มุ่งสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีไทย ในทุกอุตสาหกรรมเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียว

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เปิดตัวโครงการ Sustainability Innovation หรือ SIP ประจำปี 2024 จัดโดย ยูโอบี ฟินแล็บ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ของไทยในทุกภาคอุตสาหกรรม เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการนำความยั่งยืนมาสู่ธุรกิจ โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายที่กว้างขวางของยูโอบี ฟินแล็บ (UOB FinLab) ซึ่งประกอบด้วยพันธมิตรจากภาครัฐ เอกชน ผู้ให้คำปรึกษา และ SMEs

โครงการ SIP ประกอบด้วย 3 โมดูลหลัก ซึ่งจัดทำขึ้นโดยความร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรม ได้แก่ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI), PwC ประเทศไทย,องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.), จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ โครงการยั่งยืนนิยม ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 29 และ 30 พฤษภาคม 2567 ที่กรุงเทพฯ โดยประกอบด้วยเวิร์กชอปและมาสเตอร์คลาสที่ออกแบบมาสำหรับ SMEs ไทยที่ผ่านการคัดเลือกมากกว่า 200 ราย ซึ่ง SMEs ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับความรู้และข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับกฎระเบียบด้านความยั่งยืน เครื่องมือวัดผล ตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment, Social and Governance - ESG) แนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม และขั้นตอนการดำเนินการ เพื่อเริ่มต้นการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียว

จากรายงาน UOB Business Outlook Study 20241 พบว่า การนำแนวทางปฏิบัติ ESG มาใช้ในประเทศไทยนับเป็น 1 ใน 5 ลำดับความสำคัญทางธุรกิจที่องค์กรให้ความสำคัญอย่างมากในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ธุรกิจประมาณ 3 ใน 10 ระบุว่า จำเป็นต้องมีการสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นในส่วนของการเชื่อมโยงกับองค์กรอื่นๆ ในภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงคำแนะนำสำหรับการปรับใช้มาตรฐาน ESG และแนวทางปฏิบัติในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

นายบัลลังก์ ว่องธวัชชัย Head of Digital Engagement and FinTech Innovation ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “ปัญหาโลกร้อนส่งผลให้องค์กรต่างๆ ทั่วโลกจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจและการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่ความยั่งยืน จากผลสำรวจ UOB Business Outlook Study พบว่าโดยทั่วไปแล้วองค์กรธุรกิจในไทยมองว่าการปรับใช้แนวทางความยั่งยืนคือปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีกับองค์กร (ร้อยละ 56) ช่วยดึงดูดนักลงทุน (ร้อยละ 50) และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในการทำงานร่วมกับองค์กรขนาดใหญ่ (ร้อยละ 42)

“SMEs ตระหนักมากขึ้นถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว โครงการ SIP รวบรวมพันธมิตรจากภาครัฐและเอกชนที่สามารถช่วยเหลือ SMEs ไทยในทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อเริ่มต้นปรับใช้แนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยองค์ความรู้เฉพาะทาง นอกจากนี้ ผู้ประกอบการจะสามารถประเมินความพร้อมของธุรกิจตน สำหรับการพัฒนาสู่ความยั่งยืน โดยใช้เครื่องมือด้านความยั่งยืนของทางธนาคารที่พัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยเครื่องมือนี้จะแนะนำแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมสำหรับกลุ่มธุรกิจต่างๆ”

ทางด้านนายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO กล่าวว่า “ปัจจุบันความยั่งยืนกลายเป็นความจำเป็นของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ที่เป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของประเทศ หลังนโยบายทั้งไทยและต่างประเทศมุ่งเป้าจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พบว่ามีหลายๆ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายสู่ Net Zero มากขึ้น แต่ไม่มีความรู้ที่แน่ชัดว่าจะเริ่มต้นจากจุดไหน ทาง TGO จะเข้ามาช่วย เสริมโครงการ SIP ในจุดนี้ได้ ด้วยการสนับสนุน SMEs ทั้งในเรื่องของแพลตฟอร์มการขอขึ้นทะเบียนกับ TGO ตลอดการให้คำปรึกษาและข้อแนะนำต่างๆ ที่จะช่วยสร้างโอกาสและเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจ SMEs สามารถรุกตลาดคาร์บอนเครดิตต้องทำยังไง ทั้งเป็นหน่วยงานกลางให้ความรู้และช่วยในการประเมินก๊าซเรือนกระจกของธุรกิจ”

ส่วนทางด้านนายปิติพัฒน์ มงคลอริยนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคเอ็มพี คอร์ปอเรชัน ที่ทำธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างแบบครบวงจรที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการภาครัฐและภาคเอกชนอย่างครบวงจร กล่าวว่า “หลังจากที่ได้เข้าร่วมโครงการกับทาง UOB FinLab เราเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน นอกจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายลดลง ระบบปฏิบัติการหลังบ้านที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว ยังได้นำแนวคิดเรื่องความยั่งยืนไปปรับใช้ในธุรกิจและคู่ค้าของธุรกิจของเราด้วย การขยาย

 

โครงการ SIP ในปีนี้ที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนอุตสาหกรรม นับว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการที่ต้องการปรับสู่ความยั่งยืน แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากจุดไหน เพราะจะได้เรียนรู้ตั้งแต่ความจำเป็น กฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง การประเมินการปล่อยคาร์บอนของธุรกิจ การทำโมเดลธุรกิจอย่างยั่งยืน รวมถึงโอกาสเข้าถึงเครือข่ายธุรกิจทั้งภาครัฐและเอกชน เป็นต้น”

นอกจากโครงการ SIP แล้ว ยูโอบี ฟินแล็บ ยังจัดทำโครงการสำหรับสตาร์ทอัพและบริษัทผู้ให้บริการโซลูชันเพื่อสิ่งแวดล้อมหรือกรีนเทค ที่ชื่อว่า GreenTech Accelerator (GTA) 2024 ระยะเวลา 6 เดือนอีกด้วย โครงการ GTA จะช่วยให้ผู้ให้บริการโซลูชันกลุ่มกรีนเทคได้พัฒนาโซลูชันเพื่อสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงจาก SMEs ในอาเซียน และกรีนเทคผู้ชนะจะได้รับเงินทุนสนับสนุนเพื่อนำไปพัฒนาโครงการนำร่องในการแก้ปัญหาให้กับผู้ประกอบการ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเริ่มต้นเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ นอกจากนี้ เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของยูโอบี ฟินแล็บ ในการขับเคลื่อนโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน โครงการ GTA 2024 จะสนับสนุนเงินทุนสูงถึง 100,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ สำหรับเทคโนโลยีสีเขียว หรือกรีนเทค (Greentech) เพื่อนำร่องนวัตกรรมโซลูชันที่เหมาะสมและสามารถนำไปใช้งานได้จริงสำหรับธุรกิจต่างๆ

โครงการ SIP เปิดรับผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs หรือผู้มีอำนาจตัดสินใจจากทุกภาคธุรกิจที่ต้องการปรับใช้แนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืน SMEs ที่สนใจ สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 25 พฤษภาคม 2567 ที่ www.facebook.com/uob.th หรือ https://thefinlab.com/th/thailand

พิเศษสำหรับลูกเพจ MatchLink ลงทะเบียน คลิก >>> https://bit.ly/MatchLink_UOBBiz.
เปิดบัญชีออมทรัพย์ "UOB BizSuper" เพื่อผู้ประกอบการ SME
- รับดอกเบี้ยเงินฝาก 1% ต่อปี
- ไม่มีค่าธรรมเนียมจ่ายเงินเดือนพนักงาน (Payroll)
- ไม่มีค่าธรรมเนียมโอนเงินระหว่างบัญชีธนาคารยูโอบี
- ไม่มีค่าธรรมเนียมโอนเงินระหว่างธนาคารแบบส่งรายการภายในวัน (สำหรับยอดการโอนตั้งแต่ 1 บาท จนถึง 500,000 บาทแรก)
- ไม่มีค่าธรรมเนียมผูกคู่โอนอัตโนมัติ (Fund Sweeping) ระหว่างบัญชีออมทรัพย์ BizSuper และบัญชีกระแสรายวัน BizSuper
- ไม่มีค่าธรรมเนียม UOB eAlerts! บริการแจ้งเตือนความเคลื่อนไหวของบัญชีผ่านทางอีเมล
- ไม่มีค่าบริการสำหรับสมุดเช็คเดือนละ 1 เล่ม และส่วนลด 50% สำหรับเล่มถัดไป
*รายละเอียดและเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

กลุ่มยูโอบีเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำในการร่วมผลักดันแนวคิด ESG ในมิติของการเงิน การลงทุน จัดงานสัมมนาในหัวข้อ “Sustainability at UOB”  นำโดยผู้บริหารระดับสูงของ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) นางสาวรัชดา ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการอาวุโส สายพัฒนาธุรกิจ (ที่ 2 จากขวา) ทีมผู้เชี่ยวชาญการลงทุนอย่างยั่งยืนทั้งจากสำนักงานใหญ่สิงคโปร์ และไทย ได้แก่ มร.วิคเตอร์ วง, (ที่ 1 จากขวา), Head of Sustainability Office ดร.ณรงค์เดช เถกิงเกียรติ (ที่ 1 จากซ้าย) ผู้อำนวยการการลงทุนอย่างยั่งยืน สายการลงทุน พร้อมด้วย มร. เชา วง ยวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความยั่งยืน ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย (ที่ 2 จากซ้าย) ที่มาร่วมให้ความรู้และอัปเดตภาพรวมของความยั่งยืนในมิติของการเงินรวมถึงอุตสาหกรรมที่สำคัญในไทย และการผนวกปัจจัยความยั่งยืนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในสร้างโอกาสการลงทุน โดยงานสัมมนาจัดขึ้นที่ โรงแรม วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา

รายได้ที่สูงเป็นประวัติการณ์ได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายแฟรนไชส์ในภูมิภาคและการเติบโตของรายได้รวมที่แข็งแกร่ง

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ยกระดับโครงการ UOB My Digital Space (MDS) มอบการศึกษาที่มีคุณภาพแก่นักเรียนขาดโอกาสกว่า 4,000 คน ขยายจาก 3 โรงเรียนสู่ 6 โรงเรียนใน 6 จังหวัดได้แก่กาญจนบุรี สุราษฎร์ธานี ขอนแก่น ชลบุรี พะเยา และลำปาง โครงการ UOB MDS เป็นโครงการหลักที่สนับสนุนด้านการศึกษาของกลุ่มธนาคารยูโอบี มีแผนดำเนินโครงการในระยะยาวเพื่อลดช่องว่างทางการศึกษาของเด็กที่ขาดโอกาสให้เข้าถึงโอกาสในการเรียนรู้ผ่านช่องทางดิจิทัล เพื่อเป็นเครื่องมือให้พวกเขาสามารถประสบความสำเร็จได้ในโลกดิจิทัล และพร้อมที่จะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของอาเซียนไปด้วยกัน โดยนอกเหนือจากการมอบห้องคอมพิวเตอร์และเครื่องมือการเรียนรู้ดิจิทัลวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ โครงการ UOB MDS ได้ขยายไปสู่ความรู้ทางการเงินและการแนะแนวอาชีพ นับเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของยูโอบี ในการพัฒนาส่งเสริมเด็กและเยาวชนในอาเซียนให้พร้อมสำหรับเติบโตไปในอนาคต

นายตัน ชุน ฮิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “เพราะเทคโนโลยีได้กำหนดอนาคตแห่งการเรียนรู้ โครงการ UOB My Digital Space จึงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเด็กนักเรียนที่ขาดโอกาสให้เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ด้วยการผสานเทคโนโลยีเข้ากับการศึกษา ที่จะช่วยพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่างๆ เพื่อให้เด็กพร้อมสำหรับอนาคต อาทิ การคิดเชิงวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และความรู้ทางดิจิทัล พร้อมปลูกฝังความรู้ทางการเงินที่เริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นของเราที่จะดูแลเคียงข้างชุมชนเพื่อพัฒนาผู้คนในอาเซียน ตอกย้ำบทบาทที่สำคัญของสถาบันการเงิน นับเป็นกลยุทธ์สำคัญการดำเนินงานของเราเพื่อให้แน่ใจว่าเยาวชนในวันนี้จะสามารถเติบโตได้ในระบบเศรษฐกิจอนาคต”

การขยายขอบเขตของโครงการ MDS นับเป็นการดำเนินงานที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการด้านการศึกษาในเวลาที่เหมาะสม ดังเช่นที่ปรากฏจากผลการประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล หรือ PISA ปี 2565 ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) พร้อมชี้ให้เห็นว่าการริเริ่มการเรียนรู้แบบดิจิทัลหรือ e-learning ให้ประสบความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพของทรัพยากรด้านดิจิทัล การมีเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคที่เหมาะสม และความพร้อมใช้งานของแพลตฟอร์มการเรียนรู้

นางสาวกนกวรรณ โชว์ศรี ผู้อำนวยการโครงการร้อยพลังการศึกษา มูลนิธิยุวพัฒน์ กล่าวว่า “ปีนี้ โครงการ UOB My Digital Space ได้บูรณาการองค์ประกอบการเรียนรู้สำคัญเพิ่มเติมสำหรับนักเรียนอีก 2 วิชาได้แก่หลักสูตรการเงินออนไลน์เพื่อเตรียมความพร้อมให้นักเรียนมีสุขภาพทางการเงินที่ดี และเครื่องมือการแนะแนวอาชีพ เพื่อสนับสนุนให้นักศึกษาตั้งเป้าหมายของตนเองให้เหมาะสมกับความสามารถและคุณค่าของชีวิตได้ ด้วยเครื่องมือดิจิทัลทั้งหมดนี้ทั้งในด้านวิชาการและทักษะชีวิต นักเรียนสามารถเข้าไปเรียนรู้บนระบบออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา

นอกจากเครื่องมือดิจิทัลแล้ว โครงการ MDS ยังมุ่งเสริมศักยภาพให้กับครูผู้สอนเพิ่มเติมในสาขาที่มีความต้องการสูงด้วยวิธีการสอนที่ทันสมัย นายประวิทย์ สิงห์เรือง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ่อพลอยรัชดาภิเษก จังหวัดกาญจนบุรี ยืนยันถึงผลกระทบในการเปลียนแปลงของโครงการ โดยสังเกตเห็นการพัฒนาที่ดีขึ้นเป็นสำคัญในการมีส่วนร่วมและประสิทธิภาพของนักเรียน อันเป็นผลมาจากทรัพยากรการเรียนรู้ดิจิทัลที่นักเรียนสามารถเข้าถึง

นายประวิทย์ สิงห์เรือง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ่อพลอยรัชดาภิเษก จังหวัดกาญจนบุรี หนึ่งในโรงเรียนใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนห้องเรียนรู้ดิจิทัล UOB My Digital Space กล่าวว่า “ก่อนหน้าที่เราจะได้รับการสนับสนุนจากโครงการ UOB My Digital Space นักเรียนต้องใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกันด้วยทางโรงเรียนมีคอมพิวเตอร์ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ขอขอบคุณทางธนาคารยูโอบี ประเทศไทยที่ได้มอบห้องเรียนรู้ดิจิทัลให้กับทางโรงเรียน ซึ่งไม่เพียงแต่เด็กนักเรียนจะได้ใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์และวิชาเรียนดิจิทัลแล้ว นักเรียนยังได้เรียนกับครูรุ่นใหม่จาก Teach for Thailand อีกด้วย ซึ่งเราได้เห็นผลลัพธ์เชิงบวกที่เกิดขึ้นจากนักเรียนของเรา ที่พวกเขาต่างสนุกกับการเรียนรู้ในชั้นเรียนและมีผลการเรียนที่ดีขึ้น ในขณะเดียวกันยังสนับสนุนครูของเราในการเตรียมการสอนในชั้นเรียนได้ดีมีประสิทธิภาพขึ้น”

Page 2 of 9
X

Right Click

No right click