×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 805

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 813

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 802

การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกในปัจจุบัน ทำให้สถาบันการศึกษาทุกแห่ง ล้วนแล้วแต่ต้องพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนใหม่ เพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค Thailand 4.0 รวมถึงโลกยุคดิจิทัลด้วย

ผศ.ดร.วิพุธ อ่องสกุล คณบดีคณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวว่า บนโลกใบนี้ที่ถูก Disrupt ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำธุรกิจ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจต้องมีการปรับตัวอย่างไร

ปัจจุบันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการโรงแรม เป็นหนึ่งในภาคเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก อาชีพที่เกี่ยวข้องจึงเป็นที่นิยมและมีอัตราการแข่งขันสูง

MBA เปรียบเสมือนพาสปอร์ตสู่ความสำเร็จทางธุรกิจในอนาคต หากยังไม่แน่ใจว่าอยากเรียน MBA หรือไม่ ลองเปิดโอกาสให้กับตัวเอง เข้าร่วมงาน The MBA Tour 2017 ในวันเสาร์ที่ 16 กันยายนนี้ โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท ในงานนี้คุณจะได้พบกับคณะตัวแทนรับสมัครจากสถาบันธุรกิจชั้นนำ ที่จะสามารถให้คำแนะนำดีๆ ที่ช่วยให้เราเข้าใจหลักสูตร MBA มากยิ่งขึ้น และจะช่วยให้คุณได้ทราบรายละเอียดต่างๆ รวมไปถึงข้อมูลของหลักสูตร โอกาสต่างๆระหว่างการเรียน รวมไปถึงโอกาสหลังการจบการศึกษาและนอกจากนี้ยังช่วยให้คุณได้เปิดโอกาสในการได้ติดต่อกับสถาบันที่คุณสนใจ แบบใกล้ชิด ทำให้คุณตัดสินใจได้ง่าย เพื่ออนาคตของคุณ

 

ลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ http://bit.ly/TMT-MBAmagazine

รายชื่อสถาบันธุรกิจที่เข้าร่วมงาน

  1. Arizona State University
  2. Asia School of Business
  3. Bentley University
  4. Boston University
  5. Central Queensland University
  6. Cheung Kong Graduate School of Business
  7. College of William & Mary
  8. Columbia University
  9. ESSEC Business School
  10. GLOBIS University
  11. Hong Kong University of Science and Technology
  12. Hult International Business School
  13. IE Business School
  14. Johns Hopkins University
  15. London Business School
  16. National University of Singapore
  17. Portland State University
  18. University of British Columbia
  19. University of California, Los Angeles
  20. University of Michigan
  21. University of Missouri-Kansas City
  22. University of Texas at Austin
  23. Washington University in St. Louis
  24. Yonsei University
  25. York University - Schulich School of Business

 

ทำไมถึงต้องเรียน MBA ?

  • เงินเดือนสูงขึ้น โดยเฉลี่ยแล้วเงินเดือนสำหรับผู้จบ MBA นั้นสูงกว่าพนักงานที่จบวุฒิการศึกษาปริญญาโทปกติ โดยเฉพาะหากทำงานสายการเงิน หรือด้านการให้คำปรึกษา นับว่าเป็นงานที่ได้ค่าตอบแทนสูง  อย่างไรก็ตามงานด้านอื่นๆ ก็มีสัดส่วนเงินเดือนที่สูงเช่นกัน ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับประสบการณ์ สายงาน และบริษัท
  • โอกาสเลือกงานที่ดีกว่า คนส่วนใหญ่เลือก เรียน MBA  เนื่องจากด้วยคุณสมบัติ โอกาสการได้รับบรรจุเข้าตำแหน่งงานด้านการบริหารจัดการในระดับสูงก็มีมากขึ้น  มีการประเมินว่า 70% ของผู้ที่จบ MBA ทั่วโลก มีตำแหน่งงานเป็น Senior Manager หรือ board directors  ถึงอย่างไรก็ตาม เมื่อตำแหน่งสูงขึ้น นั่นก็หมายความว่าคุณก็จะมีภาระหน้าที่ความรับผิดชอบที่สูงขึ้น และอาจมีจำนวนชั่วโมงทำงานที่ยาวนานกว่าตำแหน่งงานทั่วไป
  • มีเครือข่ายธุรกิจที่ดี การที่คุณเป็นนักศึกษา MBA นับเป็นโอกาสหนึ่งในการที่คุณจะมีเครือข่ายที่ดี เพราะได้มีปฏิสัมพันธ์ที่เน้นความสามารถในการจัดการในวงกว้างร่วมกับศาสตราจารย์ ผู้สอน (ผู้ซึ่งเคยเป็นหรือปัจจุบันเป็นผู้ที่ช่ำชองในโลกธุรกิจที่มากด้วยประสบการณ์)
  • ปรับทัศนคติในองค์รวมต่อโลกธุรกิจ อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าการเรียน MBA จะทำให้คุณกลายเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายระดับ professional รวมไปถึงบริษัท ซึ่งคุณจะได้สร้างความท้าทายใหม่ๆ ให้ตัวเองผสมผสานกับทักษะการแก้ปัญหาใหม่ๆ สิ่งเหล่านี้จะสร้างมุมมองทางโลกธุรกิจที่ดีเยี่ยมให้แก่คุณ ซึ่งมุมมองและความไวต่อการรับรู้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะเปลี่ยนได้โดยปราศจากการใช้ระยะเวลาบ่มเพาะอันยาวนาน หากคุณเป็นคนหนึ่งที่จัดอยู่ในประเภทสามารถรับความท้าทายใหม่ๆ ในตำแหน่งผู้นำ มีความรับผิดชอบมากมาย และชอบเรียนรู้และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

 

ประโยชน์ของการเข้าร่วมงาน

  • มีความหลากหลายในทางเลือก ในงานนี้ คุณจะได้พบกับตัวแทนจากสถาบันธุรกิจชั้นนำมากมาย ได้เรียนรู้รายละเอียดเกี่ยวกับหลักสูตรการเรียนการสอน การสอบเข้า ขั้นตอนการสมัครเรียนค่าเล่าเรียน และโอกาสในการได้รับทุนการศึกษา ด้วยข้อมูลที่ครบถ้วนนี้คุณจึงสามารถเลือกสถาบันและโปรแกรมที่เหมาะสมกับคุณได้ง่ายขึ้น
  • โอกาสในการปรับเปลี่ยนใบสมัครของคุณ ในการเตรียมใบสมัคร สำหรับหลักสูตร MBA นั้นไม่ง่ายเลย จดหมายแนะนําตัวและ Statement of Purpose คุณควรเตรียมตัวให้ดีเพื่อเพิ่มโอกาสในการในการตอบรับเข้าเรียนในสถาบันที่ต้องการ โดยในงานนี้ ตัวแทนของสถาบันจะให้คำปรึกษาที่จะทำให้ใบสมัครของคุณนั้นโดดเด่นและเข้าตากรรมการ
  • กำหนดการส่งใบสมัคร การส่งใบสมัครล่าช้านั้นสามารถทำลายความพยายามทั้งหมดของคุณที่มีก่อนหน้านี้ได้ การเข้าร่วมงานนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดการเตรียมความพร้อมของคุณ เช่นเวลาที่จะทำการทดสอบภาษาอังกฤษหรือทดสอบ GMAT ฯลฯ
  • วีซ่า วีซ่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากหลังจากการได้รับการตอบรับเข้าเรียน หากคุณทำวีซ่าไม่ผ่าน คุณจะไม่สามารถเริ่มเรียนตามโปรแกรมได้ทันเวลา วิทยากรของเราที่ The MBA Tour จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการทำให้ผ่านการสัมภาษณ์วีซ่า

ติดตามข่าวสารจากเราได้ที่ Envision MBA Thailand อัพเดทข่าวสารกิจกรรมการศึกษา Education Event /  Event Information Session ( https://www.facebook.com/EnvisionMBA.Thailand/ )

 “ถามว่าวอลมาร์ตรู้หรือไม่ว่าจะมีการขายของออนไลน์ ถ้าเทียบกับอเมซอนทำไมอเมซอนประสบความสำเร็จ เป็นเพราะวอลมาร์ต มีเงินน้อยกว่า ไม่เก่งกว่าหรือไม่ คำตอบคือ ไม่ วอลมาร์ต เก่ง รวยมีทุกอย่างที่เหนือกว่าอเมซอน แต่สิ่งที่น่าสนใจคือทำไมวอลมาร์ตไม่สามารถทำออนไลน์ประสบความสำเร็จเท่ากับอเมซอน คำตอบที่น่าสนใจคือแผนธุรกิจ (Business Model) เนื่องจากกำไรของวอลมาร์ตมาจากการขายออฟไลน์”

 

“อเมซอนไม่มีสาขา ไม่ยึดติดกับสาขา นี่คือ Business Model ที่ให้ประสบการณ์ผู้บริโภคดีกว่า ลองนึกภาพอเมซอนไม่มีสาขาแลกเปลี่ยนสินค้าไม่ได้ แสดงว่า ผมต้องแน่ใจว่าเวลาสั่งอะไรจากออนไลน์ สินค้าที่ไปส่งต้องได้ในสิ่งที่เขาคาดหวัง แต่ถ้าเป็นวอลมาร์ตไม่ได้ก็เอาไปเปลี่ยนที่สาขาก็ได้ คำถามคือแล้วผมจะสั่งออนไลน์ไปทำไม ก็เดินไปซื้อที่สาขาก็ได้ นั่นคือวอลมาร์ตยังมีความสุขกับการมีสาขา

อเมซอนที่ประสบความสำเร็จเพราะเขาใช้ Central Warehouse สต็อกทุกอย่างรวมตรงกลาง แต่วอลมาร์ตกำลังจะบอกว่าออนไลน์ของเราจะต้องใช้ประโยชน์จากออฟไลน์คือให้ไปเอาสต็อกที่สาขา นึกภาพลูกค้าสั่งสัก 10 รายการ แล้วเวลาส่งของต้องไปเอาสต็อกจากสาขา ปรากฏว่าสาขาที่ 1 มีแค่ 8 รายการ ที่เหลือต้องไปเอาที่สาขาอื่น ต้นทุนก็มหาศาลแล้ว เผลอๆ ส่งได้ 9 ชิ้น แล้วอีกชิ้นหนึ่งละ ให้รอไปก่อนหรือไม่อยากรอเอาใบที่พรินต์จากออนไลน์ไปรับของที่สาขา ถ้าต้องไปสาขาผมก็ไปสาขาซื้อครั้งเดียวก็จบหรือไม่

Business Model แบบนี้ ลูกค้าไม่เคยประทับใจทำให้วอลมาร์ตไม่ประสบความสำเร็จ สองต้นทุนคุณมีสองด้าน สาขาก็มี ออนไลน์ก็มี จึงเป็นที่มาว่าองค์กรที่มี Business Model ที่เป็นออฟไลน์แล้วประสบความสำเร็จ

ซึ่งตอนหลังวอลมาร์ตเริ่มเข้าใจและปรับตัว แต่ใช้เวลาเกือบ 8-9 ปี อเมซอนก็ปรับตัวมีสาขา เพราะวอล-มาร์ทสามารถสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีในออนไลน์”

 

ผศ.ดร.วิพุธ อ่องสกุล คณบดี คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA BUSINESS SCHOOL) ยกตัวอย่างกรณีศึกษาที่จะใช้ในการเรียนการสอนนักศึกษาของคณะ ในยุคปัจจุบันโดยจะเลือกเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ Digital Transformation สอดแทรกให้กับนักศึกษาในวิชาต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมผู้เรียนให้สามารถรับมือกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค รวมถึงกลไกวิธีการทำงานในอุตสาหกรรมที่กำลังปรับเปลี่ยน ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีด้านต่างๆ ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้ชีวิตและรูปแบบการทำงานของคนในแทบทุกอุตสาหกรรม สถาบันการศึกษาในฐานะแหล่งพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงก็จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรองรับการผลิตบุคลากรป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมต่างๆ แม้ประเทศไทยจะยังไม่เห็นผลกระทบที่ชัดเจนจากกระแสดิจิทัลในแวดวงการศึกษามากนัก เห็นได้จากรูปแบบการเรียนการสอนที่ยังเน้นการใช้ห้องเรียน ตำราวิธีการสอนยังคงไม่แตกต่างจากที่เคยเป็นมาเท่าใดนัก แต่จากพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่สามารถค้นหาองค์ความรู้ที่สนใจจากสื่อออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง แรงกระเพื่อมนี้อาจส่งผลต่อผู้เรียนในยุคต่อไป 

ปรับบทบาทสถานศึกษา

หากมองจากบทบาทของสถาบันการศึกษา 3 ประการที่สำคัญ ประกอบด้วย Creation of Knowledge การสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ผ่านกระบวนการวิจัย Disseminate of Knowledge คือการเผยแพร่ความรู้ และ Authority Granted Degree เป็นผู้มีอำนาจในการให้ปริญญา

ผศ.ดร.วิพุธ มองผลกระทบต่อสถาบันอุดมศึกษาจากความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมา และการเตรียมพร้อมรับมือโดยแบ่งไปตามแต่ละบทบาทว่า

“เพราะพฤติกรรมของคนเปลี่ยน เรื่องการเรียนรู้ของคนก็เปลี่ยน จากเดิม หนึ่งมาในห้องเรียน สองซื้อหนังสืออ่าน ปัจจุบันแหล่งการเรียนรู้ของมนุษย์เปลี่ยนรูปแบบเช่นเดียวกับการเสพสื่อ เราก็จะเห็นคนเปลี่ยนพฤติกรรมไป เราก็เห็นว่าเทรนด์เหล่านี้เป็นเทรนด์ที่สำคัญ อะไรที่จะเป็นสิ่งสำคัญในเทรนด์ที่กำลังจะเปลี่ยน หากดูจากบทบาททั้งสามของเรา บทบาท Disseminate of Knowledge เราจะเห็นว่าแหล่งการเรียนรู้ในปัจจุบัน มีแหล่งเรียนรู้ได้หลากหลายอย่าง เช่น ผ่านระบบ MOOC Massive Online Learning, You Tube แม้แต่ฟรีแวร์ต่างๆ ที่เป็นระบบการเรียนรู้ที่เรียกว่า LMS Learning Management System 

แสดงว่าในเชิงของการเผยแพร่ความรู้เราต้องเปลี่ยนวิธีการ เนื่องจากการเรียนรู้ของคนเปลี่ยน เราต้องเปลี่ยนวิธีการสอน การเผยแพร่ความรู้ การสร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้ที่มาเรียนหนังสือ ดังนั้น ต่อไปนี้การเรียนรู้จะเป็นรูปแบบที่มหาวิทยาลัยควรต้องเปลี่ยนคือเป็น Interactive Learning เป็นการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน ผู้เรียนกับผู้เรียนด้วยกันเอง ซึ่งโดยขอบเขตในอดีตจะอยู่ในห้องเรียน ปัจจุบันคือ สามารถเรียนรู้ได้ Anywhere Any Platform Anytime 

ทางคณะบริหารธุรกิจก็ต้องเริ่มสอนทางออนไลน์ บางคนอาจจะมองออนไลน์เป็นการเรียนการสอนทางไกล แต่ไม่ใช่ การเรียนรู้ออนไลน์จะมาช่วยให้ Interactive Learning ดียิ่งขึ้น เขาสามารถถามคำถามอาจารย์ เดิมกว่าจะถามคำถามอาจารย์ได้ต้องถามในห้องเรียน ปัจจุบันนึกขึ้นมาได้ก็ยกมือถือมากด หน้าที่อาจารย์ที่ต้องทำงานหนักมากขึ้น คือต้องตอบสนองต่อคำถามเหล่านั้น และถ้ามีคำถามมาคล้ายๆ กันจากนักศึกษาหลายคน อาจารย์อาจจะหาทางตอบคำถามนั้นในเชิง Mass ได้เช่นอาจจะอัดคลิป พวกนี้เป็นระบบที่รองรับการเรียนรู้ของคนรุ่นใหม่ เพราะการเรียนรู้จะไม่ใช่เวลาเจาะจงแล้ว ขึ้นกับว่าช่วงนั้นเขาว่าง เขาอยากเรียนรู้ ก็จะกลายเป็นมีเวลาในการเรียนต่างกัน ภายใต้ Platform เดียวกัน สมัยก่อนต้องมา 18.00-21.00 เท่านั้น ปัจจุบันเราอาจจะไม่ว่าง 6 โมงเย็น เราว่างเที่ยงคืนเราก็สามารถเรียนผ่านระบบออนไลน์ คือดูคลิปอาจารย์ สงสัยก็อาจจะไปดูเว็บบอร์ด ทิ้งคำถาม ดูว่ามีเพื่อนตอบไหม ซึ่งอาจจะมีเพื่อนช่วยตอบตอนนั้นก็ได้ อาจจะมีเพื่อนบางคนเรียนมาแล้วตอน 6 โมงเย็น

Creation of Knowledge เราก็มองถึง R to R คือ Routine to Research หรือ Project to Research หมายถึงว่างานที่อาจารย์ทั้งหลายได้ไปให้คำปรึกษาน่าจะสามารถนำมาเขียนเป็น Action Research ได้ คือสามารถนำมาสรุปผลเพื่อทำให้การเอาผลจากที่เราไปศึกษาเชิงลึกมาใช้พัฒนาหรือใช้ปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับองค์กร เช่น เราไปช่วยองค์กรหนึ่งในการปรับปรุงเรื่องอัตราการลาออก เราได้ข้อสรุปจากการเข้าไปเกี่ยวข้อง ได้โมเดลมา เราก็สามารถนำโมเดลนั้นมาใช้ในการแก้ปัญหา หรือเผยแพร่ให้องค์กรอื่นสามารถนำวิธีการที่ประสบความสำเร็จมาใช้ได้ ซึ่งนักวิจัยเป็นคีย์สำคัญในการเชื่อมเรื่องเหล่านี้ เพราะถ้าเราไปดู Best Practice ถ้าไม่มีนักวิจัยจะเห็นแค่ผล แต่ไม่เห็นวิธีการ ในเชิงลึกๆ ซึ่งนักวิจัยเขาสามารถสรุปข้อดี สรุปผล และเชื่อมโยงระหว่างผลกับวิธีการให้เห็นความสัมพันธ์ชัดเจนมากยิ่งขึ้น นี่คือบทบาทที่ต้องเปลี่ยนไปของมหาวิทยาลัย 

เราสังเกตดู เรื่อง Disruptive ไม่ได้เปลี่ยน What แต่เปลี่ยน How เช่น เราพูดถึง Uber คำถามคือ Uber เปลี่ยน What หรือ How คำตอบคือเปลี่ยน How วิธีการเรียกแท็กซี่ อย่างไรสุดท้ายเรายังต้องเอาตัวเราไปขึ้นแท็กซี่และรถต้องพาเราไปอยู่ดี การเรียนการสอน การเผยแพร่ความรู้ก็ยังคงต้องมี แต่ว่าเปลี่ยนวิธีการในการสอนให้เป็น Interactive Learning  เรื่อง Authority Granted Degree สถาบันการศึกษาจะหมดความหมายหมดความสำคัญทันที ถ้าต่อไปนี้องค์กรเน้น Competency (สมรรถนะ ความสามารถ) ไม่เน้นใบดีกรี หมายถึงองค์กรอาจจะมีวิธีการคัดเลือกคนที่มี Competency เหมาะกับเขา เช่น Google ในสหรัฐอเมริกา เขาก็เริ่มจะไม่สนใจดีกรี ใน 3 บทบาท Disrupt ที่เรากลัวที่สุดคือ ตัวอุตสาหกรรม รับคนในรูปแบบของ Competency และพัฒนาคนเอง 

ผมว่าเรื่องนี้ยากที่สุด เป็นเรื่องที่มหาวิทยาลัยเองต้องเริ่มมองถึงตัวหลักสูตรให้ตรงกับอุตสาหกรรมมากขึ้น สมัยก่อน ตรงบ้างไม่ตรงบ้างเขาก็ยังยอมถูๆ ไถๆ กันไป อุตสาหกรรมชอบมาบ่น สอนอะไรมา สมัยก่อนยังมีช่องว่าง มหา-วิทยาลัยไม่ต้องปรับตัวมาก อุตสาหกรรมก็ยังยอมรับ แต่ปัจจุบันถ้าเรายังไม่ปรับตัว ไม่ฟังเสียงอุตสาหกรรมอยากสอนอะไรก็ไม่รู้ ผมการันตีว่าตายแน่”

 

ภารกิจต้องเปลี่ยน

เพื่อรองรับกับการปรับบทบาทของสถาบันการศึกษา ภารกิจอาจารย์นิด้าจึงต้องเปลี่ยนตามไปด้วยสูตร 1/3+1/3+1/3 คือ การออกไปให้คำปรึกษา สอน และเขียนงานวิจัย อย่างละ 1 ใน 3 เพื่อตอบโจทย์การหาองค์ความรู้ใหม่ที่ตรงกับความความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ขณะเดียวกัน การเรียนการสอนออนไลน์ก็เป็นอีกเรื่องที่ ผศ.ดร.วิพุธ ให้ความสำคัญ เขาเล่าแนวคิดที่มีว่า หากการเรียนออนไลน์แล้วยังต้องให้ผู้เรียนมาที่สถาบันการศึกษาอีกก็จะไม่ประสบผลสำเร็จ ดังนั้นรูปแบบการเรียนการสอนออนไลน์ของคณะบริหารธุรกิจ ที่เตรียมไว้ต่อไปจะต้องเป็นออนไลน์ 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นได้ หากเลือกทำแบบครึ่งหนึ่งออนไลน์ ครึ่งหนึ่งออฟไลน์ ก็จะไม่สามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจน

“เราจะแยกอาจารย์เป็น 2 กลุ่ม คุณสอนออนไลน์คุณจะไม่มีสิทธิเจอนักศึกษา ไม่ต้องเข้ามา ดังนั้นตอนนำไปปฏิบัติ (Implement) แยก แต่ตอนใช้งานจริง ผมอาจจะให้นักศึกษาเลือกได้ ครึ่งหนึ่งเรียนออนไลน์ อีกครึ่งขอมาเจอหน้า อาจารย์เพื่อนๆ ตอนนั้นทำได้ แต่ตอน Implement แยกกัน ไม่เช่นนั้นจะไม่มีวันสำเร็จ คุณจะทำแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ให้ประสบการณ์ที่ดีกับเด็กที่ไม่เจอหน้า ที่เขาสามารถเรียนรู้ได้ดีขึ้น”  ผศ.ดร.วิพุธกล่าวและอธิบายต่อว่า

แม้รูปแบบการเรียนการสอนจะเปลี่ยนไป แต่ภาระหน้าที่ทั้งของผู้เรียนและผู้สอนยังคงมีมากเช่นเดิม โดยเฉพาะในฝั่งอาจารย์ ที่ต้องปรับให้เหมาะกับพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ เช่น เนื้อหาที่ใช้สอนจะต้องสั้นกระชับ มีการปรับเปลี่ยนการนำเสนอ ลำดับขั้นเนื้อหาให้เหมาะสมกับการเรียนการสอนแบบออนไลน์ อาจารย์ที่เข้าร่วมการสอนออนไลน์จะต้องคอยปรับปรุงเนื้อหาการเรียนการสอนจนกว่าสิ่งที่ทำไปนั้นลงตัวซึ่งถือว่าเป็นการเรียนรู้ของคณาจารย์ไปพร้อมกัน
 

ผศ.ดร.วิพุธ ให้ความเห็นว่า การเริ่มต้นก่อนเป็นเรื่องที่ดี เพราะผู้ที่เริ่มก่อนมีโอกาสทดลองทำในสิ่งต่างๆ ได้มากกว่า ในช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลง การปรับตัวเองอย่างรวดเร็วย่อมดีกว่าไปเปลี่ยนตอนที่อุตสาหกรรมปรับไปหมดแล้ว ซึ่งอาจจะไม่ทันกาล เพราะมีตัวอย่างให้ผู้บริโภคเห็นสามารถนำมาเปรียบเทียบได้ ในส่วนของเนื้อหาวิชาการยังคงเป็นวิชาทางด้านบริหารธุรกิจที่เป็นแกน แต่จะสอดแทรกแนวคิดเรื่อง Digital Transformation ไปตามรายวิชาต่างๆ เพื่อให้นักศึกษากล้าที่จะทดลองทำสิ่งใหม่ๆ เพราะการทดลองในห้องเรียนมีข้อดีคือ ยังไม่มีต้นทุน ทำให้นักศึกษาสามารถหลุดจากกรอบสิ่งแวดล้อมเดิมๆ สามารถนำเสนอรูปแบบใหม่ๆ โดยอาจารย์แต่ละวิชาจะให้ผู้เรียนคิดภายใต้นิเวศใหม่เพื่อรับการเปลี่ยนแปลง เพราะระบบนิเวศใหม่บนโลกใบนี้ที่ดิจิทัลกำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น รูปแบบหรือ How ที่เปลี่ยนไปในเกือบทุกอุตสาหกรรมเป็นเรื่องที่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะเลือกใช้ความรู้ความชำนาญที่มี ผสมผสานกับแนวคิดใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อนำ What หรือสิ่งที่องค์กรนำเสนอไปสู่ผู้บริโภค ตราบที่องค์กรธุรกิจยังต้องมีการบริหารการจัดการ เนื้อหาวิชาจากโรงเรียนธุรกิจ ก็ยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพ รองรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแต่ละยุคสมัยได้อย่างดีที่สุด

 

เรื่อง : กองบรรณาธิการ 
ภาพ : วันเฉลิม สุทธิรักษ์

 

X

Right Click

No right click