![](/images/2021/09/22/-1.jpg)
![](/images/2021/09/22/-1.jpg)
นายองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า “แสนสิริเติบโตแข็งแกร่งมาตลอด 40 ปี จากจุดเริ่มต้นในการก้าวเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กับการพัฒนา บ้านไข่มุก ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม โครงการแรก ตั้งอยู่ริมชายหาดหัวหิน และเป็นโครงการ Flagship ของแสนสิริ ที่สร้างกระแส Talk of the Town มาตั้งแต่เปิดตัว ปัจจุบัน แสนสิริเดินหน้าขยายพอร์ตคอนโดมิเนียม 20 แบรนด์ เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ทุกระดับราคา ครอบคลุมทำเลศักยภาพทั่วประเทศ และในปี 2567 กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมแสนสิริ มุ่งเติบโตตามแนวทาง RESILIENT GROWTH - ยืนหยัด ยั่งยืน กับแผนการเปิดตัวคอนโดมิเนียม 20 โครงการ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการสร้างเรคคอร์ดสูงสุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ไทย พร้อมวางเป้ายอดขายคอนโดที่ 21,000 ล้านบาท และยอดโอนคอนโดที่ 13,000 ล้านบาท
“แสนสิริ เราให้ความสำคัญกับการบริหาร Portfolio เพื่อให้บริษัทมีผลประกอบการที่โตอย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ ตลอดจนการรักษามาตรฐานความเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในตลาด ผ่านการออกแบบที่โดดเด่น รักษามาตรฐานด้านคุณภาพของสินค้าและการบริการ โดย 5 เดือนที่ผ่านมา แสนสิริสามารถสร้างยอดขายแล้วกว่า 7,300 ล้านบาท (คิดเป็น 35% ของเป้ายอดขาย) และมียอดโอน 3,400 ล้านบาท (คิดเป็น 26% ของเป้ายอดโอน) และในช่วงที่เหลือของปี เรายังคงทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องจากโครงการที่เปิดขายอยู่ และพร้อมโอนในปีนี้รวม 14 โครงการ มูลค่า 15,700 ล้านบาท” นายองอาจ กล่าว
กลุ่มธุรกิจคอนโด มุ่งขับเคลื่อนเต็มสูบสู่ความสำเร็จภายใต้กลยุทธ์องค์กร โดยพาะอย่างยิ่ง การรุกพัฒนาโครงการใน Strategic Location หัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ทุกระดับราคา รองรับทุกความต้องการของลูกค้า ปัจจุบัน แสนสิริมีสัดส่วนโครงการคอนโดเปิดใหม่ ใน Strategic Location มากถึง 45% (9 โครงการ มูลค่า 11,800 ล้านบาท) โดยมุ่งเน้นทำเลในหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ รวมถึงตลาดฝั่ง EEC โซนภาคตะวันออก ตั้งแต่ พัทยา บางแสน ไปถึงขอนแก่น รวมทั้งหัวหิน ทำเลที่แสนสิริมีความเชี่ยวชาญมากว่า 40 ปี พร้อมชูไฮไลท์โครงการใหม่ แคนวาส เชิงทะเล (Canvas Cherng Talay) มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท ตั้งอยู่ในโซนเชิงทะเล-บางเทา จังหวัดภูเก็ต ที่กำลังเป็นทำเล Happening ยอดนิยมในกลุ่มชาวยุโรป ที่ส่วนใหญ่มาพักอาศัยแบบ Long-Stay เตรียมเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้
การปักหมุดโครงการบนสุดยอดทำเลศักยภาพในย่าน CBD ที่มีดีมานด์ บนทำเลสุขุมวิท ได้แก่ เวีย 34 (Via 34) มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท บนสุขุมวิท 34 และ เวีย 61 (เวีย 61) มูลค่าโครงการ 1,200ล้านบาท บนสุขุมวิท 61 โดยทั้ง 2 โครงการ แสนสิริจะพัฒนาภายใต้แบรนด์เวีย (Via) ซึ่งเป็นแบรนด์คอนโดภายใต้ Aesthetic Collection ของแสนสิริ และอีกหนึ่งโครงการใหม่ จากซีรี่ส์ One of a Kind Project โครงการใหม่หนึ่งเดียว โดดเด่นบนทำเลศักยภาพบนสุขุมวิท 36
ทั้งนี้ แสนสิริพร้อมเปิดตัว 2 แคมเปญไฮไลท์ ได้แก่ Pets Welcome Condo แสนสิริลุยตลาดคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ รับกระแส Pet Parent หลังเล็งเห็นพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้า ที่หันมาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในคอนโดมากขึ้น เพื่อรองรับพอร์ตคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ของแสนสิริ โดยเร็ว ๆ นี้ จะมีโครงการ พินน์ ศูนย์วิจัย (PYNN Soonvijai) ที่เตรียมเปิดตัวในไตรมาส 3 นี้ พร้อมเตรียม Pets Welcome Kits เพื่อดูแลน้อง ๆ สี่ขา เมื่อเข้ามาเยี่ยมชมโครงการคอนโดกับเจ้าของอีกด้วย
นอกจากนี้ แสนสิริเดินหน้าต่อยอดแบรนด์คอนโด ที่ประสบความสำเร็จ กับกลยุทธ์ Brand Refresh ปรับโฉมแบรนด์ เดอะ เบส (THE BASE) ครั้งใหญ่ ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป ควบคู่กับการพัฒนาโปรดักส์ให้เข้ากับการใช้ชีวิตของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละโลเคชั่น ตั้งแต่ การขยายพื้นที่ด้วยแปลนหน้ากว้าง, เพิ่มพื้นที่สีเขียวมากขึ้น, ดีไซน์ห้องแบบลอฟท์ และครั้งแรกของแบรนด์เดอะ เบส ที่จะเป็น Pets Allowed ใน 2 ทำเลที่จะเปิดตัวในปีนี้ โดยจะมีโครงการ เดอะ เบส (THE BASE) รวม 4 โครงการ ได้แก่ เดอะ เบส ไรส์ ภูเก็ต (THE BASE Rise Phuket) ใกล้เซ็นทรัลภูเก็ต แค่ 2 นาที* ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท* และ อีก 2 โครงการใหม่บนทำเลรัชดา และ วงศ์สว่าง รวมทั้งอีก 1 ทำเลใหม่ที่ขอนแก่น มูลค่าโครงการรวม 5,700 ล้านบาท
การเปิดตัว Affordable Condo อย่างต่อเนื่อง อย่างแบรนด์ ดีคอนโด เจาะทำเลคอมมูนิตี้ใหญ่ ใกล้มหาวิทยาลัย ใกล้แหล่งงานและมีดีมานด์ความต้องการคอนโดสูง เตรียมเปิดตัวทั้งหมด 4 โครงการ มูลค่ารวม 3,900 ล้านบาท และจ่อคิวโอน 6 โครงการ มูลค่ารวม 6,500 ล้านบาท โดยเร็ว ๆ นี้ จะมีเปิดตัว ดีคอนโด เซนส์ (dcondo sense Bangsan) มูลค่า 880 ล้านบาท และ ดีคอนโด คลาม (dcondo calm) มูลค่า 820 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 2 นี้ และเปิดตัวคอนโดภายใต้แบรนด์คอนโดมี (condo me) และเวย์ (Vay) กับจุดเด่นด้านราคาจับต้องได้ ให้เฟอร์ครบ ในหลากหลายทำเล รวม 3 โครงการ มูลค่า 1,110 ล้านบาท
และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่สำคัญคือการพัฒนา Super Luxury Condominiums ซึ่งนับเป็นจุดแข็งของแสนสิริ ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ที่มั่นใจในแบรนด์และประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญ 40 ปี ในฐานะนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ได้เซ็ตมาตรฐานในการสร้างสรรค์ผลงานระดับ World Class Design และล่าสุดได้สร้างสถิติใหม่อีกครั้ง หลังปิดการขายห้อง Penthouse พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว มูลค่าเกือบ 500 ล้านบาท ของโครงการแสนสิริในทำเลชิดลม แม้ยังไม่ได้เปิดตัว และยังมีอีก 2 โครงการใหม่ บนทำเลสารสินและสุขุมวิท 51 จ่อคิวสร้างความสำเร็จตามรอยโครงการในพอร์ต Sansiri Luxury Collection (SLC) และเตรียมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการอสังหาฯ ไทย
“แสนสิริให้ความสำคัญสูงสุดกับการยกระดับคุณภาพโครงการและบริการหลังการขาย ล่าสุดจับมือผู้รับเหมาแนวหน้าของประเทศ ด้วยมาตรฐานการทำงานระดับนานาชาติ ทั้งในด้านการก่อสร้าง คุณภาพ และความปลอดภัย เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการคุณภาพ รวมทั้งทำงานอย่างใกล้ชิดกับพลัส พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อส่งมอบบริการที่ครอบคลุมทุกมิติและทุกความต้องการของลูกบ้านตลอดช่วงการอยู่อาศัย เพื่อส่งต่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนให้กับครอบครัวแสนสิริ และครองความเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย” นายองอาจ กล่าวสรุป
นายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยถึงความสำเร็จการบุกตลาดที่อยู่อาศัยฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯในโซนราชพฤกษ์ตลอดทั้งเส้น ตั้งแต่ราชพฤกษ์ตอนต้น ตอนกลาง และตอนปลาย จากการเปิดขายบ้านและทาวน์โฮมมาแล้วทั้งหมด 26 โครงการ โดยแบ่งเป็นโครงการในปัจจุบันที่เปิดขาย 10 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 15,000 ล้านบาท และโครงการที่ปิดการขาย (Sold Out) แล้วทั้งหมด 16 โครงการ สะท้อนภาพผู้นำแบรนด์อสังหาฯ อันดับหนึ่งที่มุ่งมั่นถ่ายทอดจากความเข้าใจในการใช้ชีวิตและการอยู่อาศัยอย่างผู้เชี่ยวชาญที่สั่งสมประสบการณ์กว่า 40 ปี ด้วยโครงการที่ครอบคลุมทุกเซ็กเมนท์บนทำเลราชพฤกษ์
เหตุผลที่แสนสิริประสบความสำเร็จจนกลายเป็นเจ้าตลาดที่อยู่อาศัยโซนราชพฤกษ์มาจาก 4 ปัจจัยหลัก
โซนราชพฤกษ์ ถือว่าเป็นทำเลทองที่มีศักยภาพเหมาะสำหรับการอยู่อาศัยและการประกอบกิจการ ด้วยอาณาเขตที่เชื่อมต่อถึง 3 จังหวัดสำคัญของประเทศไทย คือ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และปทุมธานี ทำให้ปัจจุบันทำเลราชพฤกษ์มีดัชนีราคาประเมินที่ดิน เฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 30% โดยเฉพาะพื้นที่ราชพฤกษ์ตอนต้น ราคาที่ดินปัจจุบันอยู่ที่ 100,000 บาทต่อตารางวา ปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 25% ส่งผลให้ย่านราชพฤกษ์ตอนต้นเป็นศูนย์รวมของกลุ่มบ้านเดี่ยวระดับราคา 20 ล้านบาทไปจนถึงคฤหาสน์ 100 ล้านบาท แต่ปัจจุบันตลอดทั้งเส้นทางของถนนราชพฤกษ์มีโครงการที่อยู่อาศัยครบทุกระดับราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น
แสนสิริ เป็นผู้นำอสังหาฯ บนทำเลราชพฤกษ์ที่มีโครงการแล้วทั้งหมด 26 โครงการ สร้างความสำเร็จแบบที่ยังไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน โดยเฉพาะการพัฒนา ราชพฤกษ์-346 ให้เป็นหนึ่งใน Sansiri Community สังคมอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบ ที่ประกอบไปด้วยโครงการที่อยู่อาศัย กิจกรรมไลฟ์สไตล์เพื่อสร้างสีสันและประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ดีมีคุณภาพ ภายใต้บรรยากาศอบอุ่นจากการอยู่อาศัยร่วมกันแบบ Good Community ตอกย้ำความมุ่งมั่นของแสนสิริในการส่งมอบคุณภาพการใช้ชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนให้กับลูกบ้าน ทำให้บ้านเป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย
ปัจจุบันแสนสิริยังมีโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมที่ยังอยู่ระหว่างการขายและพัฒนาทั้งหมด 10 โครงการ ครอบคลุมทุกโซนหลักของราชพฤกษ์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายในทำเลดี ที่พร้อมรอคุณเป็นเจ้าของ พร้อมเคาะราคาใหม่ยกโซนลดสูงสุด 3 ล้านบาท* ได้แก่
ทำเลราชพฤกษ์ตอนต้น ประกอบด้วย
ทำเลราชพฤกษ์ตอนกลาง ประกอบด้วย
ทำเลราชพฤกษ์ตอนปลาย ประกอบด้วย
นายอาณัติ กล่าวว่า การที่แสนสิริมีการพัฒนาโครงการบนโซนราชพฤกษ์เป็นจำนวนมากถึง 26 โครงการ เพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพในด้านต่าง ๆ ของทำเลนี้ในแง่มุมต่าง ๆ ของการใช้ชีวิต โดยเฉพาะการเดินทางที่สะดวกสบาย มีทั้งทางพิเศษประจิมรัถยา (ทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก) และทางด่วนอนาคตมอเตอร์เวย์บางใหญ่-เมืองกาญฯM81 ปัจจุบันงานก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วกว่า 90% พร้อมจะเปิดให้บริการตลอดทั้งเส้นทางในปี 2568 นอกจากนี้โซนราชพฤกษ์ยังมีถนนเส้นหลัก ได้แก่ ถนนราชพฤกษ์-กาญจนาภิเษก ความยาว 42 กิโลเมตร, ถนนชัยพฤกษ์ ทางหลวง 345 และทางหลวง 346 ที่ตัดผ่าน 3 พื้นที่ คือ ราชพฤกษ์ตอนปลาย เชื่อมต่อจังหวัดปทุมธานี ราชพฤกษ์ตอนกลาง ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และราชพฤกษ์ตอนต้น เชื่อมเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพฯและใจกลางเมืองย่าน CBD สาธร-สีลม ส่วนรถไฟฟ้าที่รองรับการเดินทางของประชาชนในย่านราชพฤกษ์มี 3 เส้นทาง คือ รถไฟฟ้า BTSสายสีเขียว สถานีบางหว้า ที่ตั้งช่วงต้นทางของเส้นราชพฤกษ์ รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินที่เชื่อมต่อกับสถานีบางหว้า และส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินช่วงสถานีหัวลำโพง-บางแค และเส้นทางที่ตัดกับเส้นถนนราชพฤกษ์ มีรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ช่วงระหว่างเตาปูน-บางใหญ่ สิ้นสุดที่สถานีคลองบางไผ่
ที่สำคัญถนนราชพฤกษ์ยังเป็นเส้นทางเชื่อมต่อกับสถานที่สำคัญหลายที่ เช่น ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี กระทรวงสาธารณสุข นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าชานเมืองที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม จากสถานีบางซื่อมายังสถานีบางซ่อน และมีส่วนต่อขยายไปยังพื้นที่ศาลายาได้
นอกจากการเดินทางที่สะดวกและรองรับการเติบโตของที่อยู่อาศัยและย่านธุรกิจแล้ว ถนนราชพฤกษ์ยังเป็นแหล่งรวมการใช้ชีวิตที่ครบครันในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน หรือห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ดังนี้
KEY SUCCESS: ตัวอย่างความสำเร็จของแสนสิริ บนทำเลราชพฤกษ์ อาทิ โครงการ สิริ เพลส ราชพฤกษ์ – รัตนาธิเบศร์ ซึ่งเป็น 1 ใน 5 โครงการแรกของการเปิดตัวแบรนด์ทาวน์โฮม “สิริ เพลส” จากแสนสิริ และเป็นโครงการทาวน์โฮมที่มีจำนวนยูนิตน้อย มีความเป็นส่วนตัวสูง ทำให้ได้รับผลตอบรับดีจากกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย รวมถึงโครงการ คณาสิริ ราชพฤกษ์ – 346 บ้านวิถีใหม่ที่มีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮมในสไตล์สวีดิช เป็นอีกหนึ่งโครงการในทำเลนี้ที่ประสบความสำเร็จสูงในด้านยอดขายสู่การสร้าง Sansiri community สร้างความเป็นที่รู้จักของแบรนด์ และทำให้ลูกค้าหรือกลุ่มผู้บริโภคให้ Value กับทำเลนี้มากขึ้นตอกย้ำให้แสนสิริ สร้างคอมมูนิตี้การใช้ชีวิตในถนนเส้นราชพฤกษ์ 346 ได้อย่างยั่งยืน ส่วนแบรนด์ “ฮาบิเทีย” ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในด้านการขายในย่านราชพฤกษ์ โครงการ ฮาบิเทีย ไพร์ม ที่ปิดการขายอย่างรวดเร็วภายใน 1 ปี และโครงการ ฮาบิเทีย ไพร์ม 2 ที่สามารถสร้างยอดขายและ Sold Out อย่างรวดเร็วเช่นกัน ทำให้แสนสิริได้ต่อยอดเปิดตัวเพิ่มอีก 2 โครงการ คือ ฮาบิเทีย บอนด์ ราชพฤกษ์ และฮาบิเทีย ราชพฤกษ์ ที่แสนสิริได้เข้ามาบุกเบิกเปิดตัวโครงการบนทำเลราชพฤกษ์ตอนปลายเป็นรายแรกซึ่งสมัยก่อนย่านนี้ยังเป็นทุ่งนาและไม่เคยมีผู้ประกอบการใดพัฒนามาก่อนถือเป็นการเปิดตลาด ที่แสนสิริ กล้าที่จะพัฒนาโครงการใหม่จนประสบความสำเร็จ ไม่เพียงเท่านั้น โครงการเศรษฐสิริ จรัญ – ปิ่นเกล้า แบรนด์บ้านเดี่ยว Signature ของแสนสิริ ที่เป็นที่นิยมมาก โครงการที่ลูกค้ารอคอยตั้งแต่ก่อนเปิดขายด้วยทำเลที่หาไม่ได้อีกแล้วในย่านจรัญ และดีไซน์ในแบบ Modern ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ สร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จส่งต่อไปยังแบรนด์ “เศรษฐสิริ” โครงการอื่นๆ อีกด้วย และเป็นแบรนด์ที่สร้างยอดขายสูงสุดให้กับแสนสิริ |
หมายเหตุ : *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด