กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ผนึกกำลังกับ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดพิธีลงนาม MOU โครงการ “Family Business Thailand” เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการบริหารจัดการธุรกิจครอบครัวอย่างมืออาชีพ F โดยเน้นเจาะกลุ่มทายาทธุรกิจ SME รายเล็ก สมาชิกเครือข่าย YEC ทั่วประเทศ

ทั้งนี้ โครงการ “Family Business Thailand” เป็นความมุ่งมั่นระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งประกอบด้วย กรมพัฒนาธุรกิจการค้าผนึกกำลังกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการบริหารธุรกิจครอบครัว ให้มีองค์ความรู้ด้านบริหารจัดการธุรกิจ และการตลาดด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ อันจะนำมาซึ่งข้อมูลที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ในการเสริมสร้างโอกาสทางการค้าและการบริหารเครือข่ายให้แก่ธุรกิจครอบครัว และ เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ SMEs ได้อย่างเป็นรูปธรรม

นาย เอกฉัตร ศีตวรรัตน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ทางกระทรวงพาณิชย์ได้มอบนโยบายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าดำเนินการส่งเสริมพัฒนาธุรกิจ และสร้างพลังขับเคลื่อนธุรกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เน้นการบูรณาการความร่วมมืออันถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการส่งเสริมยกระดับศักยภาพการบริหารจัดการแก่ผู้ประกอบการภายใต้การส่งเสริมพัฒนาของกรมฯ   ให้เติบโตเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันเป็นนโยบายผลักดันให้ SME เพิ่ม GDP ให้ได้ไม่น้อยกว่า 40% ภายในปี 2570

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ  โดยความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่ร่วมแรงร่วมใจส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการไทย จากการใช้ศักยภาพของแต่ละหน่วยงาน เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยที่มีส่วนเกี่ยวข้องสนับสนุนการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจครอบครัวทั่วประเทศ และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่มีผู้เชี่ยวชาญมาร่วมกันถ่ายทอดองค์ความรู้ และให้คำปรึกษาแนะนำในธุรกิจครอบครัว เพื่อให้สามารถส่งผ่านธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะวันนี้กลุ่มธุรกิจครอบครัวซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลางที่มีศักยภาพและมุ่งผลสัมฤทธิ์ทางด้านธุรกิจอย่างจริงจังให้ได้มีโอกาสศึกษาถึงปัจจัยการขับเคลื่อนให้ธุรกิจครอบครัวสามารถส่งต่อธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่นต่อไปได้อย่างยั่งยืน ผ่านกิจกรรมภายใต้โครงการ “Family Business Thailand” โดยเริ่มต้นจากการอบรมหลักสูตร  Family Business Thailand ระหว่างวันที่ 8-9 พฤษภาคม 2567  ณ ศูนย์ประชุม 1 ศตวรรษ ชั้น 6 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านบริหารจัดการธุรกิจครอบครัว

ขณะเดียวกัน นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงความร่วมมือกับโครงการ “Family Business Thailand” ว่า “ในฐานะที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยตระหนักถึงความสำคัญของธุรกิจครอบครัวที่มีต่อ GDP และระบบเศรษฐกิจในภาพรวม ทว่า ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจครอบครัวที่มีขนาดเล็ก และขนาดกลางได้รับผลกระทบจากภาวการณ์ชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย ประกอบกับข้อจำกัดทางด้านการบริหารจัดการ และองค์ความรู้ในการพัฒนาตนเอง ทำให้ธุรกิจเหล่านี้อาจได้รับผลกระทบอย่างมาก ดังนั้น ทางสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจึงรู้สึกยินดีที่กระทรวงพาณิชย์ และกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเห็นความสำคัญและร่วมลงนาม MOU ในโครงการ Family Business Thailand เพื่อสร้างศักยภาพทางการแข่งขันให้กับธุรกิจครอบครัวกลุ่มนี้ให้มีความแข็งแกร่งจากภายใน อีกทั้งจะสามารถส่งต่อธุรกิจต่อเนื่องกันไปได้อย่างราบรื่นในอนาคต”

นอกจากนี้ รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า “ในฐานะที่เป็นสถาบันการศึกษาเพื่อทำหน้าที่ส่งต่อองค์ความรู้ และบริการทางด้านวิชาการ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมีความยินดีที่จะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและพัฒนาหลักสูตรต่างๆ ในโครงการ Family Business Thailand ทั้งหลักสูตรระยะสั้น และหลักสูตรระยะยาว (Degree & Non-Degree) กับเจ้าของธุรกิจครอบครัว ตลอดจนทายาท เพื่อนำองค์ความรู้สำหรับการเร่งสร้างการเติบโต ควบคู่ไปกับการปรับใช้เทคโนโลยีในธุรกิจ มพร้อมทั้งใช้ประโยชน์จากเครือข่ายธุรกิจครอบครัว เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตและส่งต่อธุรกิจได้จากรุ่นสู่รุ่น”

ในส่วนรายละเอียดของโครงการฯ ดร.รวิดา วิริยกิจจา คณบดีคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า  “Family Business Thailand มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแหล่งความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจครอบครัวทั่วประเทศ เพื่อเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงธุรกิจครอบครัวในการสร้างโอกาส เตรียมความพร้อมทเพื่อเข้าถึงแหล่งเงินทุนในแต่ละสถาบันการเงิน และเป็นศูนย์บ่มเพาะให้แก่ธุรกิจครอบครัวรายใหม่ให้มีองค์ความรู้ ความสามารถในการพัฒนาด้านธุรกิจ เพื่อเริ่มต้นทำธุรกิจที่ดี ด้วยการสร้างองค์ความรู้ทั้งด้านการบริหารงาน บริหารทรัพย์สิน บริหารครอบครัว พร้อมทั้งให้คำปรึกษาแก่ธุรกิจครอบครัวที่ดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว แต่ต้องการเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจของตนเอง รวมทั้งหาแนวทางตามหลักวิชาการที่ถูกต้อง  เพื่อแก้ปัญหาการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนเพื่อจัดทำฐานข้อมูล และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจครอบครัวในประเทศไทย”

รศ.ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล คณบดีคณะวิทยพัฒน์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ผู้รับผิดชอบโครงการ Family Business Thailand ได้สะท้อนมุมมองในฐานะที่เป็นปรึกษาธุรกิจครอบครัวว่า “ธุรกิจครอบครัวถือเป็น “นักรบทางเศรษฐกิจ” ที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจไทย โดยสามารถสร้างรายได้เกือบ 70% ของ GDP ทว่า ส่วนใหญ่มักจะประสบปัญหาในการสืบทอดธุรกิจ จนมีคำกล่าวว่า ธุรกิจครอบครัวมักจะส่งต่อกันได้ไม่ถึงรุ่นที่ 3 เนื่องจากศาสตร์การบริหารธุรกิจครอบครัวเป็นศาสตร์เฉพาะด้านที่มีการบ่มเพาะ ถ่ายทอดกันในวงจำกัด ดังนั้น การผนึกกำลังกันระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนสถาบันการศึกษาเป็น “สามประสาน” จึงถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ประเทศไทยจะสามารถขยายฐาน “กองทัพนักรบทางเศรษฐกิจ” ที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างเป็นระบบ”

โครงการ Family Business Thailand ยังได้จัดกิจกรรมเสวนาวิชาการ 60 ปี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยในหัวข้อเรื่อง “จากรุ่นสู่รุ่น ... เคล็ดลับความสำเร็จของธุรกิจครอบครัว” โดยมีวิทยากรผุ้ทรงคุณวุฒิจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้แก่

  • นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกิตติมศักดิ์หอารค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มมิตรผล
  • ดร.เดช เลิศสุวรรณรักษ์ ที่ปรึกษาสภาหอารค้าแห่งประเทศไทย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงเทพ โอเอ คอมส์ จำกัด
  • นายธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล ประธานคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่ YEC หอการค้าไทย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท สุนทรธัญทรัพย์ จำกัด
  • รศ.ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล (ผู้ดำเนินรายการ) คณบดี คณะวิทยพัฒน์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีสถาบันการเงินที่มาร่วมออกบูธ เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจครอบครัวสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างสะดวกขึ้นและได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก ประกอบด้วย ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)  ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank)  และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดตามและสมัครเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆที่กรมฯจัดร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้ทาง www.dbd.go.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กองธุรกิจบริการ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร. 02 5475985 หรือสายด่วน 1570 หรือเฟซบุ๊คแฟนเพจของโครงการ #FamilyBusinessThailand

ฝ่ายสื่อสารการตลาด มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย  เปิดรับสมัครเพื่อรับทุนการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2567 ระดับปริญญาโท เป็นทุนสำหรับผู้มีชื่อเสียง ผู้มีความรู้ความสามารถ ผู้นำทางความคิด และสื่อมวลชนทุกแขนง โดยแบ่งประเภททุนการศึกษา 1.ทุนเต็มจำนวนของค่าเล่าเรียนก่อนหลักสูตร (การเรียนปรับพื้นฐาน) ค่าเล่าเรียน (ค่าหน่วยกิต) ค่าบำรุงการศึกษา ค่าขึ้นทะเบียนนักศึกษา ค่าสอบประมวลความรู้ ค่าเอกสารประกอบการเรียน และอื่น ๆ ตามที่บัณฑิตวิทยาลัยกำหนด 2. ทุนครึ่งหนึ่งของค่าเล่าเรียนก่อนหลักสูตร (การเรียนปรับพื้นฐาน), ค่าเล่าเรียน (ค่าหน่วยกิต) ค่าบำรุงการศึกษา ค่าขึ้นทะเบียนนักศึกษา ค่าสอบประมวลความรู้ ค่าเอกสารประกอบการเรียน และอื่น ๆ ตามที่บัณฑิตวิทยาลัยกำหนด*

 คุณสมบัติผู้สมัครขอรับทุนการศึกษา

  1. เป็นผู้สำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรีสาขาใดสาขาหนึ่งที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากกระทรวงศึกษาธิการ
  2. มีประสบการณ์ในการทำงานไม่น้อยกว่า 1 ปี หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี
  3. หากไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน จะต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมไม่น้อยกว่า 5หรือ ในกรณีที่ไม่ตรงตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการเป็นผู้มีชื่อเสียง มีความสามารถพิเศษ ได้รับการยอมรับในสังคมด้านต่าง ๆ อาทิ ศิลปิน ดารา นักแสดง นักร้อง นักดนตรี อินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) สื่อมวลชน ฯลฯ

ทั้งนี้ ผู้ที่ผ่านการพิจารณาให้ได้รับทุนการศึกษา จะได้รับการยกเว้นค่าหน่วยกิตต่อเนื่องจนจบหลักสูตรการศึกษาตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้  ซึ่งเป็นทุนแบบให้เปล่า โดยผู้รับทุนไม่ต้องชดใช้ทุนคืนแต่อย่างใด ผู้ที่สนใจสามารถ กรอกสมัครกับทางบัณฑิตวิทยาลัยฯ แล้ว ส่งประวัติย่อแนะนำตัว นำเสนอผลงานที่ผ่านมา ในรูปแบบ PDF File ส่งมาที่อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. ชื่อหัวข้ออีเมล  “สมัครทุนส่งเสริมโอกาส” ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2567

ติดตามรายละเอียดการขอรับทุนได้ที่ www.utcc.ac.th สอบถามโทร 02-6976781

ตั้งเป้าเป็นสถาบันการศึกษาไทยคุณภาพระดับโลก

สร้างเส้นทางใหม่ในการเชื่อมโยงการศึกษา การค้า และการลงทุน

คณะศิลปะและการออกแบบดิจิทัล มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมกับ สมาคมเรือเยาวชนเอเซียอาคเนย์แห่งประเทศไทย ในการสนับสนุนของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) จัดพิธีมอบเกียรติบัตรและโล่รางวัล รอบชิงชนะเลิศ การประกวดวาดภาพระบายสีระดับมัธยมปลายและอาชีวะศึกษาทั่วประเทศ ในวันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ณ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

ในการนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้กล่าวแสดงจุดยืนความเข้มแข็งของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยในการเป็นสถาบันการอุดมศึกษาเอกชนชั้นนำด้านธุรกิจการค้าจากการจัดโครงการดังกล่าวนี้ว่า “ในโอกาสที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ครบรอบ 60 ปีนี้ มหาวิทยาลัยยังคงมุ่งมั่นที่จะผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพเพื่อการรับใช้สังคมให้มีความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นการตอบรับและสอดคล้องกับนโยบายของสหประชาชาติที่จะมุ่งพัฒนาสังคมโลกให้มีเสถียรภาพและมีความมั่นคงอย่างยั่งยืนร่วมกันทั้งโลก ซึ่งกิจกรรม 60 ปี UTCC สาดสีสร้างฝัน รู้ทันอาชญากรรมข้ามชาติ นับว่ามีความสำคัญในการพัฒนาคน พัฒนาสังคม และพัฒนาชาติโดยใช้สื่อศิลปะสมัยใหม่มาเป็นเครื่องมือในการสื่อสารและส่งทอดจากคนรุ่นใหม่ไปสู่สังคมในรูปแบบที่เข้าถึงและเข้าใจได้ง่าย”

ดร.ดิสพล จันศิริ  คณบดีคณะศิลปะและการออกแบบดิจิทัล คณะศิลปะและการออกแบบดิจิทัล มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า  คณะศิลปะและการออกแบบดิจิทัล มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในฐานะสถาบันการศึกษาที่ให้ความรู้ด้านศิลปะและการออกแบบ เพื่อใช้ในการสื่อสารด้วยวิธีการทางภาษาภาพที่มีลักษณะเฉพาะ สามารถสร้างการรับรู้และตระหนักรู้ให้กับสังคมในแง่มุมต่างๆ  ให้เข้าใจง่ายขึ้นได้เป็นอย่างดี จึงได้จัดโครงการ ‘ 60 ปี UTCC สาดสีสร้างฝัน รู้ทันอาชญากรรมข้ามชาติ ’  นี้ขึ้นเพื่อการมีส่วนร่วมสนับสนุนหน่วยงาน ‘ ยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ( UNODC ) ’ ในการสร้างการตระหนักรู้เรื่องอาชญากรรมข้ามชาติ ให้เด็ก เยาวชน และประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย ได้เข้าใจถึงภัยคุกคามที่เป็นเรื่องใกล้ตัว ซึ่งส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม พร้อมร่วมใจกันเป็นส่วนหนึ่งในสังคม ร่วมคอยสังเกต สอดส่อง ให้ข่าวและดูแลกันและกันร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลในการป้องปรามให้จำนวนเหยื่อของอาชญากรรมข้ามชาติลดลงและหมดไปจนเกิดความเข้มแข็งในสังคมอย่างยั่งยืนในที่สุด

อาจารย์จักรพันธ์ ธนธีรานนท์ เจ้าของโครงการฯ อาจารย์ประจำคณะศิลปะและการออกแบบดิจิทัล มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงสาระสำคัญของ โครงการ 60 ปี UTCC สาดสีสร้างฝัน รู้ทันอาชญากรรมข้ามชาติ” ว่า เป็นโครงการประกวดแข่งขันวาดภาพระบายสีที่เจาะกลุ่มเป้าหมายนักเรียนระดับมัธยมปลายและอาชีวะศึกษา อายุระหว่าง 15-18 ปี ที่อยากมีส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความตระหนักรู้ให้กับชุมชน และคนในสังคมให้เกิดความเข้าใจ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมในการป้องปรามให้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติลดลงและหมดไป ร่วมกันตีแผ่ให้เห็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติในแง่มุมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยใช้ศิลปะและการออกแบบเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์ความคิดของเยาวชนให้แผ่ขยายออกเป็นวงกว้าง แล้วยังมีกิจกรรมอื่น ๆ  อาทิ การให้ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ การเข้าเยี่ยมคารวะบุคคลสำคัญ การทัศนศึกษาสถานที่สำคัญและการจัดนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะ

เราจัดเป็นค่ายการประกวดแข่งขันวาดภาพระบายสีเทคนิคสีโปสเตอร์  ประกวดเพื่อคัดสรรผลงานที่จะใช้เป็นสื่อกลางในการสื่อสารให้คนรุ่นใหม่หันมาให้ความสำคัญกับงานศิลปะ ที่จะช่วยให้เราผ่านพ้นห่างไกลจากยาเสพติด และอาชญากรรม เป็นต้น โดยมีผมและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีกหลายท่าน เช่น รองศาสตราจารย์ สรรณรงค์ สิงหเสนี ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะศิลปวิจิตร สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ / เรือเยาวชนเอเซียอาคเนย์รุ่น 7 (2523)  / ครูสังคม ทองมี ผู้อำนวยการศูนย์ศิลป์สิรินธร / เรือเยาวชนเอเซียอาคเนย์รุ่น 3 (2519) /  คุณสุชาญา โมกขเสน / ผมอาจารย์ จักรพันธ์ ธนธีรานนท์ และคุณ เฟลิเป้ เดอ ลาตอเร่ ผู้ประสานงานส่วนภูมิภาค (ด้านงานนโยบายและสัมพันธ์องค์กร) โครงการประสานงานชายแดน สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC)

โดยเมื่อกันยายนที่ผ่านมา เป็นรูปแบบของค่ายภูมิภาค รอบคัดเลือกครั้งที่หนึ่ง ภาคกลางและภาคตะวันตก ณ จังหวัดกาญจนบุรี กลางเดือนกันยายนเป็นค่ายภูมิภาครอบคัดเลือกครั้งที่สอง ภาคเหนือ ณ จังหวัดเชียงราย ต้นเดือนตุลาคมเป็นค่ายภูมิภาครอบคัดเลือกครั้งที่สาม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ จังหวัดอุบลราชธานี และรอบคัดเลือกครั้งที่สี่ภาคใต้ จังหวัดสงขลา จนมาถึงเดือนตุลาคมเราจึงประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่ค่ายการประกวดรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ และเดือนพฤศจิกายนนี้เป็นค่ายการประกวดรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศที่กรุงเทพมหานครและจัดนิทรรศการแสดงผลงานผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ มีพิธีมอบรางวัล ณ สหประชาชาติ กรุงเทพฯ เมื่อถึงสิ้นปีเราจะจัดพิมพ์ ปฏิทินปี 2567 โดยใช้ผลงานจากการประกวดของโครงการและจัดส่งปฏิทินของโครงการให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ ถือเป็นของขวัญปีใหม่ได้ด้วยจากผลงานศิลปะและการออกแบบที่ถูกใช้เป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์ความคิดของเยาวชนให้แผ่ขยายออกเป็นวงกว้างเพราะผมเชื่อว่าศิลปะเป็นเครื่องมือที่จะช่วยขัดเกลาจิตใจผู้คนให้ละเอียดอ่อนและช่วยบำบัดจิตใจในยามท้อแท้หรือแม้แต่ในยามที่เรามีความสุข ศิลปะก็เป็นสิ่งช่วยสร้างสีสันสร้างชีวิตชีวาให้กับชีวิตมนุษย์ สังคมและโลกใบนี้ให้มีความสวยงามและห่างไกลจากสิ่งเลวร้าย อบายมุขได้อย่างเห็นผล”

ทั้งนี้ รางวัลการประกวดแบ่งออกเป็น รางวัลชนะเลิศ รางวัลเงินสด 30,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ จำนวน 1 รางวัล รางวัลยอดเยี่ยม รางวัลเงินสด 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ จำนวน 1 รางวัล รางวัลดีเด่น รางวัลเงินสด 10,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศจำนวน 1 รางวัลรางวัลชมเชย รางวัลเงินสด 5,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ จำนวน 1 รางวัล รางวัลขวัญใจออนไลน์ รางวัลเงินสด 5,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศจำนวน 1 รางวัล ผู้เข้าร่วมโครงการทุกคนได้รับเกียรติบัตรการเข้าร่วมค่ายแข่งขันทั้งสองรอบ

โดยรายนามผู้ได้รับรางวัลเงินสดและโล่เกียรติยศ 5 รางวัล

ลำดับที่ 1 รางวัลชนะเลิศ รางวัลเงินสด 30,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ จำนวน 1 รางวัล

            ได้แก่ นางสาวพิชญาพร  เมืองใจ จาก โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์

ลำดับที่ 2 รางวัลยอดเยี่ยม รางวัลเงินสด 20,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ จำนวน 1 รางวัล

            ได้แก่ นายธราธิป แสงวิเชียร  จาก โรงเรียนวัดสุทธิวราราม

ลำดับที่ 3 รางวัลดีเด่น รางวัลเงินสด 10,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ จำนวน 1 รางวัล

            ได้แก่ นางสาวสิริรัช รัตตมณี จาก โรงเรียนสภาราชินี

ลำดับที่ 4 รางวัลชมเชย รางวัลเงินสด 5,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ จำนวน 1 รางวัล

            ได้แก่ นายจินดิต ยางสวย จาก โรงเรียนรัตนราษฎร์บำรุง

ลำดับที่ 5 รางวัลขวัญใจออนไลน์ รางวัลเงินสด 5,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ จำนวน 1 รางวัล

            ได้แก่ นายวีระเดช งามสามพราน จาก โรงเรียนวัดไร่ขิงวิทยา

ผู้สนใจ สามารถชมนิทรรศการผลงานจาก โครงการ “60 ปี UTCC สาดสีสร้างฝัน รู้ทันอาชญากรรมข้ามชาติ” ในรอบชิงชนะเลิศทุกชิ้นได้ ณ โถงนิทรรศการชั้น 3 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพมหานคร โดยจะจัดแสดงระหว่างวันที่ 14 - 20 พฤศจิกายน 2566

Page 1 of 6
X

Right Click

No right click