In Focus 2019 : MBA NIDA

August 12, 2019 7015

การบริหารจัดการ หลักสูตรและการศึกษาในยุคสมัยที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นรายวัน รายชั่วโมง แม้กระทั่งเป็นรายนาทีอย่างในยุคนี้นั้น บทบาทผู้บริหารที่ก้าวเข้ามารับมือ ถือได้ว่ากำลังเผชิญกับความเหนือกว่าคำว่า “ความท้าทาย”

ทั้งต้องตั้งรับกับความเปลี่ยนแปลงภายนอก อันสืบผลส่งจากเรื่องเทคโนโลยี อีกทั้งเรื่องการผลักดันภายในที่จะต้องจัดทัพปรับทีมให้พร้อมรับกับการศึกษาแห่งอนาคต โจทย์เหล่านี้ รศ.ดร.ธัชวรรณ กนิษฐ์พงศ์ คณบดีคนใหม่ ผู้ก้าวเข้ามารับหน้าที่และบทบาทในการขับเคลื่อนคณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เมื่อกลางปี ที่ผ่ามาตระหนักและเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการปรับตัวเพื่อตั้งรับกับสถานการณ์อย่างไม่อาจช้าได้

“เป็นที่ทราบกันดีกว่า ทุกวันนี้สถาบันการศึกษาเริ่มเผชิญกับวิกฤตหลายด้าน เริ่มจากเรื่องจำนวนผู้เรียนที่เริ่มลดน้อยถอยลงอย่างมาก อย่างสาขาบริหารธุรกิจ หรือ MBA ที่เคยได้รับความนิยมอย่างสูงเสมอมาทั้งในประเทศไทย และทั่วโลกก็ตาม ก็เริ่มมีสัญญาณและส่งผลกระทบ อย่าง ‘นิด้า’ เอง ก็เริ่มมองเห็นสัญญาณในเรื่องนี้แล้วเช่นกัน” คณบดีหญิงคนแรกของ MBA นิด้ากล่าว

อย่างไรก็ดี รศ.ดร.ธัชวรรณ หรือ อาจารย์เบิร์ด ได้เผยต่อว่าการแก้ปัญหาเรื่องจำนวนนักศึกษาที่ลดลง ไม่ควรไปเน้นการแก้ไขเพียงเรื่องจำนวน แต่การคงไว้ซึ่งคุณภาพของนักศึกษาและคณาจารย์ในคณะคือสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญหรือโฟกัส รวมถึงการปรับตัวของหลักสูตรที่จะหยุดนิ่งไม่ได้อีกต่อไป

“จริงๆ แล้ว คณะบริหารธุรกิจนิด้า ยังคงเน้นเรื่องของคุณภาพของนักศึกษา โดยจำนวนของนักศึกษายังเป็นปัจจัยรอง นอกจากเรื่องคุณภาพของนักศึกษาแล้ว เราให้ความสำคัญและต้องโฟกัส เรื่อง Disruption ในปัจจุบันซึ่งทำให้คนที่ต้องการหรือทำธุรกิจอยู่ต้องปรับเปลี่ยนค่อนข้างมาก อย่างเมื่อก่อน MBA ก็จะสอนกันในเนื้อหาที่สืบต่อกันมา หลักการและเนื้อหาก็ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนไปมาก แต่ทุกวันนี้ มีเนื้อหาที่ต้องอัพเดทมากขึ้น  แม้แต่คนที่จบไปแล้ว 3-5 ปี ก็ควรและจำเป็นมากที่จะต้องกลับมาอัพเดทสิ่งใหม่ๆ การเปิดคอร์สใหม่ๆ จึงเป็นสิ่งที่เราเน้นมากที่สุด ณ วันนี้”

บทบาทของ MBA ในโลกใหม่

รศ.ดร.ธัชวรรณ ได้กล่าวถึงเทคโนโลยีและความเจริญด้าน IT ที่ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากและอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การทำธุรกิจในโลกที่เปลี่ยนไป อาจไม่ใช่เรื่องง่าย หากแต่ความเจริญนี้ก็ทำให้องค์ความรู้ต่างๆ ลอยว่อนอยู่ในโลกอินเตอร์เน็ตที่ใครๆ ก็สามารถเข้าไปเรียนได้ในราคาถูก บทบาทหน้าที่ของหลักสูตร MBA ก็ยังมีความสำคัญกับผู้ที่สนใจจะศึกษาอย่างจริงจังที่จะเอาความรู้ไปพัฒนาองค์กร

“ส่วนตัวเชื่อว่าสถาบันการศึกษายังอยู่ได้ แต่จะอยู่ยังไง ถ้าเราสอนแบบเดิมๆ เขาก็คงไม่มาหาเรา แต่ถ้าเราเปลี่ยนให้เท่าทันกับธุรกิจในยุคปัจจุบันและอนาคต เขาก็ต้องมาหาเรา จะว่าไปแล้วการขับเคลื่อนหรือการเปลี่ยนแปลง ต้องกระทำโดยคนที่มีความรู้ ฉะนั้น คนจะมีความรู้ได้ เขาก็จะต้องเข้ามาเรียน โอเค เรื่อง Disruption มันเข้ามาในชีวิตประจำวันของเราแน่ๆ และถ้าไม่ปรับเปลี่ยนตัวเอง เทคโนโลยีอาจเข้ามาแทนที่เราได้  แรงงานจะถูกทดแทนอันนั้นแน่นอนในบางอย่าง คนจึงต้องใช้สมองให้มากขึ้น ต้องพัฒนาตัวเอง  เราก็มองว่ายังไงเขาก็ต้องตามหาผู้รู้หรือกูรูที่จะแนะแนวทางเขาได้ หลักสูตร MBA จึงต้องถูกปรับเปลี่ยน เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ใหม่ที่ทันสมัยไปใช้งานได้จริง” 

การปรับตัวของ MBA ภายใต้การบริหารของ รศ.ดร.ธัชวรรณ มองว่าการเข้าห้องเล็กเชอร์ธรรมดาอาจจะไม่เพียงพอ แต่ต้องอาศัยเครื่องมือใหม่ๆ ศาสตร์ใหม่ๆ อย่างเช่น Blockchain หรือ AI  ซึ่งศาสตร์เหล่านี้มีประเด็นว่า หากไม่ได้ลงมือทำจริงๆ ก็ยากที่จะเห็นภาพทั้งหมด ทาง MBA นิด้า จึงมองหาพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญและลงมือทำจริง เพื่อเป็นสนามฝึกภาคปฏิบัติให้กับนักศึกษาโดยมีอาจารย์คอยกำกับดูแลแนะนำ

เป็นแนวทางที่อยากจะสอนทั้งทฤษฎีและปฏิบัติให้นักศึกษาลอง Apply สิ่งที่เรียนกับธุรกิจจริงได้ เข้าใจในสิ่งที่เรียนและใช้งานได้ หลายคนมอง IT ว่าน่ากลัว แต่ถ้าเราสามารถอยู่เหนือสิ่งเหล่านี้ได้ มันก็อาจไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น จากสถิติตัวเลขจะพบว่า ทุกวันนี้นักวิเคราะห์ การตลาดเป็นหนึ่งในสิบอาชีพที่ตลาดแรงงานต้องการ ซึ่งการเป็นนักวิเคราะห์การตลาด มันคือการใช้ Tools ต่างๆ เป็น

นี่เป็นสิ่งที่เราพยายามสร้างให้นักศึกษา คือ จบไปสามารถทำงานได้เลย ข้อพิสูจน์ในเรื่องนี้ อย่างที่มาผ่านมา เราต้องการสนับสนุนและส่งเสริมศักยภาพความพร้อมของนักศึกษาของเรา เรามีการตั้ง Incentive เพื่อเป็นรางวัลการสอบผ่านมาตรฐาน เช่น CFA (Chartered Financial Analyst) หรือ PMP (Project Management Institute Thailand Chapter) ทุกระดับถ้านักศึกษาสอบผ่าน ทางคณะฯ จะจ่ายค่าสอบให้ เหล่านี้เป็นต้น

Flexible MBA NIDA เพื่อตอบสนอง Life Long learning

เพื่อตอบสนองความต้องการทั้งศิษย์เก่าที่ต้องการความรู้สดใหม่ รวมทั้งคนที่ทำงานหรือทำธุรกิจที่ต้องการลงเรียนเฉพาะวิชาที่สนใจ นิด้าจึงจัดให้โครงการ Flexible MBA ซึ่งถือเป็นโครงการที่ใหญ่สุดของคณะฯ ณ ตอนนี้ ซึ่งเป็นโครงการที่เรียนวันเสาร์ - อาทิตย์ มีวิชาให้เลือกมากถึง 20 วิชา

Flexible MBA เป็นโปรแกรมที่ถูกออกแบบเพื่อตอบโจทย์แนวคิดในแบบ Life Long Learning ที่ใครๆ ก็สามารถมาเรียนในสิ่งที่สนใจได้ตลอดเวลา และทางคณะก็จะมีประกาศนียบัตรรับรอง ไม่ว่าจะเป็นการลงเรียนเฉพาะเรื่อง เช่น เรื่อง Big Data AI (Artificial Intelligence) Blockchain หรือ Fintech ก็ตาม 

โลกเปลี่ยนเร็วมาก แม้แต่ตัวอาจารย์เอง ก็ยังต้องมีการเพิ่มเติมความรู้ใหม่ๆ ตลอดเวลา เพราะว่าตอนนี้เรื่องของการบริหารธุรกิจมันเปลี่ยนแนวค่อนข้างมาก รวมถึง Tools ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ฉะนั้น ในนโยบายการบริหารในวาระสมัยของอาจารย์ การผลักดันและส่งเสริมอาจารย์รุ่นใหม่ให้ไปหาความรู้เพิ่มเติม แล้วกลับมาเปิดวิชาใหม่ จึงเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักที่สำคัญ

 

มุมมองเรื่อง E-Learning

สำหรับประเด็นเรื่อง Online Learning เรื่อง E-Learning ที่มีกระแสว่าจะมา Disrupt รูปแบบการศึกษาในอนาคตนั้น คณบดีหญิงของนิด้า แสดงความคิดเห็นเป็นส่วนตัวว่า

“ผู้เรียนไทยกับการเรียนออนไลน์ อาจจะยังไม่เหมาะกันสักเท่าไหร่ เรื่องนี้จะเกี่ยวกับเรื่องวินัยในการเข้าเรียน และอีกเรื่องคือ Innovation อย่างที่ผ่านมา ทางคณะฯ มีความร่วมมือกับ Kelly School, Indiana University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมากในเรื่อง E-Learning ของประเทศอเมริกา โดยร่วมกันเปิดหลักสูตรเป็น Duo Degree ให้นักศึกษาไทยลงเรียนออนไลน์ แต่ประการณ์ที่เคยพบคือ นักศึกษาเรายังไม่ค่อยพร้อมในเรื่องของเวลาและการ Participate ส่วนใหญ่นักศึกษาไทยมักจะเข้าหาและซักถามอาจารย์หลังการบรรยาย ทำให้รูปแบบการเรียนแบบออนไลน์แบบเต็มรูปแบบเสียทีเดียว คงยากจะตอบโจทย์สังคมไทยกับการเรียนออนไลน์ แต่ถ้าผู้เรียนมีวินัยจะดีมาก เพราะจะประหยัดเวลาการเดินทางได้เยอะมาก”

รศ.ดร.ธัชวรรณ ยังให้ความเห็นเพิ่มเติมอีกเรื่องที่สำคัญคือ เรี่อง Innovation ซึ่งเด็กส่วนใหญ่มักคิดวิเคราะห์ไม่ค่อยเป็น ซึ่งทางคณะฯ ตอนนี้ก็พยายามทำเรื่อง Innovation For Entrepreneurs คือ พยายามเปิดโลกเปิดสมองของเด็กให้มีมุมมองที่กว้างขึ้น คือ อยากเห็นคนไทยที่ต่อให้ไม่ได้ไปเปิดธุรกิจ แต่มี Innovation ก็น่าจะได้อิมแพ็คมากแล้ว

อย่างไรก็ดี แม้หลักสูตรออนไลน์จะยังไม่เต็มสูบที่นิด้าในวันนี้ แต่การทำหลักสูตรลูกผสมหรือ Hybrid1 กึ่งออนไลน์ กึ่ง Lecture ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้และกำลังเริ่มดำเนินการ ซึ่งจะได้เห็นว่าบางวิชาจะมีการแบ่งเรียน บางส่วนเรียนออนไลน์ แต่บางส่วนก็จะต้องมา Attend ในห้องเรียนแบบ 40:60

หลักสูตร Blockchain for Enterprise Transformation

อย่างที่กล่าวข้างต้นว่า บนวิสัยทัศน์และแนวนโยบายการบริหาร ของ รศ.ดร.ธัชวรรณ ที่ต้องการเดินหน้าในเรื่องใหม่ๆ  โดยเฉพาะการเปิดวิชาและหลักสูตรใหม่ๆ  เพื่อตั้งรับกับกระแส Disruption ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง AI (Artificial Intelligence) เรื่อง Blockchain หรืออย่างเรื่อง Fintech เป็นต้น ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ยังขาดความรู้และความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และที่สำคัญคือทักษะในการประยุกต์เรื่องเหล่านี้เข้าไปในการใช้จริง 

“ส่วนตัวคือ อยากทำให้วิชาใหม่ๆ เหล่านี้ได้เข้ามาอยู่ในหลักสูตร MBA มากขึ้น เมื่อได้คุยกับทาง SIAM ICO ก็พบว่ามีแนวคิดและเป้าหมายที่ไปในแนวเดียวกัน จึงเป็นที่มาของความร่วมมือจัดทำเป็นหลักสูตรพิเศษระยะสั้น Blockchain for Enterprise Transformation ซึ่งมีเทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นภาพใหญ่ บางคนรู้จัก Bitcoin แต่จริงๆ แล้ว บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการนำมาประยุกต์ใช้ได้ในอีกหลายมิติซึ่งน่าสนใจมาก และที่สำคัญคือ กล่าวได้ว่านิด้าเป็นที่แรกที่เปิดคอร์สวิชานี้ในหลักสูตร MBA และเชื่อว่านักศึกษาจะให้ความสนใจและได้ประโยชน์อย่างมาก

ทั้งนี้ รศ.ดร.ธัชวรรณ ยังเสริมถึงเทคโนโลยีบล็อกเชนในด้านของการนำมาใช้ประโยชน์จริงแม้แต่กับทางสถาบัน

บล็อกเชนไม่ใช่แค่ Coin หรือ Cryptocurrency เท่านั้น แต่มันยังทำอะไรได้มากกว่านั้น แม้กระทั่งตอนนี้ เราก็พูดกันอยู่ถึง Digital Certificate หรือ ‘ใบประกาศนียบัตรดิจิตอล’ คืออะไรต่อไปนี้ จะเอากระดาษมาถ่ายเอกสารเป็นใบๆ ที่เป็นของจริงหรือปลอม บางทีก็ไม่รู้ หรือเวลาพูดถึง Bitcoin คือเรากำลังพูดถึงเงินและเป็นเงินที่ไม่สามารถปลอมได้ และ Certificate ในบล็อกเชนก็จะไม่สามารถปลอมได้ ซึ่งถือว่ามี Innovation มาก แล้วเชื่อว่าบล็อกเชนจะเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการจะนำไปประยุกต์ใช้ในอีกหลายๆ เรื่องได้ อาทิเช่นเรื่อง Supply Chain หรือระบบการจัดเก็บประวัติข้อมูลผู้ป่วยเพื่อการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาล เป็นต้น หรือแม้แต่การเก็บข้อมูลการท่องเที่ยวก็สามารถจะทำได้ โดยรวมแล้วบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่สามารถนำมาใช้ได้กว้างมาก

หลักสูตร Blockchain for Enterprise Transformation จะเปิดเป็นสาธารณะสำหรับบุคคลภายนอกก่อน แล้วหลังจากนี้ก็จะหลอมรวมให้เข้าเป็นหนึ่งวิชาในหลักสูตร MBA ปกติในอนาคต โดยคลาสแรกจะเริ่มเปิดสอนในช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2562 เป็นเวลาสามวัน โดยวันสุดท้ายจะจัดให้มีเวิร์กชอป ซึ่งเราจะใช้หลักของ Design Thinking เข้ามาผสมผสานและนั่นหมายความว่า ผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับทั้งประโยชน์ในเรื่องบล็อกเชนและยังจะได้ประโยชน์จากเวิร์กชอป Design Thinking ไปในพร้อมกัน


เรื่อง: คณากร วิศาลสกล
ภาพ: อาทิตย์ กัณฐัศว์กำพล

Rate this item
(1 Vote)
Last modified on Monday, 30 September 2019 09:10
X

Right Click

No right click