November 17, 2025

LINE Developers Meetup #6 งานรวมตัวเหล่านักพัฒนาที่สนใจเทคโนโลยีจาก LINE จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 6 อัดแน่นด้วยเทรนด์ใหม่และเทคโนโลยีอัปเดตล่าสุดมากมายทั้งจากทีมนักพัฒนา LINE ประเทศไทย และผู้เชี่ยวชาญ LINE API Experts ที่มาร่วมแบ่งปันความรู้ พร้อมเปิดพื้นที่ให้นักพัฒนาได้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในคอมมูนิตี้นักพัฒนา โดยงานในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากนักพัฒนาไทยมาเข้าร่วมกันอย่างคับคั่ง

LINE ประเทศไทย เดินหน้าตอกย้ำวิสัยทัศน์การเป็นแพลตฟอร์มเปิดเพื่อคนไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจากประกาศโร้ดแมปเทคโนโลยีในงาน LINE Conference Thailand 2025 ที่ผ่านมา ทั้งแผนการเปิดแพลตฟอร์ม LINE OAPLUS และแผนเปิดพื้นที่ Bot Marketplace รวมหลากหลายแชทบอทในกรุ๊ปแชทให้ผู้ใช้เลือกใช้งานได้ตามความต้องการในอนาคต ล่าสุด LINE ยังได้เผยอัปเดตฟีเจอร์เทคโนโลยี LINE API ที่น่าสนใจในไตรมาสแรกของปี 2025 ให้นักพัฒนาไทยได้นำไปประยุกต์ใช้ เพื่อต่อยอดสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ได้เต็มศักยภาพกว่าเดิมในงาน LINE Developers Meetup #6 ในเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น

LINE Messaging API

· เพิ่ม Document สรุปวิธีดึงข้อมูลผู้ใช้งานจาก API ครบจบทุกรูปแบบ รวบรวมทุกเนื้อหาและแนะนำวิธีการเข้าถึง LINE User Profile ได้จากทุกโซลูชันและช่องทางให้อยู่ในที่เดียวแบบครบจบ ช่วยให้นักพัฒนาที่สร้างบริการต่าง ๆ บน LINE สามารถตรวจสอบและศึกษาแนวทางการเข้าถึงข้อมูลโปรไฟล์ของผู้ใช้ได้สะดวกยิ่งขึ้น

· ส่งข้อความระบุ Audience จาก Business Manager ปลดล็อกข้อจำกัดเดิม เพิ่มความสามารถใหม่ ให้ LINE Messaging API สามารถเชื่อมต่อและแชร์ข้อมูลกลุ่มเป้าหมายจากเครื่องมือ Business Manager ได้ ช่วยให้นักพัฒนาสามารถส่งข้อความบรอดแคสต์แบบ Narrowcast ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

LIFF

 

· Minimize หน้าต่าง LIFF App สำหรับผู้ใช้งาน Android ได้แล้ว! อีกหนึ่งความสามารถใหม่ของ LIFF ตอบโจทย์ชาว Android v15.0.0 เป็นต้นไป ให้สามารถย่อหน้าเว็บที่สร้างเป็นหน้าต่างเล็กในห้องแชท LINE โดยไม่ต้องปิดหน้าเดิม และเมื่อกลับเข้ามาใช้งานก็สามารถดำเนินการต่อได้ทันที โดยไม่ต้องโหลดหน้าเว็บใหม่หรือเสียข้อมูลที่กรอกไว้ ช่วยให้ประสบการณ์การใช้งานลื่นไหล ไม่มีสะดุด

· LIFF CLI เวอร์ชันล่าสุด V0.3.0 มาพร้อม 3 ฟีเจอร์ใหม่ ช่วยให้การพัฒนามีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อกับเครื่องมือ Create LIFF App ให้นักพัฒนาสร้างโปรเจ็กต์ LIFF ได้ง่าย สะดวกและรวดเร็วขึ้นผ่าน Boilerplate ที่มีให้, LIFF App Development Environment สร้างได้ครบจบใน CLI โดยฟีเจอร์นี้จะเข้ามาช่วยตั้งแต่การกำหนดค่า Channel, ตั้งค่า Boilerplate และรันโปรเจ็กต์ตั้งแต่ต้นจนจบในที่เดียว รวมทั้งยังรองรับ Local Development ผ่าน ngrok เพื่อเปิดโอกาสให้นักพัฒนาสามารถนำบริการที่สร้างไว้บน Local Development ไปทดสอบกับ LIFF app จริงที่อยู่บนสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่นได้

 

LINE Login

· รองรับการแสดงผลแบบ Dark mode ซึ่งเปิดให้ใช้ในบางหน้าแล้ว ได้แก่หน้า Login และหน้า Consent โดยจะมีผลกับ External Browser ที่มีการเรียกใช้ LINE Login SDK v2.1 และ LIFF app

นอกจากนี้ LINE ยังเชิญชวนนักพัฒนาไทยมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน LINE Developer Partner โปรแกรมส่งเสริมการเติบโตให้องค์กรนักพัฒนาไทย ผ่านการเข้าถึงเทคโนโลยี คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ การโปรโมททางการตลาด และโอกาสในการร่วมโปรเจ็กต์กับพาร์ทเนอร์ธุรกิจระดับประเทศมากมายที่ LINE ประเทศไทยพร้อมสนับสนุน รวมทั้งยังโชว์แผนเปิดตัว LINE MINI App ที่จะมาเพิ่มขีดความสามารถของบริการและโซลูชันต่าง ๆ ที่พัฒนาขึ้นบน LINE ด้วยฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่สะดวกครบครัน พร้อมแนะนำ LINE MINI App Playground พื้นที่ให้นักพัฒนาได้ทดลองเล่นฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่มีใน LINE MINI App ได้ก่อนพัฒนาจริง

ภายในงานยังได้เปิดเวทีให้ LINE API Expert ทั้ง 2 ท่าน มาร่วมให้ความรู้และแชร์เทคนิคที่น่าสนใจกับเหล่านักพัฒนาไทยที่มาร่วมงาน โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วุฒิพงษ์ ชินศรี มาโชว์ตัวอย่างพร้อมเทคนิคการสร้าง LINE MINI App กันแบบสด ๆ และ คุณปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ LINE API Expert คนล่าสุด มาแบ่งปันเทคนิคการประยุกต์ใช้ Agentic AI และ Use Case ที่น่าสนใจ ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างและพัฒนาบริการต่าง ๆ บน LINE ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของอัปเดตไฮไลท์เทคโนโลยีของ LINE สำหรับนักพัฒนาไทยที่ได้เปิดตัวในงาน LINE Developers Meetup #6 นักพัฒนาที่สนใจสามารถติดตามคอนเทนต์และกิจกรรมล่าสุดจาก LINE Developers Thailand ได้ที่ LINE OA: @linedevth และเฟซบุ๊กเพจ LINE Developers Thailand

งานสัมมนา BOOTCAMP Classroom ภายใต้หัวข้อ “ปั้นธุรกิจเหนือใคร ยอดขายโตไว ด้วย LINE Official Account” ปิดฉากลงอย่างสวยงาม ท่ามกลางความสนใจจากผู้ประกอบการภาคเหนือที่เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ตลอดทั้งงานเต็มไปด้วยบรรยากาศของการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อนำแนวคิดไปปรับใช้จริง สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการไทยตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ

งาน BOOTCAMP Classroom ณ จังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนี้ จึงถูกจัดขึ้นเพื่อมอบความรู้แบบเจาะลึก ให้ผู้ประกอบการทั่วภาคเหนือได้นำความรู้ เทคนิคกลยุทธ์เด็ดไปปรับใช้กับธุรกิจของตนเองได้จริง โดยเริ่มจากการปูพื้นฐานสำคัญในหัวข้อสำคัญ "LINE OA ช่วยต่อยอดธุรกิจของ SME ได้อย่างไร" โดย คุณกวินทร์ สวัสดิ์ศรี หัวหน้าทีม LINE Official Account Campaign & Communication, LINE ประเทศไทย ชี้ให้เห็นว่า LINE Official Account (LINE OA) เป็นตัวช่วยที่ SME ขาดไม่ได้ ไม่เพียงแค่ใช้สื่อสารกับลูกค้า แต่ยังเป็นช่องทางหลักในการปิดการขาย เพิ่มยอดขาย สร้างฐานลูกค้าประจำ และต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพราะวันนี้ แม้มีร้านดี สินค้าเด่น ก็อาจไม่เพียงพอ! กลยุทธ์ที่ใช่ และเครื่องมือที่ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ คือกุญแจสำคัญสู่การดึงลูกค้าให้อยู่หมัด

ตามด้วย การแบ่งปันประสบการณ์จาก 3 เจ้าของธุรกิจชั้นนำในภาคเหนือที่มาเล่าถึงเส้นทางสู่ความสำเร็จ อาทิ ธีรุตม์ วรรณฤมล เจ้าของแบรนด์ La.moon Cold Brew Coffee มาร่วมเผยเคล็ดลับในการสร้างแบรนด์กาแฟที่ครองใจคอกาแฟทั่วไทย ในขณะที่ ธนิต ชุมแสง ผู้ก่อตั้ง The View Village เล่าถึงกลยุทธ์ที่ทำให้ร้านอาหารกลายเป็นจุดเช็กอินยอดฮิตแห่งเมืองเชียงใหม่ และ ปทิตตา ศรีวิชัย ผู้บริหาร MORYING CLINIC ธุรกิจความงามที่เข้าใจลูกค้าแบบลึกซึ้งจนครองใจลูกค้ามากมาย และปิดท้ายด้วยเวิร์กช็อปแบบลงมือทำจริง เพื่อช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้ปลดล็อกศักยภาพธุรกิจของตนเองผ่านเครื่องมือต่างๆ บน LINE โดยโค้ชป่อป้อ หนึ่งใน LINE Certified Coach ปี 2025 ได้นำทีมสอนการใช้งาน MyShop และ MyCustomer | CRM อย่างเจาะลึก เพื่อให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมสามารถเริ่มต้นใช้งานสองเครื่องมือสำคัญนี้ได้อย่างถูกต้องและเข้าใจ เพิ่มประสิทธิภาพการขายและบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าบน LINE OA ได้ทันที

 

ธุรกิจที่เติบโตต้องไม่หยุดพัฒนาและอัปเดตความรู้ใหม่ๆ งาน BOOTCAMP Classroom จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเสริมสร้างศักยภาพให้ SME ไทย LINE for Business พร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมความรู้ทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ผู้ประกอบการทั่วประเทศได้เข้าถึงกลยุทธ์และเครื่องมือสำคัญในการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดและกิจกรรมสัมมนาครั้งต่อไปได้ที่ LINE OA: @linebizth และ เฟซบุ๊กเพจ LINE for Business

LINE ประเทศไทย ตอกย้ำการเป็น ‘แพลตฟอร์มเปิดเพื่อคนไทย’ ผ่านวิสัยทัศน์และโร้ดแมปการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เปิดรับการเชื่อมต่อไอเดียของนักพัฒนา พาร์ทเนอร์ และผู้ประกอบการ เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งาน LINE กว่า 56 ล้านคน มุ่งลดต้นทุนด้านทรัพยากรและเวลา พร้อมสร้างระบบนิเวศที่เชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อ สร้างโอกาสไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เคย

ภายในงาน LINE CONFERENCE THAILAND 2025 บนเวทีสัมมนาด้านเทคโนโลยี ได้มีการเผยโร้ดแมป เทคโนโลยีของ LINE ประเทศไทย พร้อมทิศทางสู่การเป็น Platform Provider ผนึกกำลังนักพัฒนาผนวกศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานของ LINE เพื่อนำไปต่อยอดเป็นโซลูชั่นที่หลากหลาย ตอบโจทย์ธุรกิจได้อย่างครอบคลุม เผย 3 ไฮไลท์สำคัญสำหรับนักพัฒนาไทย กับการเปิดตัว LINE MINIAPP อย่างเป็นทางการ อัปเดตแผนการพัฒนา LINE OAPLUS แพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานช่วยนักพัฒนาสร้างโซลูชั่นบน LINE ได้สะดวกขึ้น รวมถึงเตรียมส่งโปรเจ็กต์ใหม่ Bot Marketplace รวมหลากหลายแชทบอทในกรุ๊ปแชทให้ผู้ใช้ LINE ในไทยเลือกใช้งานได้ตามความต้องการในอนาคต

 

นายวีระ เกษตรสิน รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ (Chief Product Officer)

1. LINE MINIAPP ขยายขีดความสามารถของแพลตฟอร์มให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปฯ ของตัวเองบน LINE เพื่อให้ผู้ใช้งานเข้าถึงได้ง่ายและครบครัน ลดข้อจำกัดในการพัฒนา Native App ที่ใช้เวลาและทรัพยากรสูง โดยแบ่งประเภท LINE MINIAPP เป็น 2 ประเภทคือ Unverified MINIAPP และ Verified MINIAPP ที่มอบฟีเจอร์เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มโอกาสให้นักพัฒนาและธุรกิจ อาทิ ช่องทางการค้นหาและเข้าถึงที่สะดวกขึ้น, การเพิ่ม Short Cutบนโฮมสกรีน, ข้อความแจ้งเตือน (Service Message) จากระบบ LINE MINIAPP ฟรี พร้อมให้นักพัฒนาติดตั้งเครื่องมือ Tracking เพื่อนำดาต้าจากการใช้งาน LINE MINIAPP ของลูกค้ามาวิเคราะห์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบอื่นๆ ของตนเองอย่าง CDP หรือ CRM ได้อีกด้วย

นอกจากนี้ LINE ยังได้แนะนำ LINE MINIAPP Playground พื้นที่ให้นักพัฒนาสามารถทดลองสร้าง MINIAPP ของตัวเองได้ก่อนพัฒนาจริง พร้อมเปิดเวทีให้ 2 พาร์ทเนอร์อย่าง The Omelet and Anybot Thailand มาร่วมแบ่งปันโซลูชั่นสำหรับธุรกิจที่ขาดความพร้อมด้านทีมนักพัฒนา ให้สามารถสร้าง MINIAPP แบบ Low-code ได้สะดวกยิ่งขึ้น และ OKKAMI หนึ่งในเทคฯ พาร์ทเนอร์ ผู้มากประสบการณ์ที่สร้าง LINE MINIAPP ด้านการจัดการโรงแรมให้กับแบรนด์และองค์กรต่างๆ มากมายในกลุ่มธุรกิจ Hospitality ทั่วโลก

2. ก้าวสู่แพลตฟอร์มเปิด (Open Platform) ต่อยอดวิสัยทัศน์การเป็นแพลตฟอร์มเปิดเพื่อคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มนักพัฒนาที่ LINE ยังคงเตรียมความพร้อมในส่วนแพลตฟอร์ม LINE OAPLUS ให้นักพัฒนาภายนอกองค์กรสามารถสร้างบริการบน LINE ผ่าน Infrastructure พื้นฐานที่ LINE พัฒนาไว้ให้เบื้องต้นได้ จากผลการใช้งานแพลตฟอร์มนี้เพื่อสร้างเครื่องมือ โซลูชั่นต่างๆ บน LINE อาทิ MyShop, MyCustomer รวมถึง MyCustomer | CRM ในช่วงสองปีที่ผ่านมา พบว่าแพลตฟอร์มมีความเสถียรในการใช้งานถึง 98.36% และมี Downtime ของระบบโดยรวมสูงสุดแค่ประมาณ 6 วัน นับว่าสร้างความเชื่อมั่นให้ LINE เตรียมส่งแพลตฟอร์มนี้เพื่อสร้างความยืดหยุ่น ช่วยลดต้นทุนด้านทรัพยากร เวลา เพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้นักพัฒนาและภาคธุรกิจ ในการสร้างสรรค์บริการต่างๆ บน LINE ในอนาคต โดยหลังเปิดแพลตฟอร์ม LINE OAPLUS นี้อย่างเป็นทางการ LINE ยังมีแผนต่อยอดเปิดพื้นที่ Marketplace เพื่อรวบรวมบริการ และโซลูชั่นที่ถูกพัฒนาขึ้นผ่านแพลตฟอร์มนี้ มานำเสนอให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจที่สนใจ รวมถึงแผนการนำเสนอโมเดลในการสร้างรายได้ร่วมกับนักพัฒนาอย่างเป็นระบบในอนาคตระยะยาว

3. LINE BOT Marketplace ต่อยอดจุดแข็งด้านกรุ๊ปแชทสู่แผนการสร้าง BOT Marketplace ศูนย์รวมบอทบน LINE ที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ในหลากหลายมิติได้ในอนาคต อาทิ การนัดหมาย สรุปข้อมูลการทำงาน แจ้งเตือนกิจกรรม และการจัดการงานต่างๆ ให้ง่ายขึ้น โดย LINE มีแผนเปิดพื้นที่ให้นักพัฒนาภายนอกองค์กร สามารถสร้างสรรค์และนำเสนอบอทใน BOT Marketplace แห่งนี้ได้อย่างหลากหลาย เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้บอทมาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัว อำนวยความสะดวกทั้งในด้านไลฟ์สไตล์และการทำงานบนแชท LINE ได้อย่างอิสระในอนาคต

คุณคเณศ กิจเสรีบริรักษ์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและกลยุทธ์พาณิชย์

นอกเหนือจากแผนโร้ดแมปด้านเทคโนโลยีแล้ว LINE ประเทศไทยยังได้แนะนำ LINE DEVELOPER PARTNER โปรแกรมรวบรวมองค์กรนักพัฒนาชั้นนำในไทย ผู้สร้างสรรค์โซลูชั่นบนแพลตฟอร์ม LINE ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยองค์กรนักพัฒนาดังกล่าวจะต้องผ่านการคัดเลือกจาก LINE ด้วย Certified Badge ใน 3 ระดับ ได้แก่ Authorize, Professional และ Expert เพื่อเข้าถึงทักษะความรู้เชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญจาก LINE การสนับสนุนด้านการตลาด และโอกาสในการร่วมโปรเจ็กต์กับพาร์ทเนอร์ธุรกิจองค์กรต่างๆ ระดับประเทศมากมาย โดย LINE DEVELOPER PARTNER มีแผนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคมนี้ ทั้งนี้ ภายในงาน LINE ยังได้เปิดเวทีให้ 3 พาร์ทเนอร์ผู้ผ่านเข้าร่วมโปรแกรมแล้ว มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์และ Use Case ที่น่าสนใจ ได้แก่

 

· Jenosize ผู้พัฒนาเครื่องมือ MarTech แบบ All-in-One ช่วยแบรนด์สร้างโซลูชั่น Shop & Chat ได้อย่างครบวงจร โดยพร้อมปรับแผนโซลูชั่นให้ตอบโจทย์เฉพาะของแต่ละธุรกิจได้ รวมถึงจัดการบริหาร LINE OA ให้ลูกค้าแบรนด์มากมาย ช่วยธุรกิจเชื่อมต่อกับลูกค้าบน LINE ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

· EGG Digital ผู้พัฒนาเครื่องมือ MarTech ครบวงจรด้วยดาต้าอินไซต์ และเป็นผู้พัฒนาต่อยอด LINE Official Notification (LON) ระบบส่งข้อความแจ้งเตือนอัตโนมัติจาก LINE สู่บริการ E-LON ที่ช่วยติดตามการส่งข้อความ เพื่อเพิ่มอัตราการส่งข้อความสำเร็จและให้แบรนด์มั่นใจว่าสื่อสารได้ตรงกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น

· Crescendo Lab บริษัทเทคฯ จากไต้หวันที่กำลังขยายธุรกิจสู่ไทย มุ่งเน้นโซลูชั่นสำหรับธุรกิจ Retail โดยพัฒนาโซลูชั่น MAAC ซึ่งเป็นระบบ AI Learning ที่ช่วยคาดการณ์พฤติกรรมลูกค้าและแนะนำข้อความที่ช่วยเพิ่ม Engagement ให้กับลูกค้าหลากหลายแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีและโอกาสใหม่ๆ ที่เปิดกว้างสำหรับนักพัฒนาไทยจากงาน LCT25 เพื่อเดินหน้าสู่การเป็นแพลตฟอร์มเปิดที่สนับสนุนนักพัฒนาไทย สามารถเข้ามามีส่วนร่วม ต่อยอดการสร้างสรรค์โซลูชั่นที่ตอบโจทย์คนไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีไทยสู่อนาคตดิจิทัลอย่างแข็งแกร่ง

ธุรกิจ SME เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย คิดเป็นสัดส่วนมากถึงกว่า 35% ของ GDP และเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่ต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้านในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น กำลังซื้อที่ลดลงจากปัญหาหนี้ครัวเรือน ต้นทุนดำเนินงานที่สูงขึ้น การแข่งขันในช่องทางออนไลน์ที่รุนแรง และการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ ล่าสุด LINE ประเทศไทย จัดงาน BOOTCAMP DAY งานสัมมนาที่มุ่งให้ความรู้กับผู้ประกอบการ SME ไทย เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและปรับตัวให้ทันกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป หนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจในงาน คือ พลังของการสร้างแบรนด์ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการรับมือความท้าทายเหล่านี้

สองผู้เชี่ยวชาญจาก LINE ประเทศไทย กวินทร์ สวัสดิ์ศรี หัวหน้าทีม LINE OA Campaign & Communication และ จิรพัฒน์ เดชดนู หัวหน้าทีม LINE Ads Product & Marketing Strategy ได้แนะนำแนวทางสำคัญในการสร้าง "แบรนด์ที่แข็งแกร่ง" ผ่านกลยุทธ์ 3+1L ที่ช่วยให้ SME สร้างแบรนด์ให้แตกต่างจากคู่แข่ง ดึงดูดลูกค้า และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาด กลยุทธ์นี้ไม่เพียงช่วยให้ SME ฝ่าฟันอุปสรรคทางธุรกิจ แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญสู่การเติบโตในระยะยาว

เริ่มต้นด้วย L แรก คือ "Look" (ภาพลักษณ์แบรนด์) คือสิ่งที่ผู้บริโภคสัมผัสและจดจำเป็นอันดับแรก ทุกธุรกิจจำเป็นต้องพิถีพิถันกับทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ โทนสี ตัวอักษร และการออกแบบที่สื่อถึงอัตลักษณ์และบุคลิกของแบรนด์อย่างชัดเจนในทุกช่องทางการสื่อสาร ถัดมา "Language" (ภาษาและการเล่าเรื่อง) ควรสอดคล้องกับตัวตนของแบรนด์ นำเสนอคอนเทนต์ที่ดึงดูดความสนใจและตรงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย สร้างความรู้สึกมีส่วนร่วมและความประทับใจ และ "Long-Term Relationship" (การรักษาความสัมพันธ์ระยะยาว) มีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคที่ตลาดมีทางเลือกมากมาย ความจงรักภักดีต่อแบรนด์ไม่ได้เกิดจากคุณภาพสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการอัปเดตข้อมูล นำเสนอหรือแนะนำสินค้าใหม่ที่ตรงใจ เป็นสิ่งที่ธุรกิจควรดำเนินการเป็นประจำสม่ำเสมอและต่อเนื่อง

และ 1L สุดท้ายที่ขาดไม่ได้ คือ "LINE" แพลตฟอร์มหลักที่เอื้อให้ SME สร้างประสบการณ์การซื้อขายที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคไทย ด้วยเครื่องมือหลากหลาย พร้อมให้ SME ได้เลือกใช้เพื่อสร้างแบรนด์ ปั้นยอดขาย สร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้อย่างครอบคลุม โดยทั้งสองกูรูยังได้แนะนำถึง 4 เทคนิคการใช้เครื่องมือ โซลูชันต่างๆ บน LINE เพื่อพาแบรนด์ SME สู่ความสำเร็จ ตอบโจทย์ความต้องการและดึงดูดลูกค้าตลอดเส้นทางการช้อป (Customer Journey)

(1) การทำความรู้จัก ด้วยการสร้างหน้าร้านแบบมือโปร ผ่านการสมัครใช้ ‘พรีเมียมไอดี’ ช่วยให้ลูกค้าจดจำร้านค้าได้ง่าย ค้นหาได้ไวบนโลกออนไลน์ ในขณะที่การสมัครเป็น บัญชีรับรอง (Verified Account) เป็นอีกหนึ่งวิธีช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าร้านค้ามีตัวตนจริง จากข้อมูลของ LINE พบว่าบัญชีรับรอง ซึ่งจะมีโล่สีน้ำเงินกำกับไว้ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้คนติดตามเพิ่มขึ้นได้ถึง 19 เท่า นอกจากการสร้างหน้าร้านแบบมือโปรแล้ว การเดินหน้าหาลูกค้าที่ใช่ ด้วยการลงโฆษณาผ่าน LINE Ads’ เพื่อโปรโมตสินค้าหรือร้านค้าไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้อย่างแม่นยำ โดยจากตัวอย่างแบรนด์ที่ใช้งานพบว่า ช่วยเพิ่มเพื่อนให้ LINE OA ของร้านได้สูงสุดถึง 10 เท่า เมื่อลูกค้าเพิ่ม LINE OA ของร้านค้าเป็นเพื่อนแล้ว การสร้าง ริชเมนูบน LINE OA ให้มีข้อมูลเบื้องต้นของสินค้า/ร้านค้าได้ครบครัน ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญช่วยสร้างความประทับใจแรกพบ อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าค้นหาข้อมูลสินค้าและบริการเองได้ง่าย โดยช่วยเพิ่ม Engagement ได้สูงถึง 14%

(2) กระตุ้นความสนใจด้วยคอนเทนต์ที่ทำถึง การนำเสนอคอนเทนต์ที่ดึงดูดและตรงใจ จะช่วยเพิ่มโอกาสการขายให้ลูกค้าเข้าใจสินค้าและบริการที่เห็นภาพ โดยการบรอดแคสต์ข้อความบน LINE OA ในรูปแบบ ‘ริชแมสเสจ’ นับว่าช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าคลิกและมีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี จนร้านค้า SME นิยมใช้งานสูงสุดถึง 3.2 เท่าหากเทียบกับการบรอดแคสต์ข้อความในรูปแบบอื่น ในขณะที่การบรอดแคสต์ข้อความในรูปแบบ ‘คูปอง’ ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ สามารถช่วยเพิ่มอัตราการเปิดอ่านสูงกว่าการบรอดแคสต์ข้อความทั่วไปถึง 3.2 เท่า ในด้านโฆษณา การนำเสนอโฆษณาในรูปแบบวีดีโอ ยังคงเป็นที่สนใจสำหรับผู้บริโภคคนไทย โดยเฉพาะ ‘วีดีโอรีวิวสินค้า’ จากตัวอย่างแบรนด์ที่ใช้งาน ‘LINE Ads’ เผยว่าสามารถสร้างยอดขายบน LINE ให้ร้านค้าเพิ่มขึ้นได้ถึง 2 เท่า

(3) ปิดการขายอย่างง่ายให้โดนใจลูกค้า ด้วยการใช้เครื่องมือ ‘MyShop’ มาช่วยในการจัดการร้านค้าออนไลน์แบบมืออาชีพ นอกจากทำให้ผู้ประกอบการและทีมงานร้านค้า SME บริหารจัดการร้านค้าได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ลูกค้าเลือกสินค้า ดูรายละเอียด และกดสั่งซื้อโดยตรงเองได้สะดวกทันใจ โดย LINE พบว่าร้านค้าที่ใช้ LINE OA ร่วมกับเครื่องมือ MyShop สามารถเพิ่มโอกาสปิดการขายผ่านแชตได้สูงขึ้นถึง 15 เท่า นอกจากนี้ ‘ฟีเจอร์ Chat Tag’ บน LINE OA ยังเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ช่วยให้ธุรกิจระบุกลุ่มลูกค้าจากข้อมูลการแชตได้ อาทิ การแบ่งกลุ่มตามประเภทสินค้าที่สนใจ ตามพฤติกรรมการซื้อ ตามโลเคชันของลูกค้า เป็นต้น เพื่อให้แบรนด์สามารถนำเสนอคอนเทนต์ได้ตรงกลุ่มตรงใจ การสื่อสารกับลูกค้าเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ช่วยปิดการขายได้ง่ายขึ้นไปอีกขั้น อีกทั้ง แบรนด์ยังสามารถนำข้อมูลการแบ่งกลุ่มที่ได้ ไปวิเคราะห์เพื่อออกแบบกิจกรรมการสื่อสาร การตลาดต่อได้อีกด้วย

(4) มัดใจสร้างลูกค้าประจำด้วยระบบสมาชิก อย่าง MyCustomer I CRM’ ระบบสมาชิกสะสมแต้มที่ช่วยให้ร้านค้าสร้างความภักดีระยะยาวกับลูกค้า ผ่านการมอบสิทธิพิเศษ ข้อเสนอเฉพาะบุคคล กระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ ทั้งยังสามารถเก็บข้อมูลลูกค้า นำไปวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อเพื่อใช้ในกลยุทธ์การตลาดได้ต่อ สร้างการสื่อสารที่ตรงใจ มัดใจลูกค้าเดิม เพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ ทำให้ธุรกิจสามารถรักษาฐานลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย LINE ได้เผยสถิติจากธุรกิจ SME ที่ใช้งานระบบนี้มาเกินหนึ่งเดือน พบว่า การใช้งาน MyCustomer | CRM ช่วยเพิ่มยอดการสั่งซื้อจากลูกค้าประจำสูงขึ้นถึง 7 เท่า ยอดขายและธุรกิจภาพรวมเติบโตขึ้นถึง 74% และอัตราการบล็อก LINE OA ลดลงถึง 30%

การวางรากฐาน สร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งเป็นหัวใจสำคัญของ SME ไทย เพื่อสร้างความแตกต่างและเป็นที่จดจำในใจของลูกค้า ผู้บริโภคยุคใหม่ โดย LINE พร้อมเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยเสริมศักยภาพให้ธุรกิจ SME ไทยเติบโตท่ามกลางความท้าทายรอบด้านได้ ผ่านแนวคิด เทคนิคความรู้ที่น่าสนใจ กิจกรรมส่งเสริมมากมาย และที่สำคัญ หลากหลายเครื่องมือให้ SME ไทยได้เลือกใช้ ครอบคลุมทั้งในเชิงการสร้างแบรนด์ ปั้นยอดขาย เพื่อการตั้งตัวและเติบโตได้อย่างยั่งยืน

ผู้ที่สนใจ สามารถติดตามเนื้อหาสรุปประเด็นที่น่าสนใจ พร้อมติดตามรับชมงาน BOOTCAMP ย้อนหลังได้ทาง LINE OA: @linebizth และเฟซบุ๊กเพจ LINE for Business

LINE ประเทศไทย เตรียมจัดงาน LINE CONFERENCE THAILAND 2025 หรือ LCT25 งานสัมมนาเทคโนโลยีจากแอปพลิเคชัน LINE สุดยิ่งใหญ่แห่งปี เตรียมประกาศแผนงานการพัฒนาเทคโนโลยีโซลูชันส์ และเปิดตัวบริการใหม่ เพื่อเสริมไลฟ์สไตล์ด้านดิจิทัลของคนไทย ภายใต้พันธกิจใหม่ พร้อมโอกาสความร่วมมือสำหรับพาร์ทเนอร์ธุรกิจ นักการตลาดและนักพัฒนา ในงานนี้อัดแน่นด้วยหัวข้อสัมมนาด้านเทคโนโลยี อินไซต์ และกรณีศึกษาการใช้งานเทคโนโลยี LINE จากแบรนด์ชั้นนำตลอดทั้งวัน ซึ่งในปีนี้พิเศษกว่าปีไหนๆ ด้วยการพาสมาชิกในครอบครัว LINE อย่าง LINE FRIENDS และ LINE WEBTOON มาเผยกลยุทธ์ระดับโลกที่พร้อมบุกตลาดเมืองไทยครั้งแรกอย่างเป็นทางการ โดยงานในครั้งนี้จะจัดขึ้นในวันอังคารที่ 4 มีนาคม 2568 เวลา 9.30 – 16.30 น. ณ ไบเทค บางนา (สงวนสิทธิ์การเข้างานเฉพาะผู้ที่ได้รับเชิญเท่านั้น)

X

Right Click

No right click