สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) โดยด้านกำกับคนกลางและประกันภัยภูมิภาค เปิดเผยว่า สำนักงาน คปภ. เล็งเห็นความสำคัญในการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ที่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้สามารถทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา และทุกอุปกรณ์ เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในระบบการให้บริการออกใบอนุญาตตัวแทนนายหน้าประกันภัยและผู้ประเมินวินาศภัย สำนักงาน คปภ. จึงได้ดำเนินโครงการพัฒนาแพลตฟอร์ม ระบบการให้บริการการออกใบอนุญาตตัวแทน/นายหน้าประกันภัยและผู้ประเมินวินาศภัย ทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Licensing) แบบครบวงจร ด้วยการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้สามารถเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลของสำนักงาน คปภ. ที่เกี่ยวข้องกับคนกลางประกันภัยเข้าด้วยกัน เช่น ข้อมูลการอบรม ข้อมูลการสอบ ระบบการเงิน และเชื่อมโยงกับระบบฐานข้อมูลภายนอกของภาครัฐอื่น ๆ เช่น ข้อมูลทะเบียนราษฎร์กับกรมการปกครอง ข้อมูลทะเบียนนิติบุคคลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อลดขั้นตอนและเป็นการเพิ่มความคล่องตัวและความถูกต้องแม่นยำในกระบวนการทำงานระหว่างหน่วยงานมากขึ้น
E-Licensing เป็นการพัฒนากระบวนการทำงานตั้งแต่การให้บริการข้อมูล การขอรับใบอนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาต การนำส่งข้อมูลตามที่สำนักงาน คปภ. กำหนดให้มีความรวดเร็ว รวมถึงการชำระค่าธรรมเนียมที่มีความสะดวกยิ่งขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาตของคนกลางประกันภัย และเป็นการอำนวยความสะดวกให้คนกลางประกันภัยสามารถยื่นคำขอและ/หรือเอกสารต่าง ๆ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยระบบ E-Licensing สามารถให้บริการผ่านรูปแบบเว็บแอปพลิเคชัน (Web Application) และรูปแบบโมไบล์แอปพลิเคชัน (Mobile Application) นอกจากนี้ ประชาชนทั่วไปยังสามารถเข้าถึงข้อมูลของคนกลางประกันภัยที่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนได้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง และสะดวกรวดเร็ว โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลคนกลางประกันภัยผ่านทางเว็บไซต์ (Website) ได้ด้วยตนเอง เช่น ข้อมูลใบอนุญาตของคนกลางประกันภัย สถานะใบอนุญาต ชื่อต้นสังกัดผู้เสนอขาย เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันสำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินการเปิดใช้งานระบบ E-Licensing เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2567 ในส่วนของวิธีการใช้งานและช่องทางการใช้งานผ่านระบบ E-Licensing ดังกล่าว คนกลางประกันภัย บริษัทประกันภัย และประชาชนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากคู่มือการใช้งานและคลิปวิดีโอแนะนำการใช้งานต่าง ๆ ตลอดจนเอกสารเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ได้ที่เว็บไซต์สำนักงาน คปภ. (www.oic.or.th) Facebook สำนักงาน คปภ. (oicthailand) Mobile Application (OIC คนกลาง For Sure) Line Official (@oicconnect) และสายด่วน คปภ. 1186
สำนักงาน คปภ. มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบประกันภัยได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และทั่วถึง โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาพัฒนาการให้บริการด้านประกันภัยอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อยกระดับและอำนวยความสะดวกในการทำงาน รวมถึงการวิเคราะห์การดำเนินธุรกิจของคนกลางประกันภัยเพื่อกำหนดแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับคนกลางประกันภัย ตลอดจนวางแผนในการพัฒนาการกำกับดูแลคนกลางประกันภัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างยั่งยืน โดยสำนักงาน คปภ. จะติดตามการใช้งานระบบ E-Licensing อย่างต่อเนื่อง พร้อมรับฟังความคิดเห็นและข้อแนะนำจากผู้ใช้งานเพื่อนำมาปรับปรุงระบบงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานเปิด “โครงการสัมมนาผู้ไกล่เกลี่ยและผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาทักษะและถอดบทเรียนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการประกันภัย” ระหว่างวันที่ 7-8 มิถุนายน 2567 ณ โรงแรม Riverton Amphawa จังหวัดสมุทรสงครามโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ไกล่เกลี่ยและพนักงานของสำนักงาน คปภ. ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านประกันภัย ใช้เป็นเวทีในการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ ปัญหาอุปสรรค แนวทางการพิจารณาและเทคนิคการไกล่เกลี่ย
ข้อพิพาทต่าง ๆ เพื่อนำไปแก้ไข ปรับปรุง การดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการประกันภัยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาจำนวน 121 คน ประกอบด้วยผู้ไกล่เกลี่ยจำนวน 78 คน ผู้บริหารและพนักงานของสำนักงาน คปภ. จำนวน 43 คน โดยได้รับเกียรติจาก นายบุญรอด ตันประเสริฐ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา บรรยายในหัวข้อ “เทคนิคการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและการเพิ่มประสิทธิภาพการไกล่เกลี่ยโดยผู้ชำนาญการ สำนักงาน คปภ.” และนายโชติช่วง ทัพวงศ์ อดีตผู้พิพากษาอาวุโส ศาลอุทธรณ์ ภาค 7 และผู้ทรงคุณวุฒิด้านการจัดการความขัดแย้งและไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ให้เกียรติเป็นวิทยากรถอดบทเรียนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและแลกเปลี่ยนความรู้ ระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นปัญหาข้อพิพาทด้านการประกันภัย รวมถึงการเพิ่มเติมองค์ความรู้ในหัวข้อ “สัญญาประกันภัยสุขภาพมาตรฐานใหม่” โดย นางปรียานุช จีระศิลป์ หัวหน้ากลุ่ม กลุ่มนโยบายการกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย และหัวข้อ “กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าและกรณีศึกษา” โดยนายคณานุสรณ์ เที่ยงตระกูล ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ และนายพงศกร ภาณุสานต์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กลุ่มกำกับผลิตภัณฑ์ประกันวินาศภัยสำหรับบุคคล
เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า นับแต่สำนักงาน คปภ. เปิดศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการประกันภัย เป็นเวลา 8 ปี มีเรื่องร้องเรียนที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยโดยผู้ชำนาญการทั้งสิ้น 1,691 เรื่อง โดยไกล่เกลี่ยข้อพิพาทสำเร็จจำนวน 1,320 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 78.06 ดังนั้น หากมีการถอดบทเรียนเพื่อรับทราบประเด็นปัญหาและอุปสรรคในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในทุก ๆ ปี รวมทั้งหาแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขก็เชื่อว่าจะทำให้การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทสัมฤทธิผลและมีสถิติเรื่องร้องเรียนที่สามารถยุติประเด็นข้อพิพาทได้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินการเพื่ออำนวยความสะดวกและสนับสนุนการปฏิบัติงานให้แก่ผู้ไกล่เกลี่ยและพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ในขณะเดียวกันก็เพื่อยกระดับการให้บริการประชาชน โดยจัดทำแอปพลิเคชันติดตามกระบวนการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการประกันภัย คือ แอปพลิเคชัน “OIC Protect” เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการประกันภัยในทุกมิติครอบคลุมครบทุกกระบวนการ และเป็นช่องทางในการเข้าถึงระบบจัดการเรื่องร้องเรียน การไกล่เกลี่ยออนไลน์ การติดตามเรื่องร้องเรียน การนัดหมาย และการแจ้งผลการดำเนินการ พร้อมทั้งการบริการแจ้งข้อมูลข่าวสาร โดยประชาชน ผู้ไกล่เกลี่ย และอนุญาโตตุลาการ สามารถเข้าใช้งานผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบสมาร์ตโฟน (Smart Phone) ทั้งระบบ IOS และ Android เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางให้ประชาชนทุกคน สามารถเข้าถึงบริการของสำนักงาน คปภ. อย่างสะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยสามารถดาวน์โหลดใช้งานได้ตั้งแต่ต้นปี 2567 ที่ผ่านมา
อีกโครงการหนึ่ง คือ โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนงานด้านคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัย ผ่านระบบ PPMS (Policyholder Protection Management System) ระยะที่ 2 ซึ่งสำนักงาน คปภ. ได้จัดทำระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนงานด้านคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานในกระบวนการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยให้กับประชาชน ตั้งแต่กระบวนการให้คำปรึกษาด้านการประกันภัย กระบวนการรับเรื่องร้องเรียนด้านการประกันภัยโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการประกันภัยโดยผู้ชำนาญการ และกระบวนการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการ นอกจากนี้ได้มีการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนงานด้านคุ้มครองสิทธิประโยชน์ ให้เป็นช่องทางหรือตัวกลางในการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างบริษัทประกันภัย และสำนักงาน คปภ. โดยให้มีช่องทางรับ – ส่งข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียนจากระบบสารสนเทศ ทำให้ประชาชนได้รับการบริการด้านการประกันภัยอย่างสะดวก รวดเร็ว โปร่งใส ประหยัด เป็นธรรม และอำนวยความสะดวกให้กับอุตสาหกรรมประกันภัยในภาพรวม โดยคาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2568
“เวทีการสัมมนาผู้ไกล่เกลี่ยและผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการระงับข้อพิพาทด้านประกันภัยในครั้งนี้ มีความสำคัญต่อการแลกเปลี่ยนเทคนิค วิธีการ องค์ความรู้ และประสบการณ์เกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการประกันภัยจากการถอดบทเรียน รวมทั้งข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงและพัฒนากระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทโดยผู้ชำนาญการ อันจะเป็นการยกระดับกระบวนการระงับข้อพิพาทด้านประกันภัยให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้จัดทำร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาการขอผ่อนผันและการผ่อนผันให้มีบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยถือหุ้นได้เกินกว่าร้อยละสี่สิบเก้าของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงและจําหน่ายได้แล้วทั้งหมด หรือมีกรรมการเป็นบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทยได้เกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด ในกรณีที่บริษัทประกันชีวิตมีฐานะหรือการดำเนินการอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน พ.ศ. .... ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว เป็นไปเพื่อให้เกิดความครบถ้วนของการออกกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และเป็นไปตามมาตรา 22 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมิน ผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562
การจัดทำร่างประกาศกระทรวงการคลังฯ ในครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมล่วงหน้ารองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในอนาคตและอาจจะส่งผลต่อฐานะการเงินของบริษัทประกันชีวิตได้ โดยประกาศฉบับนี้จะทำให้บริษัทรวมถึงสำนักงาน คปภ. มีเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาให้ผ่านลุล่วงไปได้
โดยขณะนี้ สำนักงาน คปภ. อยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างประกาศกระทรวงการคลังฉบับดังกล่าว เพื่อนำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะมาปรับปรุงร่างประกาศต่อไป โดยสามารถดาวน์โหลดร่างประกาศทั้งฉบับได้ที่ https://www.oic.or.th/th/public-hearing/