กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) โดย วิจัยกรุงศรี ประเมินเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตตามวัฎจักรเศรษฐกิจ แม้การเติบโตจะยังไม่กระจายตัวและมีความไม่แน่นอน โดยคาดว่าในปี 2567 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ 3.4% ซึ่งไม่รวมผลของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ด้วยแรงส่งส่วนใหญ่มาจากปัจจัยภายในประเทศ

ดร.พิมพ์นารา หิรัญกสิ หัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (จำกัด) มหาชน กล่าวว่า “วิจัยกรุงศรีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัวที่ 3.4% ซึ่งตัวเลขนี้ไม่นับรวมผลของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต โดยมีปัจจัยภายในประเทศเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ ได้แก่ 1) การฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว จากมาตรการสนับสนุนของภาครัฐและความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวที่ปรับดีขึ้น โดยประมาณการว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นจาก 27.7 ล้านคนในปี 2566 เป็น 35.6 ล้านคนในปี 2567 แม้จะยังไม่กลับสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดของโควิดที่ 40 ล้านคนก็ตาม  2) การบริโภคภาคเอกชนยังคงเติบโตต่อเนื่องที่ 3.3% โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น กอปรกับยังมีผลเชิงบวกจากนโยบายของภาครัฐที่ช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพและมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย  3) การใช้จ่ายภาครัฐจะมีบทบาทมากขึ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2567 ภายหลังจากการอนุมัติพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีวงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท (เพิ่มขึ้น 9.3% จากงบประมาณในปีงบฯ ก่อน) ส่งผลให้การบริโภคและการลงทุนภาครัฐในปี 2567 คาดว่าจะกลับมาขยายตัวที่ 1.5% และ 3.0% ตามลำดับ จากที่คาดว่าจะหดตัวในปี 2566 และ 4) การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะเติบโตดีขึ้นที่ 3.5% ตามการเติบโตของภาคบริการและกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งนโยบายภาครัฐในการส่งเสริมอุตสาหกรรมสำคัญๆ

อย่างไรก็ตาม ภาคส่งออกยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่ำ เนื่องจากยังเผชิญแรงกดดันจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า โดยคาดว่าการส่งออกของไทยจะขยายตัว 2.5% ในปี 2567 จากที่คาดว่าจะหดตัว -1.5% ในปี 2566 อันเป็นผลจากปัจจัยเฉพาะ เช่น วัฏจักรการฟื้นตัวของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อานิสงส์จากการรักษาความมั่นคงทางด้านอาหาร และความร่วมมือทางเศรษฐกิจภายในภูมิภาค (Regionalization) เป็นต้น การทยอยฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นคาดว่าจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับเพิ่มจาก 1.3% ในปี 2566 เป็น 2.0%

สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2567 วิจัยกรุงศรีคาดการณ์ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงไว้ที่ 2.50% ตลอดทั้งปี 2567 เพื่อดูแลเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นให้อยู่ภายในกรอบเป้าหมายและเอื้อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวกลับเข้าสู่แนวโน้มระยะยาว ขณะเดียวกันยังเป็นการรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบาย (Policy space) เพื่อรองรับความเสี่ยงที่มีอยู่มากในอนาคต

“แม้เศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะมีแนวโน้มปรับดีขึ้นแต่อัตราการเติบโตยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน โดย IMF คาดว่า GDP ของกลุ่มประเทศอาเซียน-5 จะเติบโตที่ 4.5% ในปี 2567 เร่งขึ้นเล็กน้อยจาก 4.2% ในปี 2566 สำหรับปัจจัยภายในประเทศที่อาจกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ได้แก่ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงท่ามกลางต้นทุนการกู้ยืมที่ปรับเพิ่ม ผลกระทบจากภัยแล้งที่อาจรุนแรงขึ้น รวมทั้งปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ประชากรสูงวัย การขาดแคลนแรงงาน และความสามารถในการแข่งขันที่ลดลงในหลายอุตสาหกรรม ส่วนปัจจัยภายนอกประเทศที่อาจสร้างความเสี่ยงในปี 2567 ได้แก่ ผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยในหลายประเทศที่สูงสุดในรอบกว่าสองทศวรรษที่อาจกดดันเศรษฐกิจและภาคการเงินในประเทศแกนหลักของโลก การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนท่ามกลางความเปราะบางในภาคอสังหาริมทรัพย์ การแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจขยายวงกว้างในระยะต่อไป” ดร.พิมพ์นารา กล่าวเพิ่มเติม

คว้ารางวัลชนะเลิศ พร้อมโอกาสต่อยอดสู่การเป็นครีเอเตอร์มืออาชีพ

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) ประสานพลังความร่วมมือกับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. นำความเป็นเลิศของทั้งสองสถาบันสร้างความเข้มแข็งให้กับ Tech Ecosystem ของประเทศไทย ผ่านการสนับสนุนด้านการศึกษา งานวิจัย การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงการแบ่งปันความรู้และโอกาสให้กับนักศึกษา ชุมชน และสังคม เพื่อต่อยอดการเติบโตของทั้งสองสถาบัน พร้อมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่โลกอนาคตอย่างยั่งยืนด้วยองค์ความรู้และนวัตกรรม

ดร. วศิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านทรัพยากรบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยตลาดแรงงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศหรือ Tech Talent มีความต้องการสูง ขณะที่โอกาสในการเรียนรู้และลงมือปฏิบัติงานจริงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพและความสามารถของนักศึกษาให้พร้อมสำหรับตลาดแรงงาน กรุงศรี และบริษัทในเครือ ได้แก่ กรุงศรี ฟินโนเวต กรุงศรี นิมเบิล กรุงศรี คอนซูมเมอร์ และกรุงศรี ออโต้ จึงพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ทั้งด้านความรู้ และประสบการณ์ทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้กับนักศึกษาและบุคลากรของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง รวมถึงเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้พัฒนาต่อยอดความรู้ความสามารถ และได้ลงมือทำงานในสภาพแวดล้อมจริง แก้ไขปัญหาไปกับทีมงาน ซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์ที่จะสร้างให้บัณฑิตแข็งแกร่งขึ้น นอกจากนี้ กรุงศรี ยังพร้อมส่งเสริมงานวิจัยทางด้านเทคโนโลยี เพื่อนำไปต่อยอดเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งนี้เพื่อเป้าหมายในการสร้าง Tech Ecosystem ที่เอื้อต่อการพัฒนาธุรกิจและประเทศต่อไป”

ด้าน รศ.ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า  “การร่วมมือกับกรุงศรี ในครั้งนี้ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ สจล. ในการเป็นผู้นำนวัตกรรมระดับโลก หรือ The World Master Of Innovation และด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม วิจัย สจล. พร้อมเดินหน้าร่วมสร้างเครือข่ายการทำงานทั้งในระดับประเทศและระดับโลก เพื่อผลิตทรัพยากรมนุษย์ที่มีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคู่จริยธรรม และรักษาไว้ซึ่งศิลปวัฒนธรรมอันดีของประเทศ ในโอกาสนี้ ต้องขอขอบคุณ ผู้บริหาร และผู้ทำงานทุกภาคส่วน ที่ทำให้เกิดความร่วมมือนี้บนพื้นฐานความเข้าใจอันดีต่อกัน และประสานผลประโยชน์ในการพัฒนาความรู้ทางวิชาการ งานวิจัยและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติต่อไป”

สำหรับโครงการความร่วมมือในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาและบุคลากรของทั้งสองฝ่าย เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางปัญญาระหว่างสองสถาบันอย่างเป็นรูปธรรมผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ การจัดตั้งโครงการศึกษาและวิจัยร่วมกัน เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง การจัดตั้งโปรแกรมการฝึกอบรม สัมมนา พัฒนาบุคลากรและนักศึกษาร่วมกัน เพื่อยกระดับทักษะและการสร้างทักษะใหม่ให้เท่าทันปัจจุบัน การสนับสนุนการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ (Startup) ให้แก่นักศึกษาและบุคลากรจากทั้งธนาคารและบริษัทในเครือ และสจล. เป็นต้น โดยมุ่งหวังว่าการร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นแรงผลักดันสำคัญที่จะช่วยสร้าง Tech Ecosystem ที่สมบูรณ์เพื่อช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่โลกอนาคตได้อย่างยั่งยืน

กรุงศรี ไพรเวท แบงก์กิ้ง นำโดย นายพงษ์อนันต์ ธณัติไตร (กลาง) ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคล นางสาวกนกวรรณ ศุภนันตฤกษ์ (ซ้าย) ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านเครือข่ายการขาย และนายวิน พรหมแพทย์, CFA (ขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ รับรางวัล ‘LAUNCH OF THE YEAR’ จากเวที Private Banker International Global Wealth Awards 2023 ซึ่งเกิดจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาโซลูชันด้านการลงทุนเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง (Ultra High Net Worth) อาทิ บัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ การลงทุนตรงในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนรวมต่างประเทศ หุ้นต่างประเทศ และพันธบัตรต่างประเทศ รวมทั้งหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง หรือ Structured Notes ที่ออกในสกุลดอลล่าร์ เป็นต้น โดยในปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จจากการลงทุนในหุ้นนอกตลาด (Private Equity) ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดีด้วยอัตราผลตอบแทนที่โดดเด่น ทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่การเป็น Investment Wealth Advisory Bank หรือธนาคารที่ลูกค้านึกถึงเมื่อต้องการคำแนะนำการลงทุนอย่างแท้จริง

X

Right Click

No right click