×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 6855

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 10972

ณ งาน Mobile World Congress 2024 ลูกค้าและพันธมิตรชั้นนำของอินเทลกว่า 65 ราย ร่วมจัดแสดงเทคโนโลยีและโซลูชันผ่านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการใหม่ ๆ เพื่อการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในอนาคตให้ทันสมัย

อินเทลเปิดตัวสถาปัตยกรรมใหม่สำหรับ ซีพียู คอร์ x86 สองรุ่น, ระบบ SoCs สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์สองรุ่น, GPU แบบแยกส่วนได้ และสถาปัตยกรรมไฮบริดแบบมัลติคอร์ที่ปฏิวัติวงการสำหรับกลุ่มลูกค้า

  อินเทลเปิดตัวแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด ที่ปรับแต่งมาอย่างเหมาะสมเพื่อมอบพลังรองรับเวิร์กโหลดที่หลากหลายในวงการอุตสาหกรรม ตั้งแต่ระบบคลาวด์ ระบบเครือข่าย ไปจนถึง Edge อัจฉริยะ โดยโปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 (ภายใต้ชื่อรหัส “Ice Lake”) เป็นรากฐานของแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลของอินเทล ที่จะดึงขุมพลังจาก AI เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างประโยชน์จากโอกาสทางธุรกิจต่างๆ ที่สำคัญที่สุดในปัจจุบัน

 โปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 ส่งมอบประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยได้ปรับปรุงประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 46% สำหรับเวิร์กโหลดต่างๆ ที่นิยมใช้งานในศูนย์ข้อมูล[i] นอกจากนี้ ตัวโปรเซสเซอร์ยังเพิ่มความสามารถของแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่ดีขึ้น รวมถึง Intel SGX เพื่อการรักษาความปลอดภัยในตัว, และการเร่งความเร็ว AI ด้วย Intel Crypto Acceleration และ Intel DL Boost ซึ่งความสามารถใหม่ๆ เหล่านี้ เมื่อรวมกับ Intel® Select Solutions และ Intel® Market Ready Solutions แล้ว จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเร่งการปรับใช้งานบนระบบคลาวด์, AI, องค์กรธุรกิจ, การประมวลผลประสิทธิภาพสูง, ระบบเครือข่าย, ความปลอดภัย และแอปพลิเคชัน Edge ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว

 นายนาวิน เชนอย รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไปของ Data Platforms Group ของอินเทล กล่าวว่า “แพลตฟอร์ม Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 ของเรา เป็นแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพสูงสุดในประวัติศาสตร์ของอินเทล ซึ่งได้รับการออกแบบเพื่อจัดการกับเวิร์กโหลดที่หลากหลาย ตั้งแต่ระบบคลาวด์ ระบบเครือข่าย ไปจนถึง Edge เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราก้าวนำการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรมระดับโลกที่กำลังเร่งอัตราเร็วยิ่งขึ้น และสามารถทำงานเพื่อเสริมสร้างชีวิตผู้คนบนโลกใบนี้ได้เคียงข้างกันไปกับอินเทล โดยอินเทลอยู่ในจุดที่ไม่เหมือนใคร ด้วยสถาปัตยกรรม การออกแบบ และการผลิตเพื่อส่งมอบซิลิคอนอัจฉริยะและโซลูชันอันหลากหลายตรงตามความต้องการของลูกค้าของเรา”

 โปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3

ด้วยการใช้เทคโนโลยีขนาด 10 นาโนเมตร (nanometer: nm) ของโปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 ใหม่ล่าสุด ที่มอบจำนวนคอร์สูงสุด 40 คอร์ต่อโปรเซสเซอร์ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยเฉลี่ยสูงสุดถึง 2.65 เท่า เมื่อเทียบกับระบบเก่าที่มีอายุ 5 ปี[ii] แพลตฟอร์มดังกล่าวสามารถรองรับหน่วยความจำระบบได้สูงสุดถึง 6 เทราไบต์ต่อซ็อกเก็ต, หน่วยความจำ DDR4-3200 สูงสุด 8 แชนเนลต่อ
ซ็อกเก็ต, และ PCIe Gen4 สูงสุด 64 เลนต่อซ็อกเก็ต

นอกจากนี้ โปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 ได้ปรับแต่งอย่างเหมาะสมเพื่อรองรับการรันเวิร์กโหลดสมัยใหม่ทั้งในสภาพแวดล้อมแบบในสถานที่ (On-premise) และบนมัลติคลาวด์แบบกระจายตัว โดยตัวโปรเซสเซอร์ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานผ่านสถาปัตยกรรมที่ยืดหยุ่น รวมถึงความสามารถด้านความปลอดภัยขั้นสูงในตัว โดยใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมต่างๆ ที่มีมายาวนานหลายทศวรรษ

  • การเร่งความเร็ว AI ในตัว: โปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 ใหม่ล่าสุด ที่พร้อมส่งมอบประสิทธิภาพด้าน AI ประสิทธิภาพด้านการทำงาน และความเรียบง่าย ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถปลดล็อกข้อมูลเชิงลึกที่ทรงคุณค่าได้มากขึ้น ซึ่งโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่เหล่านี้เป็น CPU ศูนย์ข้อมูลเพียงรุ่นเดียวที่มาพร้อมการเร่งความเร็ว AI ในตัว การปรับแต่งประสิทธิภาพซอฟต์แวร์ที่ครอบคลุม และโซลูชันแบบพร้อมใช้งานทันที ทำให้การผนวก AI เข้ากับทุกๆ แอปพลิเคชันเป็นจริงได้ ตั้งแต่จาก Edge ไปยังระบบเครือข่าย จนถึงระบบคลาวด์ ทั้งนี้ การปรับแต่งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ล่าสุดยังส่งมอบประสิทธิภาพ AI ที่เร็วขึ้นถึง 74% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และเพิ่มประสิทธิภาพได้สูงสุดถึง 1.5 เท่าสำหรับเวิร์กโหลด AI ยอดนิยมที่หลากหลายถึง 20 ประเภท เมื่อเทียบกับ AMD EPYC 7763 เจนเนอเรชั่น 3 และสูงสุดถึง 1.3 เท่า เมื่อเทียบกับ Nvidia A100 GPU[iii]
  • การรักษาความปลอดภัยในตัว: ด้วยผลการศึกษาวิจัยหลายร้อยชิ้น การปรับการผลิตหลายร้อยครั้ง และความสามารถที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ Intel SGX ปกป้องโค้ดและข้อมูลที่ละเอียดอ่อน โดยทำให้พื้นที่ที่อาจถูกโจมตีได้มีขนาดเล็กลงที่สุดภายในระบบ โดย Intel SGX สามารถใช้งานได้บนโปรเซสเซอร์ Xeon Scalable แบบ 2 ซ็อกเก็ต ซึ่งมาพร้อม Enclave ต่างๆ ที่สามารถแยกและประมวลผลโค้ดและข้อมูลได้สูงสุดถึง 1 เทราไบต์ เพื่อรองรับความต้องการของเวิร์กโหลดหลัก เมื่อรวมกับฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้แก่ Intel® Total Memory Encryption และ Intel® Platform Firmware Resilience แล้ว ทำให้โปรเซสเซอร์ Xeon Scalable รุ่นล่าสุดสามารถตอบโจทย์ข้อกังวลต่างๆ ด้านการปกป้องข้อมูลที่เร่งด่วนที่สุดในปัจจุบัน
  • การเร่งความเร็วคริปโตในตัว: Intel Crypto Acceleration มอบประสิทธิภาพสุดล้ำของอัลกอริธึมการเข้ารหัสลับ (Cryptographic algorithm) ที่สำคัญๆ อย่างทั่วถึง โดยธุรกิจที่ต้องจัดการกับเวิร์กโหลดที่มีการเข้ารหัสอย่างเข้มข้น เช่น ผู้ค้าปลีกออนไลน์ที่มีการประมวลผลธุรกรรมของลูกค้าหลายล้านรายการต่อวัน สามารถใช้ประโยชน์จากความสามารถดังกล่าวเพื่อปกป้องข้อมูลของลูกค้า โดยไม่มีผลกระทบด้านเวลาที่ใช้ในการตอบสนองต่อผู้ใช้งาน หรือต่อประสิทธิภาพโดยรวมของระบบ

นอกจากนี้ เพื่อเร่งเวิร์กโหลดบนแพลตฟอร์ม Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถปรับแต่งแอปพลิเคชันของตนได้ด้วยเครื่องมือเขียนโปรแกรมข้ามสถาปัตยกรรมแบบเปิด oneAPI ซึ่งมอบอิสระจากข้อจำกัดทางเทคนิคและต้นทุนของโมเดลที่มีกรรมสิทธิ์ต่างๆ ทั้งนี้ ชุดเครื่องมือ Intel® oneAPI ช่วยให้สามารถนำประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์, AI, และการเข้ารหัส ออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ผ่านเครื่องมือขั้นสูงทั้งคอมไพเลอร์, ไลบรารี, และเครื่องมือการวิเคราะห์และดีบัก

โปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 รองรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ Intel® IoT Market Ready Solutions ที่พร้อมใช้งานทันทีมากกว่า 500 รายการ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ Intel Select Solutions ที่ช่วยเร่งการปรับใช้งานตามความต้องการของลูกค้า โดยในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Intel Select Solutions ของเราจะทยอยปรับปรุงใหม่มากถึง 80% ภายในสิ้นปีนี้

แพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลชั้นนำของอุตสาหกรรม

แพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลของอินเทล ถือเป็นแพลตฟอร์มที่แพร่หลายมากที่สุดในตลาด พร้อมความสามารถที่เหนือกว่าใครในการเคลื่อนย้าย จัดเก็บ และประมวลผลข้อมูล แพลตฟอร์ม Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 ใหม่ล่าสุด ประกอบด้วยหน่วยความจำ Intel Optane 200 series, Intel Optane Solid State Drive (SSD) P5800X, และ Intel® SSD D5-P5316 NAND SSD รวมถึงอะแดปเตอร์เครือข่าย Intel Ethernet 800 series และอุปกรณ์ Intel® Agilex FPGA รุ่นล่าสุด 

แพลตฟอร์ม Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 ล่าสุด ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมสำหรับกลุ่มตลาดที่หลากหลาย ตั้งแต่ระบบคลาวด์ ไปจนถึง Edge อัจฉริยะ

  • สำหรับคลาวด์ โปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 ได้รับการออกแบบและปรับแต่งให้เหมาะสมต่อความต้องการขั้นสูงของเวิร์กโหลดบนคลาวด์ และรองรับสภาพแวดล้อมการให้บริการที่หลากหลาย ผู้ให้บริการระบบคลาวด์ทั่วโลกกว่า 800 ราย ใช้งานโปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable และผู้ให้บริการระบบคลาวด์รายใหญ่ที่สุดทุกรายวางแผนที่จะนำเสนอบริการบนคลาวด์ที่ขับเคลื่อนโดยโปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 ในปี พ.ศ. 2564 นี้
  • สำหรับเครือข่าย: โปรเซสเซอร์ SKU “N” ที่ปรับแต่งมาสำหรับระบบเครือข่าย ออกแบบมาเพื่อรองรับสภาพแวดล้อมเครือข่ายอันหลากหลาย และปรับแต่งให้เหมาะสมกับเวิร์กโหลกที่หลากหลายและระดับประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน โปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 มอบประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 62% โดยเฉลี่ย บนระบบเครือข่ายที่เปิดใช้งานในวงกว้างและเวิร์กโหลดของเครือข่าย 5G เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า[iv] ด้วยการทำงานร่วมกับระบบที่หลากหลายของสมาชิก Intel® Network Builders กว่า 400 ราย อินเทลได้ส่งมอบแบบแผนโซลูชันที่ใช้ SKU “N” ของโปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 ซึ่งทำให้การรับรองคุณสมบัติทำได้อย่างรวดเร็ว และลดระยะเวลาในการปรับใช้งานของ vRAN, NFVI, Virtual CDN และอื่นๆ อีกมาก
  • สำหรับ Edge อัจฉริยะ: โปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 มอบประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และการควบคุมการปฏิบัติงานที่จำเป็นสำหรับ AI ที่ทรงพลัง, การวิเคราะห์ภาพหรือวิดีโอที่ซับซ้อน, และปริมาณเวิร์กโหลดที่รวมเข้าด้วยกันที่ Edge อัจฉริยะ โดยแพลตฟอร์มนี้สามารถมอบประสิทธิภาพการอนุมานของ AI ที่เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 1.56 เท่า สำหรับการจำแนกภาพเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ หน้า[v]

 

 รายงานดัชนีชี้วัดการปฏิรูปสู่ดิจิทัลของเดลล์ เทคโนโลยีส์ Dell Technologies Digital Transformation Index (the DT Index) จัดทำโดยเดลล์เทคโนโลยีส์ ร่วมกับอินเทล สำรวจความก้าวหน้าในการปรับตัวสู่ดิจิทัลขององค์กรธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่ทั่วโลกกว่า 4,000 แห่ง โดยมอบหมายให้ Vanson Bourne บริษัทวิจัยอิสระสำรวจผู้นำธุรกิจ 100 รายในประเทศไทยเพื่อประเมินกลยุทธ์ด้านไอที ความริเริ่มในการปฏิรูปของคนทำงาน และความสามารถที่รับรู้ได้โดยเทียบจากคุณลักษณะสำคัญที่ธุรกิจดิจิทัลต้องมี พร้อมประเมินความคาดหวังและมุมมองของผู้บริหารในเรื่องดิจิทัล

โดยปีนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เดลล์ เทคโนโลยีส์ และอินเทลทำการสำรวจนี้ โดยได้ขยายกลุ่มขอบเขตงานวิจัยจาก 16 ประเทศเป็น 42 ประเทศรวมทั้งประเทศไทยที่มีการสำรวจครั้งแรก

โดยผลสำรวจในส่วนของประเทศไทยที่น่าสนใจมีดังนี้

  

การเปรียบเทียบเพื่อแบ่งกลุ่ม

รายละเอียด

การวิเคราะห์ ระดับประเทศในปี 2018

(ประเทศไทย)

ผู้นำด้านดิจิทัล

(Digital Leaders)

มีการปฏิรูปสู่ดิจิทัล ในหลากหลายรูปแบบ และถูกปลูกฝังอยู่ในดีเอ็นเอของธุรกิจ

7%

ผู้ที่เริ่มก้าวสู่ดิจิทัล

(Digital Adopters)

มีแผนงานด้านดิจิทัลที่เป็นจริงเป็นจัง มีการลงทุนและมีนวัตกรรมในองค์กร

40%

ผู้ที่กำลังประเมินดิจิทัล

(Digital Evaluators)

ตอบรับการปฏิรูปสู่ดิจิทัลอย่างระมัดระวัง ค่อยเป็นค่อยไป มีการวางแผนและลงทุนสำหรับอนาคต

 

25%

ผู้ตามในเรื่องดิจิทัล

(Digital Followers)

 

ลงทุนด้านดิจิทัลน้อยมาก เพิ่งเริ่มต้นวางแผนคร่าวๆ สำหรับอนาคต

23%

ผู้ที่ถูกทิ้งให้อยู่ข้างหลังดิจิทัล

(Digital Laggards)

ไม่มีแผนงานด้านดิจิทัล มีการลงทุนและความริเริ่มที่จำกัดในองค์กร

5%

นพดล ปัญญาธิปัตย์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย เดลล์ อีเอ็มซี ประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า ตามดัชนี DT Index พบว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจในไทย อยู่ในกลุ่มของผู้ที่เริ่มก้าวสู่ดิจิทัล (Digital Adopters) โดยบริษัทเหล่านี้ มีแผนงานและนวัตกรรมที่ล้ำหน้าในองค์กรที่ช่วยขับเคลื่อนไปสู่การปฏิรูปองค์กร (transformation) อย่างไรก็ตาม ผลการรายงานยังเผยให้เห็นว่า เกือบ 1 ใน 4 ของบริษัทยังอยู่ใน 2 กลุ่มหลัง ซึ่งหมายความว่าบริษัทเหล่านี้ กำลังก้าวไปอย่างช้าๆ หรือไม่ก็ยังไม่มีแผนงานด้านดิจิทัลเลย

 อุปสรรคที่กีดขวางการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล

 

  • 53% การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการรักษาความปลอดภัยบนไซเบอร์
  • 49% วัฒนธรรมด้านดิจิทัลที่ยังไม่แข็งแรงพอ ขาดความสอดคล้อง และการประสานความร่วมมือภายในบริษัท
  • 48% ขาดวิสัยทัศน์ และกลยุทธ์ด้านดิจิทัลที่สอดคล้องกัน
  • 45% ขาดเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการทำงานให้ทันต่อธุรกิจ
  • 43% ขาดทักษะและความเชี่ยวชาญที่เหมาะสมในองค์กร
  • 96% บอกว่าพบอุปสรรคในการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล
  • 90% เชื่อว่าการปฏิรูปสู่ดิจิทัลควรแพร่หลายและครอบคลุมทั่วทั้งองค์กรได้มากกว่านี้
  • 71% กังวลว่าองค์กรของตนเองจะต้องพยายามอีกมากเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
  • 33% กังวลว่าองค์กรจะถูกทิ้งไว้เบื้องหลังไม่สามารถตามความเปลี่ยนแปลงได้ทัน
  • 61% เชื่อว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ก่อนที่จะถูก disrupt

 การก้าวข้ามอุปสรรค

 งานวิจัยยังชี้ให้เห็นว่าองค์กรธุรกิจกำลังเดินหน้าเพื่อที่จะก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ ที่มาพร้อมกับการคุกคามในการที่จะถูกเอาชนะจากผู้เล่นที่ไวกว่าและมีนวัตกรรมเหนือกว่า โดยเห็นได้จากประเด็นต่อไปนี้

  • 69 % ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อช่วยเร่งสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่
  • 68 % สร้างระบบรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวไว้ในทุกอุปกรณ์ แอปพลิเคชัน และอัลกอริธึมทั้งหลาย
  • 65 % กำลังพยายามอย่างมากในการพัฒนาทักษะรวมถึงความเชี่ยวชาญที่เหมาะสมในองค์กร เช่นการสอนให้พนักงานเรียนรู้วิธีการเขียนโค้ด รวมถึงระดับบริหารที่ควรจะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้
  • 52 %แบ่งปันความรู้ในทุกฟังก์ชันงาน ด้วยการเตรียมพร้อมให้ผู้นำด้านไอที มีทักษะทางธุรกิจ และให้ผู้นำธุรกิจมีทักษะไอทีในขณะเดียวกัน
  • 45 % มีรูปแบบการพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันที่เหมาะกับการนำไปใช้แล้วปรับแก้อย่างรวดเร็ว

  ในส่วนของแผนการลงทุนที่วางไว้ภายใน 1 ถึง 3 ปีข้างหน้า

  • 73 % ตั้งใจที่จะลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยบนไซเบอร์
  • 63 % ตั้งใจว่าจะลงทุนด้านมัลติ-คลาวด์
  • 61 % ตั้งใจว่าจะลงทุนด้านการออกแบบดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใช้แนวทางมุ่งเน้นที่การประมวลผลเป็นหลัก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล รวมถึงศักยภาพและการดำเนินการที่เหมาะสมและคุ้มค่าในเรื่องของเวิร์กโหลด
  • 56 % ตั้งใจว่าจะลงทุนเรื่องปัญญาประดิษฐ์ (AI)
  • 55 % ตั้งใจว่าจะลงทุนในเทคโนโลยี IoT
  • 55 % กำลังจะลงทุนด้าน blockchain
  • 44 % จะลงทุนในระบบที่มีกระบวนการรับรู้ได้เอง (cognitive systems)
  • 40 % จะลงทุนใน Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR)

นพดลมองว่า องค์กรที่วางเทคโนโลยีเป็นศูนย์กลาง จะได้รับประโยชน์จากโมเดลธุรกิจดิจิทัล รวมถึงสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เพื่อจัดการทุกสิ่งได้ในแบบอัตโนมัติและทำให้ลูกค้าพึงพอใจ นี่คือสาเหตุที่การปฏิรูปสู่ดิจิทัล เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง

เมื่อถามว่าเดลล์มีวิธีให้คำแนะนำกับผู้ที่กำลังมองหาเทคโนโลยีและสร้างวัฒนธรรมดิจิทัลในองค์กรเขาตอบว่า จะใช้วิธีแนะนำให้ดูตัวอย่างจากองค์กรที่สามารถปรับเปลี่ยนตัวเองรองรับโลกดิจิทัลได้ ซึ่งก็เป็นวิธีหนึ่งสำหรับผู้ที่กำลังมองหาหนทางเปลี่ยนแปลงองค์กรของตนให้ก้าวสู่ยุคดิจิทัลในปัจจุบัน

X

Right Click

No right click