เอสซีจี โดย บริษัทผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด (CPAC) ร่วมกับกระทรวง มหาดไทย และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ลงนามความร่วมมือ (MOU) ทดลองใช้เทคโนโลยีชีวภัณฑ์ช่วยควบคุมปริมาณผักตบชวาใน 10 จังหวัดที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่ นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ เพื่อแก้ไขปัญหาผักตบชวาในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่แพร่ขยายพันธุ์รวดเร็ว โดยชีวผลิตภัณฑ์จะช่วยควบคุมการแพร่กระจายและลดปริมาณผักตบชวาในแม่น้ำ ทำให้ใบไหม้ และแห้งตาย ง่ายต่อการจัดเก็บ สามารถลดปริมาณผักตบชวาได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต และพืชอื่น ๆ ทั้งนี้ จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ นี้ เป็นต้นไป
ความร่วมมือกำจัดผักตบชวา เป็น 1 ใน 6 แผนแม่บทข้อเสนอการแก้ไขปัญหาในเชิงภาพรวมของโครงการแม่น้ำเจ้าพระยาน่ามอง ปราศจากขยะ สร้างชีวิตประชาชนดีขึ้น ซึ่ง เอสซีจี โดย CPAC ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพลิกฟื้นชีวิตให้กับแม่น้ำเจ้าพระยา และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนที่อาศัยบริเวณริมแม่น้ำลำคลองให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน โดย 6 แม่บท ประกอบด้วย
ในภาพ นายชูโชค ศิวะคุณากร Head of Environment Social Governance & Business Stakeholder Engagement, CPAC ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อมกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย ผศ.ดร.อาร์ม อันอาตม์งาม รองคณบดีฝ่ายวิจัย คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน
เอสซีจี ผู้นำด้านความยั่งยืนระดับโลก ได้รับการจัดอันดับจาก Morningstar Sustainalytics เป็น ESG Industry Top Rated 2024 ลำดับที่ 1 จาก 125 บริษัทในกลุ่ม Industrial Conglomerate ทั่วโลก ณ วันที่ 17 มกราคม 2567 สะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่โดดเด่นด้านความยั่งยืนระดับสากล ด้วยนวัตกรรม โซลูชันรักษ์โลก ด้วยกลยุทธ์ ESG 4 Plus (มุ่ง Net Zero–Go Green–Lean เหลื่อมล้ำ–ย้ำร่วมมือ โดยยึดหลักเชื่อมั่นและโปร่งใส)
เอสซีจีตั้งเป้าหมาย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 เพื่อลดผลกระทบวิกฤตโลกเดือด ด้วยการเร่งพัฒนานวัตกรรม โซลูชันตอบเมกะเทรนด์โลก ให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย ปลอดภัย คุ้มค่า และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ปูนคาร์บอนต่ำ พลาสติกรักษ์โลก บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ ขณะเดียวกันยังร่วมพัฒนานวัตกรรมคาร์บอนต่ำกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ร่วมกับบริษัท Rondo Energy พัฒนานวัตกรรมแบตเตอรี่กักเก็บความร้อนจากพลังงานสะอาดตอบโจทย์อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ ร่วมกับบริษัท CubicPV พัฒนานวัตกรรมซิลิคอนเวเฟอร์ (Silicon Wafer) และแผงโซลาร์เซลล์ประสิทธิภาพสูง และร่วมทุนกับบริษัท Denka ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ได้เพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดแทนการใช้พลังงานฟอสซิล เช่น พลังงานชีวมวล (Biomass) จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรและเชื้อเพลิงจากขยะ (Refuse Derived Fuel: RDF) ในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ การใช้ลมร้อนเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิต และพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อลดการใช้ถ่านหินและพลังงานไฟฟ้า พร้อมทั้งมุ่งลดความเหลื่อมล้ำสังคมในมิติต่าง ๆ ทั้งการศึกษา อาชีพ และสาธารณสุข
เอสซีจีได้ยกระดับมาตรฐานการดำเนินงาน ESG อย่างต่อเนื่อง นำมาตรฐานการรายงานผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลมาใช้เป็นแนวทางในการเปิดเผยข้อมูล เช่น GRI SASB TCFD Integrated Report และเตรียมพร้อมสำหรับมาตรฐานใหม่ที่เริ่มใช้ในต่างประเทศ เช่น International Sustainability Standards Board (ISSB) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดความเสี่ยงและสร้างโอกาสทางธุรกิจภายใต้ระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดี
Morningstar Sustainalytics เป็นผู้นำระดับโลกด้านการวิจัยและจัดลำดับด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG) ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากการประเมินเกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยงของบริษัทต่างๆ ปัจจุบันการจัดอันดับของ Morningstar Sustainalytics ครอบคลุมบริษัททั่วโลกกว่า 16,000 แห่ง ซึ่งกลุ่มนักลงทุนและผู้จัดการกองทุนชั้นนำใช้ผลการจัดลำดับและข้อมูลจาก Morningstar Sustainalytics เป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานและการพิจารณาตัดสินใจลงทุน
SCG HOME Online เปิดยอดขาย ‘โซลูชันปรับคุณภาพอากาศภายในบ้านจากเอสซีจี’ ได้แก่ SCG Active AirFlow System ระบบถ่ายเทและระบายอากาศ ช่วยให้บ้านเย็นลง 2-5 องศาเซลเซียส และ SCG Active Air Quality นวัตกรรมป้องกันมลพิษและเชื้อโรคไม่ให้เข้าบ้านตั้งแต่ต้น กรองฝุ่น PM 2.5 ได้ถึง 99% ซึ่งยอดขายเติบโตถึง 100% ในปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดจากวิกฤตโลกร้อน ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ทำให้การติดตั้งโซลูชันดังกล่าวเพื่อสร้างคุณภาพการอยู่อาศัยและสุขอนามัยที่ดีภายในบ้าน ได้รับความนิยมมากขึ้น มั่นใจว่ายอดขายทั้ง 2 โซลูชันผ่านช่องทาง SCG HOME Online ยังโตต่อเนื่องในปี 2567 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการเข้าร่วมโครงการ Easy E-Receipt ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งช่วยเพิ่มความคุ้มค่าในการจับจ่ายให้ลูกค้ามากยิ่งขึ้น สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท
SCG HOME Online ตอบโจทย์ทุกความต้องการเรื่องบ้าน ช้อปง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน โดยมียอดสั่งซื้อแล้วกว่า 250,000 รายการ มีสินค้าให้เลือกตั้งแต่วัสดุก่อสร้าง หลังคา ฝา ฝ้า พื้นกระเบื้อง พื้นไวนิล SPC เครื่องมือช่าง รวมไปถึงสินค้าที่ช่วยให้ชีวิตสะดวก สบาย และห่วงใยสิ่งแวดล้อม อาทิ เครื่องย่อยเศษอาหาร และเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) เสริมความครบครันด้วยเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน อีกทั้งยังมีสินค้าพร้อมบริการติดตั้งคุณภาพดี มีรับประกัน อย่างชุดครัวสำเร็จรูป สำหรับสินค้าและบริการที่ขายดีนอกจากโซลูชันปรับคุณภาพอากาศภายในบ้านแล้ว ยังมี SCG Solar Roof Solutions ระบบหลังคาโซลาร์ ช่วยประหยัดค่าไฟได้สูงสุดถึง 60% ที่ให้บริการติดตั้งทั่วประเทศแล้วกว่า 1,500 หลังคาเรือน มียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 40% และ SCG Roof Renovations บริการติดตั้ง ซ่อมแซม ปรับปรุงหลังคา ซึ่งมียอดขายโตขึ้นกว่า 50%
ทั้งนี้ SCG HOME Online มีบริการตอบคำถามโดยทีม SCG HOME Contact Center ทุกวัน (8.30-20.00 น.) ทางโทรศัพท์ 02-586-1222 Line: @scghome และ Facebook Page: SCG Home