มอ. ชู 5 นวตักรรม ‘ธนาคารเลือด’ เป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพการจัดการ การใช้เลือดกับผู้ป่วย

March 25, 2022 2301

ผศ.นพ.คณุตม์ จารุธรรมโสภณ หัวหน้าหน่วยคลังเลือด และเวชศาสตร์บริการโลหิต สาขาวิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

กล่าวว่า หน่วยงานธนาคารเลือด เป็นหน่วยงานหนึ่งที่อยู่ภายใต้การดูแลของสาขาวชิาพยาธิวทิยารพ. สงขลานครินทร์ โดยมีหน้าที่รับบริจาคเลือดทั้งจากในและนอกโรงพยาบาล นำมาเตรียมส่วนประกอบเลือดชนิดต่าง ๆ โดยทำการตรวคัดกรองและทดสอบความเขากันได้กับผู้ป่วย ตามมาตรฐานของสภากาชาดไทยเพื่อให้แพทย์ สามารถใช้ในการรักษาคนไข้ได้อย่างลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งปัจจุบันด้วยปริมาณคนไข้ที่มีเพิ่มมากขึ้นทำให้ความต้องการในการใช้บริการของงานธนาคารเลือด เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จนทำให้เกิดปัญหาในการจัดเตรียมผลิตภัณฑ์เลือด ที่อาจเกิดความล่าช้าในการเตรียม หรือจัดการงานที่มีปริมาณมากอาจส่งผลต่อคุณภาพในการนา เลือดไปใช้ นอกจากนี้ยังมีการเกิดภาวะขาดแคลนเลือดในการรับบริจาค หรือไม่สามารถหาเลือดชนิดที่หายากมาให้ได้ ส่งผลต่อการรักษาของผู้ป่วยทำให้ต้องรอเลือดเป็ นเวลานาน หรือในบางกรณีอาจ เกิดภาวะเลือดล้นทำให้ไม่สามารถใช้เลือดได้ทันวันหมดอายุ จึงมีความพยายามยามนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการและพัฒนานวัตกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริกาจัดเตรียมผลิตภัณฑ์เลือดและจัดการสต็อค

 

“เรามีการพัฒนาตั้งแต่ การจัดหาเลือด การคัดกรองเลือด ขั้นตอนการเตรียมเลือด และขั้นตอนการนำเลือดไปใชกับผู้ป่วย โดยมีการใช้นวัตกรรมดังนี้ 1. โปรแกรมเก็บข้อมูล Minor blood group 2. ระบบห้องปฏิบัติการอัตโนมัติ (Total Lab Automation) ในการตรวจคดักรองโรคติดชื้อของ เลือด ทั้งงานการตรวจภูมิคุ้มกัน และแอนติเจนในเลือด (serology) และการตรวจสารพันธุกรรม ของตัวเชื้อไวรัส (NAT) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพคุณภาพ และความปลอดภัยในการเตรียมเลือด พร้อมทั้งลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ 3. กระติกขนส่งเลือดอัจฉริยะเพื่อการควบคุณคุณภาพของผลิตภัณฑ์เลือดขณะขนส่งห้าอดคล้องตามข้อกำหนดในระบบคุณภาพ และความปลอดภัยของผู้ป่วย 4. การทำนายการใช้เกล็ดเลือดโดย Machine Learning 5. การจัดการสต็อคโดยระบบ AI” ผศ.นพ.คณุตม์ จารุธรรมโสภณ กล่าว

ด้านนายวรากร เพชรเกลี้ยง หัวหน้างานคลังเลือดและเวชศาสตร์บริการโลหิต สาขาวิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์กล่าวว่า สำหรับนวัตกรรมต่าง ๆ เช่น โปรแกรมเก็บข้อมูล Minor blood group ระบบหมู่เลือดรอง ซึ่งต้องใช้น้ำยาพิเศษในการตรวจ บางชนิดแพงมากและเพิ่มขั้นตอนการทำงาน ซึ่งเดิมหลายโรงพยาบาลต้องขอจากสภากาชาดไทย แต่สำหรับหน่วยคลังเลือด รพ สงขลานครินทร์มีการตรวจหมู่เลือดรองที่สำคัญให้กับผู้บริจาคประจำตั้งแต่ 10ครั้งขึ้นไป โดยเก็บข้อมูลไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ เมื่อผบู้ ริจาคมาบริจาคในคร้ังถัดไป สามารถทราบหมู่เลือดรองได้ทันที ทำให้มีเลือดเพียงพอให้ผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและลดค่าใช้จ่ายให้โรงพยาบาลได้

“ระบบสืบค้นหมู่เลือดรองที่ทางหน่วยจัดทำขึ้นสามารถแบ่งปันให้โรงพยาบาลอื่นมาใช้แพลตฟอร์มเดียวกันได้ เพื่อใช้สืบค้นหมู่เลือดรองของผู้บริจาคโดยที่ไม่ต้องตรวจซ้ำ ลดระยะเวลาการรอคอยในกรณีที่ผูป่วยต้องรับหมู่เลือดพิเศษ ช่วยลดค่าใช้จ่าย และขั้นตอนในการทดสอบซ้ำได้ มีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลด้วยระบบล็อคอิน ที่เข้าถึงได้เฉพาะเจ้าหน้าที่คลังเลือดและผู้บริจาครายนั้นเพื่อตรวจสอบข้อมูลตนเองเท่านั้น จึงอยากเชิญชวนหน่วยคลังเลือดอื่น ๆ มาร่วมกันแชร์ข้อมูลระบบหมู่เลือดรองในแพลตฟอร์มเดียวกันเพื่อขยายฐานข้อมูลผู้บริจาคในเขต ซึ่งปัจจุบันมีฐานข้อมูลผู้บริจาคอยู่ประมาณ 30,000 ราย และมี โรงพยาบาลข้างเคียงมาร่วมใช้โปรแกรมนี้แล้ว

 

นอกจากนั้นยังมีการนำระบบ Machine learning ทำนายการใช้เกล็ดเลือด เพื่อประมวลผลข้อ มูลการใช้เกล็ดเลือดในอดีตมาวางแผน และดูแนวโน้มการใช้เกล็ดเลือดของผู้ป่วยแต่ละราย เนื่องจากเกล็ดเลือดมีอายุเพียงแค่ 5 วัน เท่านั้น ที่ผ่านมาจึงต้องทิ้งเกล็ดเลือดที่หมดอายุเป็นจำนวนมาก ระบบ Machine learning จึงเป็นระโยชน์มากในการช่วยวิเคราะห์ ทำให้สามารถสำรองเกล็ดเลือดได้เหมาะสมกับการใช้จริง และยังช่วยลดต้นทุนจากการทิ้งลงได้กว่า 50 %”  นายวรากร เพชรเกลี้ยง อธิบาย

สำหรับนวัตกรรมกระติกขนส่งเลือดอัจฉริยะ ยังถือเป็นตัวช่วยสำคัญในการควบคุมการขนส่งโลหิต เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ควบคุมอุณหภูมิที่มีขายอยู่ในตลาด ไม่ตอบโจทย์การควบคุมคุณภาพตามที่หน่วยงานต้องการ จึงพัฒนากระติกขนส่งเลือดอัจฉริยะขึ้นมาเอง ซึ่งนอกจากจะควบคุมอุณภูมิได้แล้วยังสามารถตรวจสอบข้อมูลอุณหภูมิย้อนหลังโดยแสดงเป็นกราฟ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพิจจารณาได้ง่ายว่าอุณหภูมิอยู่ในช่วงที่กำหนดหรือไม่ และพิจารณารับโลหิตที่ขนส่งอยู่ในอุณภูมิที่กำหนดเท่านั้นเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย ป้องกันอาการไม่พึงประสงค์จากการรับโลหิตที่เก็บในอุณหภูมิไม่เหมาะสม และยังสามารถส่งข้อมูลผ่านระบบ Wi-Fi ได้ ทำให้สามารถติดตาม และตรวจสอบสถานะของกระติกทั้งหมดได้ จนได้รับรางวัล ถึง รางวัลคือ เหรียญทองแดง จาก Thailand Kaizen award ปี 2563 และรางวัลแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ ระดับเหรียญทอง จากงานเวทีคุณภาพ ภายใต้โครงการ “เรื่องของเลือด ขาดเหลือ ต้องเกื้อกูล” และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และยังได้ไปนำเสนอในงานประชุม Thailand Quality Conference ปี 2564 อีกด้วย

ด้าน ทนพญ. สุวมิล บุญทองขาว นักเทคนิคการแพทย์ชำนาญการ หน่วยคลังเลือดและเวชศาสตร์บริการโลหิต สาขาวิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์กล่าวว่า “สำหรับระบบห้องปฏิบัติการอัตโนมัติ หรือ Total lab automation ช่วยแก้ปัญหาในการลดขั้นตอนและเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน ตั้งแต่ขั้นตอน การเตรียมตัวอย่าง และการแบ่งสิ่งส่งตรวจ (Aliquot) เพื่อการตรวจสอบภายหลัง โดนเครื่องจะเตรียมตัวอย่างและเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องตรวจวิเคราะห์ ทั้งการตรวจภูมิคุ้มกัน และแอนติเจนในเลือด (serology) และการตรวจสารพันธุกรรมของตัวเชื้อไวรัส (NAT) เข้าด้วยกัน เป็นระบบเดียวรวมถึงการเชื่อมต่อกับระบบ LIS ของโรงพยาบาล เพื่อลดการทำงานแบบ manual และ human error ทำให้ห้องปฏิบัติการ สามารถใช้ทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ

 

“จากเดิมการตรวจคดักรองเลือดเคยใช้เจ้าหน้าที่ 2 คน ก็สามารถลดเหลือ1คน ทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยลดการสัมผสักับสิ่งส่งตรวจอีกทั้งการทำงานด้วย automation จะช่วยบันทึกการทำงานทุกขั้นตอน เพื่อประโยชน์ในการทวนสอบ และปรับปรุงขั้นตอนการทำงาน ตาม LEAN concept ซึ่งช่วยเพิ่ม คุณภาพของผลตรวจวิเคราะห์ จากระบบการทำงานของเครื่องตรวจเช่น การใช้ tip แบบใช้ครั้งเดียวใน การดูดตัวอย่างไปวิเคราะห์ ที่จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงจากการรายงานผลผิดพลาดที่เกิดจากปัญหาของสิ่งส่งตรวจที่ติดเชื้อ (sample contaminations) ใช้ระยะเวลาในการตรวจภูมิคุ้มกันและแอนติเจนในเลือด (serology) 18 นาที และความเร็วของเครื่องตรวจ สารพันธุกรรมของตัวเชื้อไวรัส (NAT) ที่สามารถรองรับงานได้ 1,440 ตัวอย่างต่อวัน ทำให้ระยะเวลาในการรายงานผลของห้องปฏิบัติการสั้นลง เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานได้แล้วเสร็จตามเวลาและสามารถแบ่งเวลา ไปดูแลงานด้านคุณภาพและอื่น ๆ ได้อย่างเหมาะสม” ทนพญ. สุวมิล บุญทองขาว กล่าวปิดท้าย

X

Right Click

No right click