กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญ ในช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายนปีนี้

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ตอกย้ำผู้นำธุรกิจอาหารของโลก จัดแสดงนวัตกรรมอาหารมาตรฐานสากล เป็นมิตรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2023 ภายใต้แนวคิด "RE-IMAGINE THE FUTURE FOOD" ตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหารและการบริโภคอย่างยั่งยืน โดยผลิตภัณฑ์ที่นำมาแสดง อาทิ ไส้กรอกอกไก่พริกไทยดำ “CP FI-IT” (ฟิ-อิต) ที่คว้ารางวัลนวัตกรรมอาหาร หรือ THAIFEX - Anuga Taste Innovation Show 2023 รวมถึงเนื้อจากพืช แบรนด์ MEAT ZERO ไก่เบญจา-หมูชีวา จาก U FARM ผลิตภัณฑ์เนื้อไก่-เป็ด-หมู-ไข่สด CP SELECTION ที่มีนวัตกรรมโปรไบโอติก พลัส ตลอดจนอาหารพร้อมรับประทาน อาหารพร้อมปรุง สินค้านำเข้าและส่งออกจากหลากหลายประเทศ ในระหว่างวันที่ 23-27 พฤษภาคม 2566 ณ ศูนย์การค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี

สำหรับในปีนี้ บูธซีพีเอฟ แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 6 โซน ได้แก่

1.) ผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้า-ส่งออก คัดสรรเป็นพิเศษจากทั่วทุกมุมโลก โดยมีไฮไลท์ คือ ซีพี-อูโอริกิ ที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่าง CPFGS และ อูโอริกิ บริษัทจัดจำหน่ายปลาสดชั้นนำอันดับ 1 จากประเทศญี่ปุ่น

2.) ผลิตภัณฑ์กลุ่มของสด แบรนด์ U FARM ได้แก่ “ไก่เบญจา” และ “หมูชีวา" ที่มีโอเมก้า 3 เลี้ยงด้วยอาหารจากธรรมชาติ ปลอดสาร ปลอดภัย ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะตลอดการเลี้ยงดู พร้อมทั้งเนื้อไก่ เนื้อหมู และไข่สด จาก CP SELECTION” ที่ยกระดับความปลอดภัยอีกขั้น ด้วยนวัตกรรมโปรไบโอติก พลัส ในอาหารสัตว์ เสริมภูมิคุ้มกันให้หมูและไก่แข็งแรงตามธรรมชาติ 100% ปลอดสาร ปลอดภัย

3.) ผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช แบรนด์ MEAT ZERO ที่คว้ารางวัลสุดยอดนวัตกรรมอาหาร หรือ THAIFEX - Anuga Taste Innovation Show 2022 และการันตีคุณภาพด้วยรางวัลสุดยอดรสชาติอาหารระดับโลก ปี 2021-2022 จากประเทศเบลเยี่ยม

4.) ผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน ได้แก่ ข้าวกะเพราไก่ ไส้กรอกแฟรงค์ไก่รมควันหนังกรอบ BKP ที่ได้รับรางวัล “สุดยอดรสชาติอาหารระดับโลก ประจำปี 2023” รวมถึงไส้กรอกซีพี ชิกเก้นแฟรงค์และชิกเก้นแฟรงค์พริก ที่คว้ารางวัลดังกล่าว ต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน

5.) ผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ INNOWENESS เปิดตัว "Nutrimax" ซุปไก่ผสมฟักทองและไข่ อาหารทางการแพทย์สูตรครบถ้วน พัฒนาร่วมกับโรงพยาบาลรามาธิบดี ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ เนื้อเนียนรับประทานง่าย มีโปรตีนจากอกไก่และไข่ รวม 13.4 กรัมต่อ 1 ซอง มีวิตามิน แร่ธาตุ 20 ชนิด และ "Fito Puree" ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร น้ำผักและผลไม้รวมผสมวิตามิน มีสารอาหารกลุ่มไฟโตนิวเทรียท์ จากผักผลไม้ 5 สี 26 ชนิด

6.) ผลิตภัณฑ์กลุ่ม COOKING HELPER by CP รวมซอสหลากหลายรสชาติที่ช่วยให้การปรุงอาหารเป็นเรื่องง่ายและสะดวกขึ้น พร้อมผลิตภัณฑ์ใหม่ "สังขยาใบเตย ซีพี" หวานกลมกล่อม หอมกลิ่นใบเตยธรรมชาติแท้ 100% ใช้น้ำตาลมะพร้าว รับประทานกับอะไรก็อร่อย

ซีพีเอฟ พร้อมสนับสนุนให้ผู้บริโภคทั่วโลกเข้าถึงอาหารคุณภาพปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพ ควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้วิสัยทัศน์ "ครัวของโลก" ในงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก THAIFEX – Anuga Asia 2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-27 พฤษภาคม 2566 โดยวันที่ 23-26 พฤษภาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. จะเปิดให้คู่ค้าและพันธมิตรด้านอาหารจากทั่วโลกเข้ามาเจรจาธุรกิจ และวันที่ 27 พฤษภาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. ซีพีเอฟ จะนำสินค้าคุณภาพดีมาจำหน่ายในราคาพิเศษ พร้อมโปรโมชันจัดเต็มแก่ประชาชนทั่วไป ที่บูธ CPF หมายเลข S01-S15 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 ศูนย์การค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี

แบรนด์ซีพี (CP Brand) ในกลุ่ม บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ปลูกฝังพนักงาน ร่วมสร้างคุณค่าสู่สังคมและชุมชน เดินหน้าสร้างสรรค์โครงการเพื่อชุมชนและสังคมต่อเนื่อง มอบรางวัล Sustainability in Action 2022 รวม 69 โครงการ  แก่บุคลากรที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสู่เป้าหมาย CPF 2030 Sustainability in Action สะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทที่คำนึงถึงการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพบนมาตรฐานการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และกระบวนการทำงานที่รับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม มุ่งมั่นปลูกฝังพนักงานร่วมสร้างคุณค่าทางสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยจัดการประกวดรางวัล CPF ยั่งยืนได้ด้วยมือเรา หรือ CPF Sustainability in Action Awards ขึ้นตั้งแต่ปี 2559 ภายใต้กลยุทธ์ 3 เสาหลักสู่ความยั่งยืน “อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และตินน้ำป่าคงอยู่” เพื่อส่งเสริม สนับสนุน คัดเลือกโครงการที่สร้างผลกระทบเชิงบวกด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงพัฒนาคุณภาพชีวิตพนักงานของทุกสายธุรกิจ

  

“พนักงานทุกคน ถือเป็นตัวแทนของบริษัทในการนำวิสัยทัศน์และความตั้งใจของซีพีเอฟไปสู่สังคม ด้วยการร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับชุมชน ซึ่งการทำธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนนั้น จะต้องคำนึงถึง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจทั้งหมด เพื่อให้ธุรกิจและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน ตามปรัชญา 3 ประโยชน์ ประเทศได้ประโยชน์ ประชาชนได้ประโยชน์ และบริษัทจึงจะได้ประโยชน์ โดยมุ่งพัฒนาบริษัทให้เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม นอกจากจะทำให้ธุรกิจพัฒนาและประสบความสำเร็จ ซึ่งเท่ากับผู้บริโภคจะได้รับสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ดีจากบริษัทแล้ว ทุกคนต้องช่วยกันดูแลคนในสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆกันด้วย” นายประสิทธิ์ กล่าว  

นอกจากนี้ ธุรกิจไม่เพียงต้องคำนึงถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์เท่านั้น ธุรกิจจะยั่งยืนได้ต้องมีความสมดุลระหว่าง 3องค์ประกอบหลักของความยั่งยืน ตาม BCG Model ทั้งเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ตลอดจนความสำคัญของลูกค้า ผู้บริโภค และธรรมาภิบาล สิ่งเหล่านี้นับเป็นองค์ประกอบที่เป็นรากฐานที่สำคัญของการสร้างความรัก ความผูกพัน  ความเชื่อมั่นให้กับชุมชน  สังคม ผู้บริโภค  ตลอดจนคู่ค้า และผู้ถือหุ้น ดังนั้น ใน ควบคู่กับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม

สำหรับ การประกวดฯในปี 2566 มีการยกระดับกระบวนการประกวดให้เข้มข้นขึ้น ทั้งการฝึกอบรมด้านการเขียนโครงการ และการนำเสนอแบบ Pitching ตลอดจนการพิจารณารางวัลจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงานคิดสร้างสรรค์โครงการที่ดีอย่างต่อเนื่อง สอดรับตาม BCG Model นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับชุมชน รวมถึงการพัฒนาโครงการให้เกิดนวัตกรรมทางสังคม (Social Innovation) และดำเนินโครงการให้มีความต่อเนื่องสร้างคุณค่าทางสังคม เกิดเป็นผลกระทบทางสังคม (Social Impact) ในเชิงบวก ตามเป้าหมาย CPF 2030 Sustainability in Action และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs)

โดยมุ่งเน้นประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน 7 ด้าน ได้แก่ หลักการกำกับดูแลกิจการ การบริหารความเสี่ยง และการกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ความมั่นคงทางอาหาร สิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติด้านแรงงาน พนักงานและชุมชน การดูแลทรัพยากรน้ำ การรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ

(กาญจนบุรี) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ นำเทคโนโลยีขั้นสูง ทั้งปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) และการจัดเก็บข้อมูลบนระบบคราวด์ (Cloud) มาเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงสุกร พร้อมส่งต่อองค์ความรู้แก่เกษตรกร สู่การเป็น “ฟาร์มอัจฉริยะ” (Smart Farm) ผลิตเนื้อสัตว์คุณภาพ ปลอดภัย ปลอดโรคสู่ผู้บริโภค

นายสมพร เจิมพงศ์ ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจสุกร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ มุ่งมั่นยกระดับระบบการบริหารฟาร์มเลี้ยงสัตว์ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาโดยตลอด ตั้งแต่การทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ (Automation System) การติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) โดยผนึกกำลังกับ TRUE จนถึงการใช้เทคโนโลยี AI และ IoT นำไปสู่การจัดการฟาร์มด้วยระบบฟาร์มอัจฉริยะ (SMART Farm Solution) สามารถควบคุมการเลี้ยงได้จากระยะไกล โดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปในระบบการเลี้ยง ดูพฤติกรรม ความเป็นอยู่ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ผ่านสมาร์ทโฟนได้ทุกที่ทุกเวลา ทำให้บริหารจัดการการเลี้ยงสุกรได้ตลอดเวลา ช่วยให้การทำงานของผู้ปฏิบัติงานมีความสะดวกรวดเร็วขึ้น และยังถ่ายทอดองค์ความรู้ไปสู่เกษตรกรในโครงการส่งเสริมการเลี้ยงสุกร หรือคอนแทรคฟาร์ม นำเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้ ให้เป็นระบบเดียวกันกับบริษัท เพื่อก้าวสู่การเป็นเกษตรอัจฉริยะ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนในระยะยาว

“ปัจจุบันฟาร์มเกษตรกรได้ติดตั้ง CCTV ทั้งหมดแล้ว 100% รวมถึงการสนับสนุนให้เกษตรกรฟาร์มสุกรขุนใช้ระบบ ออโต้ฟีด หรือ Auto Feeding Systems ที่ช่วยลดคนเข้าไปให้อาหารในโรงเรือน เพื่อให้คนสัมผัสตัวสัตว์น้อยที่สุด ลดความเสี่ยงการนำโรคต่างๆสู่ฝูงสุกร ตามมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) ทำให้วันนี้ สัตวบาล 1 คน สามารถดูแลสุกรได้ 30,000 ตัว หรือมากกว่าเดิมถึงหนึ่งเท่าตัว ที่สำคัญการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาสนับสนุนการเลี้ยง ทำให้คนรุ่นใหม่ที่เป็นลูกหลานเกษตรกร หันมาสนใจอาชีพนี้มากขึ้น เพราะสามารถควบคุมการทำงาน การจัดการฟาร์ม และยกระดับรายได้ ด้วยเทคโนโลยี” นายสมพรกล่าว

ขณะเดียวกัน ซีพีเอฟยังใช้ระบบ Sound talk ซึ่งเป็นอุปกรณ์ IOT ติดตั้งในโรงเรือนเลี้ยงสุกรขุน เพื่อตรวจวัดเสียง  ไอ แปลงให้เป็นคลื่นเสียง ส่งสัญญาณไปยังส่วนกลาง และจะแจ้งข้อมูลให้คนเลี้ยงทราบได้ทันที ทำให้รู้ความเสี่ยงของสุกร ช่วยในการตัดสินใจรักษาสัตว์อย่างทันท่วงที ช่วยลดการแพร่กระจายโรค ส่งผลให้ปัญหาด้านสุขภาพลดลง และป้องกันการแพร่กระจายในฝูงสัตว์ จึงถือเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยติดตามสุขภาพสุกร เพื่อให้ได้เนื้อสัตว์คุณภาพ ปลอดภัย ปลอดโรค

นอกจากนี้ ซีพีเอฟยังพัฒนาการเลี้ยงสุกรแบบครบวงจร ด้วยระบบสุกรอัจฉริยะ (SMART PIG) ใช้ในการเลี้ยงสุกรในทุกช่วงวัย ด้วยการเก็บข้อมูล และการวิเคราะห์ประสิทธิภาพการผลิต ช่วยเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการของเจ้าหน้าที่ โดยข้อมูลทั้งหมดถูกนำขึ้นไปในระบบคราวด์ ทำให้สามารถการติดตามทั้งเรื่องสุขภาพและการเติบโตของสุกรได้ง่ายผ่านคิวอาร์โค้ด

ขณะที่ระบบรายงานออนไลน์สำหรับเกษตรกร (CHAT BOT) ช่วยในการบันทึกข้อมูลการผลิตได้ทั้งหมด ตั้งแต่จำนวนสุกร ปริมาณอาหาร ประวัติการให้วัคซีน ผ่านสมาร์ทโฟน ที่รวดเร็วกว่าการจดบันทึก และยังสามารถส่งภาพพฤติกรรมสุกรภายในโรงเรือนให้สัตวบาลและสัตวแพทย์ ช่วยวิเคราะห์สุขภาพสุกรได้ทุกที่ทุกเวลา

ด้านกระบวนการแปรรูปเนื้อสุกร ซีพีเอฟนำเทคโนโลยี IoT มาใช้ ด้วยการติดตั้งกล้องอัจฉริยะ ทำงานร่วมกับระบบ  AI เพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์อัตราส่วนระหว่างเนื้อแดงกับไขมันในชิ้นเนื้อ ทำให้สินค้าได้มาตรฐาน ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และสามารถตรวจสอบย้อนกลับมาได้ถึงฟาร์มเลี้ยงต้นทาง เพื่อพัฒนาคุณภาพการเลี้ยงให้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ ตั้งแต่ฟาร์มสุกรซึ่งเป็นต้นน้ำ ทำให้สุกรมีความสุข หรือ Happy Pig ต่อเนื่องไปถึงกระบวนการแปรรูปปลายน้ำ ส่งผลให้ได้เนื้อสุกรที่มีคุณภาพ ปลอดโรค และปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคทุกคน

X

Right Click

No right click