×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 802

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 810

ธนชาตประกันภัย เผยผลประกอบการปี 2561 คว้ากำไรสุทธิ 1,042 ล้านบาท  สร้างเบี้ยประกันภัยรับรวมกว่า 7,987 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนกว่า 6.4% พร้อมเพิ่มทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 4,930 ล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มประกันวินาศภัย เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ เผยทิศทางปี 2562  เดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์หลากหลายตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม รวมถึงพัฒนาบริการต่างๆ ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย มุ่งสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายสูงสุด

นายพีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายเพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าและการพัฒนาคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ธนชาตประกันภัยจึงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าซึ่งถือกรมธรรม์มากกว่า 1.5 ล้านฉบับ และมีความพึงพอใจในการบริการสูงถึง 86% นำมาสู่ความสำเร็จของบริษัทฯ จากผลการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทฯ มีเบี้ยประกันรับรวมถึง 7,987 ล้านบาท เติบโตกว่า 6.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนและมีกำไรสุทธิ 1,042 ล้านบาท

นายพีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี กรรมการผู้จัดการ ธนชาตประกันภัย

สำหรับปี 2562 เพื่อรองรับกับการขยายธุรกิจและการเติบโตในอนาคต บริษัทฯ ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วเป็น  4,930 ล้านบาท และจากที่บริษัทมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนถึง 807% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยกำหนดไว้ที่ 140% ด้วยความแข็งแกร่งมั่นคงดังกล่าวทำให้ธนชาตประกันภัยสามารถต่อยอดสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้หลากหลายภายใต้ 4 กลยุทธ์สำคัญ อันได้แก่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบรับความต้องการลูกค้า (Customer Segmentation) การยกระดับบริการด้วยนวัตกรรม (Service Innovation) การขยายช่องทางการจัดจำหน่าย (Distribution Expansion) และการร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง (Business Partnership) ครอบคลุมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริการ การเพิ่มโอกาสทางธุรกิจบนช่องทางและมุมมองใหม่ๆ ในปี 2562 นี้

ด้าน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ธนชาตประกันภัยจะให้บริการผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ “ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล อาชีพอิสระ ธนชาต ชูชีพ PA” เหมาะกับผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำ “ประกันภัยบ้าน สำหรับลูกค้าสินเชื่อบ้าน” ให้ความคุ้มครองของใช้ภายในบ้าน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ “ประกันภัยรถยนต์ 2+” พัฒนาขึ้นสำหรับแต่ละกลุ่มลูกค้า โดยเริ่มจาก ประกันภัยรถยนต์ 2+ ราคาพิเศษ สำหรับลูกค้าที่มีอายุ 39 ปีขึ้นไป และ “ประกันสุขภาพ” รูปแบบใหม่ซึ่งมี 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทคุ้มครองโรคร้ายแรง และประเภทคุ้มครองสุขภาพแบบเหมาจ่าย

ด้าน การยกระดับคุณภาพบริการด้วยนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ธนชาตประกันภัยเป็น ผู้ให้บริการประกันภัยเจ้าแรกที่ให้ “บริการแจ้งอุบัติเหตุผ่านไลน์” อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าและเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการ โดยในอนาคตอันใกล้ ยังมีแผนเพิ่มเติมบริการใหม่ในด้านต่างๆ ผ่านไลน์ให้ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อยกระดับการให้บริการ เช่น การเปลี่ยนแปลงเอกสารให้อยู่ในรูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์หรือ “E-document” การนำเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) มาใช้ ประเมินราคาซ่อมรถยนต์แบบอัตโนมัติ ซึ่งช่วยเพิ่มความรวดเร็วและความแม่นยำในการพิจารณาและการส่งรถยนต์เข้าสู่กระบวนการซ่อม และ “การจัดการข้อมูลของลูกค้าอย่างเป็นระบบด้วย Enterprise Database” ที่จะช่วยเสริมศักยภาพขององค์กร ให้ใช้ข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และเกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ทุกกลุ่มลูกค้า

ในปีนี้ยังมุ่ง ขยายพันธมิตรธุรกิจ ที่มีความเชี่ยวชาญและเข้าใจลูกค้าแต่ละกลุ่มเพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ได้มากขึ้น รวมถึงร่วมมือกับกลุ่มสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ เช่น Drivemate แพลตฟอร์มให้เช่ารถออนไลน์, Digital Butler แพลตฟอร์มผู้ช่วยดูแลบ้านและคอนโด และ TripBuddy แพลตฟอร์มผู้ช่วยส่วนตัวนักเดินทาง เพื่อพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อตอบสนองความต้องการ อันหลากหลายของลูกค้า ทั้งในแง่ของความคุ้มค่าและสะดวกสบายสูงสุด

บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันรับรวมปี 2562 เติบโตจากปีก่อนไว้ที่ 6และด้วยฐานะการเงินที่มั่นคงของทุนจดทะเบียน ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มประกันวินาศภัย และนโยบายการขยายธุรกิจผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก พร้อมทีมผู้บริหารและพนักงานที่เชี่ยวชาญมีประสบการณ์ในธุรกิจประกันภัยมาอย่างยาวนาน เราเชื่อมั่นว่าจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ รวมทั้งจะได้รับความไว้วางใจและความพึงพอใจจากลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นำมาสู่ก้าวต่อไปที่แข็งแกร่งและความสำเร็จที่ยั่งยืนของธนชาตประกันภัยต่อไปในอนาคต นายพีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี กล่าวสรุป

นายสมบุญ ฟูศรีบุญ กรรมการผู้อำนวยการ พร้อมด้วยนายวรวัจน์ เจริญชัยพงศ์ กรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการ  บริษัท นำสินประกันภัย จำกัด (มหาชน)  นำทีมผู้บริหารแถลงเปิดวิสัยทัศน์แบรนด์ใหม่นำสินประกันภัย ในโอกาสครบ 71 ปี และกำลังก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 8 ของการดำเนินงาน ซึ่งจากนี้เป็นต้นไปนำสินประกันภัยจะมุ่งส่งมอบคุณค่าของความเป็นพันธมิตรที่ร่วมคิดร่วมทำกับลูกค้าและคู่ค้าเพื่อสรรค์สร้างให้เกิดสิ่งที่ดียิ่งขึ้นไปพร้อมกัน

นายวรวัจน์ เจริญชัยพงศ์ กรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการ ในฐานะผู้บริหารรุ่นใหม่กล่าวว่า การที่ให้ความสำคัญกับการ “รีแบรนด์”  ในครั้งนี้ด้วยเหตุผลที่สำคัญคือ นำสินประกันภัยเป็นแบรนด์ที่มีอายุยาวนานถึง 71 ปี แม้จะเติบโตมาอย่างมั่นคง แต่เมื่อโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล โครงสร้าง และวิธีการบริโภคของลูกค้าก็มีความซับซ้อนและมีพฤติกรรมการเลือกใช้บริการที่เปลี่ยนแปลงไป NSI นำสินประกันภัย จึงมีความจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย เปลี่ยนไปตามเทรนด์ของ Digital Transformation หรือการเปลี่ยนแปลงธุรกิจโดยใช้ดิจิทัลมาเป็นหัวใจในการดำเนินงาน  ต้องสร้างความแตกต่างของแบรนด์นำสินประกันภัยให้ต่างไปจากยุคเก่า โดยต้องรีแบรนด์แบบยกเครื่องทั้งองค์กร

นายวรวัจน์เปิดเผยว่า วิสัยทัศน์ใหม่ของแบรนด์นำสินโดยจะเน้นที่คุณค่าของการเป็น Better Partner Better Together ที่ชัดเจนขึ้นคือการเป็นสมาร์ทพาร์ทเนอร์ที่เราจะต้องร่วมคิดร่วมทำ ร่วมสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และการบริการที่ตอบโจทย์ให้กับคู่ค้าและลูกค้าของเรา เพื่อที่จะทำให้ธุรกิจและการดำเนินชีวิตของทุกคนก้าวหน้าก้าวไกลไปด้วยกัน “สิ่งแรกของการเปลี่ยนที่เห็นชัดเจนก่อนเลยคือการเปลี่ยนตราสัญลักษณ์หรือโลโก้ ที่ทันสมัยและสดใสขึ้น”    

การรีแบรนด์ครั้งนี้ไม่ใช่การเปลี่ยนแค่โลโก้ และสีประจำบริษัท  แต่เป็นการเปลี่ยนทั้งแนวคิด กระบวนการทางธุรกิจ และทักษะการทำงานของบุคลากร เพื่อรองรับการเข้ามาของ InsurTech  ที่อาจเข้ามา Disruption อุตสาหกรรมประกันภัยในยุค Thailand 4.0  ดังนั้น จึงมีแผนยุทธศาสตร์ของการเปลี่ยนแปลง หรือ “โรดแมพ” ในการรีแบรนด์ NSI นำสินประกันภัยอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 3 ปีนับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป

สำหรับเทคโนโลยีประกันภัย หรือ InsurTech ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้คนไทยในยุคนี้เข้าถึงการประกันภัยมากขึ้น ทางคณะผู้บริหาร NSI นำสินประกันภัย มีแผนนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาประสิทธิภาพและรูปแบบธุรกิจประกันภัยด้วยเช่นกัน นอกจากนำมาใช้เพื่อลดต้นทุนในการดำเนินกิจการแล้วยังจะนำมาใช้เพื่อเพิ่มคุณภาพการให้บริการคู่ค้าและลูกค้า เช่น การพัฒนาแอพพลิเคชั่นแจ้งเคลมผ่านมือถือ  ขยายช่องทางการขายผ่านระบบออนไลน์ และการทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ การสื่อสารแบรนด์ผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ รวมทั้งการตอบข้อซักถามและรับเรื่องร้องเรียนผ่านแชทบอท เป็นต้น นายวรวัจน์กล่าวในตอนท้าย

ทางด้านนายสมบุญ  ฟูศรีบุญ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท นำสินประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ NSI เปิดเผยผลการดำเนินงานในปี 2561 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 2,038 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นประกันภัยรถยนต์ 1,409 ล้านบาท ประกันอัคคีภัย 30 ล้านบาท ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 26 ล้านบาท และประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลและอื่นๆ 573 ล้านบาท “บริษัทฯ ยังคงมีสัดส่วนเบี้ยประกันภัยรถยนต์สูงที่สุดคืออยู่ที่ร้อยละ 69 หรือเท่ากับ 1,409 ล้านบาท มีประกันภัยประเภทไม่ใช่รถยนต์ (Non Motor) อยู่ที่ร้อยละ 31 หรือเท่ากับ 629 ล้านบาท หากเปรียบเทียบพอร์ตระหว่างรถยนต์ใช้เพื่อการพาณิชย์ กับรถยนต์ส่วนบุคคล มีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 68 ต่อ 32 ซึ่งหมายความว่าธุรกิจหลักของ NSI นำสินประกันภัย ยังคงมุ่งเน้นที่ รถใหญ่ หรือรถยนต์ใช้เพื่อการพาณิชย์เป็นหลัก”

สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2562 นายสมบุญ กล่าวว่าจะไม่เน้นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยในปี 2562 มีเป้าหมายผลิตผลงานเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 2,330 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 12 โดยยังคงเน้นสัดส่วนการทำธุรกิจประกันภัยรถยนต์ในอัตราร้อยละ 64 ส่วนธุรกิจการประกันภัยอื่นๆ ที่ไม่ใช่รถยนต์จะอยู่ที่อัตราร้อยละ 36 “เรายังคงเน้นที่กรมธรรม์รถบรรทุก และรถเก๋งขนาดใหญ่กว่า 2,000 ซีซี เพราะถือว่าเป็นความถนัดและเป็นความเชี่ยวชาญของเรา และการรีแบรนด์ในครั้งนี้ก็จะมีสินค้าและบริการใหม่ๆ ทั้งก่อนการขายและหลังการขายมาตอบโจทย์ลูกค้าอย่างถูกใจและใหม่ขึ้น โดยทั้งหมดจะเน้นให้สอดรับกับคุณค่าของแบรนด์ที่เราตั้งใจส่งมอบให้ลูกค้าและคู่ค้าคือการเป็น Better Partner Better Together ที่เราพร้อมจะก้าวไกลไปด้วยกันในยุค 4.0” กรรมการผู้อำนวยการ นายสมบุญ ฟูศรีบุญ กล่าวในที่สุด

บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดย คุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ กรรมการผู้จัดการ ร่วมกับ คุณสมชัย อาภรณ์ศิริพงษ์ รองกรรมการผู้จัดการ ได้ร่วมส่งมอบรถยนต์ TOYOTA CAMRY ให้กับผู้บริหารฝ่ายขายช่องทางตัวแทนจากทั่วประเทศ เพื่อใช้เป็นรถประจำตำแหน่งในการเดินทางสร้างผลงานได้อย่างสะดวกปลอดภัย รวมทั้งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำงานงานสู่เป้าหมายเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 70 ปี OCEAN LIFE ไทยสมุทรในปี 2562 นี้อีกด้วย

 

สมใจนึก เองตระกูล ประธานกรรมการ ทิพยประกันภัย รศ.จินตนา บุญบงการ กรรมการโครงการและคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้เกียรติเป็นประธานและร่วมงานในพิธีมอบวุฒิบัตรแก่ ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมผู้บริหารระดับสูง ทิพยประกันภัย ในโอกาสที่จบหลักสูตรโครงการอบรม MINI INSURANACE MBA โดยมี ดร.เปรมประชา ศุภสมุทร ให้เกียรติร่วมพิธี ณ โรมแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ

 

 วิพล วรเสาหฤท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต มองปัจจัยที่ส่งผลต่อการวางแผนกลยุทธ์ในปี 2561 ของบริษัทว่า มีปัจจัยหลัก 6 ประการประกอบด้วย

1.ผลจากการที่ธนาคารกรุงเทพมีพันธมิตรด้านประกันชีวิตรายใหม่ที่จะเริ่มเร็วๆ นี้ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อบริษัทไม่มากนัก

2.ความกดดันจากข้อกำหนดทางกฎเกณฑ์ เช่นการเปลี่ยนอัตรามรณะ ซึ่งจะส่งผลให้เบี้ยประกันชีวิตต่ำลง เป็นความท้าทายต่อทั้งอุตสาหกรรมประกันชีวิตในการดำเนินงาน รวมถึงการเตรียมพร้อมใช้มาตรฐานทางบัญชีใหม่ที่จะส่งผลต่อการออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต การตั้งสำรอง และการบันทึกบัญชีของบริษัทประกันชีวิต

3.เศรษฐกิจยังเติบโตไม่เต็มที่ อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ  โดยบริษัทเตรียมผลักดันผลิตภัณฑ์ระยะยาวเพิ่มมากขึ้น

4.การแข่งขันที่สูงมากในอุตสาหกรรมประกันชีวิต โดยจะเห็นทิศทางการเปิดขายแบบ Open Platform เพิ่มมากขึ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามา ซึ่งอาจจะส่งผลให้บริษัทประกันชีวิตรายเล็กมีการควบรวมกันเพื่อสร้างความแข็งแกร่งมากขึ้น

5.กระแสเทคโนโลยีดิจิทัลที่เข้ามาในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคและธุรกิจต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว

และ6. การเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ที่จะส่งผลในอนาคตทำให้จำนวนประชากรลดลง

โดยกรุงเทพประกันชีวิตวางแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2561 ประกอบด้วย กลยุทธ์หลัก 5 ด้าน คือ

1.การเน้นพัฒนาคุณภาพตัวแทน ให้เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และแบ่งกลุ่มตัวแทนให้ตรงกับระดับความเข้าใจทางการเงินของลูกค้ามากขึ้น ช่องทางธนาคารจะมีการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และวิธีการขายเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน ช่องทางอื่นๆ กำลังอยู่ระหว่างการเจราจาเพื่อหาช่องทางที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้จำนวนมาก  

2.การรับมือกับกระแสดิจิทัล โดยบริษัทจะปรับเข้าสู่โลกออนไลน์มากขึ้น เพื่อรักษาฐานลูกค้าที่มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปใช้ช่องทางดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น มีการพัฒนานวัตกรรม เปิดรับเทคโนโลยีใหม่ เตรียมความพร้อมและพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล พัฒนาผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางการขายประกันออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้เกิดขึ้น การพัฒนาระบบบริการลูกค้า และช่องทางออนไลน์อื่นๆ เช่น แอพพลิเคชั่นสำหรับลูกค้าและตัวแทน เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

3.การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ตั้งแต่ยังไม่เป็นลูกค้าของบริษัท โดยจะต้องสร้างประสบการณ์ที่ดีจนครบทุกกระบวนการ โดยยึดหลักการดำเนินงานให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางการเปลี่ยนแปลง มุ่งมั่นตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่าง

4.ผลิตภัณฑ์ จะมีการปรับวิธีการคิด ให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านดิจิทัล กฎระเบียบใหม่ๆ และความต้องการของลูกค้า ปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าอย่างชัดเจนมาก การสร้างความแข็งแกร่งร่วมกับพันธมิตรในช่องทางต่าง ๆ รวมทั้งการให้ความรู้ด้านการวางแผนการเงินแก่ผู้บริโภค เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการวางแผนการเงินอย่างรอบด้าน

5.ด้านบุคลากร บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างทีม และสร้างที่ปรึกษาการเงินที่มีคุณภาพ มีความเชี่ยวชาญ พร้อมพัฒนาตนเองให้ทำงานในแนวทางของนักวางแผนการเงิน และยังได้พัฒนาหลักสูตรการอบรมให้ความรู้ด้านต่างๆ เพื่อผลักดันศักยภาพบุคลากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด  

กลยุทธ์ทั้งหมดนี้กำหนดขึ้นตามแนวคิดMake a Change เปลี่ยนเพื่อชีวิตที่แตกต่าง”  โดยบริษัทฯ เชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงใหม่ในตลาดปี 2561 ที่จะทำให้ กรุงเทพประกันชีวิต บรรลุเป้าหมายในการพัฒนาความยั่งยืนของบริษัท ไปพร้อมกับคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนเพื่ออนาคตที่ดีกว่า

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2560 วิพลเปิดเผยว่าบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในหลายด้านอาทิ เบี้ยประกันภัยใหม่จากแบบประกันหลักเติบโตร้อยละ 18 จากปีก่อนหน้า สามารถสร้างที่ปรึกษาทางการเงินเติบโตมากกว่า ร้อยละ 10 โดยปัจจุบันมีนักวางแผนทางากรเงินที่ได้รับคุณวุฒิ CFP® และ AFPT™ มากกว่า 100 คน และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง 252 เปอร์เซ็นต์

X

Right Click

No right click