×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 802

รศ.ดร.จงสวัสดิ์ จงวัฒน์ผล รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ได้บรรยายถึงประเด็นสำคัญบนเวทีใหญ่งาน Thailand MBA Forum 2018

“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีมีพัฒนาการที่รวดเร็วมาก ผลสืบเนื่องคือพฤติกรรมของผู้บริโภคถูกเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป เมื่อพฤติกรรมคนเปลี่ยน สิ่งที่ตามมาคือ ผลกระทบทางสภาพสังคมก็เปลี่ยนแปลงไป นั่นหมายถึงสภาพการแข่งขัน และแรงกดดันของการแข่งขันก็มีการเปลี่ยนแปลงเฉกเช่นกัน สิ่งสำคัญในฐานะผู้บริหาร คือการเตรียมแผนและการตั้งรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีให้เท่าทัน ในด้านของนักศึกษา ทั้งบัณฑิตและมหาบัณฑิตที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ตลาดงาน ต้องตระหนักให้ได้ว่า ทักษะและความรู้ที่จะทำงานในยุคดิจิทัลต้องเป็นอย่างไร” 

รศ.ดร. จงสวัสดิ์ ได้สรุปความโดยอ้างอิงข้อมูลของ Oliver Ratzesburger ที่ชี้ให้เห็นว่า ทุกวันนี้การยอมรับและการนำเทคโนโลยีมาใช้อยู่ในอัตราตอบรับที่เร่งมากขึ้น อย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การใช้เทคโนโลยีประเภทอินเทอร์เน็ต ถือเป็นเรื่องปกติ 

นอกจากนั้น ยังได้เผยถึงตัวเลขมูลค่าการตลาดของโมไบล์แอปพลิเคชัน ของปี 2017 ที่อเมริกามีมูลค่าสูงถึง 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีการลงเม็ดเงินในโซเชียลมีเดียอย่างมหาศาล รูปแบบการเก็บข้อมูลเปลี่ยนแปลงจากเดิมไปสู่การเก็บ-ใช้ข้อมูลใน คลาวน์ มีการนำ Big Data ที่เป็นการใช้ข้อมูลต่างๆ เพื่อการออกแบบกลยุทธ์ เรื่อง Neuroscience เป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโต ผลิตภัณฑ์และการบริการเริ่มประยุกต์นำ Sensor มาติดวัดเพื่อสร้างเป็นเครือข่ายข้อมูล เพื่อศึกษาและพัฒนาการเข้าถึงแนวคิดและการรับรู้ของลูกค้าต่อคุณภาพสินค้าและบริการอย่างเป็นตรรกะและเชื่อถือได้ และต่อไปเรื่อง AI และ Deep Learning เป็นสิ่งที่ยุค 5G จะมีการหยิบยกมาใช้อย่างเป็นเรื่องปกติสามัญ

ทั้งนี้ รศ.ดร.จงสวัสดิ์ ได้เน้นย้ำว่า “ประเด็นสำคัญที่อยากให้ดูคือ การทำงานทุกอย่างนับแต่นี้จะเป็น Real-Time มากขึ้น ลูกค้าต้องสามารถทำทุกอย่างได้เอง เทคโนโลยีได้เปิดโอกาสและอนุญาตให้หลายสิ่งเป็นไปได้ แต่คำถามคือ “องค์กรปรับตัวตามได้มากน้อยแค่ไหน” มีกรณีศึกษาของหลายองค์กรที่ตามไม่ทันเทคโนฯ หรือการตัดสินใจไม่ยอมรับในการเปลี่ยนแปลง อาทิ บริษัท โกดัก ผู้ผลิตฟิล์มที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต หรือ กรณี Blockbuster ที่ปฏิเสธการลงทุนใน Netflix ร้านของเล่น Toyrus ที่ปิดตัวลง เพราะพฤติกรรมการเล่นของเด็กเปลี่ยนไปอยู่ในออนไลน์ในที่สุด”

ทุกวันนี้ องค์กรธุรกิจชั้นนำล้วนปรับนำ Algorithm มาใช้ในการบริหารงาน ซึ่งสามารถทำงานแทนคนจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถจัดการข้อมูล เพื่อคาดการณ์ เพื่อการวางแผนทั้งในด้าน Operation และการวางกลยุทธ์ในการบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ทุกองค์กรต้องปรับตัวแทบทั้งหมด เหตุผลสำคัญคือ เพื่อการลด Uncertainty หรือความไม่แน่นอน บนข้อมูลที่จะสามารถรวบรวมและประมวลมาได้ ทั้งข้อมูลลูกค้า ข้อมูลการเงิน ข้อมูลอุตสาหกรรม และข้อมูลต่างๆ เพื่อค้นหา Trend หา Spotting Trend เพื่อค้นหาว่าจะมี signal หรือสัญญาณใดที่จะบอกให้รู้ว่า สิ่งไหนคือเทรนด์ที่ถ้าองค์กรไม่ปรับ คือ ตายแน่นอน! และนอกเหนือจากนั้น คือการใช้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่สำคัญ” รศ.ดร.จงสวัสดิ์ 

6 กลยุทธ์ดิจิทัล เพื่อองค์กร : 6 Types of Digital Strategy (HBR) 

รศ.ดร จงสวัสดิ์ ได้อ้างอิงถึง 6 กลยุทธ์เพื่อการปรับตัวขององค์กรและธุรกิจ ในยุคดิจิทัล ของ Harvard Business Review เพื่อเป็นแนวคิดและแนวทาง อาทิ การปรับเปลี่ยน Platform Play ที่ต้องสอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป หรือการสร้างแนวทางกลยุทธ์การตลาดใหม่ๆ ให้กับลูกค้า เช่น H&M หรือ IKEA ที่ใช้กลยุทธ์ New Marginal Supply เช่นการเปิดช่องทางขายสินค้ามือสองให้กับลูกค้าชั้นดี เพื่อเป็นทางเลือก และที่น่าสนใจและจับตาคือ ใช้กลยุทธ์ Digital-
Enabled Products and Services ที่ปรับสินค้าและบริการให้เชื่อมต่อกับความเป็นดิจิทัล โดยมีการนำ Sensor มาติดกับผลิตภัณฑ์ เช่น ผ้าอ้อมเด็ก ที่ปั๊มนม และกรณีศึกษาที่โด่งดังคือ แปรงสีฟัน Oral B โดย Sensors เหล่านั้นจะส่งผ่านข้อมูลของการใช้งาน อาทิ ความชื้นของผ้าอ้อม แรงดันและปริมาณน้ำนมจากการปั๊ม และคุณภาพของการแปรงฟัน ซึ่งทั้งหมดจะถูกส่งเข้าสู่แอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ เพื่อเป็นข้อมูลกับผู้ใช้งาน

นอกจากนั้น Digital Strategy ยังมีในเรื่อง Rebunding and Customizing, Digital Distribution Channel และ Cost Efficency ที่ HBR ได้เสนอแนวคิดและแนวทางไว้ แต่ประเด็นสำคัญที่ รศ.ดร.จงสวัสดิ์ ต้องการชี้ให้ตระหนักและเล็งเห็นคือ “เมื่อเรารู้ว่า เทคโนโลยีเปลี่ยน เราจะ adopt เทคโนโลยี หรือนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ได้อย่างไร นั่นคือประเด็นที่สำคัญกว่า”

สำหรับนักศึกษาในสาขา MBA ในยุคนี้ รศ.ดร. จงสวัสดิ์ กล่าวว่า 

“เป้าหมายของการเรียน MBA ในปัจจุบันนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อ 10 ปีก่อน เป้าหมายสำคัญของการเรียน MBA จะกำหนดเป้าหมายไปที่เรื่อง Logical Thinking, Critical Thinking, Analytical Thinking และ Strategic Thinking หมายความว่า นักศึกษาที่จบ MBA จะต้องมีความรู้ มีแนวคิด กระบวนการคิดจนไปสู่กระบวนการสร้างกลยุทธ์ธุรกิจ การบริหารและการตลาดได้ ซึ่งภายใต้เป้าหมายและความคาดหวังใหม่ รศ.ดร. จงสวัสดิ์ ได้เสนอการ+ เพิ่มเรื่อง Technological Data Driven IT-Background เข้าไปด้วย เพราะทุกวันนี้และต่อไปจะไม่มีองค์กรใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องไอที หมายความว่า นักศึกษา MBA จะต้องสื่อสารและทำงานร่วมได้กับนักจัดการ IT เพื่อธุรกิจและองค์กร” 

“ในปัจจุบัน การตลาดประเภท Traditional Marketing ไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป จากอดีตที่เคยเป็น Top-Down Approach ที่รู้ทฤษฎีด้านการตลาดแล้วสามารถแปลงทฤษฎีมาเป็นกลยุทธ์ แต่คำตอบของยุคปัจจุบันคือ Bottom-Up Policy ที่จะเป็นการใช้ดาต้า ใช้ข้อมูลจากทั้งลูกค้า พฤติกรรมต่างๆ มาสร้างกลยุทธ์” 


สามารถรับชมคลิปวิดีโอ หัวข้อ Technology Effects & Management Transformation โดย รศ.ดร.จงสวัสดิ์ จงวัฒน์ผล รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) จากงาน Thailand MBA Forum 2018 ได้ที่นี่

 

เนื่องในโอกาสที่วิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอกจะครบรอบ 16 ปีในเดือนมีนาคม 2560 นี้ อาจารย์ภัทรดา รุ่งเรือง ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายบริหาร วิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก ที่ดูแลการบริหารงาน การเงิน ประชาสัมพันธ์ และตลาดต่างประเทศ โดยดำรงตำแหน่งนี้มานานกว่า 3 ปีให้สัมภาษณ์ถึงวิสัยทัศน์และเป้าหมายการขับเคลื่อนวิทยาลัยซึ่งเป็นเพชรเม็ดงามของบางนาและบางพลีในอนาคตว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราประสบความสำเร็จทั้งในเรื่องวิชาการและกิจกรรมนักศึกษา มีการบริการชุมชนในเขตพื้นที่บางนา และบางพลี นอกจากนี้ยังเน้นการสืบสานศิลปวัฒนธรรม และเมื่อพูดถึงการแข่งขันต่างๆ นักศึกษาที่นี่ก็มีรางวัลจากการประกวดต่างๆ มากมาย” 

 อาจารย์ภัทรดา แจกแจงรายละเอียดเพิ่มเติมว่า  “เป้าหมายของเราภายใน 3-5 ปีนับจากนี้คือ จะเปลี่ยนผ่านจากวิสัยทัศน์เก่าที่ีเราใช้มานานกว่า 15 ปีตั้งแต่ก่อตั้งวิทยาลัย ไปสู่สถาบันการศึกษาหรือเป็นองค์กรที่ผลิตนักปฏิบัติมืออาชีพสู่ตลาดแรงงานไทย (Create Professional Practitioner Graduate) ภายใต้ปรัชญา คุณวุฒิ คุณธรรม คุณค่า เช่นเดิม โดยเรามีแผนยุทธศาสตร์ที่จะพัฒนาอย่างเร่งด่วนเพื่อให้นักศึกษาตอบโจทย์ตลาดแรงงานอย่างมืออาชีพ ให้เขาทำงานแบบผู้เชี่ยวชาญและนักปฏิบัติในทุกๆ สาขาทั้งในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท โดยเน้นรูปแบบการเรียนการสอนแบบ Active Learning ซึ่งจะมุ่งเน้นนักศึกษาให้เรียนรู้ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปฏิบัติได้อย่างช่ำชอง เป็นแนวทางการเรียนรู้จากปัญหา จากประสบการณ์การทำงานที่เกิดขึ้นจริง แล้วนำมาเป็น Case Discussion กันในห้องเรียน โดยปัจจุบันหลักสูตรปริญญาโทของเรามีเปิดสอน 2 หลักสูตรคือ M.B.A. และ M.Sc. (Logistics & Supply Chain Management)”  

เมื่อถามถึงคุณลักษณะของนักศึกษาที่จะมาร่วมเป็นสมาชิกครอบครัว M.B.A. และ M.Sc. ที่วิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก อาจารย์ภัทรดาบอกว่า “สำหรับ M.B.A. อยากได้นักศึกษาที่มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ประกอบการ เพื่อปั้นฝันของเขาให้เป็นจริง รวมถึงคนที่อยากเรียนและแสวงหาความรู้เพื่อนำกลับไปใช้ในการทำงานจริงๆ นอกจากนี้ก็ยังต้องการนักศึกษาต่างชาติมากชึ้น เช่นเดียวกับการเปิดรับคณาจารย์ต่างชาติมากชึ้น ส่วน M.Sc. ด้านโลจิสติกส์ จะมุ่งเน้นนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ที่ทำงานในสายนี้อยู่แล้ว หรือมีเป้าหมายที่จะทำงานในสายนี้ ปัจจุบันเรามีทั้งนักศึกษาที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตการทำงาน และนักศึกษาที่มีประสบการณ์การทำงานมานานแล้ว พวกเขาได้นำกรณีศึกษาส่วนตัวมาตีแตกกันในห้องเรียน แล้วนำไปทดลองใช้ในที่ทำงาน โดยที่ไม่ต้องรอเรียนจบ ตั้งแต่คลาสแรกที่เรียนก็จะได้ประโยชน์ที่นำไปใช้ได้จริงๆ ซึ่งการที่เรานำปัญหาที่เขาประสบพบเจอในที่ทำงานมาใช้ในการเรียนการสอน จะทำให้นักศึกษารู้สึกอินและต้องการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจริงนั้นให้ได้ ทำให้การเรียนการสอนไม่น่าเบื่อ นักศึกษาก็จะได้โซลูชันหรือแนวทางการแก้ปัญหาเยอะแยะมากมาย ผ่านการระดมความคิดของนักศึกษาด้วยกันเอง และคำแนะนำจากอาจารย์ การเรียน M.B.A. และ M.Sc. ที่วิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอกจึงไมใช่เรียนจากเฉพาะกรณีศึกษายอดนิยม แต่กลับนำไปใช้แก้ปัญหาจริงไม่ได้” 

จากยุทธศาสตร์ที่แน่วแน่ จึงทำให้วิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก ต้องเตรียมพร้อมในทุกด้าน สำหรับบุคลากรโดยเฉพาะคณาจารย์ก็เช่นกัน จะมีการเพิ่มคุณสมบัติที่เข้มข้นมากขึ้น ไม่เพียงแต่มีคุณวุฒิทางการศึกษาอันเป็นเลิศเท่านั้น หากแต่ต้องมีประสบการณ์ในการทำงานที่เชี่ยวชาญด้วยทั้งอาจารย์ประจำและอาจารย์พิเศษ 

สิ่งที่จะทำให้เป้าหมายในการที่จะหล่อหลอมให้บัณฑิตและมหาบัณฑิตของวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอกเป็น Pro-fessional Practitioner ได้นั้น อาจารย์ภัทรดาบอกว่า จะต้องทำให้นักศึกษามี Mindset ของ MIT ซึ่งประกอบด้วย Management, Innovation และ Technology  

 “เราจะสร้างบรรยากาศและสิ่ง-แวดล้อมที่อุดมไปด้วยสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เช่น มีจำนวนห้องปฏิบัติการมากขึ้น มีการทำ MOU กับองค์กรทางด้านวิชาชีพต่างๆ มากขึ้น จากปัจจุบันที่ทำอยู่แล้วในด้านบัญชี เทคโนโลยีสารสนเทศ และโลจิสติกส์ที่ร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งเรามีศูนย์ทดสอบพัฒนาฝีมือแรงงานด้านโลจิสติกส์ รวมถึง TQPI มาตรฐานเอกชน และระบบ Network cisco นอกจากนี้ ในอนาคตยังจะเพิ่มศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานในส่วนของภาษา การตลาด โรงแรม และค้าปลีก ด้วย”

“นอกจากนี้เรายังตั้งเป้าเป็น Education 4.0 เพื่อตอบโจทย์และเชื่อมโยงกับ Thailand 4.0 ของรัฐบาลด้วย เพราะเราเป็นหน่วยงานที่ผลิตบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และเปี่ยมด้วยคุณภาพให้กับประเทศชาติ ถ้าเราผลิตบุคลากรที่ไม่สามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้ก็จะเกิดการสูญเปล่า แต่ถ้านักศึกษาของเราที่จบออกไปเป็นทั้งผู้เชี่ยวชาญและนักปฏิบัติมืออาชีพ คิดได้และทำได้ ก็จะเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต” 

ขณะเดียวกันเพื่อรองรับอนาคตที่สดใสของวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก ปัจจุบันจึงมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหาร ดังนี้ คณะวิทยาการจัดการและการบัญชี คณะโลจิสติกส์และเทคโนโลยีการบิน คณะศิลปศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังแยกปริญญาโทออกมาเป็น บัณฑิตวิทยาลัย เพื่อการบริหารงานที่คล่องตัวและชัดเจน

ในอนาคตวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอกจะเพิ่มหลักสูตรปริญญาโท M.B.A. ในสาขาต่างๆ มากขึ้น เช่น การพัฒนาองค์กร, การบริหารอสังหาริมทรัพย์, การตลาดดิจิทัล รวมถึงการสร้างศูนย์วิชาชีพสำหรับทุกสาขาวิชา  เพื่อตอบสนองความต้องการ Professional Certificate ซึ่งเป็นหลักสูตรระยะสั้น เพื่อสร้างแรงงานให้เป็นผู้เชี่ยวชาญมีทักษะวิชาชีพที่ตรงตามมาตรฐานและความต้องการของตลาด เช่น คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีซึ่งร่วมมือกับซิสโก้และไมโครติกส์สร้างศูนย์อบรม 

การขับเคลื่อนทั้งองคาพยพอย่างจริงจังนี้ ก็เพื่อเตรียมการยกวิทยฐานะจากวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยในอนาคต ปัจจุบันมี 2 วิทยาเขต คือ บางนาและบางพลี ซึ่งที่บางพลีเปิดสอนปริญญาตรี 2 คณะ คือ คณะโลจิสติกส์และเทคโนโลยีการบิน มีการเปิดสอนสาขาการจัดการโลจิสติกส์, การจัดการขนส่งทางอากาศ และในอนาคตมีแผนที่จะเปิดสาขาการซ่อมบำรุงอากาศยาน ด้วยข้อได้เปรียบในด้านโลเกชันของวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง, สนามบินอู่ตะเภา และสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ อีกทั้งเทรนด์ของอุตสาหกรรมการบินมาแรงมาก ซึ่งแนวทางของสถาบันอื่นอาจจะผลิตบุคลากรในเชิงพาณิชย์การบินหรือธุรกิจการบิน แต่ที่วิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอกจะเน้นด้านการดูแลรักษา (Aircraft Maintainance) และการบริหารจัดการการขนส่งสินค้า (Air Cargo Management)

“เราขยายหลักสูตรต่างๆ เหล่านี้ อย่างมั่นใจ เพราะในแง่ของแฟซิลิตีที่บางพลี เรามีพื้นที่ 88 ไร่ มีแผนแม่บทที่จะสร้างโรงประลองซ่อมบำรุงอากาศยาน ให้นักศึกษาได้ทดลองซ่อมเครื่องยนต์กลไกต่างๆ จริงๆ ส่วนห้องปฏิบัติการโลจิสติกส์ก็จะมีห้องจำลองคลังสินค้าที่วิทยาเขตบางนา เพื่อให้นักศึกษาเรียนทฤษฎีให้ช่ำชองและเชี่ยวชาญในการปฏิบัติอย่างแท้จริง และก่อนนักศึกษาจะเรียนจบ เราจะเน้นให้นักศึกษาทำสหกิจศึกษาในระยะเวลา 4-5 เดือน โดยเรามีการทำสัญญากับบริษัทชั้นนำต่างๆ เมื่อนักศึกษาทำสหกิจศึกษามาเสร็จแล้ว เราก็วางแผนให้นักศึกษาก้าวสู่ตลาดแรงงานได้ทันที” อาจารย์ภัทรดากล่าวปิดท้ายอย่างมั่นใจ 

ในอนาคตอันใกล้นี้เราจะเห็นโฉมหน้าและอนาคตที่สดใสอันสมบูรณ์แบบของวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก ที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่าตั้งแต่วันนี้ 

สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรต่างๆ ของวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอกได้ที่ 

www.southeast.ac.th

โทร. 02 744 7356-65 ต่อ 220, 227 แฟกซ์ 02 398 1356

อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

Page 2 of 2
X

Right Click

No right click