

ดร.กรินทร์ บุญเลิศวณิชย์ (ซ้าย) รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เป็นผู้แทนธนาคารรับ 3 รางวัลยอดเยี่ยม ได้แก่ รางวัลธนาคารที่มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรมทางการเงิน รางวัลธนาคารที่มีบริการยอดเยี่ยมด้านบัตรเครดิต และรางวัล K PLUS แอปพลิเคชันทางการเงินขวัญใจผู้เข้าชมงาน ประจำปี 2568 ซึ่งรางวัลดังกล่าวมาจากผลการสำรวจความคิดเห็นผู้สมัครและขอใช้บริการในงานมหกรรมการเงินประจำปี 2568 ทั่วประเทศ พร้อมด้วยนายฐานันดร โชลิตกุล, CFA (ขวา) Chief Investment Officer บลจ.กสิกรไทย เป็นผู้แทนรับมอบรางวัลกองทุนยอดเยี่ยมแห่งปี 2568 ประเภทกองทุนตราสารหนี้ไทยและต่างประเทศบางส่วน (Fixed Income Fund) ในงาน Money & Banking Awards 2025 จัดโดยวารสารการเงินธนาคาร ณ โรงแรมไฮแอท รีเจนซี กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้
KBTG Techtopia ปี 3 กลับมาเขย่าโลกเทคโนโลยีอีกครั้ง โดยมาในธีม At World’s Beginning เมื่อโลกใบเดิมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เชิญชวนผู้ที่สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเวทีงานประชุมด้านเทคโนโลยีระดับนานาชาติ ที่รวมตัวผู้ทรงอิทธิพลและผู้เชี่ยวชาญชั้นนำกว่า 80 คนจากทั่วโลก เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทรงพลังที่สุดแห่งปี เตรียมพบกัน 2 กันยายนนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและซื้อบัตรร่วมงานได้ที่ https://www.zipeventapp.com/e/kbtg-techtopia-2025
นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) เปิดเผยว่า จากงาน KBTG Techtopia สองปีที่ผ่านมาได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 2,500 คนในปี 2567 และวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิกว่า 70 ท่านจากทั่วโลก แต่ด้วยวิกฤตในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นมรสุมภูมิรัฐศาสตร์ พิษเศรษฐกิจ สงครามภาษี ปัญหาด้านสาธารณสุขและการแพทย์ ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ไปจนถึงภัยธรรมชาติที่นับวันยิ่งใกล้ตัว ล้วนเป็นเสียงเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ขณะเดียวกันก็มีเทคโนโลยีเกิดใหม่มากมาย โดยเฉพาะ AI ที่มีการแข่งขันอย่างสูสีและการพัฒนาแบบก้าวกระโดด หลายครั้งคนในวงการเองยังวิ่งตามเทรนด์ไม่ทัน ไม่รู้ว่าจุดโฟกัสอยู่ตรงไหน ก่อให้เกิดคำถามต่างๆ ตามมามากมาย รวมถึงผลกระทบในแง่บวกและลบต่อชีวิตและสังคมในวงกว้าง

ด้วยเหตุนี้ KBTG จึงเล็งเห็นความสำคัญในการจัดงาน KBTG Techtopia ปีที่สาม ในธีม At World’s Beginning เมื่อโลกใบเดิมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ชวนทุกคนหันกลับมามองจุดเริ่มต้น สำรวจปัญหาและทรัพยากรโลก กับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนด้วยเทคโนโลยี ภายในงานจะได้พบกับผู้เชี่ยวชาญชั้นนำจากทั่วโลกกว่า 80 คนที่จะมาแชร์ความรู้และโชว์เทคโนโลยีเพื่อมนุษยชาติ (Technology for Humanity) พร้อมกับมุมมองและแนวทางแก้ปัญหาที่จับต้องได้ ปลุกการตื่นรู้สู่การเปิดใจ ปรับตัว และขับเคลื่อนให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่นำโดยคนและทำเพื่อคนอย่างแท้จริง
พลาดไม่ได้! กับไฮไลท์สุดพิเศษในงาน:
นายเรืองโรจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า KBTG Techtopia ไม่ใช่เพียงการโชว์นวัตกรรมล้ำสมัย แต่เป็นเวทีที่นำเสนอแนวทางแก้ปัญหาที่นำโดยคนและเพื่อคนอย่างแท้จริง ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 2 กันยายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยจำหน่ายบัตรในราคา 1,800 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 2 กันยายน 2568 หรือจนกว่าบัตรจะหมด ผู้ที่สนใจร่วมงานสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและซื้อบัตรเข้าร่วมงานได้ที่ https://www.zipeventapp.com/e/kbtg-techtopia-2025
กนง. มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% เพื่อรักษาพื้นที่ทางนโยบายการเงิน (monetary policy space) สำหรับการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในจังหวะที่เหมาะสมและก่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดในระยะข้างหน้า พร้อมปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2568 จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีกว่าที่ประเมินในครึ่งปีแรก โดยมองเศรษฐกิจหลังจากนี้ชะลอลง จากปัจจัยเสี่ยงทั้งภายนอกและภายในประเทศ
ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า กนง. อาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 1 ครั้ง ตั้งแต่ไตรมาส 3/2568 เป็นต้นไป จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะชะลอลงอย่างมากในช่วงครึ่งปีหลัง โดยการส่งออกคาดว่าจะหดตัวลึกในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากมีการเร่งส่งออกสูงในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับแรงขับเคลื่อนหลักทั้งภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศมีแนวโน้มอ่อนแรงลงต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี มองว่าการปรับลดดอกเบี้ยไม่ใช่เครื่องมือหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แค่ช่วยประคองเศรษฐกิจไทยได้บางส่วน

กสิกรไทย ส่งกองทุน K-CHINNO25A-UI สำหรับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ คว้าโอกาสทำกำไรในตลาด Private Equity ของจีน โดยผสานความเชี่ยวชาญผู้จัดการกองทุนหลักจากกสิกร วิชั่น เซี่ยงไฮ้ และที่ปรึกษาการลงทุน Stepstone Group (China) นำผู้ลงทุนเข้าถึงบริษัทนอกตลาดของจีนได้อย่างมั่นใจ เปิดเสนอขายครั้งเดียว 18-30 มิถุนายนนี้ เริ่มต้นลงทุน 500,000 บาท
นายพิพิธ เอนกนิธิ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในยุคที่จีนกำลังเปลี่ยนบทบาทจากผู้ผลิตสู่ผู้นำนวัตกรรม การถูกกีดกันจากเทคโนโลยีตะวันตกกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองอย่างจริงจัง รวมทั้งให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนามากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้เกิดโอกาสการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ อย่างธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) เทคโนโลยีดิจิทัล (Digitalization) พลังงานสะอาด (Energy Transition) เทคโนโลยีชีวภาพและเทคโนโลยีสุขภาพ (Biotech & Health Tech) อย่างไรก็ดี แม้ตลาดจีนยังมีความผันผวน แต่ตลาด Private Equity ของจีนยังมีความน่าสนใจ จึงเกิดความร่วมมือระหว่าง กสิกร วิชั่น เซี่ยงไฮ้ “KVPE” ซึ่งถือเป็นบริษัทลูกของธนาคารกสิกรไทยรายแรกและรายเดียวที่ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งกองทุนหุ้นนอกตลาด หรือ Private Equity ในจีนอย่างเป็นทางการ พร้อมสิทธิ์ในการนำเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้าสู่ตลาดจีนโดยตรง และพันธมิตรระดับโลก Stepstone Group (China) “Stepstone” ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน Private Equity ระดับโลกซึ่งมีประสบการณ์ในตลาดจีนกว่า 15 ปี และบลจ.กสิกรไทย “KAsset” เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนคว้าโอกาสทำกำไรในตลาด Private Equity ของจีนผ่านกองทุนเปิดเค China Innovation PE 25A ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย หรือ K-CHINNO25A-UI ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับผู้ลงทุนไทย พร้อมกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในหลากหลายบริษัทและอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งในอนาคต
นายวิน พรหมแพทย์, CFA ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย กล่าวเสริมว่า กองทุน K-CHINNO25A-UI กำหนดเปิดเสนอขายครั้งเดียว ในระหว่างวันที่ 18-30 มิถุนายน 2568 เริ่มต้นลงทุน 500,000 บาท โดยมีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก Kasikorn Vision Private Fund I (Shanghai) Limited Partnership ที่เน้นลงทุนใน 3 ด้าน คือ
ทั้งนี้ ความน่าสนใจของกองทุน K-CHINNO25A-UI อยู่ที่การผสานความเชี่ยวชาญของผู้จัดการกองทุนหลักจาก KVPE และที่ปรึกษาการลงทุน Stepstone ซึ่งมีความเข้าใจตลาดเชิงลึก มีกระบวนการลงทุนตามมาตรฐานระดับโลก และเครือข่ายที่กว้างขวาง สามารถนำผู้ลงทุนเข้าถึงบริษัทนอกตลาดของจีนได้อย่างมั่นใจ โดยกองทุนจะเรียกเก็บเงินลงทุนครั้งเดียว (Single Call) และกองทุนมีอายุประมาณ 8 ปี 2 เดือน
ตลาด Private Equity ในจีนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีขนาดสินทรัพย์เพิ่มจาก 8.7 ล้านล้านหยวนในปี 2018 เป็น 14.4 ล้านล้านหยวนในปี 2567 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและศักยภาพของตลาดนี้ โดยกองทุน K-CHINNO25A-UI ไม่เพียงแต่เป็นโอกาสในการลงทุน แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงระบบนิเวศทางการเงินของไทยเข้ากับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจจีนที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศอย่างเข้มข้น นอกจากนี้ การเลือกใช้กลยุทธ์การลงทุนในตลาดรองถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ทั้งในแง่ของราคาที่ย่อมเยาและคุณภาพของสินทรัพย์ที่น่าสนใจ อีกทั้งจีนยังได้วางรากฐานที่แข็งแกร่งในการพัฒนาเทคโนโลยี โดยเน้นการส่งเสริมบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (STEM) มีการสร้างห่วงโซ่อุปทานให้ครบครัน ซึ่งช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้า และมีการอัดฉีดเงินลงทุนจากภาครัฐในเทคโนโลยีขึ้นแนวหน้า (Frontier Technologies) อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 20 ปี ล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้เห็นว่าตลาด Private Equity ของจีนยังมีความน่าสนใจอยู่มาก
กองทุน K-CHINNO25A-UI เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน เหมาะสำหรับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษที่สามารถถือครองได้เป็นเวลาประมาณ 8 ปี 2 เดือน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนที่สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท ผ่าน Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย และบลจ.กสิกรไทย โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร (ที่ 2 จากขวา) ประธานมูลนิธิกสิกรไทย และ รศ.ดร. อุไรพรรณ เจนวาณิชยานนท์ (ที่ 2 จากซ้าย) อธิการบดีมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการและวิจัย เพื่อการพัฒนายาจากพืชและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์เพื่อส่งเสริมสุขภาพและความงาม และการพัฒนาชุดทดสอบเพื่อใช้ในกระบวนการผลิตและตรวจสอบพืชยาและสารสกัดจากพืชยา ตามแนวทางพืชยาคืนป่า ภายใต้โครงการน่านแซนด์บอกซ์ เพื่อการบูรณาการศาสตร์แห่งการแพทย์ ทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนจีน เภสัชศาสตร์ และวิทยาศาสตร์เพื่อสุขภาพ นับเป็นความร่วมมือที่จะช่วยยกระดับคุณค่าและมูลค่า สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ควบคู่ไปกับการฟื้นคืนป่าต้นน้ำน่าน ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำอันดับหนึ่งของประเทศ โดยมี ภญ.ภควรรณ เทพสิทธิทรากรณ์ (ขวา) รองประธาน สถาบัน เค อะโกร-อินโนเวท และ ดร. โจนาธาน รันเต คาร์รียอน (ซ้าย) รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ร่วมเป็นสักขีพยาน เมื่อเร็วๆ นี้