“โอกาสก็เหมือนอากาศ มันมีอยู่ทุกที่ เราจึงต้องพร้อมอยู่เสมอ” เป็นคำกล่าวของ เจน-ชัชณี พฤกษ์ศลานันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท ครอสแม็กซ์ รีเทล จำกัด หนึ่งในผู้ที่ร่วมนำทัพสร้างนวัตกรรมเครื่องดื่ม ภายใต้แบรนด์ Hooray! (ฮูเร่!) ให้เป็นที่รู้จัก ในฐานะผลิตภัณฑ์นมโปรตีนสูงพร้อมดื่มเจ้าแรกของประเทศที่ปราศจากน้ำตาลแลคโตส

ปัจจุบัน Hooray! มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นสินค้าในกลุ่มนมโปรตีนสูงที่มียอดขายสูงสุดในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น โดยคาดว่าในปี 2566 บริษัทจะมีรายได้รวมทุกช่องทางขายทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าก้าวสู่การเป็นแบรนด์ Protein of Asia ในอีก 5 ปีข้างหน้า

“โอกาส” สร้างจุดเปลี่ยน

เจน เล่าย้อนความให้ฟังถึงที่มาของ Hooray! ว่า นับย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา (ปี 2558) Hooray! เกิดขึ้นจากความต้องการที่จะปลดล็อกทุกข้อจำกัดของการทานเวย์โปรตีน ทั้งเรื่องรสชาติไม่ถูกปาก รสชาติไม่หลากหลาย ความยุ่งยากในการรับประทาน ต้องนำมาผสมน้ำเอง ตนและสามี (ต้น-วงษ์เดช เอี่ยวสานุรักษ์) จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์นมโปรตีนสูงพร้อมดื่มขึ้น โดยใช้เวลากว่า 1 ปีในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูล ควบคู่กับการทำวิจัย จนได้เป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรกคือ Hooray! Better Shake ผลิตภัณฑ์ที่นำไปสู่การพัฒนาเป็นสินค้าอื่นๆ ของบริษัท

 

เราทำการตลาดผ่านช่องทางต่างๆ ทั้ง offline และ online อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าที่ควร เนื่องจากเราเป็น SME แบรนด์น้องใหม่ในตลาด กระทั่งได้มีโอกาสไปร่วมงาน THAIFEX ในปี 2560 ทำให้ได้มีโอกาสพบกับทีมบริหารผลิตภัณฑ์และจัดซื้อของทางเซเว่นฯ ที่มองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจสุขภาพในขณะนั้น ทางบริษัทจึงได้ร่วมพัฒนาสินค้ากับทางเซเว่นฯอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าสุขภาพ ที่มีคุณภาพ รสชาติอร่อย และหาซื้อได้ง่าย ในราคาที่ทุกคนสามารถหาซื้อรับประทานได้ จนได้มาเป็นผลิตภัณฑ์ Hooray! Protein Shake สินค้าขายดีของแบรนด์ในปัจจุบัน

การที่ Hooray! ได้รับโอกาสให้นำสินค้าเข้าจำหน่ายในร้านเซเว่นฯ ในปี 2564 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญแบบก้าวกระโดดของธุรกิจ ส่งผลให้รายได้ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมมีรายได้อยู่ที่หลักสิบล้านบาทต่อปี ก็ปรับเพิ่มเป็นหลัก 100 ล้านบาทต่อปี โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมีรายได้รวมของทั้งบริษัทอยู่ที่ 450 ล้านบาท

“นวัตกรรม” สร้างความต่าง

จากความมุ่งมั่นและตั้งใจของผู้ประกอบการคือต้องการให้ Hooray! เป็น Protein Expert” แบรนด์ที่มีความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค ไม่จำกัดเฉพาะคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง มีคุณภาพ หาซื้อง่าย ในราคาที่จับต้องได้ และสิ่งสำคัญที่จะทำให้ไปสู่สิ่งนั้นได้คือ “นวัตกรรม” ที่นอกจากจะช่วยทำให้แบรนด์ก้าวสู่สิ่งที่หวังแล้ว ยังช่วยสร้างความต่างให้กับสินค้าอีกด้วย เพราะการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่โดยตรงอาจเป็นเรื่องยาก โดย Hooray! 1 ขวด จะมีโปรตีนเทียบเท่านมธรรมดา 5 แก้ว จากการพัฒนากระบวนการผลิต เพื่อนำสารอาหารที่ไม่จำเป็นอย่างเช่น ไขมัน คาร์โบไฮเดรต ออก ทำให้ได้รับโปรตีนเต็มที่

บริษัทยังได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาวิจัยตลาด เพื่อให้ได้ข้อมูลในการนำมาพัฒนาสินค้าอื่นๆ เช่น คนไทยกว่า 98% มีโอกาสแพ้น้ำตาล Lactose ในนม ทำให้เกิดอาการแน่นท้อง ท้องอืด ปวดท้อง ผายลมบ่อย คลื่นไส้ ท้องเสีย หรือเกิดสิว จึงได้คิดค้นและผลิต Hooray! Protein Shake Lactose Free ขึ้น ซึ่งถือเป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่สามารถผลิตนมโปรตีนสูงที่ปราศจากน้ำตาล Lactose โดยใช้กระบวนการทางเทคโนโลยี Enzymatic เพื่อสกัดน้ำตาล Lactose ออกมา และมีโปรตีนสูง 29-31 กรัมต่อขวด ใน 4 รสชาติ ได้แก่ รสช็อกโกแลต, รสสตรอเบอร์รี, รสจืด, รสซอลท์เท็ด คาราเมล

แม้ Hooray! Protein Shake Lactose Free จะได้รับการตอบรับที่ดี จนก้าวสู่ผู้นำสินค้าในกลุ่มนมโปรตีนสูงที่มียอดขายสูงสุดในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น แต่บริษัทก็ไม่ได้หยุดพัฒนาเพียงเท่านี้ ล่าสุด เทรนด์การบริโภคโปรตีนที่ได้จากพืชมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงได้คิดค้น Hooray! Complete Plant Protein ช่วยเพิ่มทางเลือกและตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคที่มองหาสินค้ากลุ่มนมพืชโปรตีนสูง ที่มีโปรตีนเฉลี่ยอยู่ที่ 27-30 กรัมต่อขวด โดยโปรตีนพืชที่นำมาใช้ได้รับการรับรองจากห้องทดลองมาตรฐานระดับสากลว่าเป็น Complete Protein คือมีกรดอะมิโนที่จำเป็นครบทั้ง 9 ชนิด (Histidine, Leucine, Methionine, Threonine, Valine, Isoleucine, Lysine, Phenylalanine และ Tryptophan) มีส่วนผสมของ MCT Oil ที่ได้จากการสกัดจากน้ำมันมะพร้าว  ซึ่งเป็นไขมันดี มีรสชาติอร่อย ด้วยเทคโนโลยี การผลิตขั้นสูง ช่วยให้ได้รสชาติที่ทานง่าย ไม่เหม็นเขียว ลื่นคอ เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการบริโภคสินค้าที่ทำมาจากสัตว์

“เปิดรับไอเดียคนรุ่นใหม่” สร้างการเติบโต

ต้องยอมรับว่า “กลุ่มคนรุ่นใหม่” ถือเป็นพลังสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนองค์กรและธุรกิจให้เติบโต บริษัทจึงไม่ปิดกั้นความคิดของกลุ่มคนรุ่นใหม่ สินค้าทุกตัวของบริษัท ตลอดจนกิจกรรมทางการตลาดที่หลายตัวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งก็มาจากความคิดกลุ่มคนรุ่นใหม่

ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานประมาณ 50-60 คน มีอายุเฉลี่ยไม่เกิน 35 ปี พนักงานทั้งหมดมีสิทธิ์ที่จะแสดงความสามารถและศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ และพร้อมที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ บริษัทจึงไม่ปิดกั้นความคิดของพนักงาน เพราะกลุ่มคนเหล่านี้มีความคิดและมุมมองที่น่าสนใจ อย่างเช่น กิจกรรมล่าสุด “Hooray! Good Vibes Only” ส่งต่อความสุขและรอยยิ้มให้กับลูกค้าผ่านฝาฟอยล์บนขวด โดยการส่งมอบข้อความดีๆไปยังผู้บริโภค ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ที่ได้จากกลุ่มคนรุ่นใหม่ พวกเขาไม่ได้คิดแค่ว่าบริษัทจะต้องโตเพียงฝ่ายเดียว แต่บริษัทควรที่จะมีส่วนในการช่วยส่งต่อพลังบวกกลับสู่สังคมด้วยเช่นกัน ให้สังคมยิ้มได้อย่างมีความสุข สอดคล้องกับ DNA ของแบรนด์ Hooray

จากเรื่องราวของ Hooray! ผ่านการบอกเล่าของเจน-ชัชณี พฤกษ์ศลานันท์ คงทำให้เห็นแล้วว่า การที่ผู้ประกอบการ SME จะยืนหยัดเคียงข้างผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดโมเดิร์นเทรดที่มีการแข่งขันสูงได้อย่างภาคภูมินั้น สินค้าต้องมีความต่าง และเครื่องมือในการสร้างความต่างที่ดีที่สุดคือการใช้ “นวัตกรรม” ควบคู่กับพลังของคนรุ่นใหม่มาเป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อน เมื่อผู้ประกอบการมีความพร้อมในทุกด้านแล้ว เมื่อใดที่โอกาสมาถึงก็จะสามารถคว้าไว้ได้ทันที เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต

ธุรกิจห้าดาว ผู้นำธุรกิจแฟรนไชส์อาหาร เปิดตัว The Elevator Pitch

เส้นไข่ขาว “นิ่มนิ่ม” – แพลตฟอร์มยกระดับอาชีพผู้พิการ “Vulcan”

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าโครงการ “Partner to Grow…เติบโต เคียงข้าง อย่างยั่งยืน” นำศักยภาพขององค์กร ร่วมพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถของคู่ค้าในการบริหารธุรกิจสมัยใหม่ ล่าสุด จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพิ่มศักยภาพคู่ค้า SMEs ด้านการจัดซื้อสินค้าอย่างยั่งยืน ตามแนวทาง ESG เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน และระบบโลจิสติกส์ ตอบสนองความท้าทายด้านเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว

นางสาวธิดารัตน์ เดชายนต์บัญชา ผู้บริหารสูงสุด สายงานจัดซื้อกลาง กล่าวว่า บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการ พัฒนาและสร้างโอกาสใหม่ๆ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกันระหว่างบริษัท พันธมิตรทางการค้า และเกษตรกรในห่วงโซ่อุปทาน ภายใต้วิสัยทัศน์ “ครัวของโลกที่ยั่งยืน” เดินหน้าพัฒนาศักยภาพของคู่ค้าในด้านต่างๆ ยกระดับกระบวนการจัดหาที่รับผิดชอบได้มาตรฐานสากล ครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับกิจการที่ดี (Environmental & Economic, Social and Governance) ด้วยการดำเนินโครงการ “Partner to Grow…เติบโต เคียงข้าง อย่างยั่งยืน” ซึ่งเน้นช่วยกลุ่ม SMEs เป็นลำดับแรก ภายใต้โครงการ SMEs PLUS  นำศักยภาพขององค์กรมาช่วยปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานต่างๆ รวมถึงการอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ Value Chain Optimization for SMEs เพื่อนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การจัดหาวัตถุดิบตลอดห่วงโซ่คุณค่าจากผู้เชี่ยวชาญของซีพีเอฟ ช่วยผู้ประกอบการ SMEs มีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า สามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในสถานการณ์การค้าที่มีการแข่งขันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“โครงการ Partner to Grow เป็นแนวทางที่จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของคู่ค้าของซีพีเอฟในทุกด้าน รวมถึงการอบรมวันนี้ที่จะช่วยให้คู่ค้าสามารถบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อผลิตและจัดหาสินค้าที่มีคุณภาพในต้นทุนที่แข่งขันได้  ซึ่งต่อยอดจากโครงการ CPF x BBL เคียงข้างคู่ค้า เติบโตอย่างยั่งยืน” ที่บริษัทฯ ร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพช่วยคู่ค้าธุรกิจมีโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำมากขึ้น ช่วยเพิ่มแต้มต่อในการทำธุรกิจของ ผู้ประกอบการ SMEs และสามารถเติบโตก้าวสู่ระดับสากลได้อย่างเข้มแข็ง” นางสาวธิดารัตน์กล่าว

 

ซีพีเอฟตั้งเป้าหมายว่าในปีนี้ จะมีคู่ค้า SMEs กว่า 500 รายเข้าร่วมโครงการ SMEs PLUS ประกอบด้วย 1)ร่วมกับสำนักวิศวกรรม จัดทำโครงการ CPF SMEx ต้นทุนต่ำ นำรักษ์โลก สนับสนุนให้ SMEs ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและการจัดการทรัพยากรเพื่อลดต้นทุนการผลิต  2)ร่วมกับสำนักระบบมาตรฐานสากล และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาสินค้าคาร์บอนต่ำ  3)จัดโดยสำนักจัดซื้อกลางซีพีเอฟ จัดสัมมาเชิงปฏิบัตการด้านการบริหารจัดการลดต้นทุนการผลิตตลอดห่วงโซ่คุณค่า 4)ร่วมกับสำนักกฏหมาย การส่งเสริมการปฏิบัติที่ดีต่อแรงงานตามมาตรฐานสากล  5)ร่วมกับสำนักประกันคุณภาพกลาง ถ่ายทอดความเชี่ยวชาญในการลดการสูญเสียสินค้า เป็นต้น เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs มีความได้เปรียบทางการแข่งขันทางธุรกิจ เติบโตอย่างยั่งยืนสามารถตอบรับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

 

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังสนับสนุนให้คู่ค้าดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม โปร่งใส ตรวจสอบย้อนกลับได้ ช่วยสนับสนุนซีพีเอฟบรรลุเป้าหมายการจัดหาอย่างรับผิดชอบต่อโลก (Sustainable Sourcing) ตามหลัก ESG เพิ่มความเชื่อมั่นว่าต้นทางของผลิตภัณฑ์อาหารของซีพีเอฟมาจากแหล่งที่ปราศจากการบุกรุกทำลายป่า มีการปฏิบัติที่ดีต่อแรงงาน ตลอดจนมีส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารที่ช่วยบรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกอน ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

หนุนนวัตกรรม SMEs ไทยสร้างพลังเปลี่ยนโลก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ-สังคมไทยอย่างยั่งยืน

X

Right Click

No right click