ช่วงเดือนธันวาคมที่กำลังก้าวเข้าสู่ปีใหม่ 2568 ในอีกไม่กี่วัน หลาย ๆ คนต่างเฝ้ารอช่วงเวลาแห่งความสุข และคาดหวังการได้พบกับสิ่งดีใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิต โดยเฉพาะกับเด็ก ๆ ในวัยสดใสที่ต่างจดจ่อกับเทศกาลเฉลิมฉลองที่จะมีขึ้นทั้งในชุมชนและครอบครัว ในวาระนี้ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบความสุขให้น้อง ๆ โรงเรียนบ้านหนองลาน จังหวัดกาญจนบุรี ภายใต้โครงการ “ใส่ใจแบ่งปัน สานฝันเพื่อน้อง” ที่ได้พี่ ๆ จิตอาสากรุงเทพประกันชีวิต ร่วมสร้างกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ เสริมสร้างพัฒนาการ และการมีสุขภาพที่ดี ถือเป็นการมอบของขวัญปีใหม่ให้น้องๆ ได้มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
โครงการ “ใส่ใจแบ่งปัน สร้างฝันเพื่อน้อง” มีพี่ ๆ จิตอาสาจากส่วนงานต่าง ๆ ของกรุงเทพประกันชีวิตร่วมกิจกรรมกว่า 30 คน ภายใต้การนำโดย “นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์” ผู้บริหารสายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า โดยมีเป้าหมายในการร่วมทำความดีส่งท้ายปี ณ “โรงเรียนบ้านหนองลาน” ตั้งอยู่ที่อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 2 จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 รวมนักเรียนในปีการศึกษา 2567 จำนวน 146 คน และมีคุณครูและบุคลากรอีกจำนวน 14 คน โดยโรงเรียนได้จัดการแสดงจากน้อง ๆเพื่อต้อนรับพี่ ๆ อย่างอบอุ่น
“กรุงเทพประกันชีวิต มีเป้าหมายในการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเยาวชนและสังคมไทย ผ่านการสนับสนุนด้านการศึกษาและสุขภาพ สอดคล้องกับคำขวัญของโรงเรียนบ้านหนองลานที่ว่า “เรียนดี กีฬาเด่น เน้นคุณธรรม นำสังคม” การที่น้องๆ จะเรียนดี หรือ กีฬาเด่นได้ เราต้องเริ่มต้นจากสุขภาพที่ดีทั้งทางร่างกาย กิจกรรมสำคัญของโครงการ “ใส่ใจแบ่งปัน สานฝันเพื่อน้อง” จึงมุ่งเน้นการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยได้มอบระบบน้ำดื่มสะอาด เครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อการศึกษา และ กระเป๋าปฐมพยาบาลเพื่อสุขอนามัยที่สมบูรณ์ รวมถึง พื้นที่การเรียนรู้ในรูปแบบสนามเด็กเล่น ซึ่งจะเป็นที่ที่เด็ก ๆ สามารถเรียนรู้และพัฒนาทักษะได้อย่างเต็มที่” นางสาวอรนาฎกล่าว พร้อมเพิ่มเติมว่า
หนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญคือ การส่งมอบพื้นที่รักการอ่าน ด้วย “ห้องสมุดตู้คอนเทนเนอร์” ซึ่งจะส่งเสริมการเรียนรู้และปลูกฝังการอ่านให้กับน้อง ๆ ทุกคน โดยได้รับความร่วมมือจากผู้บริหารและพนักงานกรุงเทพประกันชีวิต ที่ได้ร่วมบริจาคหนังสือดี ๆ และของเล่นส่งเสริมการเรียนรู้ เพื่อให้น้อง ๆ ทุกคนได้ใช้เวลาในการเรียนรู้และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ผ่านหนังสือและการเล่นอย่างสนุกสนาน
นายกิตติศักดิ์ ศรีทอง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองลาน กล่าวว่า “รู้สึกดีใจที่กรุงเทพประกันชีวิตได้มามอบสิ่งดี ๆ และโอกาสให้กับลูก ๆ นักเรียนโรงเรียนบ้านหนองลานในการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ ให้เด็ก ๆ ได้อยู่ในโรงเรียนอย่างมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นการมอบห้องสมุดเพื่อเป็นสื่อในการเรียนรู้ รวมถึงเครื่องเล่น สนามเด็กเล่นให้เด็กอนุบาลได้มีพัฒนาการสมวัย นอกจากนี้ยังได้มอบตู้ทำน้ำดื่มพร้อมระบบกรองน้ำให้เด็กได้มีน้ำดื่มที่สะอาด และทีวีเพื่อใช้เป็นสื่อในการเรียนรู้ทำให้คุณครูได้จัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ผมขอขอบคุณกรุงเทพประกันชีวิตที่ได้มอบโอกาสดี ๆ ให้โรงเรียนของเราในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข เป็นโรงเรียนคุณภาพของชุมชน”
“พวกเราพนักงานจิตอาสากรุงเทพประกันชีวิต รู้สึกมีความสุขที่ได้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการ “ใส่ใจแบ่งปัน สานฝันเพื่อน้อง” จะเป็นของขวัญปีใหม่ที่ช่วยสร้างความสุขและแรงบันดาลใจในการเติมเต็มความฝันและต่อยอดทางการศึกษาให้กับน้อง ๆ ทุกคนที่โรงเรียน” นางสาวอรนาฎกล่าวในที่สุด
กรุงเทพประกันชีวิต สร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้าในการซื้อประกันออนไลน์ ขยายขอบเขตความมั่นคงปลอดภัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ISO/IEC 27001:2013) ด้านระบบขายประกันออนไลน์ (Smart Insured) ตอกย้ำความสำคัญอย่างยิ่งกับความมั่นคงปลอดภัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO/IEC 27001:2013 มาแล้วเป็นระยะเวลา 9 ปี
นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน การทำประกันออนไลน์มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นจากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคโดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว กรุงเทพประกันชีวิตจึงได้พัฒนารูปแบบการให้บริการด้วยความใส่ใจผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัย และยังเพิ่มความอุ่นใจให้กับลูกค้าในด้านความมั่นคงปลอดภัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศผ่านการรับรองมาตรฐานสากลมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ได้ขยายขอบเขตความมั่นคงปลอดภัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ISO/IEC 27001:2013) ด้านระบบขายประกันออนไลน์ (Smart Insured) เพื่อให้ครอบคลุมระบบการจัดการความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลสำหรับระบบขายประกันออนไลน์ซึ่งครอบคลุมการจัดการโครงสร้างพื้นฐาน การจัดการความมั่นคงปลอดภัยทางกายภาพ และการจัดการความมั่นคงปลอดภัยเครือข่าย
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กรุงเทพประกันชีวิตได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO/IEC 27001:2013 มาแล้วเป็นระยะเวลา 9 ปี (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558) โดยมีขอบเขตความมั่นคงปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศครอบคลุม ศูนย์การจัดเก็บข้อมูล (Data Center) ศูนย์สำรองข้อมูล (DR Site) ด้านการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (Software Development Life Cycle) และด้านการปฏิบัติงานการประกันชีวิต (Life Operation) ที่สำนักงานใหญ่และสำนักงานสาขาทั่วประเทศ” นายโชนกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO/IEC 27701:2019 มาตรฐานการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Information Management System: PIMS), ISO/IEC 22301:2012 มาตรฐานการบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management System: BCMS) และ ISO 9001:2015 มาตรฐานการจัดการคุณภาพเพื่อการบริการลูกค้า (Quality Management System: QMS) ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัทฯ ถึงความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลสำคัญจะได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ รวมถึงการบริการที่ได้คุณภาพที่มอบให้แก่ลูกค้า บริษัทมุ่งมั่นในการรักษาคุณภาพการให้บริการตามมาตรฐานสากลที่ได้รับการรับรอง และพร้อมที่จะเพิ่มคุณภาพการให้บริการ และความมั่นคงปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้เป็นเลิศต่อไป
โค้งสุดท้ายของปี 2567 ใครที่กำลังมองหาตัวช่วยในการลดหย่อนภาษี การซื้อประกันชีวิตถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่คุ้มค่าจากการได้รับความคุ้มครองทั้งชีวิต ช่วยวางแผนการเงินที่ดี และยังสามารถสร้างเงินก้อนพร้อมใช้ในอนาคตไปพร้อม ๆ กัน แบบประกันที่ว่านั้นเรียกว่า “ประกันสะสมทรัพย์” หรือ ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment) ซึ่งในระหว่างระยะเวลาสัญญาผู้ทำประกันจะได้รับความคุ้มครองชีวิตควบคู่กับได้รับผลประโยชน์เงินคืนในแต่ละปีซึ่งจะเป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละแบบประกันตามที่บริษัทกำหนด รวมถึงเมื่อครบกำหนดสัญญา ก็จะได้รับผลประโยชน์เงินคืนก้อนใหญ่ช่วยสร้างความมั่นคงสำหรับชีวิตในอนาคตได้อย่างสบายใจ และหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างกรณีเสียชีวิต ครอบครัวหรือผู้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินก้อนคืนเพื่อเป็นหลักประกันทางการเงินที่มั่นคงอีกด้วย
5 เหตุผลดีๆ ของการทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
1. สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนเบี้ยฯ ที่จ่ายจริง สูงสุด 100,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด โดยเงื่อนไขคือ กรมธรรม์ประกันชีวิตต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป กรณีที่มีการจ่ายเงินคืนทุกปี จำนวนเงินต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยรายปี หรือหากเป็นการจ่ายเงินคืนตามช่วงเวลา จำนวนเงินต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยสะสมของแต่ละช่วงเวลา
2. ช่วยสร้างเงินออมเพื่ออนาคต วางแผนทางการเงินได้ ประกันสะสมทรัพย์แต่ละแผน จะมีรูปแบบในการชำระเบี้ยในระยะเวลาแตกต่างกันออกไป เช่น 1 ปี จ่ายครั้งเดียวจบ จ่ายเบี้ยฯสั้น 2 ปี หรือ 5 ปี โดยผู้เอาประกันภัยจะได้รับผลประโยชน์เงินคืนในรูปแบบที่แตกต่างออกไปตามแต่ละแผนปี ซึ่งรูปแบบนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการจะนำเงินออกมาใช้ก่อนถึงครบกำหนด เป็นตัวช่วยสร้างวินัยการออมเงินและวางแผนทางการเงินในอนาคตได้อย่างแน่นอน
3. ได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน ประกันสะสมทรัพย์เป็นประกันชีวิตในรูปแบบการสร้างเงินออมที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยแต่ละแบบประกันจะมีแผนความคุ้มครองและรูปแบบผลประโยชน์เงินคืนที่กำหนดเอาไว้ ทำให้ผู้เอาประกันภัยได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน ไม่ต้องรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจ ช่วยให้สามารถวางแผนทางการเงินในอนาคตได้อย่างแม่นยำ รู้ผลประโยชน์เงินคืนที่ได้รับแน่นอนและสร้างเงินออมให้งอกเงยได้
4. ได้รับความคุ้มครองชีวิต ช่วยให้ผู้ทำประกันเตรียมพร้อมกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น กรณีเสียชีวิต จะได้รับเงินก้อนคืนตามทุนประกันชีวิตโดยมอบให้ผู้รับผลประโยชน์ รวมถึงสามารถกำหนดสัดส่วนของผลประโยชน์เงินคืนนี้ได้อีกด้วย เหมาะกับผู้ที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ในการเตรียมพร้อมกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้น หรือในมุมของพ่อแม่สูงวัย ที่ต้องการสร้างความมั่นคงและลดภาระค่าใช้จ่ายกรณีที่ตนเองเสียชีวิตให้กับลูกหลานที่ยังอยู่ได้อีกด้วย เนื่องจากประกันสะสมทรัพย์บางแผน มีอายุรับประกันภัยสูงถึงอายุ 80 ปี
5. ผลประโยชน์เงินคืนได้จากประกันสะสมทรัพย์ได้รับการยกเว้นภาษี เป็นอีกหนึ่งข้อดีที่น่าสนใจ เนื่องจากผลประโยชน์เงินคืนที่ได้รับจะได้รับแบบเต็มจำนวน ต่างจากผลประโยชน์เงินคืนจากการสร้างเงินออมรูปแบบอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น การลงทุนกับหุ้น กองทุนรวม หรือแม้แต่ดอกเบี้ยที่ได้รับจากการฝากเงินกับธนาคารที่ยังต้องเสียภาษี
ประกันสะสมทรัพย์ออนไลน์ ง่าย สะดวก อนุมัติไว
กรุงเทพประกันชีวิต มีบริการประกันชีวิตออนไลน์ที่มีหลากหลายแผนเพื่อให้ผู้ทำประกันสามารถเลือกได้ตรงกับเป้าหมายทางการเงินได้มากที่สุด สามารถดูรายละเอียดความคุ้มครอง กดคำนวณเบี้ย เพื่อเปรียบเทียบผลประโยชน์ด้วยตัวเองได้ โดยปัจจุบันมีแบบประกันที่น่าสนใจ คือ
ประกันสะสมทรัพย์ บีแอลเอ สมาร์ทเซฟวิ่ง 10/1 หรือประกัน 10/1
เหมาะกับผู้ที่ต้องการความคล่องตัว เพราะจ่ายเบี้ยครั้งเดียวจบ พร้อมรับเงินคืนทุกๆปีละ 1.75%* รวมตลอดสัญญา 117.5%* เบี้ยประกันภัยรายปี เริ่มต้นปีละ 50,000 บาท
ประกันสะสมทรัพย์ ลดหย่อนภาษี บีแอลเอ สมาร์ทรีเทิร์น 10/5 หรือ ประกัน 10/5
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสร้างเงินออมก้อนใหญ่ นำไปใช้จ่ายหรือลงทุนต่อยอด โดยแบบประกันนี้คืนเงินไวกว่ากองทุน SSF โดยในปีที่ 7-9 รับเงินคืน 100%* และปีที่ 10 รับเงินคืนถึง 205%* รวมตลอดสัญญา 525%* และ ชำระเบี้ยประกันภัยรายปีระยะเวลา 5 ปี เริ่มต้นปีละ 20,000 บาท เฉลี่ยเดือนละหลักพันต้น ๆ
ประกันชีวิตลดหย่อนภาษี บีแอลเอ ฟาสต์ รีเทิร์น 10/2
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสภาพคล่องทางการเงินสูง เพราะจ่ายเบี้ยฯ สั้น 2 ปี ได้รับเงินก้อนคืนไวในปีที่ 3 รับเงินก้อนคืน 100%* และปีครบกำหนดสัญญา รับเงินคืนอีก 100%* กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ รับผลประโยชน์เพิ่ม 200% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยเบี้ยประกันภัยรายปี เริ่มต้นปีละ 29,100 บาท
นอกจากประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์แล้ว กรุงเทพประกันชีวิต ยังขอให้พิจารณาประกันชีวิตแบบบำนาญควบคู่กันไป เพราะสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด โดยแบบประกันที่แนะนำ คือ ประกันบํานาญ ลดหย่อนภาษี แฮปปี้ เพนชั่น (มีเงินปันผล) ที่เหมาะสำหรับคนที่เตรียมพร้อมวางแผนวัยเกษียณ แบบประกันนี้จะช่วยให้เกษียณได้อย่างสบายใจ มีเงินบำนาญใช้ถึงอายุ 99 ปี โดยการันตีรับเงินบำนาญ ตั้งแต่อายุ 60-99 ปี มีโอกาสรับเงินบำนาญเพิ่มพิเศษตลอดสัญญา** และ เลือกระยะเวลาชำระเบี้ยได้เอง 1 ปี/ 5 ปี/ 10 ปี หรือจนถึงอายุ 60 ปี
จะเห็นได้ว่า นอกจากลดหย่อนภาษีแล้ว การทำประกันชีวิตยังเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน ซึ่งช่วยสร้างเงินก้อนในอนาคต ไปพร้อม ๆ กับรับความคุ้มครองชีวิต ซึ่งสามารถเลือกแผนประกันที่ตอบโจทย์แผนการเงินที่ต้องการได้ง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์ พร้อมรับสิทธิพิเศษเฉพาะการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ในแต่ละเดือน เพื่อความคุ้มครองที่คุ้มค่า ผู้สนใจดูแบบประกันเพิ่มเติมได้ที่ https://bla.bangkoklife.com/onlinepr
หมายเหตุ
* %ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
** ผลประโยชน์ที่ไม่รองรับการจ่าย
โปรดทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไขและข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
กรุงเทพประกันชีวิตเผยผลดำเนินงานรอบ 9 เดือนแรกปี 2567 กวาดเบี้ยรับรวม 26,400 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,669 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 ส่วนไตรมาส 3 ปี 67 มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 10,315 ล้านบาท มาจากเบี้ยรับปีแรก 1,550 ล้านบาท มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 614 ล้านบาท ประกาศสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ ในการมุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่งในด้านความใส่ใจ ต่อผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่ม พร้อมดูแลลูกค้าด้วยความคุ้มครองที่มาพร้อมสิทธิประโยชน์และบริการที่เป็นเลิศ
นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2567 ว่า บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวมจำนวน 10,315 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกจำนวนทั้งสิ้น 1,550 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากช่องทางธนาคารที่มีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกลดลง โดยมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 614 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวมในช่วง 9 เดือนของปี 2567 จำนวน 26,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 2,669 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 จำนวน 313,594 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ที่ร้อยละ 4 จากการลดลงของสินทรัพย์ลงทุนจากกรมธรรม์ที่ครบกำหนด ทั้งนี้ สินทรัพย์ลงทุนและรายการเทียบเท่าเงินสดคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 95 ของสินทรัพย์รวม และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (CAR) ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 ที่ร้อยละ 433 ซึ่งสูงกว่าระดับเงินกองทุนที่กฎหมายระบุไว้ที่ 140% อย่างมีนัยสำคัญ
นายโชน กล่าวว่า ในปี 2567 บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ ในการมุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่งในด้านความใส่ใจ To be the Most Caring Life Insurance Company เพื่อขับเคลื่อนองค์กรทำหน้าที่ด้วยความใส่ใจต่อผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่ม พร้อมเปิดตัวสิทธิประโยชน์ใหม่ 5 ด้านตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้า และยกระดับการให้ความคุ้มครองและการบริการแก่ผู้ถือกรมธรรม์ให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีตลอดอายุสัญญา
“บริษัทฯ ยังได้สร้างความผูกพันธ์กับผู้ถือกรมธรรม์ผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ การจัดงาน Age of Happiness: Thank You Event for Our Valued Customers เพื่อขอบคุณลูกค้าธนาคารกรุงเทพที่ให้ความไว้วางใจส่งมอบความคุ้มครองเพื่อสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงทางการเงินมามากกว่า 20 ปี และ กิจกรรมคอนเสิร์ตฉลองครบรอบ 73 ปี BLA Feel Good Concert รวมไปถึงการพัฒนาบริการและบริการเสริมด้านสุขภาพ ‘BLA EveryCare’ ที่กรุงเทพประกันชีวิตให้มากกว่าความคาดหวังของผู้ถือกรมธรรม์ โดยมีการทำงานร่วมกับโรงพยาบาลพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง” นายโชนกล่าวในที่สุด
กรุงเทพประกันชีวิต ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่เพื่อขับเคลื่อนองค์กรทำหน้าที่ด้วยความ “ใส่ใจ” ต่อผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่ม พร้อมเปิดตัวแบรนด์แคมเปญ “ใส่ใจ” สื่อภาพลักษณ์ผ่านปรัชญาการทำงานบนความ “เชื่อมั่นในพลังของความใส่ใจ” ในทุกมิติ เพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่งด้านความใส่ใจ (The Most Caring Insurance Brand) และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงเป้าหมายในการปรับวิสัยทัศน์ใหม่ขององค์กร เพื่อมุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่งในด้านความใส่ใจ ว่า กรุงเทพประกันชีวิตได้ดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของการใส่ใจมาอย่างยาวนาน และถือเป็นจุดแข็งขององค์กร หลายปีที่ผ่านมาบริษัทได้นำแนวทางการทำงานอย่างใส่ใจมาใช้ในด้านต่างๆ ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ บุคคลากรของบริษัทรวมถึงตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงิน และบริการเสริม BLA Every Care ที่ตอบโจทย์ความใส่ใจลูกค้าแบบครบวงจร ซึ่งจากการสำรวจกลุ่มลูกค้า พบว่า เมื่อนึกถึงกรุงเทพประกันชีวิต ลูกค้าต่างพูดถึงเรื่องความใส่ใจมาเป็นอันดับต้น ๆ
“เราเชื่อว่า พลังของการใส่ใจนั้นมีผลต่อแบรนด์กรุงเทพประกันชีวิตอย่างมาก จึงมุ่งหวังให้ กรุงเทพประกันชีวิต เป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่งด้านความใส่ใจในทุกมิติ ตั้งแต่ลูกค้า ตัวแทน ที่ปรึกษาทางการเงิน พันธมิตรทางการค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น สังคมและสิ่งแวดล้อม” นายโชนกล่าว
ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่นี้ เรามุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่เป็นเลิศจากความใส่ใจ เพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้ถือกรมธรรม์ด้านความมั่นคงในชีวิต ผ่านตัวแทนที่มีความจริงใจ เทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์บริการที่ดี และ สิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของทุกเจนเนอเรชั่น สำหรับตัวแทนและที่ปรึกษาทางการเงิน เราส่งเสริมการเพิ่มศักยภาพของทีมงานให้สามารถทำงานได้อย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมรับมือกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งสร้างพลังบวกและการตระหนักรู้ถึงคุณค่าของการใส่ใจ เพื่อให้ทุกคนสามารถส่งต่อการให้บริการที่ประทับใจไปสู่ลูกค้าอย่างดีที่สุด และสำหรับพนักงาน เราส่งเสริมให้ทุกคนมีความสุข มีความก้าวหน้าและมีความมั่นคงในอาชีพ มีการเพิ่มพูนทักษะให้สามารถเติบโตได้อย่างมีคุณภาพ เคารพในความแตกต่าง ให้ความเสมอภาค ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี
“สิ่งสำคัญคือ ความใส่ใจที่มีต่อสังคม ด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ด้านการวางแผนการเงินเห็นประโยชน์ในการทำประกันชีวิตและการมีสุขภาพที่ดีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น และท้ายสุด เราให้การใส่ใจในสิ่งแวดล้อม เราพร้อมจะขับเคลื่อนองค์กร สู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน บริหารจัดการด้านพลังงาน ทรัพยากรน้ำ และ ขยะ ซึ่งทั้งหมดเป็นการสร้างพลังของความใส่ใจและจะเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้เราเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่งด้านการใส่ใจและมีการเติบโตอย่างยั่งยืนในที่สุด” นายโชนกล่าว
ด้านนางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้บริหารสายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า เปิดเผยถึงแนวคิดการปรับภาพลักษณ์องค์กรในครั้งนี้ว่า มาจากผลการสำรวจเพื่อต้องการหา Insight กลุ่มผู้บริโภคและลูกค้า ที่มีความคาดหวังต่อธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งพบว่าคนแต่ละเจนเนอเรชั่นมีความต้องการที่ไม่เหมือนกันทั้งผลิตภัณฑ์ ช่องทางการขายและการบริการ แต่มีสิ่งหนึ่งที่คนทุกเจนคาดหวังและต้องการเหมือนกันคือ “ความใส่ใจ” ในบริการหลังการขาย ซึ่งการสื่อสารแบรนด์แคมเปญนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคเห็นความแตกต่างและรับรู้ถึงความใส่ใจได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญในการขยายการรับรู้ และต้องการเข้าไปมีส่วนช่วยด้านการวางแผนการเงินในช่วงเริ่มต้นวัยทำงาน
“แคมเปญ “ใส่ใจ” ครั้งนี้ จะถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์โฆษณา 2 เรื่อง ซึ่งได้ผลมาจากงานวิจัยที่น่าสนใจ คือ ในยุคที่เทคโนโลยีมีผลกับชีวิตผู้คน ทำให้คนส่วนใหญ่มักใช้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์ผ่านเทคโนโลยี จนละเลย หลงลืม ขาดความผูกพันที่อบอุ่น โดยเรื่องแรก จะสะท้อนความสัมพันธ์ที่เล็กแต่แข็งแรงที่สุด คือ คนในครอบครัว ด้วยความเชื่อที่ว่า พลังของความใส่ใจ ถ้าในสังคมไทยมีให้กันมากพอ จะทำให้ทุกคนมีความสุข ความอุ่นใจและความมั่นใจในการใช้ชีวิต ไม่ว่าสังคมจะพัฒนาด้านเทคโนโลยีไปอย่างไร เรื่องที่ 2 คือ เป็นการนำเสนอบริการเสริมที่ได้มาจากการทำวิจัยจากลูกค้าชื่นชอบ คือ Driving Home และ Home Health Care เป็นการดูแล ใส่ใจลูกค้า หากลูกค้าเจ็บป่วยต้องไปโรงพยาบาล หรือ มีการต้องพักรักษาตัวต่อที่บ้าน โดยมีกำหนดการเผยแพร่ภาพยนตร์โฆษณาในวันที่ 13 พฤศจิกายนศกนี้ ผ่านสื่อ TV, Out Of Home, Online และ KOL” นางสาวอรนาฎกล่าวในที่สุด
กรุงเทพประกันชีวิตคาดหวังว่า แคมเปญใส่ใจนี้จะเป็นแรงกระเพื่อมให้สังคมได้หันกลับมาคิด และเลือกที่จะสร้างความสุขให้ตนเองและคนรอบตัว เมื่อทุกครอบครัวเห็นคุณค่าของการใส่ใจซึ่งกันและกัน ก็จะส่งผลกับระดับสังคมไม่มากก็น้อย ขณะเดียวกัน ในส่วนของกรุงเทพประกันชีวิต ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์สิ่งดีๆอีกมากเพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าด้วยความตั้งใจ เพื่อให้แบรนด์กรุงเทพประกันชีวิตอยู่ในใจผู้บริโภค และ ก้าวสู่การเป็น The Most Caring Insurance Brand ได้ในที่สุด