จับมือ “The Soul Resort” จัดแคมเปญท่องเที่ยวแบบ Luxury Wellness & Mindfulness

“เคทีซี” มองการท่องเที่ยวไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัว ส่งผลดีต่อการเช่ารถเพื่อการท่องเที่ยว เป็นที่นิยมมากขึ้น โดย 6 เดือนแรก ยอดการใช้จ่ายในหมวดรถเช่าเติบโตถึง 90% คาดการณ์ปลายปียังขยายตัวต่อ พร้อมจับมือ 17 พันธมิตร จัดแคมเปญเช่ารถขับรับไฮซีซั่น มองรถอีวีมาแรงเพราะประหยัดน้ำมัน หาที่ชาร์จสะดวก

นางสาววริษฐา พัฒนรัชต์ ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย การเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ ส่งผลต่อการท่องเที่ยวไทยกลับมาฟื้นตัว และเป็นปัจจัยสนับสนุนต่ออุตสาหกรรมรถเช่า (Car Rent) เติบโตไปในทิศทางเดียวกัน โดยยอดการใช้จ่ายในกลุ่มรถเช่าช่วงเดือนมกราคม 2566 - มิถุนายน 2566 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึง 90% และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี โดยครึ่งปีหลังมองว่าปัจจัยที่จะผลักดันให้ยอดการใช้จ่ายในกลุ่มรถเช่าขยายตัว คือการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น

“ ตอนนี้อุตสาหกรรมรถเช่ากลับมาฟื้นตัวตามการท่องเที่ยว และมองว่าช่วงครึ่งปีหลังยังโตต่อ เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของไทย นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยก็ชื่นชอบการเช่ารถ ทั้งขับเองและมีคนขับให้ ซึ่งเป็นเรื่องดีที่จะช่วยให้อุตสาหกรรมรถเช่าเติบโต” นางสาววริษฐากล่าว

สำหรับเคทีซีมีโปรโมชั่นร่วมกับผู้ให้บริการรถเช่าชั้นนำทั้งในและต่างประเทศรวม 17 แห่ง พร้อมมีโปรโมชั่นพิเศษ เช่น รับส่วนลดสูงสุด 30% เมื่อเช่ารถและใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี หรือ ใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่าย แลกรับเครดิตเงินคืน 12%

“ปัจจุบัน การเช่ารถอีวีได้รับความนิยมมากขึ้น โดยสัดส่วนการเช่ารถยนต์ปกติอยู่ที่ 80% และรถอีวี 20% เพราะราคาค่าเช่าไม่สูงมาก เช่น รถยนต์ไฟฟ้า Ora Good Cat จาก Hertz Thailand หนึ่งใน

พันธมิตรของเรา หากใช้บัตรเครดิตเคทีซีจะได้ส่วนลด 30% ค่าเช่าจะอยู่ที่ราคา 707 บาท จากราคาปกติ 1,010บาท แต่การใช้รถอีวี ยังมีข้อจำกัด และเหมาะกับนักท่องเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพราะสามารถหาที่ชาร์จได้สะดวก”

สำหรับพันธมิตร 17 แห่ง ประกอบด้วย เอแซ็ป คาร์ เร็นทัล (ASAP) / เอวิส คาร์ เร็นทัล ( AVIS) / บัดเจ็ท คาร์ เรนทัล (Budget) / บิซคาร์ เรนทัล (Bizcar Rental) / ชิค คาร์เร้นท์ (Chic Car Rental) / ไดรฟ์ฮับ (Drivehub) / ไดรฟ์ คาร์ เร้นทัล (Drive Car Rental) / ยุโรปคาร์ (Europcar) / ฮ้อปคาร์ (Haupcar) / เฮิร์ซ (Hertz) / คลูก (Klook) / ไพร์ม คาร์ เรนทอล(Prime Cars) / เร้นท์ คอนเนคเต็ด (Rentconnected) / เรนทัลคาร์ดอทคอม (Rentalcars.com) / ซิกท์ เรนท์ อะคาร์ (Sixt) / ทราเวลไอโก (TraveliGo) และ ทรู ลีสซิ่ง (True Leasing)

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC 02 123 5000 หรือติดตามโปรโมชัน ของเคทีซีได้ที่ https://www.ktc.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ 

เคทีซีเปิดงบการเงินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยครึ่งปีแรก กำไรสุทธิ 3,678 ล้านบาท ในขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 1,806 ล้านบาท พอร์ตสินเชื่อทุกผลิตภัณฑ์เติบโตตามเป้าหมาย โดยมูลค่าพอร์ตรวมอยู่ที่ 105,589 ล้านบาท เติบโต 11.1% ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรขยายตัวที่อัตรา 16.3% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ มั่นใจสามารถทำกำไรทั้งปีได้ตามเป้าหมาย

 

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “อุตสาหกรรมสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคขยายตัวดีต่อเนื่อง จากความต้องการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับดีขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566 เคทีซีมีสัดส่วนของลูกหนี้บัตรเครดิตเทียบกับอุตสาหกรรมเท่ากับ 14.9% ส่วนแบ่งตลาดของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเคทีซีอยู่ที่ 12.2% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2565 และมีสัดส่วนของลูกหนี้สินเชื่อบุคคล (ไม่รวมสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน) เทียบกับอุตสาหกรรมเท่ากับ 6.2%”

“ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เคทีซีมีผลการดำเนินงานน่าพอใจในหลายด้าน ทั้งการเติบโตของพอร์ตรวมที่เป็นไปตามเป้าหมาย ด้วยมูลค่า 105,589 ล้านบาท เติบโต 11.1% และยังคุมระดับ NPL ได้ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนที่ 2.0% สำหรับพอร์ตบัตรเครดิตยังคงขยายตัวได้ดีด้วยอุปสงค์ในประเทศ ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรดีดตัวสูงขึ้นมาก ขณะที่พอร์ตสินเชื่อบุคคลขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังเน้นการคัดกรองคุณภาพสินเชื่อบุคคลผ่านกระบวนการอนุมัติที่เข้มข้น โดยจะคัดเลือกสมาชิกที่มีความเสี่ยงเหมาะสมกับระดับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคลที่กำหนดไว้ สำหรับสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” มีกระแสตอบรับดีขึ้นทุกเดือน แม้จำนวนที่เข้ามาจะช้ากว่าที่ประมาณการ แต่ได้พอร์ตที่มีคุณภาพ ทำให้มั่นใจว่า “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” จะสามารถสร้างฐานรายได้ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต”

“สำหรับครึ่งหลังของปี 2566 “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” จะมีปริมาณการเพิ่มยอดลูกค้าใหม่ (New Booking) แบบทวีคูณ พิจารณาจากอัตราเร่งของการเพิ่มลูกหนี้ใหม่ในปัจจุบัน การเติบโตของพอร์ตบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ สำหรับ NPL อยู่ในระดับที่ไม่น่ากังวล เพราะบริษัทฯ ยังสามารถบริหารจัดการได้ ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถทำกำไรทั้งปีได้ตามเป้าหมายที่มากกว่า 7,079 ล้านบาท พอร์ตลูกหนี้สิ้นเชื่อรวมเติบโต 15% ปริมาณใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโต 10% พอร์ตลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเติบโต 7%”

“ผลการดำเนินงานของเคทีซีในช่วงครึ่งปีแรก สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 งบการเงินรวมมีกำไรสุทธิครึ่งปีแรกและไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 3,678 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1.0%) และ 1,806 ล้านบาท (ลดลง 4.6%) ตามลำดับ งบการเงินเฉพาะกิจการของเคทีซี มีกำไรสุทธิครึ่งปีแรก และไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 3,648 ล้านบาท และ 1,805 ล้านบาท ตามลำดับ ฐานสมาชิกรวม 3,358,994 บัญชี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม 105,589 ล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL) 2.0% แบ่งเป็นพอร์ตสมาชิกบัตรเครดิต 2,605,984 บัตร เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรเครดิตและดอกเบี้ยค้างรับรวม 68,664 ล้านบาท ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรครึ่งปีแรกเท่ากับ 127,644 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.3% NPL บัตรเครดิตอยู่ที่ 1.2% พอร์ตสมาชิกสินเชื่อบุคคลเคทีซี 753,010 บัญชี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” และดอกเบี้ยค้างรับ 31,727 ล้านบาท เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” เท่ากับ 1,658 ล้านบาท NPL สินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 3.0% ยอดสินเชื่อลูกหนี้ใหม่ (New Booking) ของ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” ในรอบครึ่งแรกของปี 2566 เท่ากับ 1,132 ล้านบาท โดยยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่มีกระแสตอบรับที่ดีขึ้นในทุกเดือน”

“ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ในไตรมาส 2/2566 มีการเติบโตในรายได้รวมที่ 8.8% เท่ากับ 6,240 ล้านบาท จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 18.7% เท่ากับ 3,988 ล้านบาท ส่วนหนึ่งจากการขยายตัวของพอร์ต ทำให้มี NPL เพิ่มขึ้นบ้าง ส่งให้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss - ECL) เพิ่มขึ้น รวมถึงการตัดหนี้สูญเพิ่มขึ้นด้วย ส่วนของต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นเล็กน้อย ตามการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงิน ทั้งนี้ ข้อมูลวันที่ 30 มิถุนายน 2566 เคทีซีมีวงเงินกู้ยืมทั้งสิ้นเท่ากับ 35,371 ล้านบาท เป็นวงเงินกู้ยืมระยะสั้น 29,371 ล้านบาท (รวมวงเงินจากธนาคารกรุงไทย 19,061 ล้านบาท) และวงเงินกู้ยืมระยาวจากธนาคารกรุงไทย 6,000 ล้านบาท โดยมีวงเงินคงเหลือ (Available Credit Line) จำนวน 20,480 ล้านบาท ต้นทุนการเงิน 2.6% และอัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2.18 เท่า ต่ำกว่าภาระผูกพันซึ่งกำหนดไว้ที่ 10 เท่า”

“เคทีซียังได้ดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ตามแนวทางการบริหารจัดการด้านการให้สินเชื่ออย่างเป็นธรรม โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 บริษัทฯ ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ในทุกสถานะตามประกาศ ธปท. ฝคง.ว.951/2564 จำนวน 1,876 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.9% ของพอร์ตลูกหนี้รวม”

“สืบเนื่องจากวันนี้ (21 กรกฎาคม 2566) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เผยแพร่ “มาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน” เพื่อเป็นทางออกในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนในระยะยาว โดยอันดับแรกธปท. จะออกมาตรการกำหนดเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Responsible Lending: RL) สำหรับลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างเหมาะสม ทันเวลา มีคุณภาพและเพียงพอ ในส่วนของลูกหนี้ใหม่ต้องไม่โฆษณากระตุ้นให้เกิดการกู้ยืมอย่างเกินตัว ซึ่งธปท. จะบังคับใช้ในเดือนมกราคม 2567”

“สำหรับหนี้ปกติที่เป็นหนี้เรื้อรัง (Persistent Debt: PD) จะสร้างทางเลือกให้ลูกหนี้สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้ปิดจบการเป็นหนี้ได้ ซึ่งธปท. มุ่งให้ความสำคัญกับลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล ที่เป็นสินเชื่อหมุนเวียนที่มีรายได้ไม่เกิน 20,000 บาทต่อเดือน และมีเกณฑ์การบ่งชี้ว่าลูกหนี้ดังกล่าวมีการจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งธปท. จะให้มีผลบังคับใช้ในเดือนเมษายน 2567 นั้น เคทีซีจะให้ทางเลือกแก่ลูกหนี้ที่สนใจ สามารถเปลี่ยนสินเชื่อหมุนเวียนมาเป็นแบบมีระยะเวลา (Term Loan) และให้คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี โดยจะกำหนดให้การผ่อนชำระสามารถปิดจบภายใน 5 ปี ซึ่งลูกหนี้ต้องสมัครใจเข้าร่วมโครงการด้วยตนเองและปิดวงเงินเดิมที่มีอยู่ โดยเคทีซีได้ประเมินผลกระทบต่อมาตรการดังกล่าว หากลูกหนี้เคทีซีที่เข้าเกณฑ์ทุกรายเข้าร่วมโครงการฯ จะมีผลกระทบต่อรายได้ดอกเบี้ยลดลงประมาณ 18 ล้านบาทต่อเดือน”

บริษัท จีไอเอส จำกัด ในกลุ่มบริษัทซีดีจี (CDG) ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ บริษัท การ์มิน (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าสร้างความสัมพันธ์สมาชิก ผนึก MAAI by KTC สร้างสรรค์ระบบ Loyalty Program แพลตฟอร์มพร้อมใช้แบบครบวงจร ตอบโจทย์สมาชิกยุคดิจิทัล และไลฟ์สไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของ GARMIN ด้วย 3 โซลูชั่น มัดใจสมาชิกนักกีฬาพร้อมขยายฐานสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจใน Active Lifestyle ด้วยสิทธิพิเศษและกิจกรรมมากมาย เพิ่มความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้ GARMIN by GIS เป็นเพื่อนข้างกายตามติดไปในทุกที่ ทุกกิจกรรม ตอกย้ำผู้นำสมาร์ทวอทช์อันดับหนึ่งของเมืองไทยอย่างแท้จริง

 

นายไกรรพ เหลืองอุทัย ประธานบริษัท “GIS” หรือ บริษัท จีไอเอส จำกัด ในกลุ่มบริษัทซีดีจี (CDG) กล่าวว่า “GIS ในฐานะที่เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของแบรนด์ GARMIN ผู้นำสมาร์ทวอทช์สำหรับกีฬาและไลฟ์สไตล์อันดับหนึ่งของเมืองไทย เดินหน้าพัฒนาจุดแข็งตลอดระยะเวลา 28 ปีที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เปิดกลยุทธ์ขยายฐานตลาดฐานการตลาดแบรนด์ GARMIN ให้กว้างขึ้น สู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจใน Active Lifestyle พร้อมกันนี้ยังให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าหลักที่ให้ความไว้วางใจ และมุ่งตอบแทนความมั่นใจที่ลูกค้ามีให้แก่เรามาอย่างยาวนาน จึงได้ร่วมมือกับ MAAI by KTC เปิดตัว Loyalty Program เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับลูกค้าและผู้ใช้งาน GARMIN ด้วยเป้าหมายที่ต้องการทำความรู้จักลูกค้าในมุมมองต่างๆ ให้ลึกซึ้งมากขึ้น รวมไปถึงศึกษาทำความเข้าใจไลฟ์สไตล์ ความชื่นชอบ และความสนใจ อาทิ เทรนด์ด้านสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยม เพื่อพัฒนากิจกรรมหรือออกแบบสร้างสรรค์งาน และผลิตภัณฑ์ ที่มอบประสบการณ์พิเศษตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงใจที่สุด”

“สำหรับความร่วมมือกับ MAAI by KTC ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจบัตรเครดิตมาอย่างยาวนาน มีความโดดเด่นด้านความแข็งแกร่งและเชี่ยวชาญเรื่องการทำระบบคะแนนสะสม ได้ขยายขอบเขตธุรกิจมาสู่การสร้างระบบ Loyalty Platform GIS จึงมีความมั่นใจมอบหมายให้ MAAI by KTC ช่วยในการจัดการ Platform เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างครบวงจร ซึ่งถือว่าตอบโจทย์ในทุกๆ ด้าน อาทิ การใช้งานที่

สะดวก และสิทธิพิเศษที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ และทุกพื้นที่ทั่วประเทศ Platform นี้จะเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญในการเชื่อมความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน และเปิดโอกาสให้ลูกค้า GARMIN by GIS พบประสบการณ์พิเศษผ่านกิจกรรมต่างๆ และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านผลิตภัณฑ์สมาร์ทวอทช์ชั้นนำ พร้อมอัพเดท เทรนด์เทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ด้าน Active Lifestyle ในหมู่ลูกค้าและผู้สนใจที่รักในการดูแลสุขภาพ ที่เชื่อมั่นและให้ความไว้วางใจให้ GARMIN by GIS เป็นเพื่อน (buddy) ข้างกาย ที่ติดตัวได้ในทุกที่ ทุกกิจกรรมที่ทำ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของชีวิตอย่างครบถ้วน”

 

นางประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “MAAI by KTC” เป็นระบบที่ช่วยธุรกิจสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าสมาชิกในการสะสมคะแนน และเป็นเครื่องมือช่วยสนับสนุนในการทำ CRM ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในยุคดิจิทัล ด้วย One Stop Service ที่ให้บริการด้านการสร้างสรรค์แพลตฟอร์มแบบพร้อมใช้ครบวงจรในกระบวนการแบบ end-to-end ที่มาพร้อมกับเครือข่ายร้านค้าที่รองรับการแลกคะแนนมากมาย บนช่องทางที่หลากหลาย ทั้งรูปแบบ B Scan C อาทิ QR Code / Barcode หรือช่องทางออนไลน์ e-Commerce ต่างๆ และรูปแบบ C Scan B ที่ลูกค้าสามารถแลกคะแนนเพื่อเป็นส่วนลด ณ ร้านค้า ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ของการช้อปปิ้ง ทั้งหมดนี้สะท้อนความแข็งแกร่งของเครือข่ายพันธมิตรของ MAAI by KTC ที่จะทำให้ Ecosystem ทั้งหมดสมบูรณ์แบบ สร้างความแข็งแกร่งให้ระบบ Loyalty Platform ที่จะสามารถต่อยอดกันได้ไม่สิ้นสุด ด้วย 3 โซลูชั่น ได้แก่ Membership Management Point System Management และ E-Coupon Management โดยบริการที่ให้ GARMIN by GIS เป็นโซลูชั่นที่ Customize ให้เฉพาะทาง เพื่อตอบโจทย์รูปแบบธุรกิจที่ต้องการออกแบบสร้างสรรค์งาน และเลือกสรรผลิตภัณฑ์ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างสูงที่สุด การทำ Loyalty Platform น่าจะเป็นอีกทางเลือก ที่ช่วยให้การต่อยอดธุรกิจได้เป็นอย่างดี ตอบโจทย์การทำธุรกิจที่ต้องเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ พร้อมสร้างความสำเร็จให้กับองค์กรอย่างรวดเร็วและยั่งยืน”

 

นางสาววรรณกร มัณฑนาจารุ แฟนพันธุ์แท้ GARMIN ตัวแทนคนรุ่นใหม่สายสปอร์ตและไลฟ์สไตล์ กล่าวว่า “GARMIN เป็นแบรนด์ที่มีจุดแข็งเรื่องของสินค้าที่มีคุณภาพ มีฟีเจอร์ที่ตรวจวัดค่าต่างๆ ของร่างกาย และฟังก์ชันการออกกำลังกายที่ครบครัน สามารถประมวลผลออกมาได้ถูกต้องแม่นยำ ที่สำคัญเรื่องที่ยืน 1 ในใจ คือของระยะเวลาแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานไม่ต้องชาร์จทุกวัน ที่เคยใช้มา 3 เรือน ก็อยู่ได้เกิน 1 สัปดาห์ มีหลากหลายรุ่นให้เลือกตามลักษณะการใช้งาน รวมถึงการออกแบบคอลเล็คชันใหม่ๆ มาได้ทันสมัยและตอบโจทย์การใช้งานมากยิ่งขึ้นด้วย จากที่มีโอกาสทดลอง Membership Program ผ่าน Line OA : @GarminByGIS ก็ไม่ยุ่งยาก เข้าไปตรง Membership กดลงทะเบียน ก็เริ่มสะสมคะแนนจากการสั่งซื้อตั้งแต่ครั้งแรกได้เลย ตอบโจทย์การใช้งานที่ง่าย รวดเร็ว มีกิจกรรม และสิทธิพิเศษที่โดนใจสาวก GARMIN อย่างแน่นอน”

นายณัฐสิทธิ์ สุนทราณู ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ความต้องการผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าของคนไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เคทีซีจึงต้องการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี โดยคัดสรรสิทธิพิเศษเพื่อให้สมาชิกได้รับประสบการณ์ที่ดีในการใช้จ่ายที่คุ้มค่า ซึ่งล่าสุดได้ร่วมกับบริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด จัดแคมเปญช้อปท้าฝนให้กับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี เมื่อซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่พาวเวอร์บาย ทุกสาขา สามารถผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน และนำคะแนน KTC FOREVER ที่ไม่มีวันหมดอายุ มาแลกรับส่วนลดเพิ่มได้สูงสุดถึง 18% พร้อมรับความคุ้มค่าทุกการใช้จ่ายถึง 3 คุ้ม คุ้มที่ 1 รับส่วนลดทันทีสูงสุด 15% (เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ) คุ้มที่ 2 ใช้คะแนน KTC FOREVER เริ่มต้นเพียง 1,000 คะแนน แลกรับส่วนลดเพิ่มทันทีสูงสุด 18% ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และแลกรับส่วนลดเพิ่มทันทีสูงสุด 15% ในวันอื่นๆ คุ้มที่ 3 รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 25,000 บาท สำหรับรายการผ่อนชำระ  หรือรับคะแนนพิเศษสูงสุด 25,000 คะแนน สำหรับรายการชำระเต็มจำนวนต่อสมาชิกบัตรตลอดรายการ เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรฯตามกำหนด ในระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 – 31 สิงหาคม 2566 โดยคาดว่าการจัดแคมเปญในครั้งนี้ จะมีสมาชิกบัตรฯ นำคะแนน KTC FOREVER แลกกว่า 20 ล้านคะแนน”

X

Right Click

No right click