ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี มุ่งตอบโจทย์ลูกค้าด้านการออม ด้วยผลิตภัณฑ์เงินฝากที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการด้านการออม จัดแคมเปญพิเศษสำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีดิจิทัล ttb ME save ที่ให้ดอกเบี้ยสูงสุดถึง 2.2% ต่อปี รับเพิ่ม Grab Code มูลค่า 100 บาท เพียงฝากเงินตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป โปรโมชันตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 มิถุนายน 2567

ทีทีบี เดินหน้าส่งเสริมให้คนไทยมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นรอบด้าน โดยเฉพาะด้านการออมเงิน ที่ถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงินทั้งวันนี้และอนาคต ด้วยการเลือกบัญชีเพื่อออม ttb ME save บัญชีเงินฝากดิจิทัล ให้ดอกเบี้ยสูงสุด 2.2% ต่อปี และเป็นที่ชื่นชอบของนักออมรุ่นใหม่ จัดแคมเปญพิเศษเปิดบัญชี ttb ME save เพียงฝากเงินตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไประหว่างวันที่ 15 เมษายน – 30 มิถุนายน 2567 และคงเงินไว้ไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเนื่อง 30 วันนับจากวันที่เปิดบัญชี รับทันที Grab Code มูลค่า 100 บาท โดยสามารถกดรับสิทธิ์ผ่านแอป ttb touch และใช้เป็นส่วนลดเมื่อสั่งอาหารขั้นต่ำ 300 บาท ผ่านแอปพลิเคชัน Grab ได้ถึง 30 พฤศจิกายน 2567

บัญชี ttb ME save เป็นหนึ่งในบัญชีเงินฝากดิจิทัลที่ได้รับความนิยม ซึ่งโดดเด่นด้วยรูปแบบการออมที่ง่าย ให้ดอกเบี้ยในอัตราสูง ไม่ต้องฝากประจำ ฝากถอนเมื่อไรก็ได้ ไม่มีขั้นต่ำ และรับดอกเบี้ยพร้อมโบนัสรวมสูงสุดถึง 2.2% ต่อปี เพียงมียอดเงินฝากมากกว่าถอนในแต่ละเดือน สำหรับยอดเงินฝาก 1 แสนบาทแรกสามารถเช็คยอดดอกเบี้ยสะสมได้ทุกวัน และตั้งเป้าหมายการออมผ่าน Savings Goal ได้อีกด้วย จึงเหมาะเป็นบัญชีเพื่อออมเงินสำหรับนักออมรุ่นใหม่อย่างแท้จริง

เคทีซี เวิลด์ ทราเวล เซอร์วิส เปิดเผยข้อมูลช่วงเทศกาลสงกรานต์ คนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะนครกว่างโจว และนครเซี่ยงไฮ้มากขึ้นหลังฟรีวีซ่าไทย – จีน ขณะที่ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดท่องเที่ยวไตรมาส 1 ปี 2567 โต 15% โดยหมวดตัวแทนท่องเที่ยว มียอดใช้จ่ายที่เติบโตเป็นอันดับหนึ่ง

นางสาวพัทธ์ธีรา อนันต์โชติพัชร ผู้บริหาร KTC World Travel Service และการตลาดหมวดสายการบิน “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากมาตรการยกเว้นวีซ่าระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ส่งผลให้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่ 12 เมษายน 2567 – 16 เมษายน 2567 สมาชิกได้วางแผนเดินทางท่องเที่ยวในเส้นทางสาธารณรัฐประชาชนจีนผ่าน KTC World Travel Service มากขึ้น โดย 5 เส้นทางหลักที่สมาชิกเลือกสำรองตั๋วเครื่องบินและซื้อผลิตภัณฑ์บริการท่องเที่ยวอื่นๆ มากที่สุดได้แก่ ฮ่องกง / เมืองไทเป / เมืองกวางโจ่ว / นครเซี่ยงไฮ้ และฮานอย/โซล ตามลำดับ ซึ่งแตกต่างจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2566 ที่อันดับ 1 ได้แก่ เมืองไทเป อันดับ 2 เมืองฮอกไกโด และอันดับ3 เมืองฟูโกโอกะ

ขณะที่ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดท่องเที่ยวช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2567 เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปี 2566 โดยหมวดท่องเที่ยวมียอดใช้จ่ายเป็นอันดับ 2 ของพอร์ตรวมยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต รองจากหมวดประกัน และหมวดที่มีสัดส่วนยอดการใช้จ่ายมากที่สุดคือ หมวดตัวแทนท่องเที่ยว หมวดสายการบิน และหมวดโรงแรม ตามลำดับ

สำหรับยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีที่ต่างประเทศช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2567 เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันของปี 2566 โดยเส้นทางท่องเที่ยวที่มียอดการใช้จ่ายสูงสุดได้แก่ ญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี ไต้หวัน และสิงคโปร์ ตามลำดับ โดยประเทศจีนหลังเปิดประเทศพบว่ามียอดการใช้จ่ายเติบโตสูงขึ้น และติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศที่มีการใช้จ่ายสูงสุด

ผู้สนใจสิทธิพิเศษด้านการเดินทางท่องเที่ยวสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC World Travel Service โทรศัพท์ 02 123 5050 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์ https://www.ktc.co.th/ktcworld สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ


หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ในฐานะหนึ่งในคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการแก้ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่เป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก จึงได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานภาคีเครือข่ายรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวมาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2567 ได้ลงพื้นที่ ณ จุดตรวจเยี่ยมหน้าสถานีตำรวจภูธรกำแพงแสน ตำบลทุ่งกระพังโหม อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม โดยมี นางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ให้การต้อนรับ พร้อมด้วยนางจันทิมา มีโส ผู้อำนวยการภาค สำนักงาน คปภ. ภาค 7 (นครปฐม) ผู้อำนวยการสำนักงาน คปภ. จังหวัดในสังกัด เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครประกันภัยจังหวัดนครปฐม และหัวหน้าส่วนราชการ ในการนี้ เลขาธิการ คปภ. ได้มอบน้ำดื่ม และเครื่องอุปโภค-บริโภคสนับสนุนให้จุดตรวจเพื่อเป็นขวัญและกำลังให้กับเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ในจังหวัดนครปฐม

สำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านการประกันภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเฉพาะช่วงระหว่างวันที่ 11 เมษายน 2567 - วันที่ 17 เมษายน 2567 ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวที่จะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาท่องเที่ยวและจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองเป็นจำนวนมาก อาจจะมีความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินจากอุบัติเหตุ   สูงกว่าช่วงปกติ โดยได้เปิดศูนย์บริการสายด่วน คปภ. 1186 และ LINE @OICConnect อย่างครบวงจร ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงตลอด 7 วันอันตรายในช่วงเทศกาลสงกรานต์

ต้านโลกร้อน ลดขยะทะเลผ่าน ‘ค่ายเยาวชนรักษ์ป่าชายเลน’

ในโลกเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง Women in Tech เป็นอีกหนึ่งหัวข้อสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมา ผู้หญิงมีส่วนร่วมในวงการเทคโนโลยีมากขึ้น รวมถึงการขึ้นสู่ตำแหน่งระดับสูงที่มีอำนาจในการตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม บทบาทของผู้หญิงสายเทคสำหรับบางองค์กรก็ยังไม่มากเท่าที่ควร

แต่นั่นไม่ใช่ที่ “ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป” (True Digital Group: TDG) หน่วยธุรกิจซึ่งรับผิดชอบพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล ภายใต้ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่มีคนเก่งหลายคนรวมทั้ง ภรรททิยา โตธนะเกษม ร่วมนับหนึ่งตั้งแต่วันแรก และวันนี้ เธอยังคงทำหน้าที่เป็น “มันสมอง” ให้ TDG ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่าย Digital Growth Strategy

ค้นหาสิ่งที่ชอบ

ภรรททิยาเกิดและเติบโตในสภาพแวดล้อมแบบข้ามวัฒนธรรม (Cross Culture) ในช่วงวัยเด็ก เธอได้รับทุน ASEAN Scholarship ของรัฐบาลสิงคโปร์ให้ศึกษาในระดับมัธยมศึกษาต้นที่โรงเรียนชั้นนำของสิงคโปร์ ระบบการศึกษาที่นั่นมีการแข่งขันสูงแต่เธอก็ผ่านมาได้ด้วยความพยายาม หลังจากนั้น ภรรททิยามีโอกาสไปศึกษาต่อมัธยมตอนปลายเป็นเวลาสั้นๆ ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย

แต่ด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญของครอบครัว เพื่อที่จะได้กลับมาใช้เวลากับครอบครัวและน้องสาวที่ตอนนั้นยังเล็ก ภรรททิยาจึงตัดสินใจกลับมาศึกษาระดับปริญญาตรีในประเทศไทย ในหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (BBA) ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งขณะนั้น เธอมีอายุเพียง 16 ปี การเลือกเรียนในสายบริหารธุรกิจนี้ ภรรททิยามีคุณพ่อคุณแม่ ศ.ดร.วรภัทร-กิตติยา โตธนะเกษม นักบริหารเลื่องชื่อของไทย เป็นแรงบันดาลใจ

ภายหลังสำเร็จการศึกษาจากรั้วจามจุรีด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งในวัยเพียง 20 ปี ภรรททิยาสมัครและได้รับคัดเลือกทุนการศึกษาระดับปริญญาโทจากสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง และได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่นั่นเป็นเวลาประมาณ 1 ปีกว่า แต่นั่นกลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนหนึ่งของชีวิต เพราะทำให้รู้ตัวว่าไม่ค่อยอินกับธุรกิจธนาคารเท่าใดนัก หลังจากได้คิดไตร่ตรองแล้วเธอจึงตัดสินใจสละสิทธิทุนการศึกษา เพื่อให้โอกาสตนเองได้ไปค้นพบประสบการณ์ด้านอื่น

ถึงแม้ภรรททิยายังไม่มีชั่วโมงทำงานที่มากพอ แต่ก็ได้ทดลองสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา และได้รับการคัดเลือกเข้าหลักสูตรปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ (MBA) ที่ Harvard Business School

ภายในคลาสที่มีผู้เรียนราว 900 คนจากทั่วทุกมุมโลก วิธีการเรียนการสอนที่เน้นการอภิปราย และถกเถียงในชั้นเรียนแบบที่ต้องแย่งกันยกมือพูด เพราะถ้าไม่พูดก็อาจจะสอบตกวิชานั้น กลายเป็นความท้าทายสำคัญสำหรับภรรททิยา ที่มีวัยวุฒิเด็กที่สุดและประสบการณ์ทำงานน้อยที่สุดในห้อง ในช่วงแรก เธอไม่กล้าพูด แต่ก็พยายามปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ จนมีส่วนร่วมในการอภิปรายในชั้นเรียนได้ ทำให้ได้เรียนรู้โลกธุรกิจของจริง จากทั้งอาจารย์และเพื่อนร่วมห้อง ที่อาจหาไม่ได้จากตำรา

 

จุดเริ่มต้นนักกลยุทธ์หญิงสายเทค

ช่วงที่เธอเรียนนั้น เป็นยุคที่บริษัทเทคโนโลยีกำลังเริ่มบูม บวกกับความชอบที่เธอมีต่อ gadgets อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่วัยเยาว์ เป็นจุดที่ทำให้เธอเริ่มรู้ตัวว่าสนใจในวงการนี้ ระหว่างเรียนปีสองที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่สัญชาติเกาหลีใต้อย่าง Samsung ได้ไปสัมภาษณ์ที่มหาวิทยาลัยต่างๆ ในยุโรปและอเมริกาเพื่อรับพนักงานใหม่ ในรุ่นนั้น Samsung รับ MBA graduates เกือบ 40 คน เป็นฝรั่งเกือบทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย มีผู้หญิงเพียง 6 คน ภรรททิยาเป็นผู้หญิงเอเชียเพียงคนเดียวและเด็กที่สุด นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการได้เข้าสู่วงการเทคโนโลยีในตำแหน่ง Global Strategist (Internal Consultant) แผนก Global Strategy Group ของบริษัท Samsung Electronics

ที่ Samsung ได้ปลดล็อกให้เธอได้ใช้ศักยภาพอย่างเต็มความสามารถ ด้วยบทบาทหน้าที่ของ In-House Think Tank ประจำอยู่ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ ต้องเดินทางอยู่บ่อยครั้ง ทำงานร่วมกับ C-suite ของ Samsung ในประเทศต่างๆ เช่น อินเดีย รัสเซีย อังกฤษ ออสเตรเลีย เพื่อแก้ไขปัญหาทางธุรกิจในหลายด้าน เช่น การบริหารทรัพยากรบุคคล การตลาด การพัฒนาธุรกิจ เป็นต้น ซึ่งเธอถือว่าเป็นประสบการณ์อันล้ำค่า เปิดให้เห็นโลกกว้างของเทคโนโลยี วิธีการคิดเชิงกลยุทธ์ และฝึกให้เข้าใจและตีโจทย์ธุรกิจของลูกค้าในเวลาสั้นๆ การทำงานแบบเกาหลีเองก็มีความท้าทาย เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมในที่ทำงานเป็นผู้ชายโดยส่วนใหญ่ ทั้งในระดับผู้จัดการ และ C-suite สื่อสารด้วยภาษาเกาหลีเป็นหลัก

ในปี 2558 ภรรททิยาได้รับการติดต่อจาก Apple Inc  เพื่อให้ดูแลธุรกิจ App Store ของตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นทีมใหม่ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นและเธอเป็นคนไทยคนแรกของทีม ในตำแหน่ง App Store Business Manager ประจำที่สิงคโปร์ ในเวลานั้น ระบบนิเวศน์ของโมบายแอปพลิเคชันในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเริ่มบูม เป็นยุคก่อตัวของแอปฯ ยูนิคอร์นต่างๆ เช่น Grab, Garena งานที่ Apple ทำให้ได้เข้าใจโมเดลธุรกิจของแอปฯ และได้พบกับ startups มากมาย ทั้งนักพัฒนาแอปฯ และเกมขนาดเล็กแบบทำคนเดียว ไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ ที่สำคัญได้เห็นการทำงานของบริษัทระดับโลกอย่าง Apple ซึ่งให้ความใส่ใจลูกค้าในระดับที่เรียกว่า Customer Obsession มีวิธีคิดแบบ Outside-In ทุกอย่างทุกดีไซน์ล้วนแต่ถูกคิดอย่างละเอียด ทดสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่านับร้อยนับพันครั้ง เพื่อประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า

ผ่านไปหลายปี ภรรททิยาตระหนักว่า เธอใช้ชีวิตในต่างแดนถึง 1 ใน 3 ของชีวิตเลยทีเดียว และน่าจะถึงเวลา “กลับบ้าน” เสียทีเพื่อให้เวลากับสิ่งที่เธอให้ความสำคัญมาโดยตลอด นั่นคือครอบครัวและการได้ดูแลคุณพ่อคุณแม่มากขึ้น

ขณะนั้น เป็นช่วงเดียวกับที่ทรู กำลังก่อร่างสร้าง TDG เพื่อต่อยอด-สร้างมูลค่าเพิ่มจากบริการโทรคมนาคม ในปี 2560 เป็นยุคที่ดิจิทัลกำลังบูมสุดขีด TDG ถูกสร้างขึ้นโดยมีวิสัยทัศน์แห่งการเป็น Digital Enabler เป็น North Star เปลี่ยนจาก traditional telco สู่ digital services ดึงดูดคนเก่งที่มีเป้าหมายเดียวกัน ซึ่งภรรททิยาก็เป็นหนึ่งในนั้น

จากวันนั้นถึงวันนี้ เป็นระยะเวลาราว 7 ปีที่ภรรททิยาได้มีโอกาสทำงาน ในหลายหน้าที่ใน TDG ไม่ว่าจะเป็น Strategy, Investments, Digital Transformation จนปัจจุบันได้รับความไว้วางใจทำหน้าที่ Head of Digital Growth Strategy เพื่อสร้างอิมแพคให้กับผู้บริโภค พาร์ทเนอร์ และสังคม ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

 

ผู้หญิงในสายงานเทค

ภรรททิยา ให้มุมมองถึงประเด็น Women in Tech ว่า ประเทศไทยมีพัฒนาการด้านการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้หญิงในภาคเทคโนโลยีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เราเห็นผู้หญิงเป็นนักพัฒนาแอปฯ มากขึ้น เป็น data scientist มากขึ้น แต่เมื่อพิจารณาในแง่ของผู้นำหญิง (Female Leadership) อาจมีสัดส่วนที่น้อยอยู่ อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ที่ได้มีโอกาสไปแบ่งปันประสบการณ์ความรู้ที่ Tech Forum แห่งหนึ่ง จากวิทยากรกว่า 10 คน มีผู้หญิงที่ขึ้นพูดเพียง 2 คนเท่านั้น ซึ่งนี่อาจสะท้อนถึงการเติบโตในหน้าที่การงานของผู้หญิงในระดับบริหาร

จากการสำรวจของ Tech Talent Charter ในปี 2566 ระบุว่า 1 ใน 3 ของผู้หญิงที่ทำงานสายเทค มีแผนที่จะออกจากงาน เพราะเผชิญกับภาวะหมดไฟจากการทำหน้าที่ทั้งแม่และพนักงาน ซึ่งสาเหตุคงเป็นเพราะข้อจำกัดในเรื่องการบริหารการทำงานไปพร้อมๆกับการมีครอบครัว

เธอยกตัวอย่างสิ่งที่เธอเห็นจากบริษัทเทคหลายแห่ง ที่มีแนวทางสนับสนุนผู้หญิงให้สามารถสร้างสมดุลชีวิตทั้งหน้าที่การงานและชีวิตครอบครัว โดยไม่ต้อง “เสียสละ” ความก้าวหน้าในอาชีพเพื่อความเป็นแม่ เช่น สนับสนุนเงินทุนให้ผู้หญิงฝากไข่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนครอบครัว หรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น ห้องให้นมบุตร ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือแห่งการสร้างความเท่าเทียม

 

ชีวิตคือการส่งต่อ

จากโอกาสชีวิตที่ได้รับมา ภรรททิยา เห็นความสำคัญของการส่งต่อประสบการณ์ให้กับผู้อื่น ล่าสุด เธอกำลังทำหน้าที่ Mentor แบ่งปันความรู้ ให้คำปรึกษาแก่น้องๆ นิสิตจุฬาฯ เช่นเดียวกับที่เคยได้ทำให้น้องๆ วัยมัธยมตอนช่วงทำงานอยู่ที่สิงคโปร์ ภรรททิยาเห็นว่าเด็กไทยมีศักยภาพที่จะไปโลดแล่นในระดับภูมิภาคหรือแม้กระทั่งระดับโลก พวกเขามีไอเดียที่ดี แต่อาจต้องการคนรับฟังและชี้แนะเพื่อช่วยให้เขาเดินทางไปสู่เป้าหมาย

นอกจากการส่งต่อ “ความรู้” แล้ว ภรรททิยา มองว่า “ความสุข” ก็ส่งต่อได้ด้วย ยามว่างเธอชอบร่วมกิจกรรมเพื่อสังคม เช่น การเล่นดนตรี ร้องเพลงให้กับผู้สูงอายุและผู้ต้องขังในเรือนจำ

ทีมบรรณาธิการถามคำถามสุดท้ายว่า ภรรททิยาได้รับโอกาสดีๆหลายอย่าง อยากจะฝากอะไรกับผู้ที่อาจไม่ได้รับโอกาสเช่นนี้ ภรรททิยาตอบว่า มนุษย์เลือกเกิดไม่ได้ และควบคุมปัจจัยภายนอกไม่ได้ เช่น สังคมแวดล้อม ความเหลื่อมล้ำ แต่สิ่งที่เราทุกคนจัดการได้คือ ตัวเราเอง ซึ่งต้องใช้ความพยายาม ความมุ่งมั่นพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ทำในสิ่งที่เราถนัดและชอบ ก็จะทำให้เรามีโอกาสเปล่งประกายในแบบของเรา ส่วนคนที่โชคดีเกิดมาได้รับโอกาสมากกว่าผู้อื่น การแบ่งปันและเกื้อกูลกัน ก็จะช่วยให้สังคมนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้น

“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) บุกทำเลทองศักยภาพสูงของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก เปิดตัว KTC TOUCH สาขาเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ โฉมใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์บิซคาเฟ่ (Biz Café) โดยมีนายวิวัฒน์ เจริญสวัสดิ์พงศ์ VP Property Management พร้อมคณะผู้บริหาร บริษัท เดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด ร่วมแสดงความยินดี

นางสาวชนิดาภา สุริยา ผู้บริหารสูงสุด สายงานบริการลูกค้าและสนับสนุนธุรกิจ “เคทีซี” เปิดเผยว่า เคทีซีพร้อมเดินหน้าพัฒนาการบริการเพื่อส่งต่อความสะดวกสบายให้แก่สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากการใช้บริการผ่านแอปพลิเคชันในการทำธุรกรรม KTC Mobile แล้ว เรายังคงให้ความสำคัญกับการให้บริการผ่านศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” (KTC TOUCH) เนื่องจากยังมีสมาชิกที่ต้องการรับคำแนะนำ หรือสะดวกที่จะรับการบริการโดยตรงจากเจ้าหน้าที่มากกว่า  ซึ่งปัจจุบันเรามีศูนย์บริการ “KTC TOUCH” จำนวน 12 สาขาทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล     โดยมีแผนพัฒนาปรับปรุงแต่ละสาขาเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของสมาชิกยุคดิจิทัลให้มากยิ่งขึ้น”

สำหรับ “KTC TOUCH” โฉมใหม่ ดีไซน์ภายใต้คอนเซ็ปต์บิซคาเฟ่ (Biz Café) เน้นรูปลักษณ์ที่ทันสมัยโดดเด่นในทุกมุมมอง และสามารถมองเห็นศูนย์บริการฯ ได้รอบด้าน พร้อมให้บริการที่หลากหลายครบครันในจุดเดียว ทั้งการบริการรับสมัครบัตรเครดิต สินเชื่อ การชำระค่าใช้จ่าย ตลอดจนการให้คำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ พบกับศูนย์บริการสมาชิก “KTC TOUCH” ได้ที่เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์  บางกะปิ ชั้น 2 โซน Bank & Non Bank เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 – 19.30 น. 

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC 02 123 5000 หรือติดตามโปรโมชัน ของเคทีซีได้ที่ https://www.ktc.co.th สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ ทั้งนี้ผู้ถือบัตรเครดิตควรใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี สำหรับผู้ถือบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” ควรกู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว  

บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) นำโดย ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร พาพนักงานบริษัทฯ จำนวนกว่า 1,600 คน บินลัดฟ้าไปทัศนศึกษา ณ อุระบันได (Urabandai) – โตเกียว (Tokyo) ประเทศญี่ปุ่น เพื่อท่องเที่ยวและพักผ่อนในสถานที่สวยงาม โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และโอบล้อมด้วยธรรมชาติ พร้อมกับอิ่มเอมใจกับการเล่นกระดานเลื่อนท่ามกลางหิมะที่อุทยานแห่งชาติบันได - อาซาฮี (Bandai - Asahi National Park) เข้าชมหมู่บ้านโออุจิ จูคุ (Ouchi Juku) ซึ่งเป็นหมู่บ้านโบราณสมัยเอโดะที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติ และสนุกสนานกับนวัตกรรมอันน่าตื่นตา และชอปปิงแหล่งรวมแฟชั่นทันสมัยระดับโลกในเมืองหลวงที่ย่านชินจูกุ (Shinjuku) และชิบูย่า (Shibuya) รวมถึงศึกษาวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชาวญี่ปุ่น ทั้งการไหว้พระขอพรที่วัดอาซากุซะ (Asakusa Temple) การแช่ออนเซ็น การแต่งกายในชุดยูกาตะ การรับประทานอาหารต้นตำรับของญี่ปุ่น พร้อมเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆ ที่สามารถนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันและการทำงาน อีกทั้งยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ของพนักงานให้กระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ ได้จัดรอบการเดินทางจำนวน 8 รอบ รอบละกว่า 200 คน ตั้งแต่เดือนมกราคม - มีนาคม 2567

กิจกรรมดังกล่าว บริษัทฯ จัดขึ้นเพื่อขอบคุณพนักงานทุกคน เป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จของทุกฝ่ายที่ร่วมแรงร่วมใจกันในการสร้างผลงานได้ตามเป้าหมาย สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ และทุ่มเทตลอดปี 2566  อีกทั้งเป็นการสร้างกำลังใจให้พนักงานที่ช่วยกันขับเคลื่อนองค์กรให้มุ่งสู่เป้าหมายได้อย่างสำเร็จ และมีส่วนร่วมในการส่งเสริมให้บริษัทฯ เติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงมาโดยตลอด

ส่งมอบกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเทศกาลสงกรานต์ 2567 ทั่วประเทศ

พร้อมชวนทุกคนส่งภาพประกวดในกิจกรรม HONOR Songkran Moments

เมื่อเร็วๆนี้ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทยได้รับรางวัลด้านตราสารหนี้ยอดเยี่ยมจากเวทีระดับประเทศและระดับภูมิภาครวม 7 รางวัล จากการบริการทางการเงินที่โดดเด่นและหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดตราสารหนี้ในประเทศไทย

นายพิศาล ขัตติโยทัยวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Head of Investment Banking ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “เรารู้สึกป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลที่ครอบคลุมความสำเร็จด้านตราสารหนี้ที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูงในตลาดการเงินในปีนี้ รางวัลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของธนาคารในการนำเสนอโซลูชันทางการเงิน และบริการให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้ออกตราสารหนี้ ผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่  ธนาคารมีองค์ความรู้ มีความสามารถในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ มีความเชี่ยวชาญ และสามารถนำเสนอวิธีการระดมทุนด้วยการกู้ยืม (debt financing) รวมถึงโซลูชันในการระดมทุนต่างๆที่มีประสิทธิภาพ พร้อมตอบสนองต่อความต้องการในการระดมทุนของลูกค้า เรายืนหยัดที่จะสนับสนุนการให้บริการและโซลูชันทางการเงินที่มีคุณภาพสูง ควบคู่ไปกับการสร้างสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นกับลูกค้า เพื่อผลักดันให้ลูกค้าของเราเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จและเป็นไปตามแผนการเติบโตในอนาคต” 

จากผลงานในปี 2566 ที่ผ่านมา ทำให้ธนาคารยูโอบี ประเทศไทยคว้า 4 รางวัลอันทรงเกียรติจากองค์กรในตลาดทุนระดับประเทศ และนิตยสารทางเงินชั้นนำระดับนานาชาติจากบทบาทอันโดดเด่นในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้แต่เพียงรายเดียวสำหรับการออกหุ้นกู้ขนาดใหญ่ 2 รายการ ได้แก่

  • Best Sustainability-Linked Bond Thailand จากนิตยสาร The Asset และBest Corporate ESG Bond of the Year in Thailand จากสมาคมตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) จากการจำหน่ายหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนของบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) จำนวน 2 ชุด ที่มูลค่าเสนอขายรวม 1,000 ล้านบาท ถือเป็นหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนครั้งแรกของบริษัทที่อยู่ในกลุ่มที่มีธุรกิจทั้งโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงานของประเทศไทย
  • Best Corporate Bond - Thailand by The Asset และBest Property Deal in Southeast Asia จากนิตยสาร Finance Asia – จากการจำหน่ายหุ้นกู้ของ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ มหาชน (จำกัด) จำนวน 2 ชุด ที่มูลค่าการเสนอขายรวม 8,000 ล้านบาท ถือเป็นธุรกรรมการออกหุ้นกู้ขนาดใหญ่ที่สุดของธุรกิจในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยในปี 2566

นอกจากนี้ยูโอบีได้รับรางวัลจาการนำเสนอโซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในด้านตราสารหนี้รวมอีก 3 รางวัล ประกอบด้วย   Best New Bond – Thailand จากนิตยสารThe Asset กับ Best Inaugural Bond Deal in Southeast Asia และ Best Local Currency Bond Deal of the Year in Thailand  จากนิตยสาร The Alpha Southeast Asia จากการเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ร่วมของบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ที่มีมูลค่าการเสนอขายรวม 15,000 ล้านบาท และ Best Bond Deal for Retail Investor in Southeast Asia จากนิตยสาร The Alpha Southeast Asia จากการเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ร่วมของบริษัทเอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ที่มีมูลค่าการเสนอขายรวม 31,500 ล้านบาท   

X

Right Click

No right click