ลอรีอัล ประเทศไทย เดินหน้าขยาย “โครงการ บิวตี้ ฟอร์ อะ เบทเทอร์ ไลฟ์” (Beauty For a Better Life) หรือโครงการหลักสูตรฝึกทักษะอาชีพเสริมสวยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยมุ่งช่วยให้ผู้ขาดโอกาสทางสังคมได้รับโอกาสในการสร้างอาชีพช่างผม เพื่อสามารถสร้างรายได้เลี้ยงตนเองและจุนเจือครอบครัว และสร้างคุณค่าในตัวเอง

โครงการ Beauty For a Better Life เป็นโครงการที่ก่อตั้งและกำกับดูแลโดยมูลนิธิลอรีอัล ซึ่งมีการดำเนินโครงการในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก โดยโครงการนี้ มอบหลักสูตรฝึกทักษะอาชีพช่างผมมืออาชีพที่มีคุณภาพสูง ฝึกสอนโดยผู้เชี่ยวชาญ ให้แก่ผู้ขาดโอกาส โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อให้สามารถนำมาประกอบอาชีพได้จริง หลักสูตรใช้ระยะเวลา 15 สัปดาห์ รวม 516 ชั่วโมง ผู้เข้าฝึกอบรมได้เรียนรู้ทักษะทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เทคนิคและศาสตร์ของการทำผมจากผู้เชี่ยวชาญ หลักสูตรการสอนครอบคลุมถึงการฝึกทักษะการสระไดร์ การตัดผม การดัด และทำสีผม เพื่อจะนำมาพัฒนาฝีมือตนเองและสร้างความมั่นคงทางด้านอาชีพช่างผมมืออาชีพอย่างยั่งยืน

สำหรับโครงการ Beauty For a Better Life ในจังหวัดเชียงใหม่ ลอรีอัล ประเทศไทย ได้ร่วมมือกับ 65 แฮร์สตูดิโอ เป็นพันธมิตรในการดำเนินโครงการฯ โดยเริ่มการอบรมนักเรียนรุ่นที่ 1 ในวันที่ 29 เมษายน 2562 ด้วยจำนวนนักเรียน 15 คนต่อรุ่น โดยศูนย์ฝึกอบรมหลักสูตร Beauty For a Better Life จัดขึ้นที่ 65 แฮร์สตูดิโอ สาขาถนนนิมมาน จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรจะได้รับวุฒิบัตรที่ได้รับการรับรองจาก ลอรีอัล ประเทศไทย และ 65 แฮร์สตูดิโอ

นางสาวอรอนงค์ ประทักษ์พิริยะ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นในการเป็นพลเมืองบรรษัทที่ดี และร่วมสนับสนุนและแบ่งปันสิ่งดีๆ แก่ชุมชนที่เราดำเนินธุรกิจ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม เราต้องการส่งมอบความรู้และทักษะช่างผมมืออาชีพมาตรฐานระดับโลก เพื่อให้ผู้ขาดโอกาส ที่มีความมุ่งมั่นสามารถฝึกฝนเพื่อนำไปประกอบอาชีพ มีรายได้มั่นคง สามารถดูแลตนเองและครอบครัว และประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพช่างผมต่อไป ”

นายปิตพุทธินันท์ ชัยเดช ผู้บริหาร 65 แฮร์สตูดิโอ กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับลอรีอัล ในการเปิดโครงการฯ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนที่จะประสบความสำเร็จในการทำ 65 แฮร์สตูอิโอนั้น โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนหนึ่งที่เคยได้รับโอกาสมาก่อน จึงเห็นความสำคัญของโอกาสเป็นอย่างมาก และเมื่อประสบความสำเร็จถึงจุดนึงแล้ว เราจึงอยากส่งต่อโอกาสเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ทีมงานและคณะอาจารย์ 65 แฮร์สตูอิโอ มีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ความรู้และทักษะแก่ผู้เข้าร่วมอย่างเต็มที่ และหวังว่าจะสามารถช่วยผลักดันให้ผู้เข้าร่วมทุกคนประสบความสำเร็จ”

ในประเทศไทยปัจจุบันมีการดำเนินโครงการหลักสูตรฝึกทักษะอาชีพเสริมสวยเพื่อพัฒนาคุณภาพ ในจังหวัดกรุงเทพฯ ที่ร่วมมือกับสถาบันนักออกแบบทรงผมเรืองฤทธิ์ โดยในปีที่ผ่านมา มีผู้จบหลักสูตรไปแล้วกว่า 4 รุ่น เป็นจำนวน 43 คน ซึ่งแต่ละคนก็ได้นำเอาความรู้ความสามารถที่ได้รับจากโครงการฯ ไปต่อยอดสร้างอาชีพช่างผมได้อย่างประสบความสำเร็จ  ผู้ที่สนใจสมัครสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สาขากรุงเทพฯ โทร. 063-329-9464 และ สาขาเชียงใหม่ โทร. 097-035-3103

สถาบันไทยพัฒน์ มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดบริการใหม่ ผ่าน Sustainability Store ของสถาบันฯ ด้วยเครื่องมือ S-Value

ดร.พัทธนันท์  เพชรเชิดชู  รองอธิการบดีสายภาคีสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) เปิดเผยว่า DPU X (สถาบันเพื่อพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการและบุคลากรแห่งอนาคต) โดยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จัดกิจกรรม “จัดให้แซ่ด   DPU X Startup SUMMER CAMP”  เพื่อสนับสนุนให้น้องๆในระดับมัธยมศึกษาที่มีความสนใจปูพื้นฐานด้านธุรกิจเข้าร่วมรับฟังแนวคิด พร้อมฝึกตีโจทย์ วางแผนกลยุทธการสร้างธุรกิจ และ การเป็นสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จในตลาดยุคดิจิทัล กิจกรรมครั้งนี้เน้นเวิร์คชอปลงมือปฏิบัติจากโจทย์ธุรกิจที่ได้รับในหัวข้อ อาหารแห่งโลกอนาคต หรือ Food For The Future พร้อมทั้งยังได้ฟังประสบการณ์ตรงจากนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จจากตลาดออนไลน์อย่าง รัสรินทร์ ธนะชัยวัฒนะโภคิน (แคทตี้) เจ้าของสินค้าหลากหลายแบรนด์ ก่อนที่น้องๆจะลงสนาม Mini Pitching เวทีการแข่งขันนำเสนอไอเดียธุรกิจ โดยทีมที่ชนะเลิศจะได้รับรางวัลเป็นทุนการศึกษาตลอดหลักสูตรปริญญาตรี รวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท  

“DPU X Startup SUMMER CAMP จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-25 เม.ย.62  ซึ่งทั้ง 2 วัน ทางทีมงานได้จัด กูรู มาให้ความรู้อย่างเต็มที  โดยวันแรกประเดิมด้วยนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากตลาดออนไลน์เป็นระดับต้นๆ  อย่าง “แคทตี้”  เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า Flat2112, Babykissthailand  แผ่นน้ำหอมสำหรับใช้ในรถยนต์ยี่ห้อ TED A CAR  และอีกหลายธุรกิจ มาถ่ายทอดเคล็ดลับวิชาการทำตลาดออนไลน์อย่างไร ให้ประสบความสำเร็จ และ ในช่วงบ่ายวันแรกเด็กๆ จะได้ลงมือทำอาหารที่ Chef Lab และคิดค้นคอนเซ็ปต์รูปแบบการนำเสนอไอเดีย ให้สอดคล้องกับโจทย์ในหัวข้อ Food For the Future ที่ได้เรียนกับอาจารย์จากหลักสูตรการประกอบอาหารเพื่อสุขภาพ (CIM DPU) ในช่วงก่อนหน้า” ดร.พัทธนันท์กล่าว

รองอธิการบดี กล่าวอีกว่า  ทางมหาวิทยาลัยจัดกิจกรรมครั้งนี้เพื่อให้น้องได้ใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอมให้เกิดประโยชน์และเพื่อกระตุ้นเด็กรุ่นใหม่หันมาให้ความสำคัญในสตาร์ทอัพ  ซึ่งทางมหาวิทยาลัย ฯ ให้ความสำคัญกับเรื่องของสตาร์ทอัพมาตลอด และหลายปีที่ผ่านมา ได้มีการปรับหลักสูตรโดยมีการสอดแทรกเรื่องของการเป็นเถ้าแก่ไว้ในทุกหลักสูตรเพราะมองเห็นถึงแนวทางในอนาคตว่านักศึกษาที่เรียนจบไปเขาจะไปทำธุรกิจส่วนตัวหรือออกไปเป็นพนังงานบริษัทก็สามารถนำเรื่องจิตวิญญาณการเป็นเถ้าแก่ไปใช้จนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้  และเชื่อว่าเจ้าของกิจการเอง ก็คงอยากจะได้พนักงานที่มีแนวคิดความเป็นเถ้าแก่มาใช้ในการทำงานด้วย เพราะพนักงานจะทำงานด้วยความใส่ใจและตั้งใจเหมือนตนเองเป็นเจ้าของกิจการเอง 

ดร.พัทธนันท์ กล่าวด้วยว่า สำหรับปี 2562 นี้ เลือก หัวข้ออาหารแห่งโลกอนาคต  เพราะมองว่า เป็นเรื่องใกล้ตัวทุกคน  “ต้องกิน”  และการทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารต้องรู้แนวโน้มเทรนด์ของอาหารในโลกอนาคต ถ้าสามารถปรับตัวและรู้เทรนด์ได้ก่อนคนอื่นก็จะได้เปรียบ  โดยความรู้ที่ได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมน้องๆสามารถนำไปปรับใช้ให้ เกิดประโยชน์ได้  นอกจากนี้ในวันที่ 2 ของกิจกรรม น้องๆจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจในเชิงลึกมากขึ้นจากอาจารย์จากวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA)  ในแง่ของการมองโอกาสทางธุรกิจผ่านปัญหาของกลุ่มลูกค้า การแก้ปัญหาให้ลูกค้า รวมถึงการหากลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งเป็นพื้นฐานหลักๆ ในการเริ่มต้นธุรกิจ รวมถึงเวิร์คชอปการสร้างแบรนด์และเพิ่มมูลค่าให้สินค้า หรือ บริการ ด้วยทักษะแห่งการออกแบบที่มาสอนโดยอาจารย์จากคณะศิลปกรรมโดยตรง น้องๆจะได้นำเสนอไอเดียสุดครีเอทโดยการลงมือขีดเขียนผ่านโปรแกรม Good Note ในไอแพด

สำหรับทีมที่ชนะเลิศจาก Mini Pitching รับเงินทุนการศึกษาจำนวน 10,000 บาท พร้อมทุนศึกษาต่อระดับปริญญาตรีฟรีตลอดหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 5 ทีม “อะจ๊วง” จากโรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยา จ.ปทุมธานี ประกอบด้วย นายพีระ เพิ่มพูน (พี) นางสาว พรปวีณ์ ปิติทิพยพัฒน์ (แอมเวย์) และนายชยานันท์ พิลึก (นิว) ร่วมกันเสนอไอเดียกล่องพิซซ่าลดโลกร้อน

นายพีระ เพิ่มพูน ตัวแทนทีมอะจ๊วง กล่าวว่า ที่เลือกทำกล่องพิซซ่าลดโลกร้อน ภายใต้แบรนด์ NAP BOX ปัญหาของลูกค้า คือ กล่องเก็บความร้อนไม่ได้นาน จึงคิดทำสินค้าเพื่อตอบโจทย์แก้ไขปัญหานี้ให้กับลูกค้า อีกอย่างการเป็นสตาร์ทอัพทุนมีไม่มาก จึงตั้งเป้าหมายแค่กลุ่มลูกค้าร้านขายพิซซ่ากลุ่มเดียวก่อนค่อยขยายฐานลูกค้าในภายหลังได้ โดยตอนแรกก็คิดสารพัดสินค้าวนอยู่แต่กับอาหาร พออาจารย์จาก มธบ.ให้คำแนะนำว่า สินค้าไม่จำเป็นต้องเป็นอาหารก็ได้เป็นแพคเกจจิ้ง ที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารก็ได้ เลยสรุปออกมาเป็นโปรดักส์ตัวนี้ ตัวกล่องจะประกอบด้วย กระดาษ และ ฟอยท์เก็บความร้อน ที่นำมาเรียงเป็น 3 ชั้น เพื่อเก็บความร้อน และเรายังช่วยลดโลกร้อน โดยกล่องสามารถนำมารีไซเคิลได้ให้ลูกค้าส่งคืนกลับมาเน้นการรักษาสภาพแวดล้อมถือเป็นโปรดักส์รักษ์โลก

“สิ่งที่เราคิดจะได้ประโยชน์ถึง 3 ฝ่ายด้วยกัน คือ สร้างจิตสำนึกร่วมรักษ์โลกให้กับผู้บริโภคของแบรนด์ที่เราเป็นซัพพลายเออร์ให้ ตัวลูกค้าของเราเองก็มีภาพของสินค้าที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม และตัวของเราเองด้วย เมื่อตัวสินค้าขายดีขึ้นเราเองก็จะได้ยอดขายเพิ่มตามไปด้วย เป็นการช่วยขยายฐานผู้บริโภคที่ใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมให้กับลูกค้าของเราด้วย ซึ่งจะช่วยให้เราเติบโตไปพร้อมๆกันได้ และการนำกล่องมารีไซเคิลกลับมาใช้ซ้ำ นอกจากช่วยลดโลกร้อนแล้วยังเป็นการช่วยลดต้นทุนของเราด้วย สินค้าก็จะมีราคาไม่แพงและสามารถขายได้ปริมาณมากขึ้น” น้องพีระกล่าว

น้องแอมเวย์และน้องนิว กล่าวเสริมว่า ตอนแรกที่ทำเวิร์คช็อบทำเบอเกอร์ ก็งงว่าเรามาค่ายธุรกิจทำไมต้องไปทำอาหารด้วยเหรอ พอลงมือทำเราจึงได้รู้รายละเอียดว่ายากแค่ไหน แล้วถ้ามีลูกจ้างเขาจะรู้สึกยังไงตอนทำเยอะๆ เขาเหนื่อยแค่ไหน จะได้เข้าใจตั้งแต่ระดับต่ำสุดจนถึงจุดสูงสุด แล้วเราจะเข้าใจสินค้ามากที่สุดด้วย ผมชอบค่ายนี้ อาจารย์ทุกคนให้ความรู้แบบไม่มีกั๊กเลยทำให้เรามองภาพต่างๆได้ชัดขึ้น จุดประกายให้เราเกิดความคิดสร้างสรรค์ มีไอเดียดีๆได้

ด้านนางสาวศศิภา อธิสินจงกล อาจารย์วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) หลักสูตรนานาชาติ หนึ่งในทีมพี่เลี้ยง กล่าวว่า ทีมนี้มีจุดเด่น คือ มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับลูกค้า และยังมองเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย เช่น เรื่องของขยะ และไม่ใช่คิดแค่จะสร้างเงินให้กับธุรกิจตัวเองอย่างไร แต่ยังคิดช่วยไปถึงธุรกิจของลูกค้าให้มี Brand Value ที่สูงขึ้นด้วย ทีมนี้ไม่ใช่แค่ทำให้ตัวเองมีรายได้ แต่ยังทำให้ลูกค้ามีภาพลักษณ์ที่ดีและส่งผลสังคมดีขึ้นด้วย

แววสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ของทีม อะจ๊วง เห็นมาแต่ไกล น้องๆ คนไหนสนใจกิจกรรมดีๆที่จัดขึ้นทุกปีแบบนี้ ติดตามความเคลื่อนไหวได้ใน Facebook Fanpage : @dpuxyourfuture หรือ website : dpux.dpu.ac.th

ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด  จับมือ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ปล่อยแคมเปญ “มนุษย์เงินเดือน MAY DAY” เอาใจมนุษย์เงินเดือน เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ประกันภัย เพื่อมนุษย์เงินเดือน เน้นขยายความคุ้มครองที่มีอยู่เดิมในครั้งนี้ ชูโปรดักท์ประกันอุบัติเหตุทำงานสบายใจ และประกันภัยการว่างงานให้เบาใจหายหว่ง  มุ่งเจาะกลุ่มคนใช้แรงงานในภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม พร้อมความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์พิเศษเฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคมเท่านั้น วางกลยุทธ์การขายในยุคดิจิทัลเทรนด์ ด้วยฟีเจอร์การซื้อประกันและบริการหลังการขายแบบ One Stop Service ผ่านช่องทางไลน์ “TQM Insurance Broker” หวังกระตุ้นยอดขายโปรดักท์ซีรีย์ประกันมนุษย์เงินเดือนไตรมาส 2

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้กรุงเทพประกันภัยได้ร่วมมือกับทีคิวเอ็ม โดยการนำโปรดักท์ประกันมนุษย์เงินเดือนมาพัฒนาต่อยอดด้วยการออกแบบความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ขึ้นมาเป็นแคมเปญพิเศษใช้ชื่อว่า  “มนุษย์เงินเดือน MAY DAY”  โดยใช้แนวคิดจากวันผู้ใช้แรงงานแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นลูกค้าในกลุ่มมนุษย์เงินเดือนเช่นกัน ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ ได้นำเสนอเป็นโปรดักท์ที่เหมาะกับช่วงวันสำคัญ อาทิ

ประกันอุบัติเหตุทำงานสบายใจ” ประกันอุบัติเหตุที่ออกแบบความคุ้มครองให้ครอบคลุมทุก ค่าใช้จ่าย เหมาะสำหรับคนทำงานในภาคอุตสาหกรรม และภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้เครื่องจักรในการทำงาน ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูง โดยให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงที่เกิดจากการทำงาน สูงสุดถึง 500,000 บาท นอกจากนี้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อคนในครอบครัว ประกันนี้ยังมีเงินชดเชยรายได้กรณีต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุอีก 500 บาทต่อวัน และเข้ารับการรักษาพยาบาลโดยไม่ต้องสำรองจ่าย ด้วยเบี้ยประกันภัยที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้เพียง 999 บาทต่อปี    

“ประกัน Care คุณว่างงาน” ประกันคุ้มครองการว่างงาน เพราะมนุษย์เงินเดือนในปัจจุบันมีความเสี่ยงต่อการที่นายจ้างปิดกิจการหรืออาจจะถูกเลิกจ้าง เนื่องจากการชะลอตัวของสภาพเศรษฐกิจและการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนในบางธุรกิจ โดยกรมธรรม์นี้จะให้เงินชดเชยเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างการไม่มีงานทำ สูงสุด 75,000 บาท สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีอายุระหว่าง 20 – 60 ปี ที่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างประจำและเป็นผู้ประกันตนกับประกันสังคม

ประกันรถยนต์มนุษย์เงินเดือน” เพราะมนุษย์เงินเดือนทำงานยุ่งจนไม่มีเวลา รายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย ประกันภัยรถยนต์มนุษย์เงินเดือนซึ่งเป็นประกันรถยนต์ส่วนบุคคลประเภท 1 , 2+ และ 3+ จึงได้ออกแบบความคุ้มครองและบริการเสริมเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนทำงานได้อย่างตรงจุด ด้วยบริการขับรถรับ-ส่งทำธุระแทน มีรถให้ใช้ระหว่างซ่อม บริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง พร้อมให้ความคุ้มครอง Gadget ในรถยนต์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ และช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้วยบริการผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน

“ประกันสุขภาพ Health on Top” เพียงมีประกันสุขภาพหรือมีสวัสดิการของบริษัทอยู่แล้วก็สามารถซื้อประกันสุขภาพมนุษย์เงินเดือนกับเราได้ เริ่มต้นเพียง 3 พันกว่าบาท คุ้มครองสูงสุด 50,000 บาท ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลอีกต่อไป ประกันจ่ายให้

ประกันอุบัติเหตุ 2 เด้งสำหรับวัยทำงาน” คุ้มครองอุบัติเหตุและหนี้สินค้างชำระหากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ

“ประกันภัย Motor Add On” ให้มนุษย์เงินเดือนซื้อประกันเพิ่มได้ มีเงินชดเชยรายได้ขณะรักษาตัวในโรงพยาบาล สูงสุด 3,000 บาทต่อวัน

“ประกันมะเร็ง” โรคร้ายเกิดขึ้นได้เสมอเพื่อความไม่ประมาท ประกันมะเร็งสำหรับมนุษย์เงินเดือน เจอ จ่าย จบ คุ้มครองสูงสุด 5,000,000 บาท

“ประกันภัยบ้านอยู่อาศัย Home & Content” คุ้มครองอัคคีภัย น้ำท่วม ภัยธรรมชาติ รวมถึงให้ความคุ้มครองการโจรกรรม

ด้าน ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด กล่าวว่า หลังการเปิดตัวโปรดักท์ซีรีย์ “ประกันมนุษย์เงินเดือน” เมื่อปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้เห็นว่า โปรดักท์นี้ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด แคมเปญ “มนุษย์เงินเดือน MAY DAY” จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริมและกระตุ้นยอดขายของโปรดักท์ประกันมนุษย์เงินเดือนโดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2 นี้ ด้วยการต่อยอดคอนเซปต์แคมเปญจากจุดเริ่มต้นของการออกแบบโปรดักท์คือ นำผลการสำรวจพฤติกรรม ความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้ใช้แรงงานมาพัฒนาเป็นความคุ้มครองและบริการเสริม ซึ่งพบว่าอุบัติเหตุของคนทำงาน อันเนื่องมาจากการปฏิบัติงานยังคงเป็นสิ่งที่หลายหน่วยงานรวมถึงตัวคนทำงานให้ความสำคัญ เพราะส่งผลกระทบรอบด้านทั้งตนเอง ครอบครัว สังคม เศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ของประเทศ 

“เพราะเราเข้าใจว่า คนที่อยู่ในวัยทำงานส่วนใหญ่รับหน้าที่หลายบทบาท แต่บทบาทหนึ่งที่สำคัญคือ การเป็นเสาหลักให้ครอบครัว ต้องแบกทั้งภารกิจและหน้าที่ไว้มากมาย เราจึงอยากให้ “มนุษย์เงินเดือน MAY DAY” เป็นเสมือนตัวช่วยในการแบ่งเบาภาระ เพราะเหตุการณ์ไม่คาดคิดมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้เสมอแม้ในยามที่เราปฏิบัติงาน ดังนั้น ความคุ้มครอง สิทธิประโยชน์พิเศษต่าง ๆ จึงถูกออกแบบมาเพื่อคนทำงานและผู้ใช้แรงงานอย่างแท้จริง”

ด้าน ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด กล่าวเสริมว่า ในส่วนของกลยุทธ์การขายประกันมนุษย์เงินเดือน ภายใต้แคมเปญ “มนุษย์เงินเดือน MAY DAY”  เพื่อตอกย้ำภาพของโบรคเกอร์ประกันที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาช่องทางการขายและบุกตลาดประกันออนไลน์เป็นเจ้าแรกๆ ดังนั้น สำหรับแคมเปญพิเศษ “มนุษย์เงินเดือน MAY DAY”  นี้ จะเปิดให้บริการผ่านช่องทาง Line Official “TQM Insurance Broker” แบบ One Stop Service สะดวกทั้งก่อนซื้อและบริการหลังการขายเพียงเข้าไปที่ไลน์ “TQM Insurance Broker” พิมพ์คำว่า “มนุษย์เงินเดือน” หรือคลิกที่ริชเมนูก็สามารถเลือกซื้อโปรดักท์ประกันมนุษย์เงินเดือนได้ทันใจ เป็นช่องทางที่ทุกคนเข้าถึงง่าย และครอบคลุมลูกค้าทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าให้ความสนใจมาใช้บริการออนไลน์จากทีคิวเอ็มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันลูกค้าในกลุ่มออฟไลน์ก็ยังคงสามารถใช้บริการได้ครบวงจรเช่นเดิมที่ โทร 1737 

สำหรับสิทธิประโยชน์พิเศษของลูกค้าที่ซื้อประกันมนุษย์เงินเดือน ภายใต้แคมเปญ “มนุษย์เงินเดือน MAY DAY” ประกอบด้วย ซื้อประกันรถยนต์มนุษย์เงินเดือนประเภท 1 รับบัตรเติมน้ำมันมูลค่าสูงสุด 1,000 บาท และ เพื่อตอบโจทย์มนุษย์เงินเดือนที่ทำงานยุ่งจนไม่มีเวลา เมื่อซื้อประกันรถยนต์ภาคสมัครใจทุกประเภทจะได้รับบริการทำธุระแทนคุณผ่าน Grab Taxi มูลค่า 500 บาท ทุกกรมธรรม์ และซื้อประกันภัยประเภทอื่น ๆ จะได้รับบัตร Gift Voucher มูลค่าสูงสุด 300 บาท หมดเขตภายในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้

ด้วยความห่วงใยผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ ภายในแคมเปญ “มนุษย์เงินเดือน  MAY DAY”  ทีคิวเอ็มและกรุงเทพประกันภัย มอบฟรีประกันอุบัติเหตุ 2 เท่า หรือ 200,000 บาท เฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคมนี้เท่านั้น โดยผู้ที่สนใจสามารถขอลงทะเบียนรับได้ที่ไลน์ “TQM Insurance Broker” และสำหรับลูกค้าที่สนใจโปรดักท์ประกันมนุษย์เงินเดือน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและซื้อประกันได้ทุกช่องทางของทีคิวเอ็มที่ www.tqm.co.th , Facebook / Line Official “TQM Insurance Broker” , โทร 1737 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่สาขาทีคิวเอ็มทั่วประเทศ

ดร.ศิริเดช  คำสุพรหม  คณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี

X

Right Click

No right click