แนวโน้มและการพัฒนาของอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหารของไทยว่า อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร (Food for the Future) เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่อยู่ใน First S-Curve หรือ 5 อุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพและมีความสำคัญกับประเทศไทย เพราะเชื่อมโยงกับหลายภาคส่วน ซึ่งล่าสุดประเทศไทยได้ก้าวขึ้นมาอยู่อันดับที่ 12 ของผู้ส่งออกอาหารของโลก

ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป รายงานว่า ปี 2566 ให้ข้อมูลว่า 10 เดือนแรกปี 2566 ไทยมีการส่งออกสินค้าอาหารมูลค่า 1.31 ล้านล้านบาท เติบโต 3.2% ในจำนวนนี้เป็นการส่งออกสินค้าเกษตรอาหาร 6.6 แสนล้านบาท เติบโต 9.5% ส่วนของสถานการณ์การส่งออกของอาหารอนาคตใน Future Food มีมูลค่าราว 1 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 8.2% ของอาหารทั้งหมด   นางสาวกชสร โตเจริญธนาผล  รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทสไทย ผู้จัดงาน ProPak Asia 2024 เผย

 

ส่วนปี 2567 น่าจะยังมีการขยายตัวต่อเนื่อง โดยกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ส.อ.ท.,หอการค้าไทย และสถาบันอาหาร คาดจะส่งออกได้ 1.65 ล้านล้านบาท สำหรับกลุ่มสินค้าอาหารที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดี ได้แก่ กลุ่มผลไม้แช่เย็น-แช่แข็ง กลุ่มไก่สดแช่เย็น-แช่แข็ง กลุ่มอาหารทะเล ทูน่ากระป๋อง กุ้งสดแช่แข็งและสินค้าที่มีแนวโน้มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เช่น อาหารและเครื่องดื่มสุขภาพ อาหารเฉพาะทาง อาหารฮาลาล และอาหารแปรรูปคุณภาพสูง โดยปัจจัยสำคัญมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากประเทศคู่ค้าหลักที่ทยอยฟื้นตัว ประเทศเศรษฐกิจหลักมีแนวโน้มชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย การท่องเที่ยวในประเทศขยายตัวได้ดี การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่องและนโยบายของรัฐที่ออกมาตรการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง 

นอกจากปัจจัยหนุนดังกล่าว ผู้ประกอบการไทยยังได้รับการยอมรับว่ามีความสามารถในการผลิตสูงและมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้สินค้าอาหารของไทยมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ ผนวกกับความได้เปรียด้านการมีแหล่งวัตถุดิบที่หลากหลายต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติดีถูกปากคนทั่วโลกง่าย โดยหากมองจากการเติบโตของงาน ProPak Asia ที่เป็นงานแสดงเทคโนโลยีด้านกระบวนการผลิต การแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ชั้นนำระดับเอเชีย ซึ่งในการจัดงาน ProPak Asia 2024 ปีนี้ คาดว่าจะมีมูลค่าการค้าและเจรจาธุรกิจในงาน 4 วัน สูงถึง 4,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 12% ส่วนผู้เข้าร่วมงานเป็นนักธุรกิจและผู้ประกอบการไทย 80% และต่างประเทศ 20% ดังนั้นการเติบโตของานฯ เป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งชี้ว่าผู้ประกอบการอาหารของไทยมีการตื่นตัว พัฒนาและลงทุนด้านกระบวนการผลิตตลอดเวลา ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปอาหารของไทยฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว  

ส่วนแนวโน้มและทิศทางของอุตสาหกรรมนั้น ยังมุ่งเน้นการสร้างสมดุลของเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับความยั่งยืน (Sustainability) เพื่อเป็นแนวทางให้การพัฒนาของทุกภาคส่วนเดินไปในทิศทางเดียวกัน อาทิ ด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี การพัฒนาสู่ยุคการผลิตดิจิตอลและปัญญาประดิษฐ์ (Digitalization and AI) การเชื่อมต่อและการทำงานร่วมกัน (Interconnectivity and Collaboration) ที่ช่วยให้เกิดการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ทั้งการอนุรักษ์พลังงาน การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า การบริหารจัดการ การประมวลผลข้อมูล เพื่อเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจ สามารถวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเชื่อมโยงระบบการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้ธุรกิจปรับตัวได้ดี ในช่วงที่ระบบการผลิตกำลังเปลี่ยนแปลง สร้างผลเชิงบวกต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่ทุกขั้นตอนตั้งแต่การผลิต แปรรูป บรรจุภัณฑ์ ต้องมีการออกแบบและการเลือกใช้วัตถุดิบที่ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายง่าย การเลือกใช้วัสดุ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อกระตุ้นให้เกิดแรงบัดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยีการผลิต การแปรรูป เพื่อไปถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon)  

นอกจากการพัฒนาที่เน้นความยั่งยืนจะส่งผลดีต่อการผลิตแล้ว ยังช่วยสร้างแต้มต่อด้านการค้าในสนามนานาชาติมากขึ้นด้วย เนื่องจากปัจจุบันอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น อาทิ มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรปที่เป็นเงื่อนไขให้ผู้ผลิตสินค้าของไทย หันมาลดการปล่อยคาร์บอนลง หรือ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) นโยบายสร้างความมั่นคงด้านอาหารของจีน (Food security policy) ลดการนำเข้าและพึ่งพาการผลิตภายในประเทศมากขึ้น หรือแม้แต่ ESG เช่น เรื่องการทำประมงอย่างยั่งยืน (Sustainable fishing) และการปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรม (Fair labor practices) อีกด้วย 

ดังนั้นหัวใจของงาน ProPak Asia 2024 นอกจากจะเป็นงานแสดงของเทคโนโลยีกระบวนการแปรรูปอาหาร บรรจุภัณฑ์ การจัดเก็บ และการขนส่ง ครบตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำระดับเอเชีย ที่ครอบคลุมอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม ยา เครื่องสำอาง สินค้าอุปโภคบริโภคแล้ว ยังเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการทุกระดับ ทุกขนาด ยังจัดขึ้นภายใต้แนวคิด การยกระดับความสำเร็จในกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืนด้วย แนวคิด นวัตกรรม และการลงทุน (Sustainably Empowering Processing & Packaging Success with Ideation, Innovation and Investment) เพื่อกระตุ้นให้เกิดแรงบัดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการจะได้พบนวัตกรรมต่างๆ เทคโนโลยีการผลิต แปรรูปเพื่อไปถึง Net Zero Carbon การเลือกใช้วัสดุออกแบบบรรจุภัณฑ์และอื่นๆ ไปต่อยอดลงทุนให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน 

ภายในงานมีการจัดแสดงแบ่งเป็น 8 โซนหลัก ได้แก่ 1) Processing Tech Asia  เทคโนโลยีเพื่อการแปรรูปอาหาร และวัตถุดิบ 2) PackagingTech Asia เทคโนโลยีการบรรจุภัณฑ์ และกระบวนการบรรจุภัณฑ์ 3) DrinkTech Asia เทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม 4) PharmaTech Asia เทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมยา 5) Lab&Test Asia เทคโนโลยีการตรวจสอบและควบคุมมาตรฐานของอาหาร และบรรจุภัณฑ์ 6) Packaging Solution Asia เทคโนโลยีเพื่อการผลิตบรรจุภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์สำเร็จรูป 7) Coding, Marking & Labelling Asia เทคโนโลยีเพื่อการเขียนรหัส, ติดป้าย, และปักหมายเลขบนสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ต่างๆ 8) Coldchain, Logistics, Warehousing & Factory Asia เทคโนโลยีเพื่อการขนส่ง จัดเก็บสินค้า และเทคโนโลยีที่สนับสนุนกระบวนการผลิต มีผู้เข้าร่วมจัดแสดงกว่า 2,000 แบรนด์ จาก 45 ประเทศทั่วโลก และมีพาวิเลี่ยนจาก 14 กลุ่มประเทศประกอบด้วย ออสเตเรีย บาวาเรีย ฝรั่งเศส  อิตาลี  สเปน สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ อเมริกาเหนือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย สิงคโปร์ แลไต้หวัน ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเทคโนโลยี และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลประเทศนั้นๆ ในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่มาร่วมจัดแสดงในงานฯ  ส่วนไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ในปีนี้คือ  

  • ProPak Gourmet ร่วมค้นหาวิธีการยืดระยะเวลาความสดเพื่อเพิ่มมูลค่าของวัตถุดิบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์  สัตว์ปีกและอาหารทะเล 
  • I-Stage เวทีที่รวบรวม ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ นวัตกรรมและการลงทุนสำหรับโซลูชั่นทางธุรกิจในระบบห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม และธุรกิจ FMCG (Fast-Moving Consumer Goods) สินค้าอุปโภค บริโภค พบกับเซเลป กูรู ในวงการที่จะมาแบ่งปันความคิดสร้างสรรค์สำหรับผู้ประกอบการ SME (Small and Medium-sized Enterprises) ได้รับความรู้จากผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีเกี่ยวกับนวัตกรรมที่ยั่งยืนในกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ และปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเกี่ยวกับการลงทุนและการขยายกลุ่มธุรกิจ 
  • Future Food Corner สัมผัสประสบการณ์เกี่ยวกับอาหารแห่งอนาคตด้วยเทคโนโลยีการผลิตและบรรจุภัณฑ์ 
  • Lab & Test Teather ค้นพบข้อกำหนดด้านความปลอดภัย เทคโนโลยีตรวจสอบและควบคุมมาตรฐานในการแปรรูปอาหาร เครื่องดื่ม ยา สินค้าอุโภคบริโภคและบรรจุภัณฑ์สินค้าล่าสุด 

ด้วยเหตุนี้งาน ProPak Asia 2024 จึงเป็นงานแสดงสินค้าสำคัญที่ส่งผลต่อการพัฒนาการผลิตและแปรรูปอาหาร และบรรจุภัณฑ์ ซึ่งสร้างรายได้และมูลค้าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ พร้อมช่วยส่งเสริมการเดินทางของนักธุรกิจและผู้ประกอบการจากต่างประเทศในการเข้ามาท่องเที่ยวเชิงธุรกิจซึ่งมีมูลค่าสูงแก่ประเทศไทยด้วย 

ผู้สนใจรายละเอียดการจัดงานและต้องการลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเข้าชมงาน ProPak Asia 2024 สามารถลงทะเบียนได้ที่ www.propakasia.com

 

 

นางสาวสุภาภรณ์ อังศรีสุรพร ผู้จัดการฝ่ายบริหารโครงการอาวุโส อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวถึงความสำคัญและการเติบโตของตลาดกลุ่มโฮเรกา (HoReca) ว่า ตลาดโฮเรกาครอบคลุมธุรกิจกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร กาแฟ และธุรกิจจัดเลี้ยง เป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวและบริการ โดยข้อมูลจาก ResearchAndMarkets คาดว่าการเติบโตของตลาดโฮเรกาทั่วโลกระหว่างปี 2567-2570 จะเติบโตถึง 349.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนตัวเลขสำคัญของไทยคือ ตัวเลขจำนวนและรายได้จากการท่องเที่ยว ซึ่งข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานว่า ปี 2566 ไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งสิ้น 28,042,131 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 151% สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.2 ล้านล้านบาท ส่วนเป้าหมายในปี 2567 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทยแตะ 35 ล้านคน สร้างรายได้อยู่ที่ 3.5 ล้านล้านบาท เป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 2.5 ล้านล้านบาท และรายได้จากตลาดในประเทศ 1 ล้านล้านบาท

ดังนั้นเพื่อเพิ่มความสามารถของธุรกิจให้รองรับกับการท่องเที่ยวที่ขยายตัว ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีแผนการดำเนินงานและมีการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อเสริมศักยภาพ สร้างความประทับใจและดึงดูดลูกค้า พร้อมสร้างความสามารถทางการแข่งขันในธุรกิจได้ โดยงาน Food & Hospitality Thailand นับเป็นงานแสดงสินค้าของธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร บาร์ ค้าปลีก และธุรกิจบริการที่ครบวงจรและสำคัญงานหนึ่งของภูมิภาค เป็นศูนย์รวมของผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้ประกอบการ และผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจตัวจริง โดยในปีนี้มีการขยายพื้นที่จัดงานจาก 3 เป็น 4 ฮอลล์ ของศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และจัดร่วมกับ 2 พันธมิตรยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน คือ งาน Hotel & Shop Plus งานแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์สำหรับการออกแบบตกแต่งอาคาร โรงแรม และพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุด จากประเทศจีน และงาน Hotelex งานแสดงสินค้าด้านอาหารและอุปกรณ์สำหรับธุรกิจบริการชั้นนำระดับนานาชาติ จากประเทศจีน สำหรับงาน Food & Hospitality 2024 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-24 สิงหาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายในงานนอกจากจะมีการจัดแสดงสินค้าแล้ว ยังเป็นแหล่งความรู้ นำเสนอเทรนด์ธุรกิจ กิจกรรมการประชุม สัมมนา และเวิร์กชอป ที่น่าสนใจอีกมากมายที่ผู้ประกอบการและผู้อยู่ในธุรกิจโฮเรกาไม่ควรพลาด

ด้าน นายวีรโชติ ตั้งกมลสุข กรรมการผู้บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท เซเว่นไฟว์ ดิสทริบิวเตอร์ จำกัด หนึ่งในผู้นำตลาดเครื่องครัวเชิงพาณิชย์ของไทย ซึ่งดำเนินธุรกิจมามากกว่า 42 ปี กล่าวถึงแนวโน้มของตลาดเครื่องครัวเชิงพาณิชย์ในปี 2567 ว่า การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวแม้จะยังไม่ 100% แต่ส่งผลให้เกิดการลงทุนมากขึ้นในธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม หรือศูนย์การค้า เพื่อรองรับการกลับมาของการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ส่งผลให้ตลาดเครื่องครัวเชิงพาณิชย์กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยมูลค่ารวมของตลาดคาดว่าไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท/ปี นอกจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวแล้ว ยังเป็นผลมาจากการที่ผู้ประกอบการมีการศึกษาหาข้อมูลถึงข้อดีของระบบครัวเชิงพาณิชย์ก่อนตัดสินใจลงทุน ตั้งแต่การวางแบบระบบ การจัดระบบ การพัฒนาบุคลากร การเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจ รวมถึงเลือกใช้อุปกรณ์ครัวที่มีเทคโนโลยีที่จะช่วยให้การประกอบธุรกิจง่ายและสะดวกขึ้น ทำให้เกิดความคุ้มค่า เพิ่มผลผลิต และลดต้นทุนทางธุรกิจได้

ปัจจุบัน เซเว่นไฟว์ ดิสทริบิวเตอร์ เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องครัวคุณภาพชั้นนำจากทั่วโลกกว่า 40 แบรนด์ และมีสินค้ากว่า 25,000 รายการ ครอบคลุมธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม โรงเรียน โรงงาน และครัวเรือน ฯลฯ โดยมีการดูแลแบบครบวงจร (Solution Provider) ทั้งให้ คำปรึกษา ออกแบบ ผลิต ติดตั้ง ทดสอบ ส่งมอบ และดูแลลูกค้าหลังการขาย กับ ผู้เริ่มต้นทำธุรกิจและผู้ที่มีธุรกิจเกี่ยวกับอาหารและโรงแรมอยู่แล้ว ซึ่งการได้ร่วมงานกับ Food & Hospitality Thailand ทำให้ได้พบกับลูกค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ได้เห็นถึงแนวโน้มของตลาดจากการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับลูกค้าและผู้อยู่ในธุรกิจตัวจริงในแต่ละปี นอกจากจะมีการจัดแสดงสินค้าแล้ว  ยังมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในทุกครั้งของการจัดงานฯ  สำหรับงาน Food & Hospitality Thailand  2024 นั้น ทางบริษัทฯ จะมีการจัดแสดงการออกแบบครัวและอุปกรณ์ที่สามารถใช้พื้นที่ภายในครัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยลดต้นทุน ไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่เยอะก็ประกอบอาหารได้หลายเมนู และยังยกโชว์รูมไปไว้ที่งานฯ เพื่อให้ลูกค้าเลือกอุปกรณ์ได้อย่างครบครัน

นายสมศักดิ ยงใจยุธ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอ-ครีม โซลูชั่น จำกัด หนึ่งในผู้นำและผู้เชี่ยวชาญธุรกิจไอศกรีม กล่าวถึง ทิศทางของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มว่า เติบโตขึ้นตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวเมื่อนักท่องเที่ยวกลับมาผู้ประกอบการ โรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหารก็มีความมั่นใจในการลงทุนเพื่อเริ่มและขยายธุรกิจมากขึ้น ส่วนธุรกิจไอศกรีมในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ยกเว้นในช่วงสถานการณ์โควิด โดยคาดว่าปี 2024 ธุรกิจไอศกรีมโตเพิ่มได้อีกจากการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นตามลำดับ ซึ่ง ไอ-ครีม โซลูชั่น เป็นหนึ่งในผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจไอศกรีมที่ครบวงจร มีการดำเนินธุรกิจมากกว่า 15 ปี  โดยนอกจากจะเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องทำไอศกรีมนำเข้าแบรนด์ชั้นนำจากอิตาลีมากถึง 95% แล้ว ยังมีอุปกรณ์ วัตถุดิบในการทำไอศกรีม การสอนการทำไอศกรีม และเป็นที่ปรึกษาให้แก่ทั้งผู้เริ่มทำธุรกิจและผู้ประกอบการเดิม ส่วนจุดเด่นของบริษัทฯ คือ การฟังความต้องการและแนวทางธุรกิจของลูกค้าก่อน เพื่อประเมินทางเลือกที่เหมาะสม พร้อมทั้งให้ข้อมูลรายละเอียดข้อดีข้อเสียในการประเมินก่อนการตัดสินใจ มีบริการหลังการขาย การให้คำแนะนำ และเป็นที่ปรึกษากรณีเกิดปัญหาหรือต้องการขยายธุรกิจให้แก่ลูกค้าด้วย

ส่วนการร่วมงานกับ Food & Hospitality Thailand นั้น ไอ-ครีม โซลูชั่น เป็นพันธมิตรมานานถึง 11 ปี เริ่มจาก 1 บูธ จนล่าสุด Food & Hospitality 2024 เตรียมร่วมจัดงานมากถึง 12 บูธ สิ่งที่เราได้รับจากงานฯ ไม่ใช่แค่ความคุ้มค่าด้านยอดขายที่มาจากผู้ร่วมงาน หรือคู่ค้า ผู้ประกอบการที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่เป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจที่ได้พบกับกลุ่มลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะลูกค้าจากมาเลเซีย สิงคโปร์ ลาว และ เวียดนาม ที่ล้วนเป็นผลมาจากการร่วมจัดงานฯ อย่างชัดเจน จึงอยากเชิญชวนให้ผู้ประกอบการและผู้สนใจธุรกิจไอศกรีมแวะเยี่ยมชมบูธของ ไอ-ครีม โซลูชั่น และการจัดงาน Food & Hospitality 2024 ในครั้งนี้

งาน Food & Hospitality Thailand 2024 เป็นงานแสดงสินค้าสำหรับธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และการบริการที่ครบวงจรที่สุดของภูมิภาค โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-24 สิงหาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดการจัดงานได้ที่เว็บไซต์ www.fhtevent.com  Facebook : Food & Hospitality Thailand

นางสาวกชสร โตเจริญธนาผล รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน ProPak Asia 2024 ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 12 – 15 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา จากแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมการผลิตของไทย และข้อมูลประเมิณตัวเลขการส่งออกที่เป็นบวกต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2566 เฉพาะในเดือนตุลาคมมีการขยายตัวถึง 8% สูงสุดในรอบ 13 เดือน จะเป็นแรงส่งให้การส่งออกปี 2567 มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 2% โดยกลุ่มอาหารยังคงเป็นกลุ่มสำคัญ ซึ่งในปี 2566 ไทยก้าวขึ้นเป็นผู้ส่งออกอาหารอันดับ 12 ของโลก และสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ประมาณการดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) GDP ภาคอุตสาหกรรมปี 2567 จะมีขยายตัวอยู่ที่ 2.0-3.0%

โดยกลุ่มสินค้าอาหารที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดี อาทิ กลุ่มผลไม้แช่เย็น-แช่แข็ง กลุ่มอาหารทะเล ทูน่ากระป๋อง กุ้งสดแช่แข็ง และสินค้าที่มีแนวโน้มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เช่น อาหารและเครื่องดื่มสุขภาพ อาหารเฉพาะทาง อาหาร ฮาลาล และ อาหารแปรรูปคุณภาพสูง ทำให้อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ก็เติบโตขึ้นเช่นกัน โดยปี 2566 มีมูลค่ารวม 1.10 ล้านล้านดอลลาร์ และจะเพิ่มเป็น 1.33 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2571 จากการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม การออกแบบและการเลือกใช้วัตถุดิบที่ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายง่าย การเปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว สัญญาณดังกล่าวส่งผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิตไทยทั้งระบบ โดยงาน ProPak Asia ยังคงเป็นงานสำคัญที่ช่วยสร้างและเติมเต็มระบบนิเวศทางธุรกิจและอุตสาหกรรมระดับภูมิภาคให้เกิดการเติบโต ซึ่งงาน ProPak Asia 2023 นับว่าเป็นปีที่พลิกฟื้นจากสถานการณ์โควิดได้อย่างรวดเร็ว มีผู้ร่วมจัดแสดงงานถึง 1,800 รายจาก 45 ประเทศ และมีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 58,555 คน จาก 75 ประเทศทั่วโลก

ส่วนงาน ProPak Asia 2024 ยังคงความเป็นงานแสดงเทคโนโลยีด้านกระบวนการผลิต การแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ชั้นนำระดับเอเชีย เป็นงานที่จะตอบโจทย์ครบทั้งห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) และห่วยโซ่อุปทาน (Supply Chain)ของเทคโนโลยีกระบวนการแปรรูปอาหาร บรรจุภัณฑ์ การจัดเก็บ และ การขนส่ง เรียกได้ว่าครบตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ สำหรับผู้ประกอบการทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็น Start Up, SME, ธุรกิจขนาดเล็ก ธุรกิจขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถเข้ามาชมนวัตกรรม เทคโนโลยี อัพเดทเทรนด์ และ ความรู้ใหม่ เพื่อนำไปต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า

สำหรับแนวคิดของการจัดงาน ProPak Asia 2024 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ยกระดับความสำเร็จในกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิด นวัตกรรม และ การลงทุน” (Sustainably Empowering Processing & Packaging Success with Ideation, Innovation and Investment) เพื่อกระตุ้นให้เกิดแรงบัลดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการจะได้พบนวัตกรรมต่างๆ เทคโนโลยีการผลิต การแปรรูปเพื่อไปถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) การเลือกใช้วัสดุ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ และอื่นๆ ไปต่อยอดลงทุนให้ธุรกิจประสบ

ความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน ส่วนกลุ่มผู้เข้าร่วมงานหลักของ ProPak Asia มาจากกลุ่มผู้ประกอบการอาหาร เครื่องดื่ม ยา เครื่องสำอาง สินค้าอุปโภค บริโภค ที่สนใจเข้ามาชมงานเป็นทางลัดแก่ผู้สนใจไม่ต้องเดินทางไปดูงานถึงยุโรป หรือ อเมริกา แต่สามารถอัพเดทเทรนด์เทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จากตัวจริงในอุตสาหกรรม พบปะคู่ค้า สร้างโอกาสและร่วมสร้างเครือข่ายธุรกิจระดับนานาชาติได้ นอกจาก ProPak Asia จะเป็นงานที่จัดขึ้นต่อเนื่องทุกปีแล้ว ProPak Asia 2024 ครั้งนี้เป็นการจัดงานครั้งที่ 31 เป็นจุดหมายปลายทางของผู้ประกอบการที่ต้องเข้าร่วมงานในทุกครั้งของการจัดงานและเป็นงานใหญ่สำคัญของอุตสาหกรรมการผลิตโลก ด้วยการเป็นเวทีเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจและอุตสาหกรรมทั้งระบบ

งาน ProPak Asia 2024 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ

สำหรับงานในครั้งนี้ แบ่งพื้นที่จัดแสดงงานเป็น 8 โซน ประกอบด้วย

1) ProcessingTechAsia เทคโนโลยีเพื่อการแปรรูปอาหารปรุงสุก

2) PackagingTechAsia เทคโนโลยีการบรรจุภัณฑ์ และ กระบวนการบรรจุภัณฑ์

3) DrinkTechAsia เทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม

4) PharmaTechAsia เทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมยา

5) Lab&TestAsia เทคโนโลยีการตรวจสอบ และ ควบคุมมาตรฐานการผลิต ผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์

6) PackagingSolutionAsia เทคโนโลยีการผลิตบรรจุภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์สำเร็จรูป

7) Coding,Marking&LabellingAsia เทคโนโลยีเพื่อการเขียนรหัส, ติดป้าย, และปักหมายเลขบนสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ต่างๆ

8) Coldchain,Logistics,Warehousing&FactoryAsia เทคโนโลยีเพื่อการขนส่ง จัดเก็บสินค้า และ เทคโนโลยีที่สนับสนุนกระบวนการผลิต

โดยใช้พื้นที่จัดงานฯ เต็มพื้นที่ของศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ภายในงานมีการจัดแสดงพาวิลเลียนนานาชาติถึง 14 กลุ่มประเทศ อาทิ ออสเตรีย บาวาเรีย ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ อเมริกาเหนือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย สิงคโปร์ และ ไต้หวัน โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลของแต่ละประเทศในการเข้าร่วมงานฯ เพื่อนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาจัดแสดง นอกจากนั้นยังมีบริษัทชั้นนำของโลกยืนยันเข้าร่วมจัดแสดงงานแล้วกว่า 2,000 แบรนด์ จาก 45 ประเทศ ทำให้คาดว่าในปีนี้จะมีผู้เข้าร่วมชมงานไม่ต่ำกว่า 60,000 คน จึงอยากเชิญชวนให้ผู้ประกอบการและผู้สนใจในอุตสาหกรรมการผลิต แปรรูป และบรรจุภัณฑ์ ไม่พลาดที่จะเข้าร่วมงาน ProPak Asia 2024 ในครั้งนี้

ผู้สนใจรายละเอียดการจัดงานและต้องการลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเข้าชมงาน ProPak Asia 2024 สามารถลงทะเบียนได้ที่ www.propakasia.com

นายวีรโชติ ตั้งกมลสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน (ที่สองจากขวา) นางสาวอรุณี ตั้งกมลสุข ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (คนแรกขวา) และ นางสาวพิมพ์วริศ จารุศรีสกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด (คนแรกซ้าย) บริษัท เซเว่นไฟว์ ดิสทริบิวเตอร์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ครัวเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมรายใหญ่ของไทย พร้อมด้วยนางสาวสุภาภรณ์ อังศรีสุรพร (ที่สองจากซ้าย) ผู้จัดการฝ่ายบริหารโครงการอาวุโส อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ประกาศความร่วมมือในการจัดงานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2024 (Food & Hospitality Thailand 2024) เพื่อจัดแสดงสินค้าและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับครัวและอาหาร แก่ผู้ประกอบการและผู้สนใจในธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม โรงงาน โรงเรียน ธุรกิจบริการ ฯลฯ เมื่อเร็วๆ นี้

งาน Food & Hospitality Thailand 2024 เป็นงานแสดงสินค้าสำหรับธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และการบริการที่ครบวงจรที่สุดของภูมิภาค โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-24 สิงหาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดการจัดงานได้ที่เว็บไซต์ www.fhtevent.com Facebook : Food & Hospitality Thailand

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป - ประเทศไทย อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ เผยมุมมองที่มีต่อเศรษฐกิจไทยในปี 67 ว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้น อัตราเงินเฟ้อโลกที่ผ่อนคลายลง สัญญาณการส่งออกที่ดีขึ้น การลงทุนจากต่างประเทศที่ให้ความสนใจประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น การพัฒนาและการเปลี่ยนของเทคโนโลยีในหลายอุตสาหกรรมทำให้เกิดการลงทุนเครื่องจักรและเครื่องมือในการผลิตใหม่ๆ รวมถึงนโยบายภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่พร้อมให้การสนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้า ซึ่งเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้สูงในกลุ่มไมซ์ (MICE)

จากมุมมองที่เป็นบวกดังกล่าวทำให้ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย วางเป้าหมายรายได้รวมในปีนี้น่าจะสูงแตะ 1,180 ล้านบาท จากการเตรียมจัดงานแสดงสินค้าไว้มากถึง 15 งาน ครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญไม่ว่าจะเป็น กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตและบรรจุภัณฑ์ (ProPak Asia) กลุ่มพลังงานและสิ่งแวดล้อม (ASEAN Sustainable Energy Week) กลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร (Food & Hospitality Thailand) กลุ่มเทคโนโลยีเครื่องจักรกลและอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิต (INTERMACH, MTA Asia) กลุ่มเครื่องประดับ (Jewellery & Gems ASEAN Bangkok) กลุ่มเครื่องสำอางและอาหารเสริม (Cosmoprof CBE ASEAN) ฯลฯ

ส่วนอีกกลุ่มที่มีศักยภาพสูง คือ กลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพ (Health and Wellness) เนื่องจากอุตสาหกรรมกลุ่มนี้ได้กลายเป็นกระแสหลักของโลกอย่างชัดเจนขึ้นตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด ที่เป็นตัวเร่งให้การดำเนินชีวิตและพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของคนทั่วโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพไม่ว่าจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์มีการเติบโตอย่างสูง โดยข้อมูลจาก Global Wellness Institute รายงานว่ามูลค่าของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพในปี 2022 อยู่ที่ประมาณ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ และคาดว่าตั้งแต่ปี 2022 - 2024 มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นได้อีกประมาณ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์

ด้านการจัดงานในกลุ่มนี้ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย มีทั้งหมด 4 งาน ประกอบด้วย CPHI South East Asia, Medlab Asia, Vitafoods Asia และ Fi Asia (Food Ingredients Asia) ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ทั้งส่วนประกอบอาหารสุขภาพ ยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้เข้าร่วมจัดแสดงานและผู้เข้าร่วมชมงานเป็นอย่างดี

ด้านนางสาวรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการภูมิภาคอาเซียน และ ผู้จัดการทั่วไป - ฟิลิปปินส์ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ผู้บริหารการจัดงานในกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพทั้งประเทศไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ กล่าวถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพว่า งานในกลุ่มนี้มีความสำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมโลก โดยมีหลายปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดการเติบโตไม่ว่าจะเป็นการใส่ใจเรื่องสุขภาพ ความ

ต้องการมีสุขภาพที่ดี การมีอายุที่ยืนยาวขึ้น และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในหลายประเทศ ในส่วนของ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย งานในกลุ่มนี้มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 10-15% แต่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเสริมอาหารยังสามารถเติบโตได้ถึง 100% ทั้งในส่วนของผู้ร่วมจัดแสดงงาน (Exhibitor) และผู้เข้าร่วมชมงาน (Visitor) พื้นที่การจัดแสดงงาน และมูลค่าการค้าการเจรจาธุรกิจ

ในปี 2024 อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ได้มีการเตรียมจัดงานใหญ่ในกลุ่มนี้ไว้ถึง 3 งานคือ

- CPHI South East Asia งานแสดงสินค้าเทคโนโลยีและนวัตกรรม พร้อมการประชุมด้านวัตถุดิบ ส่วนผสม บรรจุภัณฑ์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่องในการผลิตยา

- Medlab Asia งานแสดงเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์และห้องปฏิบัติการทางการแพทย์

- Vitafoods Asia งานแสดงสินค้า เทคโนโลยี และนวัตกรรมส่วนผสมสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ

ทั้ง 3 งานครอบคลุมทุกส่วนของกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพ ซึ่งนอกจากจะมีส่วนช่วยในการส่งเสริมนโยบายภาครัฐที่ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพ (Medical Hub) และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourist) แล้ว ในส่วนของภาคธุรกิจยังช่วยพัฒนาศักยภาพและการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ของไทย เนื่องจากภายในงานฯ มีทั้งการจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยตลอดทั้งกระบวนการผลิต การแปรรูปวัตถุดิบ และการผลิตผลิตภัณฑ์จากบริษัทชั้นนำของโลก การถ่ายทอดแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับผู้ประกอบการ พร้อมมีส่วนในการสร้างโอกาสและแสดงศักยภาพความพร้อมของประเทศไทยให้ผู้ร่วมจัดแสดงงานและผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลกได้เห็น ด้านภาคสังคมนั้น คนไทยจะได้ประโยชน์จากการจัดแสดงงานสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้เป็นอย่างมาก เพราะเมื่อผู้ประกอบการผลิตยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ในประเทศมีความสามารถในการผลิต การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์เองแล้ว ก็จะช่วยทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ ส่งผลให้การเข้าถึงการรักษาและบริการทางการแพทย์ง่ายและดียิ่งขึ้นด้วย

Page 1 of 4
X

Right Click

No right click