ดร.บุนเหลือ สินไซวอระวง ผู้ว่าการธนาคารแห่ง สปป.ลาว (Bank of the Lao PDR : BOL) ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นางสาวมรกต ศรีสวัสดิ์ เอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ และนายอาลุน บุนยง หัวหน้ากรมคุ้มครองธนาคารธุรกิจ BOL ร่วมเป็นสักขีพยานกิตติมศักดิ์ในพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และธนาคารการค้าต่างประเทศลาว มหาชน (Banque Pour Le Commerce Exterieur Lao Public : BCEL) โดยมี ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK และนางสายสะหมอน จันทะจัก ผู้อำนวยการใหญ่ BCEL เป็นผู้ลงนาม เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่เข้าไปลงทุนใน สปป.ลาว โดยเฉพาะโครงการลงทุนที่ใช้เงินสกุลกีบในการดำเนินกิจการเป็นเงินสกุลหลัก และต้องการเงินสกุลกีบไว้ใช้หมุนเวียนในกิจการ เพื่อลดความเสี่ยงจากการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ณ เมืองหลวงพระบาง สปป.ลาว เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 ในโอกาสการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน (ASEAN Finance Ministers and Central Bank Governors’ Meeting: AFMGM) ครั้งที่ 11 ระหว่างวันที่ 2-5 เมษายน 2567

EXIM BANK ในฐานะธนาคารเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ขยายความร่วมมือกับ BCEL ในครั้งนี้ โดยสอดคล้องเป้าหมายของ EXIM BANK สู่การเป็น Green Development Bank ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในเวทีโลกในระยะยาว ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่และขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) เป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ของไทย ซึ่งปัจจุบัน EXIM BANK ได้จัดตั้งสำนักงานผู้แทนใน CLMV ครบถ้วนแล้ว เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของทีมประเทศไทยในการทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนใน CLMV โดยสำนักงานผู้แทนของ EXIM BANK ในเวียงจันทน์เปิดดำเนินงานอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2561

EXIM BANK พร้อมสานพลังพันธมิตรภาครัฐและเอกชนใน สปป.ลาว เพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างทั้งสองประเทศ รวมทั้งผลักดันโครงการลงทุนของไทยใน สปป.ลาว โดย สปป.ลาว ถือเป็น Land Link เชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งทางบกระหว่างไทย จีน และเวียดนาม ผ่านสะพานข้ามแม่น้ำโขง ประกอบกับอัตราค่าแรงขั้นต่ำใน สปป.ลาว อยู่ที่ 1.6 ล้านกีบต่อเดือนหรือประมาณ 2,700 บาท ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ นโยบายการเป็นแบตเตอรี่แห่งอาเซียน สิทธิพิเศษด้านภาษีและการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ สิทธิพิเศษทางการค้ากับต่างประเทศ จึงเป็นปัจจัยดึงดูดนักลงทุนจากหลายประเทศ โดยเฉพาะไทย เข้าไปลงทุนในสปป.ลาว อย่างต่อเนื่องและมากเป็นอันดับ 2 รองจากจีน โครงการลงทุนของไทยส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจพลังงาน การเกษตร ปศุสัตว์ การท่องเที่ยว และธุรกิจบริการ ในปี 2566 การค้าระหว่างไทยและ สปป.ลาว มีมูลค่ารวมกว่า 7,634.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นการส่งออกของไทยไป สปป.ลาว  4,647.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจาก สปป.ลาว 2,987.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไป สปป.ลาว ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำตาลทราย รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ขณะที่สินค้านำเข้าจาก สปป.ลาว ได้แก่ เชื้อเพลิง ผักผลไม้ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืช และปูนซีเมนต์

“การขยายความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK และ BCEL ในครั้งนี้เพื่อร่วมกันสนับสนุนทั้งด้านความรู้ โอกาส และเงินทุน ให้เกิดความแข็งแกร่งของ Supply Chain การค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับ สปป.ลาว เชื่อมโยงกับ Global Supply Chain โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อต่อยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับประเทศ อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง อาเซียน และโลกโดยรวม สร้างโอกาสการเติบโตของภาคธุรกิจในทุกระดับ รวมทั้งความกินดีอยู่ดีของประชาชน และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน“ ดร.รักษ์ กล่าว

EXIM BANK แต่งตั้งนางอัศมาภรณ์ ปัญจนวพร เป็นผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 เป็นต้นไป

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นองค์ปาฐกพิเศษในงาน UK-Thailand Financial Forum จัดโดยสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ซึ่งมี ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และลอร์ดจอห์นสัน แห่งเลนสตัน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงธุรกิจและการค้า สหราชอาณาจักร ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยและสหราชอาณาจักรขยายธุรกิจการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักร และในประเทศที่สาม ผ่านกลไกการสนับสนุนของภาครัฐ ณ โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2567

ภายใต้ความร่วมมือ EXIM BANK ในฐานะ Green Development Bank จะทำงานร่วมกับ UK Export Finance (UKEF) หน่วยงานของรัฐบาลสหราชอาณาจักรที่ดำเนินงานภายใต้กรมการค้ำประกันสินเชื่อ กระทรวงธุรกิจและการค้า ในการส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการไทยและสหราชอาณาจักรอย่างครบวงจร ทั้งสินเชื่อ การค้ำประกัน และเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ที่จะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ในปี 2566 ไทยส่งออกไปสหราชอาณาจักร 4,073 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ไทยนำเข้าจากสหราชอาณาจักรเป็นมูลค่า 2,667 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ ยานพาหนะและส่วนประกอบ ไก่แปรรูป อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศ และผลิตภัณฑ์ยาง ส่วนสินค้านำเข้าของไทยจากสหราชอาณาจักร ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องดื่ม ขณะเดียวกัน สหราชอาณาจักรเป็นแหล่งลงทุนสำคัญของไทยในธุรกิจอาหาร เกษตรแปรรูป พลังงาน ปิโตรเคมี และธุรกิจค้าปลีก ขณะที่นักลงทุนจากสหราชอาณาจักรเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงาน ค้าปลีก บริการทางการเงิน การบิน ยานยนต์และชิ้นส่วน

ส่งเสริมอุตสาหกรรมไทยใช้พลังงานสะอาด ยกระดับธุรกิจไทยสู่เศรษฐกิจสีเขียว

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) รับรางวัล Thailand Top Company Awards 2024 ประเภท ESG Excellence Award จากศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ในงาน Thailand Top Company Awards 2024 จัดโดยนิตยสาร Business+ ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เพื่อมอบรางวัลให้แก่องค์กรที่ประสบความสำเร็จในระดับสูงสุดของประเทศ ณ โรงเเรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567

โดย EXIM BANK ได้รับรางวัลความเป็นเลิศจากการดำเนินงานโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance : ESG) ภายใต้บทบาท Green Development Bank ตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มได้อย่างรอบด้าน นำไปสู่การสร้างระบบนิเวศที่ส่งเสริมให้ธุรกิจไทยทุกขนาดสามารถปรับตัวเข้าสู่ Green Supply Chain ที่เชื่อมโยงกับเวทีโลก ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

Page 1 of 32
X

Right Click

No right click