รู้หรือไม่ “ไทย” เป็นหนึ่งในประเทศที่มีสัดส่วน CFO เป็นผู้หญิงมากที่สุดในโลก คิดเป็นอันดับที่ 2 ของโลกที่ 43% ซึ่งหนึ่งในจำนวนดังกล่าวคือ ยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

ในเดือนแห่งวันสตรีสากล 2567 นี้ True Blog ได้มีโอกาสพุดคุยกับผู้บริหารหญิงแกร่ง ผู้มีบทบาทสำคัญต่อการพิชิตเป้าหมาย Telecom-Tech Company ของทรู คอร์ปอเรชั่น ผ่านมิติทางการเงินและทุน แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้นั้น ยุภาผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน ทั้งชีวิตส่วนตัวและการงาน

อะไรคือแรงผลักดันให้เธอก้าวข้ามแรงกดดัน ยืนหยัดนำองค์กรแสนล้านพลิกสู่เป้าหมายทางการเงินได้เร็วกว่ากำหนด มาร่วมถอดรหัสผ่านเรื่องราวของเธอได้ที่นี่

โอกาสที่เสียไปจากความเป็นผู้หญิง

ยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) โลดแล่นอยู่บนเส้นทางทางการเงินตั้งแต่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี เธอมีพื้นเพเป็นคนจังหวัดระยอง ต่อมาย้ายชีวิตเข้าเมืองหลวงเพื่อเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาที่ดีกว่าในระดับมัธยมศึกษา เมื่อชีวิตเดินถึงทางแยกเพื่อเลือกเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา ขณะนั้น แนวคิดด้านอาชีพและการค้นหาตัวเองในสังคมไทยยังไม่แพร่หลายเหมือนในปัจจุบัน และจำกัดเพียงไม่กี่อาชีพ เช่น แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร วิศวกร ทำให้ผู้เข้าสอบส่วนใหญ่ยึดเกณฑ์ความมั่นคงในหน้าที่การงานและระดับคะแนนของตัวเองเป็นหลัก

“จริงๆ พี่เป็นเด็กสายวิทย์ ชอบคณิตศาสตร์ แต่เลือกเรียนบัญชีตามค่านิยมของสังคมเพราะ ‘เขาบอกกันว่า’ หางานง่าย แต่ในความเป็นจริงคณิตศาสตร์ทางบัญชีต่างจากคณิตศาสตร์บริสุทธิ์มากเลย” ยุภาเล่าถึงประสบการณ์ในวัยเยาว์

เมื่อสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีจากธรรมศาสตร์ เธอมีความมุ่งมั่นตั้งใจศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่ต่างประเทศ เพราะอยากกลับมาเป็นอาจารย์ แต่ด้วยความเป็น “ลูกสาว” การเดินทางไปต่างบ้านต่างเมืองเพียงลำพังเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยง และขณะนั้นการสื่อสารยังไม่สะดวกสบายเหมือนดังเช่นปัจจุบัน ช่องทางในการสื่อสารหลักยังคงเป็น “จดหมาย” ด้วยความเป็นห่วงลูกสาวของพ่อแม่ จึงรั้งให้เรียนในประเทศไปพลาง โดยต่อมาเธอเรียนจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ สถาบันพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)

“ความแตกต่างของการเป็นลูกผู้หญิงกับลูกผู้ชายในสมัยก่อนชัดเจนมาก ถ้าเป็นผู้ชาย ที่บ้านพร้อมสนับสนุนเต็มที่ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงต้องมีเพื่อนหรือบัดดี้ไปด้วย ซึ่งพี่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นเพราะความเป็นห่วงเป็นใยของพ่อแม่เรา ในทางกลับกัน ผู้หญิงเราก็เสียโอกาสอย่างง่ายดาย แม้เราจะมีความสามารถ มหาวิทยาลัยเลือกเราไปเรียนก็ตาม” ผู้บริหารหญิงสะท้อนกรอบทางสังคมที่มีต่อผู้หญิงในอดีต

ฝ่าฟันวิกฤต (การเงิน)

เมื่อยุภาเก็บเกี่ยวความรู้เต็มตำรา ก็ถึงเวลาเข้าสู่ “สนามการทำงาน” โดยเริ่มทำงานที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเป็นแห่งแรก ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย CFO ดูแลในส่วนของการบัญชีบริหาร (Managerial Accounting) แม้เธอจะเข้าสู่สนามการทำงานอย่างเต็มตัว เเต่เธอก็ยังไม่ทิ้งความฝันในการไปเรียนต่อ ยังคงเตรียมตัวเพื่อสานฝันต่อ ในระหว่างนั้น องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ปัจจุบัน ควบรวมกับ CAT Telecom เป็นบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)) กำลังเปิดรับพนักงาน ด้วยความที่ตั้งอยู่ละแวกเดียวกันในย่านเพลินจิต เธอจึงสมัครเข้าทำงานในส่วนงาน Corporate Planning โดยรับผิดชอบด้านกลยุทธ์การเงินของบริษัท ครอบคลุมตั้งแต่การลงทุน การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ

ในช่วงปี 2535-2539 ถือเป็นยุคเฟื่องฟูของธุรกิจโทรคมนาคมไทย รัฐบาลเปิดสัมปทานให้เอกชนมาลงทุนด้านโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์เคลื่อนที่ และที่นี่เอง ทำให้ยุภาพบกับคุณศุภชัย เจียรวนนท์ ผู้บุกเบิกธุรกิจสื่อสารของเครือซีพีภายใต้บริษัท เทเลคอมเอเชีย เนื่องจากบริษัทดังกล่าวได้รับสัมปทานจำนวน 2.2 ล้านเลขหมายจากองค์การฯ

“พี่ยังจำได้เลยวันที่พี่นั่งตรงข้ามคุณศุภชัย ร่วมเจรจาข้อสัญญาสัมปทานระหว่างทั้งสองฝ่าย และนั่นถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้พี่มาทำงานกับกลุ่มทรู ในภายหลัง” ยุภา กล่าว

งานแรกที่ได้รับมอบหมายคือที่ UTV ธุรกิจโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกผ่านสายเคเบิล ที่ถือเป็นการปฏิวัติการรับชมโทรทัศน์มีความชัดเจนพร้อมกับคอนเทนท์พิเศษที่มากกว่า โดยขณะนั้นคู่แข่งที่สำคัญอีกรายคือ IBC การแข่งขันทางธุรกิจดำเนินมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งไทยเผชิญกับ “วิกฤตต้มยำกุ้ง” เมื่อปี 2540 ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้ทั้งสองบริษัทอยู่ในภาวะแทบล้มละลาย ต้นทุนด้านคอนเทนท์ที่ซื้อจากต่างประเทศมาสูงขึ้นเป็น “เท่าตัว” ทำให้ทั้ง IBC และ UTV จำเป็นต้องควบรวมกิจการกันเป็น UBC โดยแยกออกมาเป็นนิติบุคคล มีทรูฯ และ MIH บริษัทสื่อรายใหญ่สัญชาติแอฟริกาใต้ถือหุ้นใหญ่

เบื้องหลังความไว้วางใจ

ยุภา ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งหญิงแกร่งที่ยืนหยัดอย่างท้าทาย ผ่านมาหลากวิกฤตหลายสถานการณ์ ร่วมหัวจมท้ายจนได้รับ “ความไว้วางใจ” จากคณะกรรมการบริษัทให้กุมบังเหียนดูแลด้านการเงินในตำแหน่ง CFO ทั้งที่ TrueVisions, True Move, True Online และกลุ่มทรู เป็นตำแหน่งสุดท้ายก่อนควบรวมกิจการ โดยปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) ของ ทรู คอร์ปอเรชั่น

อะไรที่ทำให้ยุภาได้รับความไว้วางใจให้ดูแลสินทรัพย์มูลค่านับแสนล้าน True Blog ถาม? เธอครุ่นคิดอยู่สักครู่ก่อนตอบว่า “สมัยที่ทำ UBC ที่นั่นความหลากหลายทั้งเชื้อชาติและภาษา ทั้งแอฟริกัน ดัช อังกฤษ กรีซ ตอนนั้นพี่ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ Deputy CFO พี่ถามนายพี่ที่เป็นชาวกรีซว่า ทำไมถึงเลือกพี่ เขาตอบว่า เพราะพี่ทุ่มเทเพื่อประโยชน์ขององค์กรอย่างเต็มที่ก่อนคิดถึงตัวเองเสมอ ไม่ว่างานนั้นจะท้าทายและยากขนาดไหนก็ตาม”

แม้โดยธรรมชาติ ความเป็นผู้หญิงจะเผชิญกับข้อจำกัดทั้งทางร่างกายและจิตใจอยู่บ้าง และบางครั้งก็สร้างประสบการณ์ที่ไม่ดี ยุภาเล่าถึงเหตุการณ์หนึ่ง ขณะนั้นเธอเดินทางไปประชุมกับคู่ค้ารายหนึ่ง ด้วยความที่อายุน้อยบวกกับความเป็นผู้หญิง ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจของฝั่งคู่ค้าคิดว่าเธอทำหน้าที่ติดตาม จนแสดงกิริยาอาการที่ไม่ให้เกียรติผู้หญิงเท่าที่ควร รู้สึกได้ถึงการถูกคุกคามทางเพศ

Stepping Stone

อย่างไรก็ตาม ยุภายังคงยืนยันว่า ความเป็นผู้หญิงไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าในอาชีพการงาน ผู้หญิงสามารถเปลี่ยนความเป็นผู้หญิงมาเป็นจุดแข็ง ก้าวข้ามข้อจำกัดทางเพศ ผ่านการค้นหาและวางเป้าหมายของชีวิต มองภาพใหญ่ คิดเป็นองค์รวม เพื่อให้เห็นตัวเองในอนาคต

“ผู้นำหญิงต้องใช้ soft power ให้เป็นความได้เปรียบ เปลี่ยนความละเอียดให้เป็นความรอบคอบ แต่ต้องมองภาพใหญ่เป็นองค์รวมก่อน จัดลำดับความสำคัญแล้วค่อยลงรายละเอียดเฉพาะเรื่องที่สำคัญเท่านั้น” นักบริหารหญิงอธิบาย

ยกตัวอย่างกรณีวางแผนการเงิน ความผิดพลาดต้องเป็น “ศูนย์” นักการเงินจึงต้องมองไปข้างหน้าและวางแผนล่วงหน้า พิจารณาปัจจัยแวดล้อม ควบคู่กับเศรษฐกิจมหภาค และที่สำคัญเราต้องมีแผนสำรองเสมอ ซึ่งตอนนี้เราเตรียมตัวเพื่อปีหน้าแล้ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีของ ทรู คอร์ปอเรชั่น ก่อนการควบรวมเราลงทุนค่อนข้างมากเพื่อขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพทำให้เรามีหนี้ค่อนข้างสูง รวมทั้งสิ้น 3.7 แสนล้านบาท มีความจำเป็นในการรีไฟแนนซ์ปีละหลายหมื่นล้านบาท โดยต้องพิจารณาถึงแหล่งเงินทุน และอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม บาลานซ์ให้เกิดความสมดุลทั้งผู้กู้และนักลงทุน ทั้งนี้เรายึดมั่นในความรับผิดชอบสูงสุดให้สมกับที่ผู้ให้กู้และนักลงทุนไว้วางใจเรา

เช่นเดียวกับกรณีการควบรวมกิจการของทรู คอร์ปอเรชั่น ดีลนี้เป็นหนึ่งในดีลที่มีมูลค่ามากที่สุดในภูมิภาค ต้องอาศัยการตัดสินใจทางการเงินอย่างแน่วแน่ภายใต้เงื่อนเวลาที่จำกัด แน่นอน...อาจมีบางช่วงที่ดีลอาจไปต่อไม่ได้ แต่การมีเจ้านายที่ดี ให้กำลังใจพร้อมสนับสนุนไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร ก็ทำให้เราก้าวต่อไปข้างหน้าได้

“ในฐานะ CFO เราบริหารเงินเยอะ บริหารความเสี่ยง เป็นความรับผิดชอบสูงสุดซึ่งพลาดไม่ได้ กำลังใจจากเจ้านาย โทรมาขอบคุณ ชื่นชมในความทุ่มเทเวลาทำงานใหญ่สำเร็จ แค่นี้ก็ทำให้เราไม่รู้สึกโดดเดี่ยว แม้ต้องรับงานหนักก็ตาม” ยุภา เผยความในใจ

เธอฝากข้อคิดแก่ผู้หญิงที่ต้องการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานว่า “ถนนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องบาลานซ์การงานและชีวิตส่วนตัวให้ดี การทำงานย่อมจะมีความคิดเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่ถ้าทุกการตัดสินใจทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของส่วนรวม-องค์กร อย่างอื่นก็เป็นเรื่องเล็กหมด และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรเราต้องยอมรับและแก้กันไป ยิ่งงานท้าทายและอุปสรรคมากเท่าไหร่ สิ่งนั้นจะเป็น Stepping Stone ที่ทำให้เราแกร่งขึ้น เติบโตขึ้น และรู้สึกภาคภูมิใจทุกครั้งที่มองกลับมา”

พบสินค้าอาหาร-เครื่องดื่มหลากหลาย วันที่ 29-31 มีนาคมนี้ ณ ร้านเซเว่น สาขาถนนลำโพ

ทำอย่างไร? เมื่อผลกำไรไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดเพียงอย่างเดียว

พร้อมนำไทยสู่แถวหน้าด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

ยอดเยี่ยมที่สุดด้าน CIO-DPMและDigital Wealth การันตีคุณภาพผู้นำธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง

เมื่อเทรนด์ความยั่งยืน (Sustainability) กำลังมาแรงและเป็นประเด็นที่หลายแวดวงหยิบยกขึ้นมาให้ความสำคัญเพื่อร่วมกันมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) หรือแนวทางการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการของคนรุ่นปัจจุบัน และไม่ทำให้การตอบสนองความต้องการของคนรุ่นหลังนั้นลดลง  (Brundtland Report, 1987) โดยยึด 17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ที่ถูกกำหนดโดย United Nations General Assembly (UNGA) ในปี 2015 ดังนั้นการขับเคลื่อนองค์กร ต้องสร้างความเข้าใจกับพนักงาน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ถึงแนวคิดการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นความยั่งยืน ต้องไม่หวังผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่คำนึงถึง 3 ปัจจัยหลัก คือ ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment  Social  Governance: ESG)  ที่สามารถตอบโจทย์การขับเคลื่อน SDGs ได้

ซีพี ออลล์ หนึ่งในองค์กรที่มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเพื่อบรรลุเป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาความยั่งยืน ระยะที่ 2 ปี 2564-2573 โดยยึดมั่นต่อปณิธาน “Giving and Sharing” เพื่อเป็นองค์กรที่อยู่เคียงคู่สังคมไทย ด้วยกรอบการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล (ESG)  ล่าสุดคณะอนุกรรมการบรรษัทภิบาล ซีพี ออลล์ ได้จัดกิจกรรมเพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงแนวคิดการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นความยั่งยืนให้กับผู้นำรุ่นใหม่ด้านธรรมาภิบาล หรือ Mister & Miss Good Governance (MMGG) รุ่นที่ 3 โดยมีนางสาวลาวัณย์ เตียงหงษากุล ประธานคณะอนุกรรมการบรรษัทภิบาล บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ เป็นประธานเปิดงาน  

ทั้งนี้ภายในงานมีการบรรยายพิเศษโดยนายวรณัฐ เพียรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันไทยพัฒน์ ในหัวข้อ “ผู้นำรุ่นใหม่ใส่ใจ ESG: Environment Social Governance”  ได้อธิบายถึงวิวัฒนาการเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม ความยั่งยืน และESG  เพื่อสร้างความเข้าใจอย่างถูกต้อง พร้อมสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของสถานการณ์เรื่อง ESG ในปัจจุบันที่เชื่อมโยงกับการขับเคลื่อนองค์กร  โดยมีกิจกรรม Workshop ให้ผู้นำรุ่นใหม่ฯ ได้นำความรู้ที่ได้จากการฟังบรรยาย มาวิเคราะห์ความสำคัญของการขับเคลื่อน ESG และร่วมกันวางแนวคิดและแผนงานเพื่อขับเคลื่อนองค์กรอย่างยั่งยืน

หากแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนคือการตอบสนองความต้องการของคนรุ่นปัจจุบัน และไม่ทำให้การตอบสนองความต้องการของคนรุ่นหลังนั้นลดลง ปัจจัยสำคัญในการเตรียมความพร้อม “คน” โดยเฉพาะ “คนรุ่นใหม่” ที่ถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร ต้องอาศัยการปลูกฝังแนวคิดที่ถูกต้อง ฝึกให้ลงมือปฏิบัติ ทำด้วยใจและด้วยความรับผิดชอบ เพื่อร่วมกันสร้างเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

แอกซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล มาร์เกต ประกาศแต่งตั้ง นางแซลลี่ โอฮาร่า ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอกซ่า ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ และประเทศเกาหลีใต้ โดยจะรับผิดชอบดูแลการบริหารงานโดยตรงในประเทศไทย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และเป็นตัวแทนผู้ถือหุ้นในประเทศฟิลิปปินส์ ในขณะที่ยังคงมีหน้าที่ และความรับผิดชอบในฐานะคณะกรรมการบริหารระดับสูงของ แอกซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล มาร์เกต ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนกลยุทธ์หลักสำหรับตลาดกลุ่มลูกค้ารายย่อย และกลุ่มลูกค้าทั่วไป การบริหารจัดการส่งมอบประสบการณ์ของลูกค้าจากต้นทางถึงปลายทาง รวมถึงการผลักดันให้มีประกันสำหรับกลุ่มเปราะบาง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) โดย นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME นำทีมงานพร้อมด้วยขบวนพาเหรด “กรุงศรี มั่งมี ช้อป ใช้กรุงศรี มั่งมี ทุกร้านและน้องกล้วยกรุงศรี ตัวแทนส่งมอบชีวิตง่ายได้ทุกวัน ลงพื้นที่พบปะร้านค้าธุรกิจเอสเอ็มอีในย่านถนนบรรทัดทอง แนะนำบริการ “กรุงศรี มั่งมี ช้อป” แอปพลิเคชันสำหรับร้านค้า ใช้งานง่าย ช่วยสนับสนุนทุกการขายให้คล่องตัว กิจการมั่งคั่งมั่งมียิ่งขึ้น และช่วยผู้ประกอบการมีชีวิตง่ายได้ทุกวัน ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของกรุงศรีที่มุ่งสู่การเป็นธนาคารหลักสำหรับลูกค้าธุรกิจ SME

นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME กล่าวว่า “กรุงศรี SME พร้อมช่วยเหลือและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SME ทุกระดับ ให้สามารถค้าขาย ทำธุรกิจได้อย่างคล่องตัว และกรุงศรี มั่งมี ช้อป ก็เป็นหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการสามารถตอบโจทย์ พฤติกรรมการใช้จ่ายในยุคสังคมไร้เงินสดได้ง่ายขึ้น ไม่ได้เฉพาะลูกค้าคนไทย แต่สำหรับร้านค้าที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้บริการ กรุงศรีก็พัฒนาให้สามารถรองรับกับโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้ ที่สำคัญเราพร้อมจะให้ชีวิตของทุกคนง่ายขึ้น”

ขบวนพาเหรด กรุงศรี มั่งมี ช้อป ใช้กรุงศรี มั่งมี ทุกร้าน” เริ่มออกเดินทางจากหน้า Stadium One และเดินต่อเนื่องไปตลอดถนนบรรทัดทองตั้งแต่ช่วงเช้าจรดค่ำ ตลอดเส้นทางได้รับความสนใจทั้งจากร้านค้า ผู้ประกอบการ SME ทุกระดับ และนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติที่เข้ามาร่วมสนุกกับกิจกรรมและถ่ายภาพกับน้องกล้วยกรุงศรีอย่างสนุกสนาน

แอปพลิเคชัน “กรุงศรี มั่งมี ช้อป” อัดแน่นด้วยฟังก์ชั่นสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ทุกระดับให้สามารถค้าขายได้ดียิ่งขึ้น สามารถรับชำระเงินได้สะดวก เพิ่มโอกาสปิดการขายได้รวดเร็ว รองรับการชำระเงินหลากหลาย ทั้งโมบายแบงก์กิ้งทุกธนาคาร คิวอาร์โค้ดจากแอปพลิเคชันบัตรเครดิตวีซ่าและมาสเตอร์การ์ด อีกทั้งยังรองรับการชำระเงินของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้ Alipay และ WeChat Pay อีกด้วย นอกจากนั้น ในด้านของการใช้งาน กรุงศรี มั่งมี ช้อป มีระบบการแจ้งเตือนด้วยเสียงแบบเรียลไทม์เมื่อมีเงินเข้า มีการแสดงผลรายงานการขาย สามารถตรวจสอบสลิป และสรุปยอดขายได้ในแอปเดียว จึงไม่เพียงเป็นเครื่องมือในการรับเงิน แต่ยังช่วยสรุปรายงานยอดขายเพื่อนำข้อมูลไปใช้วางแผนการขายได้ด้วย

ร้านค้าที่สนใจและมีบัญชีกรุงศรีและใช้งาน KMA krungsri app อยู่แล้ว สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Krungsri Mung-Mee SHOP สมัครใช้งานได้ทันที ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่สาขาของธนาคาร  ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsri.com/th/personal/banking-services/e-solution/mungmee-shop หรือ Krungsri Call Center 1572 และสาขาของธนาคารกรุงศรีอยุธยาทั่วประเทศ

ชวนลูกค้าใช้แก้วส่วนตัว  ตั้งเป้าลดขยะลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2573

X

Right Click

No right click