บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) จัดพิธีทำบุญบริษัทฯ เนื่องในโอกาสที่ดำเนินกิจการครบรอบ 77 ปี นำโดยนายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และพนักงานบริษัทฯ ร่วมตักบาตรแด่พระสงฆ์ จำนวน 29 รูป และถวายภัตตาหารและจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ จำนวน 9 รูป พร้อมไหว้ศาลพระพรหมและองค์ครุฑ เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อองค์กร

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดพิธีรดน้ำขอพรจากผู้บริหารเพื่อเป็นการแสดงความเคารพและรับคำอวยพรเพื่อสิริมงคลในการทำงานและการดำเนินชีวิต อีกทั้งส่งเสริมให้พนักงานร่วมแต่งกายชุดไทยซึ่งเป็นการสืบสานประเพณีสงกรานต์หรือปีใหม่ไทย ณ อาคารกรุงเทพประกันภัย สำนักงานใหญ่ ถนนสาทรใต้ เมื่อเร็วๆ นี้

ภาพ “ผู้สูงอายุไร้ฟัน” อาจเป็นภาพที่ชินตาและดูเป็นเรื่องปกติของใครหลายๆ คน แต่สำหรับผู้สูงอายุแล้ว เรื่องดังกล่าวส่งผลต่อสภาพร่างกาย จิตใจ และความมั่นใจที่หายไป

การไม่มีฟัน นอกจากลดประสิทธิภาพในการช่วยบดเคี้ยวอาหารแล้ว ยังเป็นบ่อเกิดของปัญหาด้านสุขภาพอื่นๆ ตามมา ทั้งโรคขาดสารอาหาร เบาหวาน ความดัน ท้ายที่สุดกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง และภาพจำในสายตาคนทั่วไปว่า “การไม่มีฟัน” เป็นเรื่องปกติของผู้สูงวัย แต่แท้จริงแล้วประเด็น “สูงวัยไร้ฟัน” เป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาให้ลดลงได้

“ปัญหาสุขภาพช่องปากในผู้สูงวัย” ฝุ่นใต้พรม ที่รอการปัดกวาด

ตั้งแต่ปี 2566 ที่ผ่านมา ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) อย่างเต็มรูปแบบ โดยจากข้อมูลของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ในปี 2566 ประเทศไทยมีประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ประมาณ 13 ล้านคน คิดเป็น 1 ใน 5 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ จากจำนวนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้หลายภาคส่วนหันมาให้ความสำคัญกับโรคต่างๆ ในผู้สูงอายุ อาทิ เบาหวาน ความดัน โดยหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่มักถูกมองข้าม จนอาจเปรียบได้กับฝุ่นใต้พรมที่รอการมองเห็น นั่นก็คือ ปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน

รศ.ดร.ทพ.ชูชัย อนันต์มานะ หัวหน้าภาควิชาทันตกรรมประดิษฐ์ รองคณบดีฝ่ายพัฒนาคุณภาพคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เล่าให้ฟังว่า แม้วันนี้ประเทศไทยจะได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ให้ความสําคัญกับเรื่องสุขภาพและระบบสาธารณสุข รวมไปถึงสุขภาพช่องปากและฟัน  โดยมีโครงการในระดับชาติหลายโครงการที่มุ่งส่งเสริมสุขภาพช่องปากในกลุ่มผู้สูงอายุชาวไทย และการดูแลด้าน ทันตกรรมที่รวมอยู่ในความครอบคลุมของระบบประกันสังคม แต่ก็ยังพบว่า กว่า 58% ของผู้สูงอายุในประเทศไทยที่มีอายุระหว่าง 60-74 ปี ต้องเผชิญกับปัญหาการสูญเสียฟัน ส่งผลให้มีฟันตามธรรมชาติเหลือน้อยกว่า 20 ซี่

สาเหตุหลักของเรื่องนี้ เพราะคนไทยยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพในช่องปากและฟันอย่างถูกวิธีตั้งแต่ในวัยเด็ก ทำให้ละเลยต่อการใส่ใจในสุขภาพช่องปากและฟัน ส่งผลเป็นห่วงโซ่สำคัญที่ทำให้ต้องสูญเสียฟันอย่างถาวรเมื่อมีอายุมากขึ้น

“ไร้ฟัน” บ่อเกิดปัญหาร้ายแรงด้านสุขภาพกายและใจ

คุณหมอชูชัย อธิบายเพิ่มเติมว่า การที่ผู้สูงอายุต้องสูญเสียฟัน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อปัญหาสุขภาพ เนื่องจากช่องปากถือเป็นปราการด่านแรกของการนำสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย เมื่อผู้สูงอายุไม่สามารถบดเคี้ยวอาหารที่มีประโยชน์อย่างที่เคยรับประทานได้ ผู้สูงอายุก็จะเลือกบริโภคอาหารอ่อนๆ อย่าง ข้าวต้ม โจ๊ก น้ำซุป แทน ทำให้ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ รวมถึงได้อาจได้รับสารอาหารบางประเภทเกินความต้องการที่ร่างกายจะนำไปใช้ เช่น อาหารประเภทแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต แป้งส่วนเกินจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลแทน ทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน และโรคอื่นๆ ตามมา ตั้งแต่โรคขาดสารอาหาร โรคอ้วน นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยพบว่า การได้บดเคี้ยวอาหารมีส่วนช่วยทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคสมองเสื่อมได้ ผู้สูงอายุที่สูญเสียฟัน จึงมีความเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อมมากกว่าคนทั่วไปด้วย

นอกจากปัญหาด้านสุขภาพกายแล้ว ปัญหาด้านสุขภาพใจก็น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน เพราะผู้สูงอายุจะขาดความมั่นใจในการเข้าสังคม การใช้ชีวิตประจำวัน ไม่กล้าพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงหรือครอบครัวอย่างที่เคยเป็น เนื่องจากรู้สึกอายที่จะพูดหรือยิ้ม ผู้สูงอายุหลายคนจึงเลือกที่จะใช้เวลากับตัวเองและอยู่บ้านเพียงลำพัง จนอาจส่งผลให้เกิดปัญหาทางสุขภาพจิตตามมาในภายหลัง

 

“ชุดฟันเทียม” ทางออก “สูงวัยไร้ฟัน”

ความเชื่อเกี่ยวกับ “การใส่ฟันเทียม” เป็นเรื่องน่าอาย ใส่ก็ยุ่งยาก ผู้เชี่ยวชาญการันตีไม่ใช่อย่างที่คิดเสมอไป คุณหมอชูชัย อธิบายเพิ่ม การไม่มีฟันต่างหากเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ทางออกที่ดีที่สุดคือ การทำชุดฟันเทียม แต่การทำชุดฟันเทียมแต่ละครั้ง มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ขั้นต่ำคือหลักพันบาท ไม่รวมค่าเดินทางมาพบหมอ ค่าตรวจ ค่าเอ็กซเรย์ต่างๆ ยิ่งโรงพยาบาลเอกชนหรือคลินิกยิ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ผู้สูงอายุส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะไปทำกับโรงพยาบาลของรัฐแทน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า แต่ก็ต้องยอมแลกกับคิวที่ยาว ส่งผลให้มีจำนวนผู้สูงอายุรอคิวทำชุดฟันเทียมอีกหลายแสนราย

ด้วยความห่วงใยและความตระหนักต่อปัญหาดังกล่าว ทางโรงพยาบาล จึงร่วมมือกับ เฮลีออน ในประเทศไทย (Haleon) ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพระดับโลก เดินหน้าต่อยอดแคมเปญ “เพราะรอยยิ้มไม่ควรต้องรอ ความสุขก็เช่นกัน” (Smiles Can’t Wait) เพื่อเปิดรับบริจาคทุนเพื่อจัดทำฟันเทียมให้กับผู้สูงอายุที่ขาดโอกาสจริง โดยเมื่อปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากประชาชน สามารถช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ขาดโอกาสและค่าใช้จ่ายในการทำฟันเทียมได้เป็นอย่างดี

ไร้ฟัน ไร้สุข : มีฟัน มีสุข

สำหรับคนไข้ที่ได้รับฟันเทียมจากแคมเปญ ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า การมีฟันช่วยคืนวิถีชีวิตในอดีตให้กลับคืนมา พร้อมรอยยิ้มที่มีความสุขได้อีกครั้ง นางสาวอุบลรัตน์ สุนทรพิทักษ์กุล หรือพี่อุบลรัตน์ วัย 67 ปี  ได้เล่าถึงปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการไม่มีฟันและการมีฟันให้ฟังว่า สมัยเด็กไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการแปรงฟัน คิดว่าไม่น่าเป็นอะไร ทำให้เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นเกิดปัญหาฟันผุเรื้อรัง

“ตอนที่ไม่มีฟันเวลาทานอาหารก็ยากมาก ต้องใช้ลิ้นช่วยดุน ทำให้เลือกที่จะทานอาหารอ่อนๆ อย่างโจ๊กหรือข้าวต้ม แล้วเวลาจะออกไปข้างนอกก็ไม่มั่นใจ ไม่กล้ายิ้ม ไม่กล้าออกไปพบปะผู้คน แต่พอได้มาพบคุณหมอ คุณหมอแนะนำให้เข้าร่วมแคมเปญ ได้ใส่ชุดฟันเทียมของตัวเอง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทำให้การใช้ชีวิตกลับมายิ้มกว้างเหมือนเดิม ได้ทานผลไม้ที่ชอบอย่าง แอปเปิ้ล ฝรั่ง ใช้ชีวิตง่ายขึ้น มีความสุขมากขึ้น แคมเปญนี้ช่วยเติมเต็มรอยยิ้มและชีวิตที่มีความสุขแบบนี้ค่ะ (ยิ้ม)” พี่อุบลรัตน์ กล่าว

เช่นเดียวกับ นายสุรเดช ปลื้มจิตร หรือพี่โอม ผู้มีปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันตั้งแต่อายุ 30 ปีต้นๆ เนื่องมาจากความไม่ใส่ใจในการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟัน ทำให้มีฟันผุสะสม ส่งผลต่อรากฟัน ประกอบกับพฤติกรรมส่วนตัวในการบริโภคที่ไม่ระมัดระวังในการบดเคี้ยวอาหาร ชอบแทะของแข็งอย่างกระดูกไก่ ทำให้เกิดปัญหาฟันแตก จึงต้องเข้ารับการรักษา โดยการอุดฟัน รักษารากฟัน ครอบฟัน และถอนฟันบางส่วนออก พร้อมกับต้องใส่ฟันเทียมใหม่ 4 ซี่ เพื่อไม่ให้ฟันซี่อื่นล้ม

“โชคดีที่ได้ฟันเทียมจากแคมเปญ Smiles Can’t Wait ลำพังหากทำครบก็คงใช้เงินหลายหมื่นบาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากจนส่งผลให้ชะลอการทำฟันเทียม กระทบสุขภาพ แต่พอได้เข้าแคมเปญ ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มาก แถมยังคืนความสุขในการใช้ชีวิตให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกด้วย หลังจากนี้จะให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันให้มากขึ้น เพราะการไม่มีฟันคือฝันร้ายของการใช้ชีวิต ดังนั้นจึงอยากเชิญชวนให้ผู้ที่พอมีกำลังทรัพย์ ร่วมสมทบทุนให้กับผู้สูงอายุ และผู้ขาดโอกาสเข้าถึงชุดฟันเทียม เพื่อให้กลับมามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความสุขในทุกช่วงเวลา” พี่โอม กล่าวทิ้งท้าย

นอกจากนี้ยังมี “ผู้สูงอายุไร้ฟัน” อีกหลายราย ที่รอการเติมเต็มใส่ใจในสุขภาพช่องปากและฟัน ทางโครงการ “เพราะรอยยิ้มไม่ควรต้องรอ ความสุขก็เช่นกัน” (Smiles Can’t Wait) ขอเดินหน้าเต็มกำลัง โดยปักหมุดวันผู้สูงอายุ วันที่ 13 เมษายน 2567 เป็นวันที่เปิดให้ประชาชนร่วมบริจาคสมทบทุนจัดทำฟันเทียมให้กับผู้สูงอายุเป็นวันแรก

 

สำหรับประชาชนที่สนใจ สามารถร่วมสมทบทุน โดยการสแกน QR CODE ของโรงพยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมชั้นนำที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย โรงพยาบาลทันตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มูลนิธิคณะทันตแพทยศาตสร์มหิดล เลขที่บัญชี กสิกรไทย 0732885072, โรงพยาบาลคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เลขที่บัญชี กสิกรไทย 0262345183, กองทันตกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เลขที่บัญชี ทหารไทยธนชาติ 0382303733, หรือติดต่อมูลนิธิ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร 02-354-3699

เอปสัน ผู้นำระดับโลกด้านการพิมพ์สำหรับมืออาชีพ ประกาศเปิดตัว Epson WorkForce Enterprise AM-C400 และ AM-C550 เครื่องพิมพ์ขนาดกลางซีรีส์ใหม่ ขนาด A4 ที่ทั้งประหยัดพลังงานและขนาดกะทัดรัด ช่วยประหยัดพื้นที่ในสำนักงาน แต่ยังคงประสิทธิภาพเยี่ยม สอดคล้องกับวิสัยทัศน์เรื่องความยั่งยืน และการประกาศยุติการจำหน่ายเครื่องพิมพ์เลเซอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อธันวาคม 2566

หลังจากเมื่อปลายปี 2565 เอปสันที่ได้เปิดตัวเครื่องพิมพ์เพื่อธุรกิจขนาด A3 รุ่น AM-C4000 และ C5000 ที่พิมพ์เร็ว 40 หน้า และ 50 หน้าต่อนาที ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีนั้น โดยต่อมาเอปสัน พบว่ามีสำนักงานขนาดกลางและเล็กจำนวนมากมีต้องการเครื่องพิมพ์ที่ความเร็วระดับเดียวกันในขนาดเครื่องพิมพ์ A4 จึงได้เปิดตัวเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจ Epson WorkForce Enterprise AM-Series รุ่นใหม่ 2 รุ่นด้วยกัน ประกอบด้วย
AM-C400 และ AM-C550 ที่พิมพ์เร็ว 40 และ 55 หน้าต่อนาทีตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ด้านเดียวหรือ 2 ด้าน พร้อมออกแบบทางเดินกระดาษแบบใหม่ C-Shaped ที่สั้นกว่าเดิม ทำให้จัดการเรื่องกระดาษติดได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ตัวเครื่องได้รับการออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัด เพียง 465 x 570 มิลลิเมตรเท่านั้น จึงเป็นรุ่นที่ประหยัดพื้นที่ในการวางเครื่องมากที่สุดเมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์ที่มีความเร็วการพิมพ์ในการระดับเดียวกัน AM-C400 และ AM-C550 จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสำนักงานขนาดเล็ก หรือวางในบริเวณที่ต้องต้อนรับลูกค้า

AM-C400 และ AM-C550 ช่วยให้ทำงานได้อย่างราบรื่นและมั่นใจในความปลอดภัยของของข้อมูลด้วย Epson Solution Suite โซลูชันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและขั้นตอนการทำงานในสำนักงานให้ดียิ่งขึ้น มาพร้อมชุดรักษาความปลอดภัยที่มีคุณสมบัติหลากหลายในการเข้ารหัสข้อมูลพร้อมด้วยคุณสมบัติต่างๆ เช่น การจัดการจากระยะไกล ตัวเลือกการพิมพ์ที่กำหนดได้เอง และรองรับการใช้งานได้หลากหลาย AM-C400 และ AM-C550 ยังมีโซลูชันสำหรับบริหารงานเอกสารที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ขั้นตอนการสแกนเอกสาร ทำให้สแกนเอกสารได้ง่ายขึ้นด้วยระบบอัตโนมัติ จึงลดขั้นตอนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้เครื่องพิมพ์ Epson WorkForce Enterprise AM-Series ยังมาพร้อม Heat-Free เทคโนโลยีการพิมพ์ที่ไม่ใช้ความร้อนลิขสิทธิ์เฉพาะของเอปสัน ด้วยใช้การพ่นน้ำหมึกลงบนกระดาษโดยตรงไม่ต้องใช้ความร้อนซึ่งเมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์แล้ว จะช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าถึง 85% ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงถึง 85% และมีชิ้นส่วนและวัสดุสิ้นเปลืองน้อยกว่า 59% ทั้งยังไม่เกิดความร้อนจากกระบวนการพิมพ์ซึ่งจะทำลายหัวพิมพ์ ซึ่งเทคโนโลยี Heat-Free จะช่วยประหยัดเวลาด้วยการพิมพ์ความเร็วสูงอย่างสม่ำเสมอ ไม่จำเป็นต้องรอวอร์มเครื่องพิมพ์ สามารถเริ่มพิมพ์งานได้ทันที จึงพิมพ์งานได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ทั้งยังให้งานพิมพ์ที่คมชัด มีความละเอียดสูง ไม่ต่างจากเครื่องพิมพ์เลเซอร์ นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ส่งเสริมความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ ฟีเจอร์การติดตามการใช้พลังงานของเครื่อง หรือไอคอนใบไม้สีเขียวบนหน้าจอที่คอยเตือนให้ผู้ใช้เลือกการสั่งพิมพ์บนทั้ง 2 ด้านของกระดาษเพราะจะช่วยประหยัดกระดาษ เป็นต้น

นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แม้ว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะได้รับความนิยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่กระบวนการพิมพ์ที่ใช้พลังงานมากอาจจะขัดแย้งกับนโยบายด้านความยั่งยืนของแต่ละองค์กรที่ปัจจุบันหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว เพื่อตอบสนองความต้องการโซลูชันการพิมพ์ที่ประหยัดพลังงาน เอปสันจึงได้เปิดตัวเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทมัลติฟังก์ชันความเร็วสูง WorkForce Enterprise AM series ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Heat-Free ซึ่งนับเป็นผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของเอปสันที่ในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่เปี่ยมประสิทธิภาพ ขนาดกะทัดรัด และแม่นยำ ที่ช่วยลดการใช้ทรัพยากร เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของทุกคน หรือ “Engineered for Good ” ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมความยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ”

Epson WorkForce Enterprise AM-C400 และ AM-C550 จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทย ในเดือนมิถุนายน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเอปสัน คอลเซ็นเตอร์ 0-2460-9699 หรือเว็บไซต์ www.epson.co.th เฟสบุ๊ค facebook.com/epsonthailand และ LINE Official Account Epson Thailanda

โรคต่อมลูกหมากโต เป็นภาวะที่ต่อมลูกหมากจะมีขนาดใหญ่เกินกว่าเกณฑ์ปกติและไปกดทับท่อปัสสาวะ ทำให้ผู้ป่วยปัสสาวะติดขัด ปัสสาวะบ่อยมากขึ้น กลั้นปัสสาวะไม่ค่อยอยู่ หรือบางครั้งอาจถึงขั้นปัสสาวะไม่ออก ซึ่งอาการเหล่านี้ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอย่างมาก โดยโรคต่อมลูกหมากโตพบได้ครึ่งหนึ่งของผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปและกว่าร้อยละ 80 ของชายที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป

ศูนย์ทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ให้การดูแลรักษาโรคเฉพาะทาง ทั้งต่อมลูกหมากโต และมะเร็งต่อมลูกหมาก ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา โดยล่าสุดได้นำเทคโนโลยียูโรลิฟต์ (UroLift) เข้ามาใช้กับผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่ง UroLift เป็นหนึ่งในวิธีการในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของไทยเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2567

นพ. อธิป ฉัตรสุทธิพงษ์ แพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า เทคโนโลยี UroLift เป็นการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตแบบรุกล้ำน้อยเพื่อขยายท่อปัสสาวะที่ต่อมลูกหมากกดทับให้กว้างขึ้น โดยก่อนการทำหัตถการ แพทย์จะให้ยาสงบประสาทแบบอ่อน ๆ หลังจากนั้นแพทย์จะใช้เครื่องมือและส่องกล้องเพื่อนำอุปกรณ์ขนาดจิ๋วที่ทำจากสแตนเลสสตีลเกรดการแพทย์ และโลหะพิเศษนิทินอลที่มีความยืดหยุ่นสูง ผ่านทางท่อปัสสาวะเข้าไปยังต่อมลูกหมาก หลังจากนั้นแพทย์จะใส่อุปกรณ์ขนาดจิ๋วประมาณ 4-6 ตัว ขึ้นอยู่กับขนาดและความรุนแรงของโรค เข้าไปยังต่อมลูกหมากเพื่อดึงเนื้อเยื่อต่อมลูกหมากให้ถ่างออกจากท่อปัสสาวะอย่างถาวร เป็นหัตถการที่ไม่มีการตัดหรือเจาะที่อวัยวะใด ๆ ทั้งสิ้น และใช้เวลาเพียง 30 นาทีถึงหนึ่งชั่วโมง

ทั้งนี้ แพทย์จะเป็นผู้ประเมินอาการและให้คำแนะนำเกี่ยวกับทางเลือกในการรักษาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย โดยปัจจัยของผู้ที่เหมาะกับการรักษาด้วยเทคโนโลยี UroLift นั้น ควรจะเป็นผู้ที่ต่อมลูกหมากโตปานกลางถึงใหญ่ แต่มีขนาดไม่เกิน 100 กรัม, ผู้ที่ยังปัสสาวะได้หรือปัสสาวะแล้ว ยังมีปัสสาวะเหลือค้างไม่เกิน 350 ซีซี, ผู้ที่อายุมากหรือมีสุขภาพไม่แข็งแรง ที่ไม่เหมาะกับการผ่าตัดใหญ่ หรือ ผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพทางเพศ เป็นต้น

การรักษาด้วย UroLift เป็นหัตถการที่รุกล้ำน้อย ผู้ป่วยไม่ต้องวางยาสลบ เพียงใช้ยาสงบประสาทหรือการบล็อกหลัง ไม่ต้องใส่สายสวนปัสสาวะหลังการผ่าตัด และไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล และที่สำคัญการรักษาวิธีนี้สามารถแก้ไขปัญหาการปัสสาวะได้เร็ว โดยเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังการผ่าตัด และไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางเพศ

ศูนย์ทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะทางด้านทางเดินปัสสาวะที่มีประสบการณ์ในการรักษาผู้ป่วยโรคต่อมลูกหมากโตด้วยเทคโนโลยี  UroLift ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้ผู้ป่วยวางใจได้ถึงผลลัพธ์ในการรักษาที่มีประสิทธิภาพ การนำเทคโนโลยี UroLift เข้ามาใช้ครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่ยืนยันถึงความมุ่งมั่นและการไม่หยุดพัฒนาที่จะนำนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพมาใช้เพื่อผลการรักษาที่ดียิ่งขึ้น และเราจะยังคงติดตามเทรนด์การรักษาใหม่ ๆ จากทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ยังมีนวัตกรรมที่ดีอีกมากที่เราจะนำมาใช้ในอนาคต” นพ. อธิป กล่าวทิ้งท้าย

สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการรักษาได้ที่ศูนย์ทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ชั้น 16 อาคาร A (คลินิก) โทร. 0 2066 8888, 061 409 3943 (Hotline) หรือโทร. 1378

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จัดงานมอบรางวัลเกียรติยศนักขายประจำปี Krungthai-AXA Agency Annual Award 2023 โดยได้รับเกียรติจาก โดยได้รับเกียรติจาก นายสมชัย บุญนำศิริ ประธานคณะกรรมการ และกรรมการ บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต (คนที่ 2 จากขวา) นางแซลลี่ โอฮาร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอกซ่า ภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ และประเทศเกาหลีใต้ (คนที่ 2 จากซ้าย) และนายชัณรงค์ เอื้อสิทธิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายจัดจำหน่าย บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต (คนขวาสุด) ดร.อุกฤษฎ์ ศรีดโรมนต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายตัวแทนและฝ่ายฝึกอบรมและพัฒนาฝ่ายจัดหน่าย พร้อมด้วยผู้บริหารฝ่ายขาย (คนซ้ายสุด) ร่วมเป็นประธานในพิธี และมอบรางวัลแก่ตัวแทนที่สร้างผลงานยอดเยี่ยมตลอดปี 2566 ที่ผ่านมา ณ ห้องบอลรูม 1-3 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งงานในปีนี้ได้ถูกรังสรรค์ภายใต้ธีม “Live The Dream Symphony of Success” ค่ำคืนแห่งความฝันสู่ท่วงทำนองของความสำเร็จ เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติให้กับสุดยอดตัวแทนของ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ทั้งในระดับตัวแทน ผู้จัดการตัวแทน รวมถึงตัวแทนที่ติดคุณวุฒิ AXA Prime คุณวุฒิ MDRT และ GAMA กว่า 800 คน ที่ทุ่มเท มุ่งมั่น และสร้างผลงานยอดยี่ยมในคุณวุฒิแต่ละด้านตลอดปีที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นให้การสนับสนุน และยกระดับให้ฝ่ายขายประสบความสำเร็จในอาชีพตั้งแต่เริ่มต้น จนก้าวสู่การเป็นนักขายมืออาชีพ ในปี Year of Double Growth ตามนโยบายของบริษัทฯ ที่ทุกคนจะยึดมั่นจุดมุ่งหมายเดียวกัน ในการมีลูกค้ามาเป็นที่หนึ่ง และอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป

บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) นำโดย คุณศิรนุช  โรจนเสถียร  ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรฯ  พร้อมทีม TIP Smart Assist  ร่วมโครงการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชน ตลอดเทศกาลสงกรานต์ 2567  มอบน้ำดื่มทิพย จำนวน 5,000 ขวด  ให้กับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) โดยมี คุณสุรเชษฐ์  เหล่าพูลสุข  ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ประธานในพิธีฯ เป็นผู้รับมอบ เพื่อนำไปบริการให้กับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์  ในระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน  2567 โดยจะมีการตั้งจุดบริการรวม 6 ด่าน ประกอบด้วย บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษบางแก้ว 1 ด่านฯ ฉิมพลี ด่านฯ บางปะอิน (ขาออก) ด่านฯ บางแก้ว 1 ด่านฯ จตุโชติ และ ด่านฯ บางปะอิน (ขาเข้า)  โครงการดังกล่าว เป็นการร่วมสนับสนุนจากทิพยประกันภัย เพื่อช่วยให้ประชาชนรู้สึกสดชื่น คลายร้อน  และเดินทางกลับภูมิลำเนาได้อย่างปลอดภัย ตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567  ณ อาคารศูนย์บริหารการทางพิเศษ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย  #ห่วงใยเป็นที่สุด

โออิชิ อีทเทอเรียม และ โออิชิ บุฟเฟต์ ภายใต้แคมเปญ โออิชิ 25 ปี ฉลองอย่างราชา ผนึกกำลัง มาสเตอร์เชฟ ประเทศไทย ล่าสุดกับ เชฟเป่าเป้ – เจสสิก้า หวัง สร้างสรรค์อาหารจานพิเศษ...รสชาติที่มีชีวิตชีวา ต้อนรับฤดูร้อนนี้

อิ่ม โอ-ร่อย เทศกาล “Japanese Summer Twist” พร้อมเมนูใหม่ในธีม “Japanese Sense & Inspiration” ขอแนะนำอาหารจานพิเศษ...รสชาติที่มีชีวิตชีวา แบบฉบับ เชฟเป่าเป้ มาสเตอร์เชฟ ประเทศไทย พลาดไม่ได้ ทั้ง เมนู “กุ้งแม่น้ำเทมปุระ ซอสมิโซะกิมจิ” เมนูที่คัดสรรกุ้งแม่น้ำตัวโต ๆ มาทอดในสไตล์เทมปุระ เสิร์ฟมากับน้ำซอสสูตรพิเศษ ที่ผสานรสชาติความเข้มข้นของกิมจิและความกลมกล่อมของมิโซะ...สุดลงตัว รับประทานพร้อมสับปะรดคาราเมลไลซ์ ให้รสชาติที่อร่อยและสดชื่นไม่เบา เมนู “ซารุฮิยามุกิ ปูนิ่มเทมปุระ” เสิร์ฟฮิยามุกิ (หรืออุด้งเส้นเล็ก) แบบเย็น ๆ เส้นเหนียวนุ่ม คู่ซอสพอนสึเลมอน เปรี้ยวกลมกล่อม รับประทานพร้อมปูนิ่มเทมปุระ ผัก และแอปเปิ้ลดอง หลากสีสัน เป็นเมนูที่ช่างสดชื่นและลงตัว และ เมนูขนมหวาน “ซัมเมอร์พีชโยเกิร์ตชีสเค้ก” ชีสเค้ก เนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม เติมรสชาติเปรี้ยวอมหวาน...ลงตัว ด้วยโยเกิร์ต และซอสลูกพีชเข้มข้น รับประทานแบบเย็น ๆ ยิ่งอร่อยชื่นใจไปอีก

เปิดประสบการณ์ โอ-ร่อย ครั้งใหม่ ไปกับอาหารจานพิเศษ...รสชาติที่มีชีวิตชีวา แบบฉบับมาสเตอร์เชฟ ภายใต้แคมเปญ โออิชิ 25 ปี ฉลองอย่างราชา ได้แล้ววันนี้ ที่ โออิชิ อีทเทอเรียม และ โออิชิ บุฟเฟต์ ทุกสาขา ตั้งแต่ 1 เมษายน 2567 – 31 พฤษภาคม 2567 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม คลิกแฟนเพจโออิชิฟู้ดสเตชั่น : FACEBOOK.COM/OISHIFOODSTATION หรือค้นหา โออิชิ อีทเทอเรียม และ โออิชิ บุฟเฟต์ สาขาใกล้ ๆ คุณ คลิกเว็บไซต์โออิชิฟู้ด : OISHIFOOD.COM


หมายเหตุ : *สำหรับเมนูพิเศษ ได้แก่ กุ้งแม่น้ำเทมปุระ ซอสมิโซะกิมจิ และ ซารุฮิยามุกิ ปูนิ่มเทมปุระ ลูกค้า โออิชิ อีทเทอเรียม, โออิชิ บุฟเฟต์, และ โออิชิ บุฟเฟต์ สาขา เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ที่ใช้บริการแพ็กเกจ DELIGHT Buffet หรือ DELIGHT Plus Buffet สามารถเลือกรับได้ 1 รายการต่อคนเท่านั้น และ **สำหรับเมนูพิเศษ (ของหวาน) ซัมเมอร์พีชโยเกิร์ตชีสเค้ก ลูกค้า โออิชิ อีทเทอเรียม, โออิชิ บุฟเฟต์, และ โออิชิ บุฟเฟต์ สาขา เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ทุกแพ็กเกจ HAPPY Buffet – DELIGHT Buffet – DELIGHT Plus Buffet สามารถรับประทานได้ไม่จำกัด

“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยนางสาวปริม ปัญญาเสรีพร ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต จับมือ 13 โรงแรมชั้นนำทั่วกรุงเทพฯ นำเสนอ “ข้าวแช่ชาววัง” เมนูอาหารไทยโบราณที่คนไทยนิยมรับประทานในฤดูร้อน นอกจากสามารถคลายร้อนแล้ว เสน่ห์ของข้าวแช่ยังอยู่ที่ความละเมียดละไมในการปรุงเครื่องเคียง ความใส่ใจ และพิถีพิถันทุกขั้นตอนเพื่อให้ได้รสชาติที่ตรงตามต้นตำรับของข้าวแช่ชาววังมากที่สุด สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีรับสิทธิพิเศษส่วนลดสูงสุด 20% ระหว่างวันที่ 20 มีนาคม 2567 - วันที่ 31 พฤษภาคม 2567

สำหรับ 13 โรงแรมชั้นนำและห้องอาหารที่เสริ์ฟเมนู “ข้าวแช่ชาววัง” ประกอบด้วย

  • โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ / ร้านเดอะแมนดาริน โอเรียนเต็ล ช็อปทั้ง 3 สาขา ได้แก่ สยามพารากอน เอ็มโพเรียม และเกษรวิลเลจ 
  • โรงแรมอนันตราสยาม กรุงเทพฯ / ห้องอาหารสไปซ์ มาร์เก็ต
  • โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค / ห้องอาหารเดอะสยาม ที รูมท์
  • ร้านเดอะ สยาม ที รูมท์ สาขาเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ โดย โรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค
  • โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ / ห้องอาหารแซฟฟรอน
  • โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ / ห้องอาหารพระนคร
  • โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต / ห้องอาหารศาลาไทย
  • โรงแรมปรินซ์ พาเลซ กรุงเทพ / ห้องอาหารปรินซ์ คาเฟ่
  • โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพ / ห้องอาหารเฟลอริช และล็อบบี้เลาจน์
  • โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชัวรี คอลเล็คชั่น / ห้องอาหารเดอะ เฮาส์ ออฟ สมูท เคอร์รี่
  • โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ / ห้องอาหารเดอะ เบอร์เคลีย์ ไดนิ่งรูม
  • โรงแรมเดอะ ระวีกัลยา แบงค็อก​ เวลล์เนส คูซีน รีสอร์ท / ห้องอาหารเดอะ ระวีกัลยา ไดนิ่ง​
  • โรงแรมดิ อิมพีเรียล ริเวอร์เฮ้าส์ รีสอร์ท เชียงราย / ห้องอาหารธารา
  • โรงแรมวินด์แฮม แบงค็อก ควีน คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ / ห้องอาหารมารี กีมาร์

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ KTC PHONE  02 123 5000 หรือที่เว็บไซต์  https://ktc.promo/hotel-songkran-festival-FB สมัครบัตรเครดิตได้ที่ศูนย์บริการสมาชิก เคทีซี ทัช ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือคลิกลิงค์  https://ktc.today/apply-card  

หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) มอบโค้ดส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าบัตร Krungsri Boarding Card เมื่อจอง/ซื้อบัตรเข้าชมกิจกรรมท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ผ่าน Klook Application หรือ www.klook.com ตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไปต่อรายการ ในช่วงระหว่างวันที่ 1 เมษายน - 31 ธันวาคม 2567 โดยมีรายละอียดดังนี้

  • รับส่วนลด 15% สูงสุด 600 บาท เมื่อจอง/ซื้อบัตรเข้าชมกิจกรรมท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นที่ร่วมรายการ ขั้นต่ำ 2,000 บาท กรอกโค้ด “KSBJP15”
  • รับส่วนลด 12% สูงสุด 400 บาท เมื่อจอง/ซื้อบัตรเข้าชมกิจกรรมท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศที่ร่วมรายการ ขั้นต่ำ 2,000 บาท กรอกโค้ด “KSB12OFF”

ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsri.com/th/promotions/cards/travel/boarding-card-klook 

*ศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้จากสื่อต่าง ๆ ของธนาคาร

เมื่อเร็วๆ นี้ ณ อาคารศูนย์บริหารทางพิเศษ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม นายสุรเชษฐ์  เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชน  ช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567 โดย กทพ. ได้ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามนโยบายของรัฐบาล เพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน จำนวน 6 สายทาง ประกอบด้วย ทางพิเศษบูรพาวิถี  ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี - สุขสวัสดิ์) ทางพิเศษฉลองรัช ระหว่างวันที่ 11 เมษายน 2567 เวลา 00.01 น. ถึง วันที่ 17 เมษายน 2567 เวลา 24.00 น. และร่วมกับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษอุดรรัถยา ระหว่างวันที่ 13 เมษายน 2567 เวลา 00.01 น. ถึง วันที่ 15 เมษายน 2567 เวลา 24.00 น. พร้อมทั้งจัดตั้งหน่วยบริการประชาชน โดยปฏิบัติร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางด่วน บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เพื่อบริการประชาชนที่ใช้ทางพิเศษเดินทางเข้า และ ออก กรุงเทพมหานคร จำนวน 6 จุด ดังนี้

​- ด่านฯ ขาออกเมือง (วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน 2567 - วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน 2567) ที่ด่านฯ บางแก้ว 1 ด่านฯ ฉิมพลี และด่านฯ บางปะอิน (ขาออก)  เวลา 07.00 – 21.00 น.

- ด่านฯ ขาเข้าเมือง (วันจันทร์ที่ 15 เมษายน 2567 – วันพุธที่ 17 เมษายน 2567) ที่ด่านฯดาวคะนอง ด่านฯ จตุโชติ และด่านฯ บางปะอิน (ขาเข้า) เวลา 07.00 – 21.00 น.

ในการนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชน กทพ. จัดให้มีการดำเนินการกิจกรรม ดังนี้

​​

1) จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ (WAR ROOM) ณ ศูนย์บริหารการจราจรทางพิเศษ (Expressway Traffic Management Center : ETM) ชั้น 22  อาคารศูนย์บริหารทางพิเศษ กทพ. ตั้งแต่วันพุธที่ 10 เมษายน 2567 ถึงวันพุธที่ 17 เมษายน 2567 เพื่อควบคุมสั่งการในการแก้ไขปัญหาการจราจรในทางพิเศษและอุบัติเหตุต่าง ๆ พร้อมประชาสัมพันธ์ข่าวสารการจราจรผ่านทางป้าย VMS และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอด 24 ชั่วโมง ในทุกสายทางเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567

2) รณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันขับขี่ปลอดภัย “เดินทางทั่วไทย คมนาคม สะดวก ปลอดภัย ใส่ใจให้บริการประชาชน”

3) จัดกำลังพนักงานจัดการจราจร พนักงานกู้ภัย พนักงานหน่วยปฏิบัติการพิเศษ รถกู้ภัย รถยก พร้อมหน่วยเคลื่อนที่เร็ว และอุปกรณ์ เพื่ออำนวยการจราจรในทุกเส้นทาง ที่มีผู้ใช้บริการทางพิเศษ เดินทางออกนอกเมืองและเข้าเมือง เพื่อเฝ้าระวัง ในการเข้าให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ใช้บริการทางพิเศษ ที่ประสบเหตุต่าง ๆ อย่างทันท่วงทีและรวดเร็ว โดยคำนึงถึงความปลอดภัยในการเดินทาง พร้อมทั้งตรวจสอบเส้นทาง ของทางพิเศษทุกสายทาง ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งได้ ดำเนินการจัดตั้งจุดกวดขันวินัยจราจร บริเวณด่านฯ ชลบุรี ด่านฯ บางนา ด่านฯ บางขุนเทียน 1 และด่านฯ ประชาชื่น ในวันศุกร์ที่ 12 เมษายน 2567 โดยจัดพนักงานจัดการจราจรร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางด่วน เพื่อกวดขันรถยนต์บรรทุกคนนั่งกระบะท้าย ที่ไม่มีหลังคาปกปิดมิดชิดพร้อมทั้ง การบรรทุกสิ่งของไม่เรียบร้อยและควบคุมรถยนต์ที่บรรทุกวัตถุอันตรายให้เป็นไปตามกฎหมาย​

ทั้งนี้ ผู้ใช้ทางพิเศษยังสามารถสอบถามข้อมูลสภาพการจราจรและแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนทางพิเศษ ได้ที่ “EXAT Call Center 1543” ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้ง ให้บริการขอความช่วยเหลือกรณีรถเกิดอุบัติเหตุ รถขัดข้องหรือเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ บนทางพิเศษ ผ่าน Application “EXAT Portal SOS” ได้อีกช่องทางหนึ่งด้วย

X

Right Click

No right click