×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 810

 เอ้ก ดิจิทัล ส่งธุรกิจแพลตฟอร์ม ดิจิทัล และมีเดียโซลูชัน ช่วยผู้ประกอบการ ทรานส์ฟอร์ม ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยดาต้าและ Deep Tech เพิ่มความแม่นยำ ตอบโจทย์ และแก้ปัญหาทางธุรกิจได้ อย่างตรงจุดตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เน้นให้บริการแบบ End-to-End เผยพร้อมช่วยธุรกิจทุกขนาดเพิ่มศักยภาพด้านการตลาดและ CRM ด้วยการเชื่อมต่อธุรกิจกับผู้บริโภคยุคดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มยอดขายให้เติบโตแข็งแกร่ง เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม โชว์ความสำเร็จครึ่งปีแรก 2566 โกยรายได้ 500 ล้านบาท คว้าลูกค้าใหม่ใน หลายอุตสาหกรรม ทั้งการเงิน โปรเจกต์ของหน่วยงานภาครัฐ โรงพยาบาล รวมถึงธุรกิจ SMB และ SME พร้อมประกาศแผนโค้งสุดท้ายของปี ลุยขยายฐานลูกค้าทุกบริการ ทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาท พัฒนาแพลตฟอร์มให้ทันสมัยขึ้นและเสริมแกร่งระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลลูกค้า ตั้งเป้าปี 2566 มีรายได้เติบโต 20%

 

นางสาวรัฐธีร์ เจริญรัตน์วรกุล ผู้จัดการทั่วไปธุรกิจแพลตฟอร์มและมีเดียโซลูชัน บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า “เมื่อโลกธุรกิจมุ่งหน้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ การทำการตลาดและการใช้สื่อจึงต้องอาศัย ดาต้า แพลตฟอร์ม และดิจิทัลโซลูชันเข้ามาช่วยเสริมแกร่งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทุกมิติ ธุรกิจแพลตฟอร์มและมีเดียโซลูชัน หนึ่งในธุรกิจหลักของ เอ้ก ดิจิทัล จึงนำจุดแข็งด้านการวิเคราะห์ดาต้าระดับโลกมาผสานการทำงานกับบริการด้านแพลตฟอร์มและดิจิทัลโซลูชันหลากหลายรูปแบบ เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยผลักดันธุรกิจทุกขนาดและทุกอุตสาหกรรมให้เปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลได้เร็วขึ้น พัฒนาศักยภาพทางธุรกิจให้สามารถรับมือกับความท้าทายได้รอบด้าน ผลักดันทุกองค์กรไปสู่เป้าหมาย และช่วยเชื่อมต่อธุรกิจกับผู้บริโภคในยุคนี้ โดยจุดเด่นที่ทำให้บริการด้านแพลตฟอร์มและดิจิทัลโซลูชันตอบโจทย์ทางธุรกิจของลูกค้าได้อย่างหลากหลาย คือ 1. ขับเคลื่อนด้วยดาต้า AI และ Machine Learning ทำให้วิเคราะห์และพยากรณ์อินไซต์ได้อย่างแม่นยำ 2. มีความเข้าใจลูกค้าและมีเดียอย่างลึกซึ้ง และนำมาปรับใช้ในการวางกลยุทธ์และแผนต่าง ๆ รวมถึงสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้ตรงจุด 3. Customize สามารถนำเสนอ หรือออกแบบแพลตฟอร์มและโซลูชันที่เหมาะกับแต่ละธุรกิจ 4. บริการแบบ End-to-end service ตั้งแต่วัดผลก่อนดำเนินการ วิเคราะห์ดาต้า วางกลยุทธ์ หรือการใช้สื่อ สร้างสรรค์คอนเทนต์ไปจนถึงวัดผลของงาน 5. มีทีมงานที่มี ความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน”

บริการหลักของธุรกิจแพลตฟอร์มและมีเดียโซลูชัน มีดังนี้ 1. LINE Solution: ให้บริการโซลูชัน LINE ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น LINE OA, LINE Ads, LINE API และ LON เพื่อการเข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ 2. Online Marketing: ให้บริการคำปรึกษาและวางแผนการทำการตลาดผ่านมีเดียแพลตฟอร์มหลายรูปแบบ เช่น Google, Facebook, LINE, TikTok, Twitter, Programmatic Ads และ Marketplace โดยมีบริการครอบคลุมทั้งด้าน Creative content, Social Commerce Live, Influencers และ Performance Ads รวมถึง Media Recommendation ผ่านการวิเคราะห์ด้วยดาต้า เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจลูกค้าในด้านการเติบโตและการขยายธุรกิจในแต่ละอุตสาหกรรม เช่น อี-คอมเมิร์ซ, ธุรกิจการเงิน และบันเทิง. 3. CRM/BI Platform: ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อ-ขาย สะสมและแลกคะแนนแบบครบอีโคซิสเต็ม เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเก่า ครอบคลุมทั้งระบบ Loyalty Program, SMS และ LINE CRM รวมถึงการดูแลด้าน Privilege ครบวงจร ผ่านแพลตฟอร์มจัดการข้อมูลที่

ปลอดภัยภายใต้ PDPA พร้อมฟีเจอร์ที่สนับสนุนการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ 4. Analytics SMS Platform: บริการวิเคราะห์ข้อมูลด้านการสื่อสารผ่าน SMS พยากรณ์แนวโน้มและพฤติกรรมของผู้รับ เพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการตลาดและการสื่อสาร

ธุรกิจแพลตฟอร์มและมีเดียโซลูชันได้เข้าไปช่วยสนับสนุนลูกค้าหลากหลายธุรกิจรวมกว่า 300 แบรนด์ ครอบคลุมทั้งธุรกิจรีเทล การเงิน ประกันภัย FMCG Healthcare รวมถึงกลุ่มธุรกิจขนาดกลาง (SMB) และ SMEs โดยสามารถเข้าไปเพิ่มประสิทธิภาพ การดำเนินงานให้กับธุรกิจและแบรนด์ของลูกค้าในหลากหลายด้าน เช่น นำ LINE Solution เข้าไปวิเคราะห์ Pain point และพฤติกรรมผู้ใช้งาน วางแผนการสื่อสาร รวมถึงสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ตรงกับความสนใจของสมาชิกใน Line Official โรงพยาบาลชั้นนำของไทย เพื่อสร้างการมีส่วนร่วม ลดอัตราการบล็อก และเพิ่มจำนวนเพื่อนในไลน์ โดยสามารถลดการบล็อกได้ถึง 17% และเพิ่มจำนวนเพื่อนได้มากขึ้น 10% สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 บริษัทฯ สามารถคว้าลูกค้าใหม่มาได้ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจการเงิน โปรเจกต์ของหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงธุรกิจ SMB และ SME พร้อมกวาดรายไปได้ถึง 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565

“บริการด้านแพลตฟอร์มและดิจิทัลโซลูชัน เป็นเสมือนเฟรมเวิร์คที่นำไปเชื่อมต่อระหว่างดาต้า บริการ และแพลตฟอร์มของลูกค้าองค์กรกับกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย เพื่อแก้ Pain point พร้อมยกระดับบริการ หรือผลิตภัณฑ์เหล่านั้นให้มีศักยภาพมากขึ้น รวมถึงสามารถวางกลยุทธ์ Cross-selling และ Up-selling แผนการตลาด การจัดกิจกรรม CRM หรือการโฆษณาที่สมบูรณ์แบบและตอบโจทย์ลูกค้าอย่างตรงจุด ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสเกลอัพธุรกิจให้เติบโต เสริมความแข็งแกร่งแบรนด์ รวมไปถึงสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้บริโภค โดยในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ บริษัทเดินหน้ารุกตลาดเต็มสูบ นำบริการของเราเข้าไปรองรับความต้องการใช้งานแพลตฟอร์มการตลาด ดิจิทัลโซลูชัน และโซเชียลมีเดีย เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ ๆ และรักษาฐานลูกค้าเดิม รวมถึงทุ่มงบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท พัฒนาแพลตฟอร์ม SMS Analytics รูปแบบใหม่และยกระดับระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลลูกค้า โดยตั้งเป้าปี 2566 มีรายได้เติบโตประมาณ 20% จากปีก่อน”

 

ดิจิทัล เวนเจอร์ส  ประกาศเปิดโครงการ U.REKA จับมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำ 7 แห่งของไทย ร่วมกับไมโครซอฟท์ และ KX สนับสนุนให้เกิดการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมผ่านเทคโนโลยีชั้นสูง (Deep Technology) ตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำ เป็นข่าวที่น่าตื่นเต้นสำหรับประเทศไทยซึ่งกำลังต้องการนวัตกรรมของตัวเองในการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติ

อรพงศ์ เทียนเงิน  ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่ายุคนี้เป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของมนุษยชาติ นับเป็นช่วงต้นของการปฏิวัติดิจิทัลของโลก ซึ่งหากเราไม่สามารถก้าวให้ทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไปก็จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน และเป็นโจทย์ของทุกองค์กรที่ต้องเผชิญหน้าอย่างไรก็ตามเมื่อดูความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของไทยแล้วยังอยู่ในระดับที่ต่ำ ยังขาดการเชื่อมโยงสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาคธุรกิจและภาครัฐ ประกอบกับจากการทำงานของดิจิทัล เวนเจอร์สที่ผ่านมาพบว่าสตาร์ทอัพของไทยส่วนใหญ่ยังไม่มีเทคโนโลยีที่โดดเด่นเป็นของตัวเอง ซึ่งการจะพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีขั้นสูงเหล่านี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากสถาบันการศึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับมหาวิทยาลัย

เพื่อส่งเสริมระบบนิเวศสำหรับการวิจัยและพัฒนาด้าน Deep Technology จึงมีการริเริ่มโครงการ U.REKA ขึ้น โดยมุ่งหวังจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในด้านการพัฒนานวัตกรรมให้กับประเทศในระยะยาวได้”

โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากคณะวิศวกรรมศาสตร์เริ่มดต้นด้วย 7 สถาบัน ประกอบด้วย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมถึง The Knowledge Exchange (KX) และ ไมโครซอฟท์ ไทยแลนด์

U.REKA มุ่งเน้นให้กลุ่มอาจารย์ นักศึกษา นักวิจัย และผู้สนใจเทคโนโลยีชั้นสูง รวมกลุ่มกันเป็น Startup นำเสนอไอเดียจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง 6 ด้าน คือ Artificial Intelligence (AI), Blockchain, Clouds & Security, Big Data & Internet of Things,  VR & AR และ Quantum Computing ซึ่งสามารถนำมาพัฒนาเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์อุตสาหกรรมหลัก ซึ่งในระยะแรกมุ่งเน้นที่อุตสาหกรรมการค้าปลีก การท่องเที่ยว การเดินทาง และ บริการทางการเงิน เพื่อนำไปต่อยอดและพัฒนาให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์และบริการ และนำออกสู่ตลาดได้จริงในอนาคต

กลุ่ม Startup ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่ายตลอดระยะเวลาโครงการ โดยได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุน รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในสายการเงินจาก ดิจิทัล เวนเจอร์ส ได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจากไมโครซอฟท์ ในส่วนของ The Knowledge Exchange (KX) สนับสนุนสถานที่ทำงานที่เอื้อต่อการพัฒนาและวิจัยของกลุ่ม Startup เพื่อร่วมสร้างระบบนิเวศทางนวัตกรรมที่ยั่งยืน ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยต่างๆ จะสนับสนุนการให้องค์ความรู้และนวัตกรรมจากงานวิจัยพื้นฐานเพื่อมาใช้เป็นแนวทางในการต่อยอดและสร้างโอกาสทางการตลาด รวมถึงการสรรหานักวิจัยในสาขาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีชั้นสูงเพื่อร่วมพัฒนานวัตกรรม

อรพงศ์หวังว่าโครงการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนานวัตกรรมของประเทศให้เกิดขึ้นจริงในระยะยาว และผู้ร่วมทำโครงการนี้ก็ยินดีจะขยายความร่วมมือกับพันธมิตรอื่นที่มีเป้าหมายเดียวกันทั้งสถาบันการศึกษาภาคธุรกิจและหน่วยงานอื่นๆ เพื่อร่วมกันผลักดันให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป

โครงการ U.REKA เปิดรับสมัครกลุ่ม Startup เพื่อเข้าสู่กิจกรรม IDEATION BOOTCAMP ตั้งแต่วันนี้ - 15 พฤษภาคม 2561 ดูรายละเอียดการรับสมัครและดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.u-reka.co

X

Right Click

No right click