พฤกษา ผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจอสังหาฯ ไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ชู  PRUKSA Living Tech” เทคโนโลยีที่ยกระดับการอยู่อาศัย ใส่ใจคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างแท้จริง ลงลึกไปยัง 14 แบรนด์ของพฤกษา  พร้อมเปิดตัว   PRUKSA Living Tech Space โอเอซิสใจกลางกรุงย่านอารีย์ คืนอากาศบริสุทธ์ให้คนกรุง พร้อมจัดแสดงเทคโนโลยีที่อยู่อาศัยสุดล้ำ เปิดชมวันที่ 6-16 มิ.ย. นี้

นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์  รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า “พฤกษาเป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ส่งมอบบ้านให้กับคนไทยสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งทุกปี นอกจากการส่งมอบบ้านที่มีคุณภาพดี เราอยากให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่แล้วมีความสุข ความสะดวกสบาย พฤกษาจึงได้ชูแคมเปญการตลาด  PRUKSA Living Tech” ซึ่งป็นหัวใจหลักสำคัญในการดำเนินธุรกิจในปีนี้  เพื่อตอกย้ำในด้านความเป็นผู้นำด้านเทคโลยีของพฤกษา โดยยังเน้นเรื่อง “ความใส่ใจ” ซึ่งต่อยอดมาจาก Brand Purpose ของพฤกษาที่ “ใส่ใจ...เพื่อทั้งชีวิต”  ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ลงลึกไปสู่สินค้าของพฤกษาทั้ง 14 แบรนด์  เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยพร้อมเทคโนโลยีที่ทำให้คุณภาพชีวิตของคนไทยดีขึ้น  โดย PRUKSA Living Tech”  เป็นการนำเทคโนโลยีที่ผสานกับนวัตกรรมทางธรรมชาติไว้อย่างลงตัว ที่เกิดจากการเข้าใจ Insight ของลูกค้าและคนไทยอย่างแท้จริง

 

PRUKSA Living Tech ครอบคลุมการอยู่อาศัยทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ Healthy เทคโนโลยีการอยู่อาศัยเพื่อสุขภาพ อาทิ O2 System การติดตั้งเครื่องผลิตออกซิเจน คืนอากาศบริสุทธิ์สดชื่นให้กับคนในครอบครัว  รวมไปถึงนวัตกรรมบ้านที่ใส่ใจผู้สูงอายุ Green เทคโนโลยีการอยู่อาศัยเพื่อสังคมสิ่งแวดล้อม  ลดการใช้พลังงาน อาทิ ระบบ Pruksa Fresh Air ช่วยเรื่องระบบหมุนเวียนอากาศ ทำให้บ้านเย็น  ระบบ Solar Cell System ที่นำมาในพื้นที่ส่วนกลาง เช่น บ่อบำบัดน้ำเสีย คลับเฮาส์ ช่วยลดค่าใช้ไฟฟ้า Safety เทคโนโลยีการอยู่อาศัยเพื่อความปลอดภัย มั่นใจได้ด้วยมาตรฐานระดับสากล อาทิ Triple Gate ระบบรักษาความปลอดภัยหน้าทางเข้าโครงการที่แน่นหนาถึง 3 ชั้น  Door and Window Magnetic Sensor ระบบเซ็นเซอร์แม่เหล็กประตูและหน้าต่าง ที่จะมีหน้าที่แจ้งเตือนเมื่อมีการงัดแงะประตูหรือหน้าต่าง   และ Smart เทคโนโลยีการอยู่อาศัยให้คุณเชื่อมต่อแบบเรียลไทม์เพื่อความสะดวกสบายของคนยุคดิจิทัล อาทิ Home Automation ควบคุมระบบต่างๆ ภายในบ้านง่ายด้วยปลายนิ้ว Smart Mirror ติดตั้งในห้องน้ำที่เชื่อมต่อโลกโซเชียลได้ทุกเวลา เป็นต้น

นอกเหนือไปจากนี้ พฤกษายังใส่ใจถึงปัญหามลภาวะต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละอองที่เกินค่ามาตรฐาน หรือแม้แต่อากาศที่ร้อนอบอ้าวในแต่ละวัน โดย PRUKSA Living Tech มีเทคโนโลยีที่เข้ามาตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุด อาทิ เช่น ระบบ O2 System ที่ผลิตออกซิเจนให้คุณได้พักผ่อนท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ที่มีปริมาณออกซิเจนในระดับเหมาะสมที่สุดกับร่างกาย ทำให้สมองปลอดโปร่ง สดชื่น   Pruksa Fresh Air ช่วยเรื่องการไหลเวียนอากาศภายในบ้าน และช่วยให้บ้านเย็นขึ้น Vertical Green Wall การปลูกต้นไม้แนวตั้ง และต้นไม้ฟอกอากาศ เพื่อช่วยกรองฝุ่นละออง และลดมลภาวะทางเสียง เป็นต้น

PRUKSA Living Tech ได้นำมาใช้ในโครงการทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียมของพฤกษาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับฟังก์ชั่นของบ้านและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแต่ละเซกเมนต์ มั่นใจว่าที่อาศัยทุกโครงการภายใต้แบรนด์พฤกษา จะช่วยเติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีเยี่ยม นำไปสู่ความภาคภูมิใจของลูกค้าที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของโครงการที่อยู่อาศัยของพฤกษา ซึ่งเป็นความมุ่งหวังของสูงสุดของพฤกษาที่อยากเห็นคนไทยมีบ้าน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” นางสุพัตรา กล่าว

พฤกษาได้เนรมิตอาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก อารีย์ ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของพฤกษา ให้เป็น PRUKSA Living Tech Space”  เปิดประสบการณ์ใหม่ในรูปแบบของ Glass House ที่ยกสวนสวยขนาดใหญ่พร้อมกับเทคโนโลยีการอยู่อาศัยสุดล้ำ โดยไฮไลท์อยู่ที่ระบบ O2 System ที่มาพร้อมกับ Co-working space ให้คนกรุงได้เข้ามาสูดอากาศบริสุทธิ์ เปรียบเสมือนได้พักผ่อนอยู่ในโอเอซิสใจกลางกรุงเทพ เปิดชมตั้งแต่วันที่ 6-16 มิถุนายน 2562 พร้อมกิจกรรมที่น่าสนใจในแต่ละวัน อาทิ ตรวจสุขภาพฟรี, นวดบำบัดอากาศออฟฟิศซินโดรม, เวิร์คชอปสอนถ่ายภาพ,  DIY การดัดแปลงวัสดุเหลือใช้  เป็นต้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.pruksa.com/livingtech

นายป้อมเพชร รสานนท์ (กลาง) รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวเปิดตัวทีมสินเชื่อรถยนต์ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จที่ทำให้ธนาคารธนชาตครองความเป็นที่ 1 ในธุรกิจมาได้อย่างยาวนาน พร้อมประกาศแนวคิด Drive Your Progress มุ่งมั่นขับเคลื่อน ความก้าวหน้า ให้ลูกค้าตลอดเส้นทางชีวิต และเดินหน้ารักษาตำแหน่งผู้นำตลาด เผยกลยุทธ์รุกดิจิทัลแพลตฟอร์ม ควบคู่กับการขยายฐานพันธมิตรออนไลน์ งานแถลงข่าวมีขึ้น ณ ห้องจามจุรี 1 โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส กรุงเทพฯ

สมิติเวชฉลองครบรอบ 40 ปี เปิด โรงพยาบาลญี่ปุ่น สมิติเวช โรงพยาบาลญี่ปุ่นแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน (First Japanese hospital in AEC) ด้วยมาตรฐานทางการแพทย์ระดับสากล จับมือโรงพยาบาลทากัตสึกิ และโรงพยาบาลซาโน่ โรงพยาบาลชั้นนำจากประเทศญีปุ่น เพื่อมอบสุขภาพที่ดีให้แก่ชาวญี่ปุ่น โรงพยาบาลญี่ปุ่น สมิติเวช  เป็นหนึ่งในเครือโรงพยาบาลสมิติเวช ภายใต้การบริหารของ บริษัท  กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)

เป็นโรงพยาบาลขนาด 30 เตียง ตั้งอยู่ซอยสุขุมวิท 49 เป็นย่านที่อยู่อาศัยของชาวญี่ปุ่น พร้อมดูแลด้วยทีมแพทย์ พยาบาลชาวญี่ปุ่น และเครื่องมือที่ทันสมัยพร้อม Tele-Translator แปลภาษาญี่ปุ่นด้วยล่ามผ่านระบบวีดีโอคอล ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และการบริการจากใจในแบบฉบับวัฒนธรรมญี่ปุน ตลอดจนออกแบบสถานที่ อุปกรณ์ในสไตล์ญี่ปุ่น  เพื่อให้รู้สึกคุ้นเคย เกิดความไว้วางใจในการเข้ารักษาเสมือนโรงพยาบาลในบ้านเกิดของตนเอง

นายแพทย์ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช และโรงพยาบาลบีเอ็นเอช กล่าวว่า หลายปีนี้ มี Expat ชาวญี่ปุ่นเข้ามาทำงานใน South East Asia มากขึ้น เช่นเดียวกับนักลงทุนชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนและก่อตั้งบริษัทใน EEC การที่ชาวต่างชาติต้องมาใช้ชีวิตในประเทศที่ไม่คุ้นเคย นอกจากความสะดวกสบายในการดำรงชีวิตแล้ว การดูแลสุขภาพ ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ชาวญี่ปุ่นคำนึงถึง โดยตลอด 40 ปีของสมิติเวช โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท และโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีราชา ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสุขภาพชาวญี่ปุ่นในประเทศไทย และประเทศใกล้เคียง เพื่อเป้าหมายหนึ่งเดียว คือ สร้างระบบการสาธารณสุขที่ดี เพื่อรองรับชาวญี่ปุ่นในระดับประเทศ ในปีที่ผ่านมามีผู้รับบริการชาวญี่ปุ่นประมาณ 400 คนต่อวัน มีทารกญี่ปุ่นคลอดที่สมิติเวช ประมาณ 200 คนต่อปี  นอกจากนี้สมิติเวชเป็นโรงพยาบาลแรกนอกประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับการเยี่ยมสำรวจ จาก Japan Council  for Quality  Health Care (JCQHC) ประเทศญี่ปุ่น ด้านคุณภาพความปลอดภัยทางการแพทย์

 

รวมถึงการลงนามกับโรงพยาบาลทากัตสึกิ ที่เชี่ยวชาญด้านกุมารเวช การดูแลทารกแรกเกิดวิกฤต และการผ่าตัดข้อเข่า และโรงพยาบาลซาโน่ ที่เชียวชาญด้านการผ่าตัดส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร ช่วยคัดกรองความเสี่ยงมะเร็งสำไส้ใหญ่ด้วยเทคนิคการส่องกล้อง NBI (Narrow Band Image) สามารถตรวจพบเซลล์มะเร็งเร็วขี้น 2 เท่าและเทคนิคการผ่าตัดก้อนเนื้อขนาดใหญ่ผ่านกล้อง ESD (Endoscopic Submucosal Dissection) เพื่อให้ทุกท่านมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ และมีความสุขตลอดไป

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ (กลาง) อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกรรมการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เป็นประธานกล่าวเปิดการอบรมผู้ประกอบการไทยภายใต้โครงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน รุ่นที่ 5 (Young Entrepreneur Network Development Plus Program: YEN-D Season V) ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ โดย EXIM BANK ร่วมให้ความรู้เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศมาเลเซียและบริการทางการเงินของธนาคารให้แก่ผู้ประกอบการไทยที่สนใจค้าขายหรือลงทุนกับมาเลเซีย เมื่อเร็วๆ นี้

“แรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดไอเดียธุรกิจนี้คือคุณปู่กับคุณย่าค่ะ ซึ่งหนูไม่มีโอกาสได้ทดแทนบุญคุณพวกท่านแล้วจึงอยากส่งมอบความปราถนาดีนี้ผ่านการเพิ่มคุณค่าให้แก่สังคมผู้สูงวัยค่ะ” น.ส.กัลยรัตน์ พิกุลน้อย (พลอย) นักศึกษาชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (College of Innovative Business and Accountancy: CIBA) หลักสูตรบัญชี  มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์  หนึ่งในสมาชิกทีม JElder  เผยถึง แรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดไอเดียธุรกิจเพื่อสังคม ( SE: social enterprise ) ซึ่งเป็น Market Place ที่ใช้งานง่ายสำหรับผู้สูงอายุโดยมีวิธีการขายเป็น Group buy ซึ่งผู้สูงอายุสามารถเพลิดเพลินกับการขายสินค้าอุปโภค บริโภค รวมถึงการจัด Event ต่างๆได้ใน Platform นี้ โดยไอเดียธุรกิจนี้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ในการแข่งขัน Startup Thailand League 2019 ที่สนามแข่งขันมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีโคราช จังหวัดนครราชสีมา และเตรียมความพร้อมลงสนามรอบ Final Pitching Demo Day

น้องพลอยเล่าว่า ไอเดียธุรกิจนี้ ได้ร่วมระดมความคิดสร้างสรรค์กับเพื่อนๆอีก 3 คนในทีม JElder  มีด้วยประกอบด้วย  น.ส.กัญญารัตน์ ชาญประโคน คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม หลักสูตรการท่องเที่ยว  น.ส.อนุตตรีย์ เชิดครบุรี คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม หลักสูตร การโรงแรม และ น.ส. อานิต้า แสงโรจน์

คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม สาขาการโรงแรม โดยเริ่มเริ่มแรกได้นำเสนอไอเดียธุรกิจนี้ผ่านโครงการนพรัตน์ทองคำซึ่งเป็นโครงการสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ผู้ที่มีคุณสมบัติแก้ว 9 ประการ ขณะนั้นได้รับรางวัลนวัตกรรมชมเชยจากผลงาน จุดนี้จึงเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่ทำให้พัฒนาตนเองและสร้าง Platform ธุรกิจให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

การเรียนที่ CIBA มีหลักสูตรการเรียนการสอนที่มีคุณภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกในการเรียนให้กับนักศึกษา ทำให้สร้าง J E I d e r ให้ประสบความสำเร็จได้ โดย DPU X จะสอนการ Pitching เสนอไอเดียอย่างไรให้เข้าเป้าหรือประสบความสำเร็จได้ มีทีมงานให้คำปรึกษาแนะแนวทางในการสร้างสรรค์ไอเดียธุรกิจเสมอ น้องพลอยกล่าว

  

ดร.ศิริเดช คำสุพรหม คณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (College of Innovative Business and Accountancy: CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวย้ำว่า มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เราปลูกฝังทักษะการเป็นผู้ประกอบการให้นักศึกษาตั้งแต่เริ่มเรียนชั้นปี 1 ในทุกสาขาวิชา ผ่านวิชาในกลุ่ม DPU CORE  (ดียู คอร์) เมื่อขึ้นชั้นปีที่ 3 ในรายวิชาที่เรียกว่า Capstone Projects นักศึกษาจะทำงานเป็นทีม สมาชิกในทีมมาจากต่างสาขาและต่างคณะ เพื่อให้นักศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์  ออกไอเดียและสร้างสรรค์ชิ้นงาน หัวข้อโครงการอาจเกิดจากนักศึกษาเอง หรือจากสถานประกอบการและพันธมิตรในเครือข่ายของมหาวิทยาลัย และยังได้จัดตั้งสถาบัน DPU X (ดีพียู เอ็กซ์) เพื่อทำหน้าที่บ่มเพาะทีมนักศึกษาเหล่านี้ต่อในโครงการ DPU Startup Bootcamp เพื่อปั้นไอเดียให้เป็นจริงได้

นักศึกษาเราต้องผ่านเวทีประกวดแนวคิดธุกิจ CIBA MINI CAPSTONE ซึ่งเป็นการจัดแสดงแนวคิดธุรกิจยุค Thailand 4.0 ให้จับกลุ่มทำงานเป็นทีมหลากหลายคณะนำเสนอแผนธุรกิจผ่านโครงการ MINI CAPSTONE โดยมีการประกวด Final Pitching  และ Showcase ซึ่งจะจัดทุกปีเพื่อให้นักศึกษาได้มีเวทีนำเสนอผลงาน ดร.ศิริเดช กล่าวในตอนท้าย

X

Right Click

No right click