคมเข้มแข็ง เศรษฐกิจเติบโตอย่างมั่นคง ตั้งเป้าภายในปี 2567 นี้ ฟาร์มและโรงงานทั้ง 437 แห่งทั่วไทย ผ่านการรับรองโรงงานสีขาว
ในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด “องค์กรสีขาว เพื่อย่างก้าวที่ยั่งยืน” ระหว่าง กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) และ ซีพีเอฟ จัดขึ้นที่ห้องประชุมกระทรวงแรงงาน มีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธี พร้อมมอบธงนำร่องสถานประกอบกิจการผ่านเกณฑ์โรงงานสีขาว และการดำเนินงานมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ (มยส.) แก่นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ และผู้บริหารบริษัทในกลุ่มซีพีเอฟ ซึ่งมีนางโสภา เกียรตินิรชา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน พล.ต.ท. ภานุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ปปส. ร่วมลงนาม
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาระดับชาติที่รัฐบาลมีนโยบายดำเนินการจัดการอย่างเร่งด่วน เพื่อสนับสนุนให้ประเทศพัฒนาอย่างเข้มแข็งและมั่นคง กระทรวงแรงงานมุ่งเน้นสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ และเอกชนบูรณาการดำเนินแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการอย่างเป็นระบบตามหลักเกณฑ์โรงงานสีขาว สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลงในวันนี้เป็นหลักประกันว่าพนักงานของซีพีเอฟทุกคนได้ทำงานในสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย มีระบบและกลไกในการแก้ไขและป้องกันปัญหายาเสพติดแบบครบ วงจร เป็นตัวอย่างที่ดีขององค์กรที่มีแนวปฏิบัติด้านแรงงานที่ดี ดูแลพนักงานทุกคนด้วยความเสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อให้พนักงานทุกคนที่ทำงานในประเทศไทยมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน
“ขอชื่นชมซีพีเอฟที่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐบรรลุเป้าหมายในการป้องกัน และหยุดยั้งปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการอย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐาน และยังมีการต่อยอดดูแลชุมชนที่อยู่รอบๆ หน่วยงานให้มีความเข้มแข็ง และห่างไกลจากยาเสพติดอย่างจริงจัง” นายพิพัฒน์ กล่าว
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า พนักงานเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนบริษัทฯ บรรลุวิสัยทัศน์การเป็นครัวของโลก ซีพีเอฟให้ความสำคัญกับการจัดการปัญหายาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง การลงนามบันทึกความร่วมมือในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด “ขับเคลื่อนองค์กรสีขาว เพื่อย่างก้าวที่ยั่งยืน” เป็นการประกาศเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการต่อต้านยาเสพติด นำหลักเกณฑ์และแนวทางของโรงงานสีขาว นำมาส่งเสริมและปฏิบัติอย่างเป็นระบบ เพื่อพัฒนาสถานประกอบการของซีพีเอฟกว่า 437 แห่งทั่วประเทศ ให้เป็นองค์กรที่ปลอดจากยาเสพติด ซึ่งครอบคลุมพนักงานทั้งคนไทยและ พนักงานจากประเทศเพื่อนบ้านกว่า 70,000 คน โดยการตั้งเป้าหมายภายในปีนี้ สถานประกอบกิจการทุกแห่งในประเทศไทย ได้รับการรับรองโรงงานสีขาวและมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ (มยส.) ร่วมสร้างความยั่งยืนขององค์กร ชุมชนและประเทศต่อไป
“ซีพีเอฟมีความยินดีร่วมมือกับกระทรวงแรงงาน และภาคีเครือข่ายพัฒนาสถานประกอบกิจการของบริษัทฯ ทุกแห่งทั่วประเทศเป็นต้นแบบองค์กรดูแลพนักงานทุกคน และชุมชนรอบข้างมีภูมิคุ้มกันห่างไกล สนับสนุนสังคมไทยมีความเข้มแข็ง และเศรษฐกิจเติบโตอย่างมั่นคง ซึ่งสอดคล้องกับหลักปรัชญาสามประโยชน์สู่ความยั่งยืนที่ผู้บริหารและพนักงานซีพีเอฟยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นลำดับแรก ประโยชน์ของประชาชนเป็นลำดับที่สอง และประโยชน์ของบริษัทเป็นลำดับสุดท้าย” นายประสิทธิ์กล่าว
ซีพีเอฟ ให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนขับเคลื่อนองค์กรปลอดยาเสพติดและเป็นโรงงานสีขาว ตามโครงการ “ซีพีเอฟ องค์กรสีขาว เพื่อย่างก้าวที่ยั่งยืน” เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ดี เคารพหลักสิทธิมนุษยชน ตั้งแต่การให้ความรู้ความเข้าใจให้พนักงานมีความตระหนักและร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายด้านยาเสพติดอย่างจริงจัง การอบรมพัฒนาศักยภาพผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดเป็นเครือข่ายที่สำคัญเป็นเกราะป้องกันไม่ให้พนักงานมีความเสี่ยงไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด รวมทั้งมีนโยบายช่วยเหลือพนักงานในการบำบัดรักษาและฟื้นฟู และให้โอกาสพนักงานที่รักษาหายสามารถกลับมาทำงานกับองค์กรได้ พร้อมทั้งสนับสนุนให้สถานประกอบกิจการทุกแห่งของซีพีเอฟเป็นสมาชิกที่ดี และร่วมดูแลชุมชนรอบข้างปลอดจากยาเสพติด เพื่อสร้างสังคมเข้มแข็ง อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข มั่นคงและยั่งยืน
บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนลเพ็ทฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสุนัขแบรนด์ “เจอร์ไฮ” ในกลุ่มบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ 'JerHigh MORE' สูตร GRAIN FREE (เกรนฟรี) ภายใต้แนวคิด 'ให้มื้อนี้.... เจอร์สิ่งที่ดีกว่า' พร้อมพรีเซ็นเตอร์ใหม่ 'จองและคัลแลน' ยูทูบเบอร์ดังแห่งช่อง Hateberry ด้วยความรักที่มีต่อสัตว์เลี้ยง ที่ใครหลายๆ คนได้สัมผัสจากการเดินทางของพวกเขา ซึ่งถ่ายทอดตัวตนของทั้งคู่อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้แฟนคลับและกลุ่มคนรักสุนัขใจฟูไปตามๆ กัน จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการสื่อสารผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เจอร์ไฮในครั้งนี้
นายกิติศักดิ์ ลิ้มอำไพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนลเพ็ทฟู้ด จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นวิจัยและคิดค้นร่วมกับสัตว์แพทย์ในการพัฒนาอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงใหม่ๆ ดูแลสุขภาพของสุนัขทุกสายพันธุ์ ทุกช่วงวัย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้ที่รักน้อง ล่าสุด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 'เจอร์ไฮ มอร์ สูตรเกรนฟรี' ใช้วัตถุดิบที่ปราศจากธัญพืช เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง ลดความเสี่ยงเรื่องอาการแพ้ ไม่ใส่น้ำตาลและสารปรุงแต่งสี อัดแน่นด้วยสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน ช่วยบำรุงขนให้สวยงาม ลดอาการขนร่วง พร้อมบำรุงผิวหนังให้ชุ่มชื้น
"ปีนี้ เจอร์ไฮ ยังเสิร์ฟความใจฟูให้กลุ่มคนรักน้องๆ ด้วยการร่วมงานกับ 2 ยูทูบเบอร์ อย่าง 'จองและคัลแลน' ทุกการเดินทางของพวกเขา ที่เอาใจใส่น้องสุนัขและน้องแมวที่พบเจอในสถานที่ต่างๆ ด้วยการป้อนอาหารหรือขนมสัตว์เลี้ยงแก่น้องๆ จนกลายเป็นเสน่ห์ที่ทุกคนหลงรัก" นายกิติศักดิ์ กล่าว
ด้าน พรีเซนเตอร์ทั้ง 2 ท่าน จองและคัลแลน เปิดเผยถึงการร่วมงานกับแบรนด์เจอร์ไฮ ว่า จุดเริ่มต้นคือ พวกเราชอบน้องหมามาก เวลาเดินทางไปถ่ายคลิปที่ไหน ก็จะต้องชื้ออาหารและขนมสัตว์เลี้ยงติดตัวไว้ตลอด เจอร์ไฮเป็นสินค้าหาซื้อง่าย น้องกินกันอย่างมีความสุข ยิ่งทำให้มั่นใจ หลังจากนั้นพวกเราเอาเจอร์ไฮไปร่วมหลายๆ ทริป เพื่อมอบความอร่อยให้น้องสุนัขมากมาย ทำให้ผมใจฟูมาก พอทางเเบรนด์ติดต่อมาก็ตอบตกลงเเบบไม่ลังเล และยังได้ทำอะไรหลายๆ อย่าง ที่ชอบก็คือ การได้ร้องเพลง เพลงเจอร์ไฮน่ารัก ฟังแล้วติดหู อยากให้ทุกคนไปลองฟังกันเยอะๆ (เพลงโฆษณา โดย จองและคัลแลน : https://vt.tiktok.com/ZSF785FyB/)
สำหรับ เจอร์ไฮ มอร์ สูตรเกรนฟรี มีหลายสูตรให้เหล่าคนรักสุนัขเลือก ได้แก่ สูตรไก่ และสูตรไก่และตับ สำหรับสุนัขที่มีอาการแพ้เนื้อไก่ รวมถึงสูตรปลาแซลมอน ซึ่งทุกสูตรสุนัขสามารถกินได้ตั้งแต่อายุ 3 เดือนขึ้นไป รับประกันคุณภาพ และความอร่อย ผู้ที่สนใจหาซื้อได้ที่ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อาทิ เซเว่นอีเลฟเว่น โลตัส แม็คโคร ฟู้ดแลนด์ ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต บิ๊กซี ร้านเพ็ทช็อปทั่วประเทศ หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม และสั่งซื้อได้ที่ Facebook Fanpage : jerhighofficial , Line My Shop : @jerhighfordog หรือ http://www.jerhigh.com/
เจอร์ไฮ พร้อมเป็นสื่อกลางที่เติมเต็มความรักระหว่างผู้เลี้ยงกับสุนัข ภายใต้แนวคิด 'Feed me with love' หรือมองสุนัขดั่งมนุษย์ บริษัทฯ มุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง ผ่านกระบวนการผลิตตามมาตรฐาน AAFCO เทียบเท่ากับอาหารมนุษย์ ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ตลอดจนการคัดสรรวัตถุดิบชั้นดีมีคุณภาพ สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ทุกขั้นตอน มาเป็นส่วนประกอบหลัก เพื่อให้สัตว์เลี้ยงสุขภาพแข็งแรงและมีอายุยืนยาว
“น้ำ” คือทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญยิ่ง ทั้งใช้ในการอุปโภค บริโภค ในครัวเรือน ภาคเกษตร และภาคอุตสาหกรรม การบริหารจัดการน้ำที่ดีย่อมทำให้มีทรัพยากรน้ำไว้ใช้ได้อย่างเพียงพอ นวัตกรรม 'ธนาคารน้ำใต้ดิน' นับเป็นหนึ่งในการบริหารจัดการน้ำแบบสมดุลที่เหมาะสมอย่างยิ่ง ในการรับมือภัยแล้งและน้ำท่วม จากความแปรปรวนของสภาวะอากาศที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
วันนี้ พาขึ้นเหนือไปจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อชมความสำเร็จของ หมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงพชร ต.เทพนคร อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ที่นอกจากจะเป็นหมู่บ้านต้นแบบ “ชุมชนคนเลี้ยงหมู” แล้ว ที่นี่ยังเดินหน้าโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน จนปรากฏผลอย่างเป็นรูปธรรม
พิเชษฐ์ ใหญ่แก่นทราย ประธานหมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร เล่าที่มาว่า โครงการหมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร ประสบปัญหาการระบายน้ำท่วมขังจากน้ำฝนในบริเวณพื้นที่โครงการฯ มาอย่างยาวนาน ชาวชุมชนจึงได้ร่วมกันศึกษาค้นคว้าวิธีการแก้ปัญหา จนมาพบกับรูปแบบการบริหารจัดการน้ำผิวดินสู่ใต้ดิน (Ground Water Recharge) หรือการทำธนาคารน้ำใต้ดิน ทั้งแบบบ่อปิดและแบบบ่อเปิด ที่ช่วยลดปัญหาปริมาณน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝน ทำให้สามารถนำพื้นที่กลับมาใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้อย่างยั่งยืน
การดำเนินโครงการฯ ตามกลยุทธ์ “ขีด คิด ร่วม ข่าย” จากการนำ “ขีด” ความสามารถของบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดการระบบน้ำมาขับเคลื่อนโครงการฯ ภายใต้การสนับสนุนของผู้บริหารหมู่บ้านฯ ร่วมกับทีมงานของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ที่มาร่วม “คิด” นำแนวคิดนวัตกรรมสู่ความยั่งยืนด้วยการทำธนาคารน้ำ ที่ช่วยลดปัญหาปริมาณน้ำท่วมขัง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการน้ำและนำพื้นที่กลับมาใช้ประโยชน์ ผ่านการมีส่วน “ร่วม” ของทีมงานและผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมด ที่ร่วมกันสนับสนุนร่วมถึงวางแผนงานโครงการ และร่วมพัฒนาแหล่งเรียนรู้ นอกจากนี้ ยังมีการสร้างเครือ “ข่าย” ความร่วมมือกับเครือข่ายเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยทุกฝ่ายร่วมกันพัฒนาแหล่งเรียนรู้ให้แก่ชุมชนและหน่วยงานต่างๆ
โครงการฯนี้ เริ่มต้นจากการศึกษาดูงานความสำเร็จของโครงการธนาคารน้ำใต้ดินของ หมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ และถ่ายทอดต่อไปยังเกษตรกร ขณะเดียวกัน ได้เชิญวิทยากรจาก อบต.วังหามแห จ.กำแพงเพชร มาบรรยายให้ความรู้ และทำ Work shop ร่วมกันทั้งชาวชุมชน เกษตรกร และทีมงาน รวมทั้งเชิญผู้เชี่ยวชาญจากหมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า มาให้คำแนะนำโครงการฯ กระทั่งสามารถสร้างระบบธนาคารน้ำใต้ดิน ทั้งรูปแบบบ่อปิดและแบบบ่อเปิด รวม 10 บ่อในพื้นที่โครงการ
“ธนาคารน้ำใต้ดิน เป็นการบริหารจัดการน้ำใต้ดินแบบครบวงจร ช่วยแก้ไขปัญหาทั้งปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วม และน้ำหลาก และยังช่วยป้องกันการสูญเสียสมดุลของน้ำใต้ดิน หลังจากดำเนินโครงการฯนี้แล้ว สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝนได้เป็นอย่างดี ช่วยเพิ่มพื้นที่ทางการเกษตรให้กับชุมชน ทั้งยังสร้างสุขอนามัยที่ดีให้กับเกษตรกร ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้การบริหารการจัดการกักเก็บน้ำใต้ดิน ถ่ายทอดองค์ความรู้และเป็นสถานที่ศึกษาดูงานของหน่วยงาน และน้องๆนักเรียนนักศึกษาในพื้นที่ และวางแผนต่อยอดสู่การเป็นศูนย์เรียนรู้หลักสูตรชลกร ร่วมกับวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีกำแพงเพชรต่อไป” พิเชษฐ์ กล่าว
การดำเนินโครงการตลอดปี 2566 ที่ผ่านมา ธนาคารน้ำใต้ดินทั้ง 10 บ่อ มีส่วนช่วยเพิ่มพื้นที่ทำการเกษตรในโครงการหมู่บ้านฯ ได้ถึง 50 ไร่ นอกจากนี้ ยังขยายผลสู่ “โครงการ 1 บ้าน 1 บ่อ” ส่งเสริมการสร้างบ่อระบบปิดในบ้านเกษตรกรในโครงการฯ นำร่องแล้ว 12 ครัวเรือน และวางเป้าหมายขยายโครงการฯ ให้กับเกษตรกรทั้งหมู่บ้านสุกรพันธุ์และสุกรขุนครบทั้ง 40 ครัวเรือน ภายในปี 2567 นี้
วันนี้หมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร สามารถแก้ปัญหาของพวกเขาด้วยนวัตกรรมธนาคารน้ำใต้ดิน โดยการฝากน้ำไว้กับดิน ที่ช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขัง และป้องกันปัญหาภัยแล้ง ทำให้มีน้ำใช้ในการเลี้ยงสุกรและการเพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี ช่วยสร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำอย่างเป็นรูปธรรม
หมู่บ้านแห่งนี้ยังคงเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การสนับสนุนของเครือซีพีและซีพีเอฟ ทั้งด้านการสร้างอาชีพมั่นคงยั่งยืนจากการเลี้ยงหมู และมีรายได้จากการเพาะปลูกพืช ปลูกผักกระเฉดน้ำ เลี้ยงปลาดุก-ปลาสวาย และปุ๋ยมูลสุกรตากแห้ง ที่เป็นอาชีพเสริม ดังที่ดำเนินการมาตลอด 45 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้ที่นี่เป็น “หมู่บ้านสามัคคี เทคโนโลยีทันสมัย พัฒนาก้าวไปอย่างยั่งยืน”
คลิกชมคลิป
นายสุนทร จักษุกรรฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีเอฟ เรสเทอรองท์ แอนด์ ฟู้ดเชน จำกัด เปิดเผยว่า “ธุรกิจห้าดาว” (Five Star) ประกาศปรับลดราคาจำหน่ายสินค้า Five Star ถาวรหลายรายการ มาตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภค โดยโครงสร้างราคาใหม่นี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรเดิมของเถ้าแก่แฟรนไชส์ หากแต่เป็นการช่วยกระตุ้นผู้บริโภคซื้อสินค้าห้าดาวมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าขายดียอดนิยมของห้าดาว หลายรายการ อาทิ ไก่ย่างทุกสูตร ไก่ทอด ไก่กรอบ และไก่จ๊อทุกเมนู ส่งผลให้เถ้าแก่ห้าดาวสามารถจำหน่ายสินค้าได้เพิ่มขึ้น จนได้กำไรที่มากกว่าเดิม
“ห้าดาวให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ในการกับการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ รสชาติ และความคุ้มค่า เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคมาโดยตลอด ซึ่งเป็นเป้าหมายร่วมกันของครอบครัวห้าดาว ที่บริษัทฯ และแฟรนไชส์ มุ่งขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่องตลอด 40 ปี เพื่อเดินหน้าการสร้างโอกาสแก่เถ้าแก่ห้าดาว เติบโตบนเส้นทางธุรกิจไปด้วยกันอย่างมั่นคง ควบคู่กับการสร้างแหล่งอาหารให้กับชุมชนและผู้บริโภคอย่างยั่งยืน” นายสุนทร กล่าว
ธุรกิจห้าดาว ยึดหลักการสร้างคุณค่าภายใต้ 3 ประโยชน์ คือ ประโยชน์แรก ประชาชนที่ได้รับประทานอาหารที่ดี มีคุณภาพ ในราคาคุ้มค่าเข้าถึงได้ เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ประโยชน์ต่อมา คือเถ้าแก่ในฐานะคู่ค้าที่แข็งแกร่ง ที่ต้องได้รับประโยชน์จากการจำหน่ายสินค้าได้มากขึ้น มีกำไรเพิ่มขึ้น โดยห้าดาวไม่เคยลดกำไรของผู้ประกอบการแม้ในช่วงเวลา Promotion ก็ตาม ตอกย้ำการมุ่งสร้างงานสร้างอาชีพและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับผู้ประกอบการ และสุดท้ายประโยชน์จึงจะส่งต่อมาถึงบริษัทฯ