เมื่อเร็วๆ นี้ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย จับมือร่วมกับ อเมซอน โกลบอล เซลลิ่ง ประเทศไทย แพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ระดับโลก และเพย์โอเนียร์ ผู้ให้บริการรับจ่ายเงินระหว่างประเทศชั้นนำของประเทศจัดงานสัมมนาในหัวข้อ “Global E-Commerce Expo : โอกาสบุกตลาดอีคอมเมิร์ซในต่างประเทศ สำหรับ SME ไทย” เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่และให้คำแนะนำผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่กำลังพิจารณาเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซระดับโลกผ่านทาง Amazon.com

รายงาน UOB Business Outlook Study 2023 (SME& Large Enterprises)[1] พบว่า ร้อยละ 93 ของธุรกิจไทยสนใจที่จะนำดิจิทัลแพลตฟอร์มที่สนับสนุนการค้าข้ามพรมแดนมาใช้เพื่อขยายธุรกิจไปต่างประเทศ และร้อยละ 34 ใช้อีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มสำหรับสรรหาวัตถุดิบและผู้ขาย [2]งานสัมมนาในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีไทยที่มองหาโอกาสในการขยายฐานลูกค้าออนไลน์และเพิ่มช่องทางใหม่ในการสร้างรายได้ ผู้เข้าร่วมกว่า 150 คน ได้เรียนรู้เกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดอีคอมเมิร์ซจากอดีต ปัจจุบัน และที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต วิธีการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมมาขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ช การจัดการโลจิสติกส์ข้ามพรมแดน และการสนับสนุนทางการเงินของธนาคารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจในการบุกตลาดการซื้อขายสินค้าออนไลน์ระดับโลก

นางสยุมรัตน์ มาระเนตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Business Banking ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “การขยายธุรกิจไปต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับโลกอย่างอเมซอน จะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงตลาดโลกได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น งานสัมมนาที่ธนาคารจัดขึ้นร่วมกับ อเมซอน โกลบอล เซลลิ่ง และ เพยโอเนียร์ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของธนาคารที่ต้องการมอบความรู้และการสนับสนุนทางการเงินสำหรับลูกค้าเอสเอ็มอีที่สนใจขยายธุรกิจไปตลาดต่างประเทศ สอดคล้องกับกลยุทธ์หลักของธนาคารที่ต้องการเชื่อมโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ธนาคารเชื่อมั่นว่าลูกค้าที่เข้าร่วมงานสัมมนาในครั้งนี้จะหันมาสนใจทำธุรกิจบนตลาดอีคอมเมิรช์เพื่อขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ และช่วยสนับสนุนให้สินค้าไทยสามารถส่งออกไปขายในตลาดโลกได้มากขึ้น” 

นายธเธียร์ อนุจรพันธ์ หัวหน้าทีมอเมซอน โกลบอล เซลลิ่ง ประเทศไทย กล่าวว่า “ มีโอกาสมากมายบนตลาดอีคอมเมิรซ์ระดับโลกที่ธุรกิจเอสเอ็มอีไทยสามารถยกระดับผลิตภัณฑ์ของตนเองให้เข้าถึงผู้บริโภคทั่วโลก ทางอเมซอนพร้อมสร้างความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับสถาบันการเงินชั้นนำอย่างธนาคารยูโอบี เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ธุรกิจในประเทศไทยในการแข่งขันระดับโลก เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้ขายสินค้าที่สนใจสร้างฟุตพรินท์ทางธุรกิจในระดับสากลบนตลาดซื้อขายสินค้าออนไลน์ของอเมซอนที่เข้าถึงผู้ซื้อกว่า 300 ล้านรายทั่วโลก”

นายเจริญ หิรัญตระกูล  Country Lead บริษัท เพย์โอเนียร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “บริษัทรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนับสนุนโซลูชันทางการเงินสำหรับธุรกิจการซื้อขายสินค้าข้ามพรมแดนที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ระบบจ่ายเงินของเพย์โอเนียร์จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ธุรกิจในการจัดการธุรกรรมทางการเงินและลดขั้นตอนในการรับชำระเงิน โดยผู้ขายสินค้าบนอเมซอนสามารถเลือกรับเงินเข้าบัญชีจากผู้ซื้อทั่วโลกเป็นสกุลเงินบาทหรือสกุลเงินต่างประเทศได้โดยทันที และสามารถโอนเงินจากบัญชีเพย์โอเนียร์เป็นสกุลเงินท้องถิ่น เข้าไปยังบัญชีเงินฝากจากทางธนาคารยูโอบีได้ทันที”


[1] ที่มา ผลสำรวจยูโอบีเผย ธุรกิจ 3 ใน 4 เชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวในปีนี้

[2] ทีมา UOB Business Outlook Study 2023 ผู้ตอบ: ธุรกิจเอสเอ็มอีและองค์กรขนาดใหญ่จากภาคอุตสาหกรรมหลักในประเทศไทย N=530

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทยเดินหน้าสนับสนุนสินเชื่อทางการเงิน เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตสีเขียวให้แก่ภูมิภาคอาเซียน ธนาคารพร้อมสนับสนุนสินเชื่อทางการเงินภายใต้กรอบแนวคิดเพื่อความยั่งยืนให้แก่ธุรกิจในทุกภาคอุตสาหกรรมในการบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emission)

โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ธนาคารยูโอบี ได้เข้าร่วมงาน ฟิวเจอร์ โมบิลิตี้ เอเชีย (Future Mobility Asia) และ “ฟิวเจอร์ เอนเนอร์จี เอเชีย” (Future Energy Asia) ประจำปี 2566 เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและนำเสนอโซลูชันทางการเงินของธนาคาร ที่ช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านความยั่งยืนให้แก่ภูมิภาค ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงในอุตสาหกรรม ผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนผู้กำหนดนโยบายที่เข้าร่วมงานในปีนี้

นายตัน ชุน ฮิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “ ธนาคารยูโอบียึดมั่นในแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมผนึกความร่วมมือกับทุกภาคส่วนผ่านโครงการเพื่อความยั่งยืนที่หลากหลายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น ยูโอบีในฐานะธนาคารที่ตอบโจทย์ครบในหนึ่งเดียวเพื่อเข้าถึงโอกาสเติบโตทางธุรกิจทั่วอาเซียน ยืนยันจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางทางการเงินที่พร้อมสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม ยั่งยืน และเพื่อสิ่งแวดล้อมให้แก่สังคม ปัจจุบันสภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องเร่งด่วนสำหรับพวกเราทุกคน ธนาคารพร้อมนำเสนอกรอบแนวคิดและโซลูชันทางการเงินเพื่อความยั่งยืนที่ช่วยส่งเสริมและสร้างโอกาสให้แก่บริษัทในทุกภาคอุตสาหกรรมในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนร่วมกัน”

รายงานการศึกษาขององค์การสหประชาชาติพบว่าภาคธุรกิจพลังงานเป็นอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากถึง 3 ใน 4 ของปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่มีการปล่อยทั่วโลก1 ธุรกิจพลังงานจำเป็นต้องหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนในแหล่งพลังงานหมุนเวียนทดแทนเพิ่มขึ้น แทนที่การใช้พลังงานจากก๊าซ ถ่านหิน และน้ำมัน เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนเข้าสู่ชั้นบรรยากาศได้อย่างมีนัยยะสำคัญ

ยูโอบีย้ำถึงบทบาทของธนาคารในการจัดสรรเงินในการลงทุนเพื่อสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนผ่านไปใช้พลังงานสะอาดให้มากขึ้น ซึ่งรายงานการศึกษาของสำนักงานพลังงานทดแทนระหว่างประเทศ (International Renewable Energy Agency: IRENA) พบว่าต้องมีการจัดสรรเงินลงทุนรวมกว่า 57 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐให้แก่ธุรกิจพลังงานไปจนถึงปี 2573 เพื่อจำกัดอุณหภูมิของโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสตามความตกลงปารีส (Paris Agreement)2 โดยเงินลงทุนประมาณร้อยละ 57 มาจากการปล่อยกู้และการระดมทุนโดยสถาบันการเงิน อีกร้อยละ 25 มาจากเงินลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ (private equity markets) และส่วนที่เหลือมาจากเงินลงทุนของธนาคารเพื่อการพัฒนาต่างๆ และเงินลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (public equity markets)

สำหรับภาคขนส่งที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากถึงร้อยละ 20 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก การพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมยานยนต์พลังงานสะอาดในอนาคตเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญ ยูโอบีมองว่าแนวโน้มการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั่วโลกจะเติบโตถึงร้อยละ 18 ภายในปี 2566 และจะมากถึงร้อยละ 35 ภายในปี 2573 โดยเฉพาะในอาเซียนที่ยอดจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในหลายประเทศมีแนวโน้มจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 จากนโยบายของรัฐบาลที่เกื้อหนุนต่ออุตสาหกรรมและโมเดลรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือในประเทศไทย และประเทศอินโดนิเซียที่รัฐบาลกำหนดให้การพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานรถยนต์ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในวาระแห่งชาติเพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเป็นนโยบายเศรษฐกิจหลักเพื่อส่งเสริมให้ค่ายผู้ผลิตให้ย้ายฐานการผลิต

ธนาคารยูโอบีพร้อมสนับสนุนโซลูชันทางเงินแบบครบวงจรภายใต้โครงการยู-ไดรฟ์ (U-drive) เพื่อเชื่อมต่อไปยังทุกภาคส่วนตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า ตั้งแต่ บริษัทผลิตรถยนต์ บริษัทผู้รับจ้างผลิตชิ้นส่วนรถยนต์(OEMs) ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ผู้ประกอบการสถานีชาร์จแบตเตอรี่ ไปจนถึงผู้บริโภค ให้สามารถนำระบบขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ตลอดจนขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในอาเซียน

นอกจากนี้ธนาคารได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งในภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาโซลูชันทางการเงินที่ล้ำสมัยให้ตอบสนองต่อความต้องการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดของภูมิภาค เช่น สินเชื่อทางการเงินเพื่ออนุรักษ์พลังงานสำหรับอาคารและที่อยู่อาศัยภายใต้โครงการยู-เอนเนอร์จี (U-Energy) ควบคู่ไปกับการดำเนินกิจกรรมและโครงการต่างๆที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร หรือส่งเสริมความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อม

โครงการยู-โซลาร์ (U-Solar) โซลูชันทางการเงินแบบครบวงจรที่สนับสนุนทุกภาคส่วน ตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างสำคัญที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ธุรกิจและผู้บริโภคทั่วไปให้เปลี่ยนมาใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์มากขึ้น ความสำเร็จของโครงการในประเทศไทย สิงค์โปร์ อินโดนิเซีย และมาเลเซียช่วยให้ธุรกิจบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนและเร่งให้การพัฒนาด้านพลังงานแสงอาทิตย์ในอาเซียนเป็นไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ปัจจุบัน โครงการยู-โซลาร์ของสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 186,000 ตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า (tCO2e) ทั่วภูมิภาคอาเซียน

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย มอบสินเชื่อสีเขียวจำนวน 150 ล้านบาทให้แก่บริษัทโพลีเทคโนโลยี จำกัด

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย มุ่งสร้างอนาคตเด็กไทยด้วยทักษะความรู้และภูมิคุ้มกันด้านการเงินให้กับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษา ผ่านหลักสูตรการเงินออนไลน์ “UOB Money 101: Teen Edition วัยรุ่นเก่งการเงิน” โดยร่วมกับโครงการร้อยพลังการศึกษา ดำเนินงานมาแล้ว 2 ปีนับตั้งแต่ปี 2564 มีนักเรียนมากกว่า 2,300 คน จาก 39 โรงเรียน ได้เข้าเรียนและรับความรู้เรื่องการเงินจากหลักสูตรการเงินทั้งจากห้องเรียนออนไลน์และห้องเรียนในโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพร้อมเดินหน้าสานต่อในปี 2566

โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีพิธีมอบเกียรติบัตรให้กับตัวแทนคุณครูและนักเรียนที่จบหลักสูตร UOB Money 101: Teen Edition วัยรุ่นเก่งการเงิน ปีการศึกษา 2565 ทั้งสิ้น 1,223 คน ณ อาคารยูโอบี พลาซา กรุงเทพ สำนักงานใหญ่ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย โดยมีผู้บริหารจากธนาคารยูโอบี ประเทศไทยและพันธมิตรโครงการเข้าร่วมในงาน

หลักสูตรการเงินออนไลน์ UOB Money 101: Teen Edition วัยรุ่นเก่งการเงิน ได้รับการออกแบบและพัฒนาขึ้นสำหรับเยาวชนโดยเฉพาะจากสถาบันความรู้การเงินมันนี่คลาส เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้วิธีจัดการเงินให้มีประสิทธิภาพ และเข้าใจถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถเริ่มต้นวางแผนและตั้งเป้าหมายการเงินได้ตั้งแต่วัยรุ่น โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ UOB My Digital Space ซึ่งมีแผนดำเนินโครงการในระยะยาวเพื่อลดช่องว่างทางการศึกษาของเด็กที่ด้อยโอกาสทั่วทั้งภูมิภาคให้เข้าถึงโอกาสในการเรียนรู้ผ่านช่องทางดิจิทัล และเชื่อมโยงพวกเขาสู่โลกแห่งโอกาสการเรียนรู้ดิจิทัล

Page 5 of 9
X

Right Click

No right click