สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA แถลงสรุปโครงการ “CHANGEx2 Local Collab แท็กทีมปั้นธุรกิจใหม่ หนุน Soft Power ไทย สร้างรายได้แพ็กคู่” จากพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ ศรีสะเกษ นครปฐม สุพรรณบุรี ชลบุรี เเละสงขลา ส่งเสริมการสร้างรายได้ให้กับธุรกิจดั้งเดิม สร้างแบรนด์ดิงให้กับสินค้าท้องถิ่น สู่การผลักดันสินค้าให้ส่งออกได้ในตลาดสากล คาดเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจท้องถิ่นที่เข้าร่วมโครงการไม่ต่ำกว่าร้อยละ 26 ตลอดการจัดโครงการ โดยผลประกอบการภายใน 3 เดือนแรก (มิ.ย.- ส.ค. 66) ทำรายได้ไปแล้วกว่า 2.5 ล้านบาท พร้อมจัดแสดงผลงานจากผู้ประกอบการ ร่วมกับครีเอเตอร์ไทยรุ่นใหม่ ทั้งหมด 30 คู่ธุรกิจ ภายในงาน “ไทย เที่ยว ไทย ครั้งที่ 67” ศูนย์การประชุมเเห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 24 - 27 สิงหาคม 2566 เวลา 10.00 - 21.00 น.
คุณอาสา ผิวขำ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) เป็นตัวแทนเปิดโครงการในครั้งนี้ กล่าวว่า “CEA เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในการยกระดับเศษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศและส่งเสริมการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการธุรกิจสร้างสรรค์ ซึ่งโครงการ “CHANGEx2: Local Collab” จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจสร้างสรรค์ ต่อยอดและสร้างความเป็นไปได้ใหม่ให้กับธุรกิจ ด้วยกระบวนการคิดเชิงออกเเบบ (Design Thinking) การออกเเบบบริการ (Service Design) ร่วมกับการค้นหาความเป็นไปได้ทางธุรกิจ (Business Viability) เเละความสามารถในการสร้างรายได้ใหม่จากธุรกิจเดิม (New Revenue) อย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าผลักดัน Soft Power ของท้องถิ่นไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก”
สำหรับโครงการ “CHANGEx2 Local Collab แท็กทีมปั้นธุรกิจใหม่ หนุน Soft Power ไทย สร้างรายได้แพ็กคู่” ในปีนี้ มีผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาเข้าร่วมพัฒนาผู้ประกอบการ ทั้งด้านธุรกิจ การออกแบบบริการ (Design Thinking) ด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เเละด้านธุรกิจเเละเทคโนโลยีเชิงสร้างสรรค์ ร่วมมือกับภาคีพันธมิตร ทั้งภาครัฐและเอกชน ลงพื้นที่เพื่อฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ พัฒนาศักยภาพธุรกิจและพัฒนาอัตลักษณ์ท้องถิ่น รวมถึงจัดทำต้นแบบบริการ ซึ่งเป็นการจับคู่ระหว่างผู้ประกอบการท้องถิ่นกับครีเอเตอร์ทั้งหมด 30 คู่ ร่วมกันพัฒนาธุรกิจและส่งเสริมรายได้กลับสู่ท้องถิ่น
นอกจากนี้ยังมีผลงานไฮไลต์จาก 5 คู่ธุรกิจของโครงการฯ ตอกย้ำความสำเร็จอันเกิดจากการผสานธุรกิจเข้ากับความคิดสร้างสรรค์ ในกลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยว (Local Tourism) และการบริการ (Service) ได้แก่
โครงการได้ส่งเสริมด้านทุนวัฒนธรรมท้องถิ่น (Local Cultural Asset) การท่องเที่ยว การบริการ ดนตรีและอาหาร โดยกำหนดจังหวัดเป้าหมายที่โดดเด่น 5 จังหวัด ได้แก่ ศรีสะเกษ นครปฐม สุพรรณบุรี ชลบุรี เเละสงขลา ซึ่งเป็นจังหวัดภายใต้เครือข่ายย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ประเทศไทย หรือ Thailand Creative District Network (TCDN) โดยมุ่งเน้นผู้ประกอบการท้องถิ่นที่ดำเนินธุรกิจใน 4 สาขา ได้แก่ การบริการ (Service), การท่องเที่ยว (Local Tourism), ด้านศิลปะ (Art) และด้านวัฒนธรรมท้องถิ่น (Local Culture) และครีเอเตอร์ที่มีความเชี่ยวชาญใน 4 สาขา ได้แก่ ดนตรี (Music), ศิลปะการแสดง (Performing Art), คอนเทนต์ภาพเคลื่อนไหวและเสียง (Video & Audio Content) และแพลตฟอร์มคอนเทนต์และสื่อสร้างสรรค์ (Content & Media Platform) มาจับคู่เพื่อสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ พร้อมได้รับทุนสนับสนุนในการสร้างสรรค์ผลงานให้เกิดขึ้นจริง และโอกาสในการเชื่อมโยงธุรกิจกับภาครัฐและเอกชนจากเครือข่ายของ CEA
ร่วมชมการจัดแสดงผลงานของทั้ง 30 คู่ธุรกิจ ที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ พลิกธุรกิจให้มีมูลค่าเพิ่ม และดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งเสริมให้เกิด Soft Power ของท้องถิ่นไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก พร้อมอุดหนุนผลงานจากโครงการฯ ได้ที่งาน “ไทย เที่ยว ไทย ครั้งที่ 67” ชั้น LG โซน G บูธหมายเลข G35-G37 (Exhibition Hall 5-6) ศูนย์การประชุมเเห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 24 - 27 สิงหาคม 2566 เวลา 10.00 - 21.00 น.
Sea (ประเทศไทย) และช้อปปี้ (Shopee) ซึ่งเป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซภายในเครือ ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) เปิดตัวแคมเปญ ‘Women Made ช้อป 10 แบรนด์พลังหญิง’ ชวนช้อปสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษช่วงปีใหม่บนช้อปปี้ พร้อมมอบโปรโมชั่นส่วนลดสุดปัง 15% ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 15 กุมภาพันธ์ 2566 เติมความสุขช่วงปีใหม่ให้นักช้อป พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการหญิงชาวไทยให้เติบโตอย่างเต็มศักยภาพ
หลังจากที่ Sea (ประเทศไทย) และ CEA เปิดตัวโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการหญิง ‘Women Made’ ไปเมื่อเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา ผู้เข้าร่วมโครงการที่ได้รับคัดเลือกทั้ง 10 แบรนด์ ก็ได้ผ่านโปรแกรมฝึกอบรม Women Made Masterclass สุดเข้มข้นไปเป็นที่เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนด้านการสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ การขับเคลื่อนสังคมด้วยธุรกิจ และการพัฒนาธุรกิจในโลกอีคอมเมิร์ซ นอกจากนี้ ทั้ง 10 แบรนด์ยังได้จับคู่กับเหล่าดีไซน์เนอร์จากเครือข่าย CEA Connect ทั้ง 5 ท่าน ได้แก่ ปิติ อมรเลิศวัฒนา จาก Norman Design Studio, นัยญดา ผิวดำ จาก Studio dē cloud, นภัทรชนนันท์ นันท์ทปรีชา (@abouttongpic), ธิรดา ชนาวิโชติ และอุ้มบุญ ลิ้มน้ำคำ และร่วมปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของโครงการฯ แบบ One-on-one เพื่อพัฒนาสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษที่จะวางขายในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 บนช้อปปี้
นางสาวมณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย) เผยว่า “เราพบว่าผู้ประกอบการหญิงที่สมัครเข้าร่วมโครงการฯ มีประสบการณ์ในทำธุรกิจ แต่ยังขาดความมั่นใจในการต่อยอดองค์ความรู้ทางธุรกิจ การบอกเล่าเรื่องราวและการใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการเพิ่มมูลค่าสินค้าและนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับแบรนด์ของตนเอง รวมถึงความท้าทายในการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆในโลกอีคอมเมิร์ซ ดังนั้น โครงการ Women Made จึงเข้ามาช่วยแต่ละแบรนด์ระบุปัญหาและหาวิธีปรับตัวเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน พร้อมมอบทักษะใหม่ ๆ และแนวคิดในการทำธุรกิจที่แต่ละคนสามารถนำไปปรับใช้ได้ในระยะยาว โดยคอลเลคชั่นพิเศษที่จะวางจำหน่ายบนช้อปปี้ นับเป็นผลลัพธ์ในระยะเริ่มต้น จากการที่แต่ละแบรนด์ใช้โครงการนี้เป็นสนามทดลองเพื่อทำสิ่งใหม่ ๆ ปลดล็อกข้อจำกัดเดิม ๆ โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยช่วยเหลือในแต่ละขั้นตอน พร้อมใช้เทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซและการสนับสนุนกิจกรรมทางการตลาดจากช้อปปี้ เข้ามาช่วยเปิดประตูสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ”
ค้นพบแบรนด์ใหม่และสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษไม่ซ้ำใคร
นอกจากจุดมุ่งหมายการส่งเสริมผู้ประกอบการหญิงในประเทศไทยแล้ว แคมเปญ ‘Women Made ช้อป 10 แบรนด์พลังหญิง’ ยังช่วยสร้างสีสันช่วงปีใหม่ให้ขาช้อปชาวไทย โดยเฉพาะนักช้อปออนไลน์ที่ชื่นชอบการค้นพบแบรนด์ใหม่ ๆ ที่เหมาะกับตัวเอง แคมเปญนี้ยังมาพร้อมกับดีลสุดคุ้ม กับโค้ดส่วนลด 15% สำหรับคำสั่งซื้อขั้นต่ำ 100 บาท[1] ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 15 กุมภาพันธ์ 2566 สามารถดูสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษจากโครงการ Women Made ได้ที่ www.shopee.co.th/WomenMade
เกี่ยวกับแบรนด์ทั้ง 10 จากแคมเปญ ‘Women Made ช้อป 10 แบรนด์พลังหญิง’
สินค้าหมวดแฟชั่น
สินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่ม
สินค้าหมวดของใช้ส่วนตัว
สินค้าหมวดสัตว์เลี้ยง
[1] เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด
ในช่วงนี้เราจะได้เห็นกระแสและการเติบโตของตลาดใหม่ๆ เกิดขึ้นทั้งในไทยและของโลก ไม่ว่าจะเป็น Metaverse โลกของ DeFi ตลาดเกมบนบล็อกเชนและหมายรวมถึงตลาด NFT ที่กำลังบูมมากในบ้านเรา