งาน Thailand Industry Expo 2019 ที่จัดขึ้นโดยกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เปิดเวทีสัมนาภายใต้หัวข้อ “AI ขุดพลังการตลาดยุค 5.0” เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการไทยในสังคมดิจิทัล ซึ่งงานนี้เราได้กูรูด้านเทคโนโลยีอย่าง ยุทธนา เทียนธรรมชาติ กรรมการผู้จัดการบริษัท A Day Fresh จำกัด ทั้งยังเป็นนักพัฒนาธุรกิจ ซอฟท์แวร์ และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Social Media ที่ได้รับความนิยมหลาย ๆ ตัว ได้ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

ประกอบกับ ตลาดในปัจจุบันมีการแข่งขันสู้ขึ้นมากกว่าแต่ก่อน ดังนั้นผู้ประกอบการที่จะประสบความสำเร็จในสังคมดิจิทัลได้จึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนการทำการตลาดให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค จึงได้แนะนำทริกสู่ความสำเร็จของการตลาด 5.0 ว่ามีหัวใจหลัก 3 ข้อ คือ

  1. Conversion คือ การปรับเปลี่ยนวิธีการโฟกัส หรือ กระจายเนื้อหาต่างๆ ที่จะสื่อสารไปยังกลุ่มผู้บริโภคของผู้ดำเนินธุรกิจโดยตรง ไม่จำเป็นต้องส่งกระจายไปยังผู้บริโภคทุกคน
  2. Experience คือ การสร้างประสบการณ์ของแบรนด์ เป็นสิ่งสำคัญกับการตลาด 5.0 มาก เพราะปัจจุบันผู้บริโภคเสมือนถือครองสื่อ ดังนั้น ผู้ประกอบการ ธุรกิจต่าง ๆ ควรที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ผู้บริโภคเกิดความประทับใจ และจดจำ เพื่อเป็นแนวทางตัดสินใจในการเลือกใช้แบรนด์ครั้งต่อไป
  3. Data ถือเป็นหัวใจหลักของการตลาด 5.0 โดยการเก็บข้อมูลควรที่จะเจาะลึก เน้นไลฟ์สไตล์ และความพึงพอใจของผู้บริโภค เพื่อต่อยอดไปสู่อนาคต

ทั้งนี้ยุทธนา ยังได้ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันการตลาด 5.0 ได้เกิดขึ้นแล้วในองค์กรใหญ่ ที่นำระบบ AI มาใช้ เพื่อลดต้นทุนด้านแรงงาน และขณะที่ผู้ประกอบการรายย่อย แม้ต้นทุนจะไม่มากพอก็มีการนำระบบดิจิทัลมาใช้เช่นกัน เช่น แชทบอท เป็นต้น ดังนั้น เพื่อเป็นการพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืน และสามารถแข่งขันกับคนอื่นได้ การตลาด 5.0 จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการควรปรับตัวให้ทันกับการแข่งขันในตลาดโลก

บมจ.ทิพยประกันภัย และ บมจ. สยามราชธานี ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในโครงการ “ขับขี่ปลอดภัย สังคมอุ่นใจ ไร้อุบัติเหตุ” สร้างทักษะที่ดีในการขับรถยนต์ที่ถูกต้องและปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ ช่วยลดไร้อุบัติเหตุและความสูญเสียบนท้องถนน เพื่อสังคมอุ่นใจ ไร้อุบัติเหตุ พร้อมมอบสิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับผู้ผ่านการอบรมในโครงการ โดยมีนายสุรพล พลอยสุข รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ให้เกียรติมาเป็นสักขีพยาน ในพิธี

บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP ได้ร่วมกับพันธมิตรบริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) จัดทำโครงการ "ขับขี่ปลอดภัย สังคมอุ่นใจ ไร้อุบัติเหตุ" ด้วยการจัดทำหลักสูตรการอบรมพิเศษ Professional Training และ Defensive Driving ขึ้นมาเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยเบื้องต้นจะจัดอบรมให้กับ กลุ่มลูกค้าที่เป็นหน่วยงานหรือองค์กร

ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่วนใหญ่กว่า 90% มาจาก “ผู้ขับขี่” และอุบัติเหตุได้นำมาซึ่งความสูญเสีย ตลอดจนสร้างผลกระทบแก่ผู้ที่ประสบอุบัติเหตุเองและคนรอบข้าง ทิพยประกันภัยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าวจึงได้มีแนวคิดร่วมกับพันธมิตร”สยามราชธานี” จัดทำโครงการ “ขับขี่ปลอดภัย สังคมอุ่นใจ ไร้อุบัติเหตุ” เป็นครั้งแรกของประเทศไทย

การอบรมหลักสูตรดังกล่าวเป็นการเพิ่มความรู้ให้กับผู้ที่เข้าอบรม ซึ่งทิพยประกันภัยจะให้ความรู้เพิ่มเติมแก่ลูกค้าในเรื่องการประกันภัยรถยนต์ ที่ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากเพื่อให้ผู้ขับขี่ได้รู้ถึงเงื่อนไขความคุ้มครอง ควบคู่ไปกับการให้ความรู้พัฒนาและสร้างทักษะในการขับรถยนต์อย่างปลอดภัย เสริมสร้างให้ผู้ขับขี่บนท้องถนน มีความตระหนักถึงการขับรถยนต์อย่างถูกวิธีและปลอดภัย มีเป้าหมายหลัก เพื่อส่งเสริมให้สังคมมองเห็นประโยชน์ของการขับขี่ปลอดภัย และลดอุบัติเหตุบนท้องถนน

พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้มอบสิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับผู้ที่ผ่านอบรมจากบริษัทสยามราชธานี ตั้งแต่ 6 ชั่วโมงขึ้นไป โดยมอบส่วนลดประกันภัยรถยนต์สุดพิเศษ, บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชม, ผ่อนชำระ 0% 10 เดือน สำหรับเบี้ยประกันภัยรถยนต์ทุกประเภทตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป (บัตรเครดิตที่ร่วมรายการกับบริษัท) เนื่องจากเราเห็นว่าคนกลุ่มนี้ได้ให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยในการขับขี่และมีทักษะความรู้เรื่องการขับขี่รถยนต์ที่ดี

 

นายเวทย์ นุชเจริญ ประธานกรรมการ บริษัทสยามราชธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีความร่วมมือกับ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัทประกันภัยชั้นนำของคนไทย ที่มีภาครัฐเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ในฐานะที่สยามราชธานี ดำเนินธุรกิจในการจ้างเหมาแรงงาน โดยจัดหาพนักงานขับรถยนต์ไปให้บริการกับพนักงานและผู้บริหารของบริษัทชั้นนำทั่วประเทศมานานกว่า 40 ปี โดยแต่ละปีเราได้จัดส่งพนักงานขับรถไปดูแลลูกค้ามากกว่า 3,000 คน หรือ 400-500 บริษัทดังนั้นการขับขี่ปลอดภัย จึงถือเป็นหัวใจหลักในการบริการที่บริษัทให้ความสำคัญสูงสุด

ความร่วมมือในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการที่บริษัททิพยประกันภัย ได้เห็นความสำคัญของการสร้างผู้ขับขี่ปลอดภัยที่มีคุณภาพและมีความเป็นมืออาชีพออกสู่ท้องถนน ให้สังคมอุ่นใจ เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีและความปลอดภัยบนท้องถนน ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจและความมุ่งมั่นของสยามราชธานี

โดยบริษัทสยามราชธานี ในฐานะผู้นำในธุรกิจ ที่มีประสบการณ์ยาวนาน และมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ จึงได้มีการพัฒนาและสร้างหลักสูตร "การฝึกอบรม ผู้ขับขี่รถยนต์ปลอดภัยมืออาชีพ" เพื่อสร้างมาตรฐาน เพื่อยกระดับการขับขี่เชิงป้องกัน และสร้างมาตรฐานอาชีพผู้ขับขี่รถยนต์ในระดับสากล โดยการนำเทคโนโลยี VR Training มาเพิ่มทักษะและเพิ่มประสิทธิภาพการประเมินผลผู้อบรมด้วย

จากการพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน เห็นถึงศักยภาพของบริษัทขณะเดียวกันก็ต้องการพัฒนาทักษะและเพิ่มศักยภาพของผู้ที่มีอาชีพขับขี่รถยนต์ ให้มีมาตรฐานและมีความเป็นมืออาชีพจึงได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการจัดทำหลักสูตร "การฝึกอบรมเพื่อยกระดับฝีมือและมาตรฐานผู้ขับขี่รถยนต์ปลอดภัยมืออาชีพระดับ 1" เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งหลักสูตรนี้ ได้รับการรับรองจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อให้ใช้เป็นหลักสูตรกลางในการฝึกอบรมให้แก่แรงงานที่เป็นผู้ขับขี่รถยนต์อาชีพได้ทั่วประเทศ

ความร่วมมือกับ ทิพยประกันภัย จัดทำโครงการ "ขับขี่ปลอดภัย สังคมอุ่นใจ ไร้อุบัติเหตุ" ในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จขึ้นอีกขั้น ในการต่อยอดและร่วมรณรงค์สร้างสังคมไร้อุบัติเหตุ ที่นอกจากจะร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนหลักสูตรในการสร้างผู้ขับขี่ปลอดภัยที่มีคุณภาพและมีความเป็นมืออาชีพของสยามราชธานีแล้ว ยังจะมีการต่อยอดหลักสูตรโดยเพิ่มทักษะ และให้ความรู้ด้านประกันภัยให้กับผู้ขับขี่รถยนต์ด้วย รวมทั้งจะช่วยสร้างให้สังคมอุ่นใจและสิ่งแวดล้อมบนท้องถนนที่ดีขึ้น เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุที่สร้างความสูญเสียให้กับชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยได้อย่างมหาศาล  นายเวทย์ กล่าว

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต คว้า 3 รางวัลระดับเอเชียจาก Insurance Asia Awards 2019 โดย คุณสุกัญญา อิสรานุวัฒน์ชัย (กลาง) รองประธานอาวุโส ฝ่ายสื่อสารการตลาด และภาพลักษณ์องค์กร รับมอบรางวัล 1. CSR Initiative of the Year จากโครงการ Green4Good ซึ่งเป็นโครงการสอนการวางแผนทางการเงินให้กับเยาวชนทั่วประเทศ 2. Marketing Initiative of the year จากโครงการ คาราวานตรวจสุขภาพ ซึ่งเป็นโครงการที่จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 และ 3. Insurance Initiative of the year จากโครงการกรุงไทย-แอกซ่า แคร์คุณกว่าใคร ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจ และตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะให้บริการลูกค้า เพื่อให้ทุกคนได้มีชีวิตที่ขึ้นตามใจปรารถนา โดยเข้ารับรางวัลดังกล่าว ณ โรงแรมแชงกรีล่า ประเทศสิงคโปร์

วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา มุ่งผลิตนักศึกษาตอบโจทย์ 10 อุตสาหกรรมหลัก พร้อมนำเสนอตัวอย่างนักศึกษาที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ในการแข่งขันฝีมือแรงงานแห่งชาติ ครั้งที่ 28 ระดับภาค รับรางวัลเหรียญทองชนะเลิศ พร้อมทุนการศึกษา ซึ่ง นายกัมปนาท ถ่ายสูงเนิน หัวหน้าวิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน กล่าวว่า วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ เป็นหน่วยงานที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2557 ตามนโยบายของ ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน โดยมีการจัดการเรียนการสอนระดับเทียบเท่าคณะของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ศูนย์กลางนครราชสีมา มีความโดดเด่นในการจัดการศึกษาซึ่งมุ่งเน้นด้านทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ตามปณิธานที่ตั้งไว้คือ สร้างคนสู่งาน เชี่ยวชาญเทคโนโลยี วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพจึงเป็นวิทยาลัยที่ผลิตนักปฏิบัติด้านวิชาชีพและเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืนตอบสนองประชาคมอาเซียน

ปัจจุบันวิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพจัดการเรียนการสอนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพและประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง 2 กลุ่มวิชา ดังนี้ กลุ่มวิชาพาณิชยกรรม ประกอบไปด้วย 5 โปรแกรมวิชา คือ การบัญชี การเงิน  การตลาด คอมพิวเตอร์ธุรกิจ และการจัดการธุรกิจค้าปลีก และกลุ่มวิชาช่างอุตสาหกรรม ประกอบไปด้วย 10 โปรแกรมวิชา ได้แก่ ช่างโยธา ช่างกลโรงงาน ช่างผลิตเครื่องมือและแม่พิมพ์  ช่างอิเลคทรอนิกส์ ช่างไฟฟ้า ช่างยนต์  ช่างจักรกลหนัก  ช่างเทคนิคระบบขนส่งทางราง  ช่างโลหะ และช่างไฟฟ้าซ่อมบำรุงระบบราง เราต้องการสร้างนักศึกษาที่ตอบโจทย์ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ ได้แก่ 1.อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ 2.อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 3.อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 4.การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ 5.อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร 6.อุตสาหกรรมหุ่นยนต์เพื่อการอุตสาหกรรม 7.อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ เพราะปัจจุบันไปถึงอนาคตจะมีจำนวนเครื่องบินเพื่อการเดินทาง การท่องเที่ยวต่างๆ และการขนส่งทางอากาศที่มากขึ้น และมีความต้องการการบำรุงและการซ่อมแซมมากขึ้นไปด้วย เรามีสนามบินนครราชสีมาที่จะเป็นสถานที่รองรับการฝึกฝีมือและการทำงานด้านอุตสาหกรรมการบินได้ 8.อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ เพราะประเทศไทยต้องการความยั่งยืนด้านชีวภาพ และการกำหนดมาตรฐานด้านชีวภาพกับการค้าระหว่างประเทศ ระหว่างโลกตะวันออกและตะวันตก ทำให้เรามามุ่งเน้นเรื่องของไบโอพลาสติกที่ใช้ในการทำหีบห่อบรรจุภัณฑ์ เพื่อการจำหน่ายและการส่งออกที่กำลังเป็นที่จับตาของนักลงทุนทุกชาติ 9.อุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีความต้องการสูงมากในการดำรงชีพ โดยเฉพาะ ระบบอีคอมเมิร์ซซึ่งเป็นการต่อยอดเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจอย่างมาก 10.อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร เป็นอุตสาหกรรมด้านการรักษาพยาบาล ที่วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพตระหนักในเรื่องการลงทุนด้านการแพทย์และการรักษาพยาบาล

วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพมุ่งเน้นเรื่องการลงมือปฏิบัติให้เกิดความเชี่ยวชาญ จึงได้เชิญภาคอุตสาหกรรมให้เข้ามามีส่วนในการบริหารจัดการวิทยาลัยนวัตกรรมร่วมด้วย โดยจะมี 3 ส่วนที่เกี่ยวข้องได้แก่ มทร.อีสาน สมาคมคุณวุฒิวิชาชีพ และสถานประกอบการ เพื่อให้เกิดภาพที่ชัดเจนในการดำเนินงานของวิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพตามกรอบสภา มทร.อีสาน ในอนาคตเราจะเดินต่อในเรื่องการนำนวัตกรรมด้านไมสเตอร์ (Thai-Meister) ของประเทศเยอรมันเพื่อสร้างช่างเฉพาะทางอย่างจริงจัง นวัตกรรม B-Tech และ CDIO เข้ามาจัดการเรียนการสอน เพื่อให้วิทยาลัยนวัตกรรมฯ เป็นต้นแบบที่สามารถใช้กับสถานศึกษาอาชีวะได้ทุกแห่งทั่วประเทศ 

ในปี 2563 วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ กำหนดให้มีหลักสูตรช่างเทคนิคระบบรางและช่างซ่อมบำรุงไฟฟ้าระบบราง เพื่อผลิตนักศึกษาให้ตอบโจทย์ เรื่องอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตประเทศไทย เช่น เส้นทางรถไฟความเร็วสูงระหว่าง กรุงเทพมหานคร – นครราชสีมา รวมถึงอุตสาหกรรมรถรางเบาในกรุงเทพมหานคร เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม สีม่วง สีแดง เป็นต้น ซึ่งขณะนี้มีบริษัทต่างๆ จากประเทศญี่ปุ่น และแถบยุโรป ติดต่อเข้ามาแจ้งความประสงค์ในการรับนักศึกษาของวิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพในการฝึกงานด้านการค้าปลีก สิ่งเหล่านี้จะเป็นการต่อยอดที่นักศึกษาสามารถสร้างมูลค่าและค่าแรงให้ตนเองได้

ในปี 2564 เราจะทำหลักสูตรรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือ EV Car ที่จะตอบโจทย์ในเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ที่จะเปลี่ยนแปลงในอนาคตและหลักสูตรช่างซ่อมอากาศยาน ที่วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ ได้ร่วมกับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และ EASA ในการส่งบุคลากรไปดูงานที่บริษัท การบินไทย (จำกัด) มหาชน รวมถึงการลงนามความร่วมมือกับสนามบินนครราชสีมา เพื่อใช้สนามบินในการฝึกงาน และอบรมการทำงาน รวมทั้ง บริษัท บางกอกเอวิเอชั่น เซนเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทด้านการบินที่จังหวัดนครราชสีมา เราพยายามเติมเต็ม ต่อยอด เพื่อวิทยาลัยนวัตกรรมเราจะได้มีเอกลักษณ์อย่างจริงจังเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในอนาคตข้างหน้า

อย่างไรก็ตามวิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพพยายามสร้างมาตรฐานไมสเตอร์ (Thai-Meister) ของประเทศเยอรมันให้เกิดขึ้นในทุกมิติ รวมถึงการเรียนการสอน เพื่อการพัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ตอบโจทย์และรองรับการเป็นประเทศที่มีนวัตกรรมด้านอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนประเทศหรือต่อยอด 10 อุตสาหกรรมของประเทศไทย  โดยกระบวนการหนึ่งคือการส่งนักศึกษาไปแข่งขันในเวทีต่างๆ ทั้งระดับภาค และระดับประเทศ ตามศาสตร์และเชี่ยวชาญที่เรียนมา ผลคือ นักศึกษาของเราได้รับรางวัลต่างๆ มากมายและล่าสุดคือการไปคว้ารางวัลจากการแข่งขันฝีมือแรงงานแห่งชาติ ครั้งที่ 28 ระดับภาค จัดโดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานแห่งชาติครับ

อาจารย์ภากร นาคศรี ผู้ควบคุมทีมและอาจารย์ประจำสาขาอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ กล่าวว่า ทราบข่าวจากสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน ภาค 5 นครราชสีมา ว่ามีการการจัดการแข่งขันฝีมือแรงงานแห่งชาติ ครั้งที่ 28 ระดับภาค วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพมีนักศึกษาสายช่างบริหารธุรกิจ ที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ จึงแนะนำให้นักศึกษาสายช่างและสายบริหารเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ เพื่อให้นักศึกษาได้มีเวทีในการแข่งขันและได้ฝึกประสบการณ์ในเวทีระดับประเทศ ซึ่งนักศึกษาวิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ สามารถทำผลงานได้ดี คือ ได้รับรางวัลชนะเลิศเหรียญทอง อันดับ 1 กลุ่มสาขาอาชีพเทคโนโลยีอุตสาหกรรมการผลิต  สาขาอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมรางวัลเหรียญทองแดง ด้านเครื่องจักรกล CNC (เครื่องกลึง) และ รางวัลเหรียญทองแดง กลุ่มสาขาอาชีพเทคโนโลยีการสื่อสาร ด้านเว็บดีไซน์  ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่ดีมากครับ

นายรุ่งเลิศ แซ่แต้ หรือ ต่าย นักศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงปีที่ 2 โปรแกรมวิชาอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า ตนเองมีความสนใจงานด้านอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว จึงตั้งใจที่จะเข้ามาศึกษาต่อในสาขาอิเล็กทรอนิกส์ที่วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ เพราะที่นี่มีนโยบายในการสร้างผู้เรียนให้มีความชำนาญในการออกแบบวงจรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซ่อมบำรุงเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ และการเขียนโปรแกรมใช้ควบคุมทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เข้มข้น เมื่อได้เข้ามาศึกษาเล่าเรียนแล้ว จึงได้รับความรู้ เกิดความมั่นใจและสนใจที่จะเข้าร่วมการแข่งขันฝีมือแรงงานแห่งชาติครั้งที่ 28 ระดับภาค ด้วยผลงานการเขียนโปรแกรมด้วยโปรแกรมอาดุยโน่ (Arduino)ใช้บอร์ด STM 3.2 ในการควบคุมหลอดไฟ LED และฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ  รวมถึงการประกอบวงจรให้สมบูรณ์แบบที่สุด ก่อนที่จะไปแข่งขัน ผมพยายามฝึกฝนฝีมือตนเองอย่างหนัก  และใช้ความรู้ที่ได้จากวิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ มาสร้างชิ้นงานในครั้งนี้จนประสบความสำเร็จและมีจุดบกพร่องน้อยที่สุด กอปรกับทักษะในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดีซึ่ง เมื่อได้รับรางวัลชนะเลิศระดับภาค ก็รู้สึกดีใจและตื่นเต้นมาก สุดท้ายขอขอบคุณสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานแห่งชาติ ขอบคุณสาขาอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานที่สนับสนุนและเปิดโอกาสให้ผมได้เข้าร่วมการแข่งขันระดับภาค สำหรับการแข่งขันระดับชาตินั้น ผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเช่นเคยครับ  

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณภควิภา เจริญตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายลูกค้า (แถวบนสุด ที่ 7 จากซ้าย) จัดกิจกรรมสัปดาห์แห่งการทำความดี (CR Week 2019) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่แอกซ่าทั่วโลกจัดขึ้นพร้อมกัน และในปีนี้บริษัทฯ ได้จัดหลากหลายกิจกรรมภายใต้คอนเซป “Know You Can” คือ กิจกรรม "Know You Can Save Environment – Green Campaign" รณรงค์ลดใช้กระดาษเพื่อร่วมลดโลกร้อน กิจกรรม "Know You Can Save Their Lives" ร่วมบริจาคเลือดที่สภากาชาดไทย และกิจกรรมไฮไลท์ "Know You Can Have a Better Health – Step Life in the Park" กับการสร้างสุขภาพที่ดีร่วมกันผ่านการเดิน วิ่ง เป็นการออกกำลังกายในระยะทาง 5 กม. โดยภายในงานยังได้ คุณหมอเมย์-สมิตตา สังขโพธิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินและวิ่ง มาให้ความรู้เคล็ดลับต่างๆ พร้อมแรงบันดาลใจในการวิ่งอย่างถูกวิธี

โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้มีสุขภาพที่ดีขึ้นตามใจปราถนา พร้อมสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง ว่าเราทำได้ "Know You Can"

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมโชว์ความเป็น "ครัวของโลกที่ยั่งยืน" ในงานมหกรรมภาคอุตสาหกรรมแห่งปี Thailand Industry Expo 2019 ตอกย้ำความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอาหารชั้นแนวหน้าระดับโลก

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ผนึกกำลัง ภาครัฐ ภาคเอกชน ในงาน Thailand Industry Expo 2019 งานมหกรรมภาคอุตสาหกรรมแห่งปี จัดโดย กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งในปีนี้ชูแนวคิด Synergy for Success สานพลัง ร่วมใจ วิวัฒน์อุตสาหกรรมสู่อนาคต ร่วมแสดงนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตของซีพีเอฟ ภายใต้แนวคิด "ครัวของโลกที่ยั่งยืน"

โดยนำนวัตกรรมอาหารที่โดดเด่นจากฝีมือของคนไทย อาทิ ผลิตภัณฑ์เนื้อไก่สด "เบญจา ชิคเก้น" (Benja Chicken) ภายใต้แบรนด์ยูฟาร์ม (U Farm)  ซึ่งเป็นอาหารสดเพียงรายเดียวที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 50 สุดยอดนวัตกรรม THAIFEX Taste Innovation Finalist 2019 พร้อมด้วย หมูดำ ซีพี คูโรบูตะ และผลิตภัณฑ์อาหารอีกมากมายมาร่วมจัดแสดง นอกจากนี้ ภายในบูธยังจัดแสดงกระบวนการผลิตอาหารที่ใส่ใจในคุณภาพทุกขั้นตอนด้วยมาตรฐานสากล ตอกย้ำความเป็นผู้นำเทรนด์อุตสาหกรรมอาหาร ตอบโจทย์การมีสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคทุกช่วงวัย ร่วมสร้างความยั่งยืนให้สังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วย ดร.พสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าร่วมเยี่ยมชมบูธซีพีเอฟ

 

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมชมงาน “Thailand Industry Expo 2019” พร้อมสัมผัสนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์จากซีพีเอฟได้ ระหว่างวันที่ 17-21 กรกฎาคม 2562 เวลา 10.00-20.00 น. ณ บูธที่ AA10 ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมออกบูธงานวันประกันชีวิตแห่งชาติ ครั้งที่ 20 ภายใต้แนวคิด “INSURANCE OF LOVE” ประกันชีวิต ประกันอนาคต โดยมีคุณสมิตา จิระเสถียรพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ พร้อมทั้งพนักงานและตัวแทน ให้การต้อนรับ คุณชูฉัตร ประมูลผล รองเลขาธิการด้านกำกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในการเยี่ยมชมบูธ เมื่อเร็วๆ นี้ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ รับมอบรางวัล “บูธสวยงามยอดเยี่ยม ประเภทพื้นที่ขนาดใหญ่ 300-500 ตร.ม.” (Best Design Excellence Award 2019) จาก ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ภายในงานมอบรางวัลเกียรติยศ “Money & Banking Awards 2019” ซึ่งจัดขึ้นโดย วารสารการเงินธนาคาร โดยมี นายสันติ วิริยะรังสฤษฏ์ ประธานบรรณาธิการวารสารการเงินธนาคาร ร่วมแสดงความยินดีและเป็นสักขีพยานการรับรางวัลในครั้งนี้ ณ ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก

ทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ได้รับรางวัลดังกล่าว จากการใช้แนวคิด Rhythm of Life ในการออกแบบบูธ ภายในงานมหกรรมการเงิน ครั้งที่ 19 (Money Expo 2019) เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยแนวคิดดังกล่าวแสดงถึงความไม่แน่นอนทางด้านสุขภาพ เปรียบเสมือนกับจังหวะดนตรีที่มีขึ้นลงตลอดเวลา ผสมผสานกับแนวคิด Digital Orchestra ซึ่งเป็นแนวคิดหลักของงานมหกรรมการเงิน ครั้งที่ 19 โดยนำเสนอผ่าน 3 จังหวะ ได้แก่ จังหวะวัฒนธรรม จังหวะเทคโนโลยี และจังหวะของความห่วงใย สอดคล้องตามคำมั่นสัญญาของเอเอไอ ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’

บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต โชว์ผลงานช่องทางตัวแทนเติบโตแกร่ง เตรียมเข้าสู่ยุคดิจิตัลเต็มตัวภายในปี 2563 ด้วยเครื่องมือเสริมศักยภาพช่วยวางแผนการขาย การพิชิตเป้าหมาย การปิดการขายที่รวดเร็ว การพัฒนาความเป็นมืออาชีพ พร้อมจัดงานสัมมนาผู้บริหารตัวแทน ภายใต้แนวคิด “Explore the best in you” มีผู้บริหารตัวแทนร่วมงานกว่า 1,000 คน ร่วมติดอาวุธทางปัญญา ประกาศเดินหน้าสร้างผลงานพิชิตยอดเบี้ยประกันรับรวม 1.5 หมื่นล้านบาท

นายวิรงค์ พัฒนกำจร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารตัวแทน บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า ช่องทางขายผ่านตัวแทนของอลิอันซ์ อยุธยา ทำผลงานได้ดีเป็นที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยในไตรมาส 1 ปี 2562 นี้ ถือเป็นช่วงที่ตลาดประกันยังมีภาวะชะลอตัวจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะในเรื่องของกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง แต่ตัวแทนของเรายังคงเดินหน้าโชว์ศักยภาพที่แข็งแกร่ง สร้างการเติบโตของเบี้ยประกันภัยจากธุรกิจใหม่ได้ถึง 10% นับว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยม

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ มีผลมาจาก การดำเนินกลยุทธ์ที่ถูกต้องเหมาะสมกับสภาวะตลาดและความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของสินค้าสุขภาพ ที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการ รวมถึงยังมีสินค้าสุขภาพ ที่เราร่วมมือกับ โรงพยาบาลในเครือ บีดีเอ็มเอส  ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์คุ้มครองชีวิตและสุขภาพที่ครอบคลุมทุกการรักษาพยาบาล  ที่ตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ และการให้บริการที่สร้างประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้า”นอกจากนี้ ยังมีการนำเครื่องมือดิจิตัลเข้ามาช่วยในการทำงานของตัวแทน ไม่ว่าจะเป็น

  • Allianz Discover เครื่องมือดิจิทัลที่ช่วยให้การเสนอขายสะดวกรวดเร็ว ปิดการขายได้ง่ายขึ้น
  • Allianz Learning Management System (LMS) เครื่องมือที่ช่วยพัฒนาศักยะภาพ เพิ่มความรู้ ให้กับตัวแทน เป็นการเรียนออนไลน์ ได้ตลอดเวลาด้วยระบบ E - learning เพิ่มทางเลือกให้ตัวแทนในการพัฒนาตนเอง ลดความยุ่งยากในการเดินทาง ทำให้ตัวแทนสะดวกมากยิ่งขึ้น
  • Allianz Activity Management System (AMS) ที่ช่วยตัวแทนให้สามารถวางแผนการทำงานเพื่อพิชิตเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การกำหนดเบี้ยที่ต้องพิชิตในแต่ละเดือน กำหนดจำนวนการนัดหมายลูกค้าแต่ละวัน เป็นต้น ซึ่งเครื่องมือนี้ ใช้สำหรับบริหารการทำงานได้ทั้งระดับตัวแทน ไปจนถึงผู้บริหารตัวแทน

 

ด้วยเครื่องมือและแพลทฟอร์มดิจิทัลที่เราเร่งพัฒนาอย่างต่อเนื่องในปีนี้ คาดว่า จะทำให้ช่องทางตัวแทน ก้าวสู่ระบบ Paperless หรือการทำงานโดยปราศจาการใช้กระดาษได้ภายในปี 2563

อย่างไรก็ตาม นอกจาก กลยุทธ์ด้านดิจิตัล และผลิตภัณฑ์ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น อลิอันซ์ อยุธยา ยังคงเดินหน้าพัฒนาตัวแทนของเรา ให้มีความเป็นมืออาชีพ โดยบริษัทให้ความสำคัญกับการสรรหาตัวแทนใหม่ที่เน้นคุณภาพ อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง เพื่อสร้างทีมงานรุ่นใหม่ที่มีบุคลิกลักษณะเฉพาะแบบอลิอันซ์ อยุธยา โดยสิ่งเหล่านี้ได้ถูกขับเคลื่อนผ่านผู้บริหารตัวแทน เราจึงให้ความสำคัญมากกับการให้ความรู้และทำความเข้าใจกับผู้บริหารตัวแทน ให้มีการทำงานไปในทิศทางเดียวกัน จึงเป็นที่มาของการจัดงานสัมมนาผู้บริหารตัวแทนในวันนี้ ที่มีผู้บริหารตัวแทนร่วมงานกว่า 1,000 คน จากทั่วประเทศ โดยการสัมมนาปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Explore the best in you” มีกิจกรรมน่าสนใจและเป็นประโยชน์มุ่งให้ความรู้ ติดอาวุธทางปัญญาแก่ผู้บริหารตัวแทน อาทิ การบรรยายในหัวข้อ “Explore Your Creativity - Accelerator” โดย คุณณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์  CEO OOKBEE  ผู้ซึ่งเติบโตจากเด็กประกอบคอมฯ สู่อัจฉริยะผู้นำด้าน Tech Startup ผู้ก่อตั้งและซีอีโอบริษัท อุ๊คบี พร้อมด้วยช่วงเวิร์คช็อปกลุ่มย่อยที่ผู้บริหารฝ่ายขายที่มีผลงานยอดเยี่ยมมาร่วมแบ่งปันเทคนิคในการบริหาร อีกด้วย

 

“การสัมมนาตลอดทั้ง 2 วันนี้ อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาวิชาการที่เข้มข้น รวมทั้งการสร้างแรงบันดาลใจดีๆจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมากมาย มั่นใจว่าพลังผู้บริหารตัวแทน 1,000 กว่าคนที่เข้าร่วมงาน จะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ พร้อมพิชิตเป้าหมายการเติบโตในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นจำนวนตัวแทนใหม่กว่า 2,500 คน จำนวนตัวแทนที่มีผลงานสม่ำเสมอ 2,000 คน ซึ่งจะสนับสนุนให้บริษัทสามารถเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์คุ้มครองชีวิตและสุขภาพ และพิชิตเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวมของช่องทางตัวแทนที่ 1.5 หมื่นล้านบาท ได้อย่างแน่นอน” นายวิรงค์ กล่าวทิ้งท้าย

บริษัท นำสินประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยนางกมลภรณ์ ชินธรรมมิตร ผู้จัดการฝ่ายการเงิน มอบเงินจำนวน 300,000 บาท ให้แก่นายขรรค์ ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ สนับสนุนกิจกรรม “Bike with The Blind” ปั่นจักรยานกับผู้พิการทางการเห็น ฉลองครบรอบ 80 ปี มูลนิธิช่วยคนตาบอดฯ ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการให้โอกาสและส่งเสริมผู้พิการทางการเห็นได้รู้คุณค่าและศักยภาพของตนเอง อีกทั้งยังแสดงออกถึงการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการแบ่งปัน จัดขึ้นที่ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 

X

Right Click

No right click