ศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) พร้อมด้วยหน่วยงานพันธมิตร จัดงาน “การประชุมวิชาการนานาชาติ เรื่อง International Conference/Workshop on Rice Climate Mitigation and Adaptation” หรือการบรรเทาและปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศของข้าว ภายใต้โครงการพัฒนาศูนย์กลางความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และการวิจัยข้าวของประเทศไทย (Thailand Rice Science Research Hub of Knowledge) ซึ่งได้รับทุนจากสำนักงานคณะกรรมวิจัยแห่งชาติ (วช.) ประจำปีงบประมาณ 2567 เพื่อเป็นเวทีให้นักวิจัยด้านข้าวจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน หน่วยงานให้ทุน สถานทูต สถาบันการศึกษา เกษตรกรรุ่นใหม่ และผู้ส่งออกข้าวไทย ได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ สร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศ มุ่งส่งเสริมความยั่งยืนของการผลิตข้าวไทย โดยมีการบรรยายของนักวิจัยระดับโลก ที่ทำงานวิจัยด้านข้าวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการอภิปรายกลุ่มเพื่อระดมสมองแก้ปัญหาด้านข้าวในหลากหลายมุมมอง โดยเฉพาะเรื่องข้าวที่ลดการปลดปล่อยก๊าซมีเทน ลดการใช้น้ำ พร้อมเทคนิคที่สามารถทำได้ในเวลาอันใกล้และแนวทางในอนาคต โดยมี ศ.กิตติคุณ นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ร่วมเปิดงานกับ รศ.น.สพ.ดร.อนุชัย ภิญโญภูมิมินทร์ รองอธิการบดีวิทยาเขตกำแพงแสน และ ดร.วรรณพ วิเศษสงวน ผู้อำนวยการไบโอเทค

รศ.น.สพ.ดร.อนุชัย ภิญโญภูมิมินทร์ รองอธิการบดีวิทยาเขตกำแพงแสน ม.เกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว ม.เกษตรศาสตร์ ได้รับทุนจาก วช. ประจำปีงบประมาณ 2567 เรื่อง การพัฒนาศูนย์กลางความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และการวิจัยข้าวของประเทศไทย (Thailand Rice Science Research Hub of Knowledge) เพื่อมุ่งเน้นการสร้างภาคีเครือข่ายความร่วมมือทั้งภายในและต่างประเทศ พร้อมนำงานวิจัยและนวัตกรรมด้านการปรับปรุงพันธุ์ข้าวสู่การใช้ประโยชน์ รวมถึงเชื่อมโยงกลุ่มนักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญ จากภายในและต่างประเทศ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านการปรับปรุงพันธุ์ข้าวและการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าวด้วยกัน ซึ่งการจัดงานประชุม International Conference/Workshop on Rice Climate Mitigation and Adaptation ครั้งนี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว ม.เกษตรศาสตร์ ไบโอเทค สวทช. และ วช. พร้อมหน่วยงานพันธมิตร ร่วมจัดขึ้น เพื่อเป็นเวทีรวบรวมความคิดเห็นนักวิชาการ นักวิจัย และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สู่แนวคิดและแนวทางแก้ไขที่เป็นไปได้ในการลดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อข้าวในมุมมองที่กว้างขึ้น

ศ.กิตติคุณ นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า วช. เป็นผู้ให้ทุนและจัดตั้ง “การพัฒนาศูนย์กลางความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และการวิจัยข้าวของประเทศไทย” ซึ่งโครงการได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญหลากหลายด้าน โดยมีศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว ม.เกษตรศาสตร์ เป็นผู้นำโครงการ พร้อมด้วยมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัยด้านข้าว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เพื่อทำความเข้าใจถึงปัญหาของข้าวไทย พร้อมการระดมสมองเพื่อเสนอวิธีการแก้ไขและพัฒนางานวิจัยของไทยให้เกิดประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายวิจัย ฝ่ายการผลิต และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งงานประชุมวิชาการนานาชาติด้านข้าวครั้งนี้ ทางโครงการได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายประเทศมาร่วมบรรยาย มีเนื้อหาหลักในการนำเสนอเรื่องข้าวในด้านสรีรวิทยา สิ่งแวดล้อม และการปรับปรุงพันธุ์ เพื่อตอบโต้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ หรือสภาวะโลกรวน ซึ่งเป็นหัวข้อที่สำคัญมากในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่ในระดับประเทศ แต่ในระดับนานาชาติด้วย

ดร.วรรณพ วิเศษสงวน ผู้อำนวยการไบโอเทค สวทช. กล่าวว่า ไบโอเทค ตระหนักถึงปัญหาด้านสภาวะแวดล้อมมาโดยตลอด รวมถึงการพัฒนาพันธุ์ข้าวด้วยเช่นกัน ซึ่งทางไบโอเทคได้มีการนำเอาแนวคิดเศรษฐกิจ BCG เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาพันธุ์ข้าวเพื่อแก้ปัญหาโลกรวน โดยการวิจัยข้าวในไบโอเทคจะเกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลจีโนมเพื่อศึกษาลักษณะสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการทำนาข้าวลักษณะที่สำคัญต่อการทำนาข้าว ได้แก่ ความต้านทานต่อโรค แมลงศัตรูพืช เป็นต้น ซึ่งการจัดประชุมครั้งนี้เนื้อหาการจัดงานจะมีส่วนช่วยอย่างมากในการนำไปปรับใช้กับงานวิจัยต่อไป

ทั้งนี้ ภายในงานมีการบรรยายโดยนักวิจัยระดับโลก ที่ทำงานวิจัยด้านข้าวเพื่อรับมือกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประกอบด้วย หัวข้อการจัดการปากใบเพื่อเพิ่มความทนทานต่อความเครียดของข้าว (Manipulating stomata to enhance rice stress tolerance) โดย Prof. Dr. Julie Gray มหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ อังกฤษ / หัวข้อการจำแนกยีนและศึกษากลไกของยีนทนเค็มในข้าว (Identification of Salt Tolerant Genes in Rice and Their Mechanisms) โดย ศ.ดร.ศุภจิตรา ชัชวาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย / หัวข้อการจัดการน้ำและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในนาข้าวเขตอบอุ่น (Water management and greenhouse gas emissions in temperate rice paddies) โดย Prof. Dr. Kosuke Noborio มหาวิทยาลัยเมจิ ญี่ปุ่น / หัวข้อการลดก๊าซเรือนกระจกในข้าว: ชิ้นส่วนของการแก้ปัญหาแบบครบวงจร (GHG mitigation in rice: Pieces of a comprehensive solution) โดย Dr. Bjoern Ole Sander สถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ (IRRI) / หัวข้อ เมื่อน้อยคือมาก: เส้นทางสู่ข้าวที่มีประสิทธิผลดีแม้น้ำมีจำกัด (Where Less is More: A Path Towards More Water Productive Rice) โดย ศ.ดร.อภิชาติ วรรณวิจิตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และหัวข้อพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมสำหรับการทำนาหว่าน (Breeding rice varieties suitable for direct seeding) โดย Dr. Shalabh Dixit สถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ (IRRI) ตลอดจนมีการอภิปรายกลุ่มเพื่อระดมสมองในการแก้ไขปัญหาทางด้านข้าวในหลากหลายมุมมอง ได้แก่ ด้าน สรีรวิทยา (Physiology) สิ่งแวดล้อม (Environment) และการปรับปรุงพันธุ์ (Breeding)

อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย โดย นางเกษวนา อินทราวุธ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานปฏิบัติการธุรกิจ ประกันวินาศภัย รับรางวัล BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024 รางวัลสุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี  2567 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการกลุ่มประกันชีวิตและประกันภัย จากบริการรับแจ้งเคลมออนไลน์ Smart AI Claim สำหรับลูกค้าประกันภัยรถยนต์ ผ่านการใช้ AI ในการถ่ายภาพและประมวลผลการส่งเคลมบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งสามารถทำได้ง่าย ทุกที่ ทุกเวลา เปิดเคลมได้ภายใน 3 นาที ตอบโจทย์ชีวิตลูกค้ายุคใหม่ ที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว

โดยนิตยสาร Business+ ในเครือบริษัท เออาร์ไอพี จำกัด(มหาชน) ร่วมกับวิทยาลัยการจัดการมหาวิทยาลัยมหิดล มอบให้แก่องค์กรที่คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด ภายใต้แนวคิด “สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ - Innovation the products with Intelligence Technology" โดยมี นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานกรรมการ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติแสดงความยินดี ณ โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล ราขประสงค์ เมื่อเร็วๆนี้

ทำอย่างไร? ให้ธุรกิจครอบครัวของเราไปไกลกว่าเดิม ถ้าคุณอยากรู้ ต้องรีบลงทะเบียนเข้าร่วมงานนี้..

เผย 4 เรื่องต้องรู้ ก่อนตัดสินใจลงทุนผ่าน Digital Marketing

เครื่องดื่มเกลือแร่ “เกเตอเรด” โดย บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ขอแสดงความยินดีกับทีมแข้งตัวแทนเยาวชนไทย อายุไม่เกิน 16 ปี ทีมตี๋ออร์คิด By POWER SNCK จากโรงเรียนสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา สามารถรักษาแชมป์ไว้ได้อีกครั้ง กับการคว้าชัยในศึก Gatorade 5v5 Football 2024” พร้อมครองถ้วยรางวัลกับเงินรางวัล 30,000 บาท ณ สนามสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

นายณุวัฒน์ เมธปรีชากุล ผู้จัดการอาวุโสสินค้าไฮเดรชั่น บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การแข่งขัน Gatorade 5v5 Football 2024 ที่จัดขึ้นในปีนี้ จัดเต็มด้วยการเพิ่มสนามรอบคัดเลือกจากเดิมปีที่แล้ว 15 สนาม เป็น 25 สนาม 25 จังหวัด เพื่อเพิ่มโอกาสให้กว้างมากขึ้น และให้น้อง ๆ เยาวชนจากทั่วประเทศสมัครลงแข่ง ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีทีมสมัครเข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด 512 ทีม จากทั่วประเทศ เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสานฝันและจุดประกายสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยได้ออกมาแสดงศักยภาพด้านฟุตบอลได้อย่างเต็มที่ ตลอดจนเป็นเวทีให้เยาวชนได้สัมผัสประสบการณ์อันล้ำค่ากับการแข่งขันฟุตบอลที่หาไม่ได้จากรายการอื่นในประเทศไทย โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้ได้ร่วมมือกับสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการ ในการมอบโอกาสให้ 8 ทีมสุดท้ายได้เข้ามาแข่งขันในสนามฟุตบอลชั้นนำระดับเอเชียอย่างสนามสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จนได้สุดยอดทีมนักเตะจากการแข่งขันรอบชิงแชมป์ประเทศไทย เป็นตัวแทนประเทศบินลัดฟ้าเข้าร่วมการแข่งขันรอบสุดท้ายกับทีมแชมป์เยาวชนจากนานาประเทศในการแข่งขันรายการ “Gatorade UCL Final 5v5 Experience” ซึ่งจัดโดย PepsiCo Inc. ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ”

สำหรับทีมชนะเลิศ ตี๋ออร์คิด By POWER SNCK ประกอบไปด้วย เดช-ภูวดล กุตโต, สุรพัฒน์ ใหม่เมธีพรหมพิริยะ พรมบุตร, ฐิติภัทร ทิพย์นนท์, กนกเทพ ศรีเนตร, ณวัฒน์ เครือมั่น และอาจารย์กอล์ฟ-วุฒิไกร ชายกวด ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยม จากความมุ่งมั่นตั้งใจ และเอาชนะทีมกุ้งเผาบุพเพสันนิวาส by PK IMANE จบเกมการแข่งขันไปด้วยสกอร์ 2-1 จากการดวลจุดโทษกันอย่างดุเดือด ท่ามกลางเสียงเชียร์และกำลังใจจากทั้งแฟนบอลและครอบครัว

ทีมตี๋ออร์คิด By POWER SNCK ชนะเลิศการแข่งขัน Gatorade 5v5 Football 2024 ได้รับถ้วยรางวัล พร้อมเงินรางวัล 30,000 บาท และได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนจากประเทศไทย เข้าร่วมทริปการแข่งขัน Gatorade UCL Final 5v5 Experience ซึ่งจัดโดย PepsiCo Inc. ที่สนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มูลค่ากว่า 700,000 บาท ทีมกุ้งเผาบุพเพสันนิวาส by PK IMANE รองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท และทีมเจ๊ฝ้ายสั่งลุย X ท่าข้าม พร้อมด้วย ทีมราชวินิตบางเขน รองชนะเลิศอันดับที่ 2 (ทั้งหมด 2 รางวัล) ได้รับเงินรางวัลทีมละ 10,000 บาท รวมมูลค่าของรางวัลทั้งสิ้นกว่า 1,000,000 บาท

“เกเตอเรด เชื่อมั่นว่าการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน ‘Gatorade 5v5’ ที่เราจัดมาอย่างต่อเนื่อง จะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนานักฟุตบอลเยาวชนให้กับวงการลูกหนังไทย และถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่เราจะยังคงเดินหน้าสานต่ออย่างไม่หยุดยั้ง โดยเราจะยังคงเคียงข้างพร้อมเป็นกำลังใจให้น้อง ๆ นำประสบการณ์ในครั้งนี้ไปเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาตัวเองต่อไปและนำความภาคภูมิใจกลับมายังประเทศไทย” นายณุวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

แฟนบอลหรือผู้สนใจสามารถติดตามผลการแข่งขันหรือกิจกรรมในครั้งต่อไป ดูรายข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Gatorade 5v5 Football Thailand

พิเศษโทรฟรีทุกเครือข่าย 100 นาที พร้อมโทรฟรีเบอร์บ้านทั่วไทย 100 นาที

เพราะแนวความคิดและธีมหลักของการจัดงานที่เน้นเรื่องความยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การคัดเลือกกลุ่มผู้ประกอบการที่เน้นให้ความสำคัญเรื่อง biology economy cycle economy และ green economy หรือวัสดุธรรมชาติ เศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อ สิ่งแวดล้อมยั่งยืน ทำให้มีผู้ร่วมเข้าชมงานจากทั่วโลกให้ความชื่นชม

นักธุรกิจและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ และผู้เข้าร่วมชมงานบางส่วน ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดงานที่เน้นสินค้าในกลุ่มรีไซเคิลและวัสดุธรรมชาติ ดังนี้

ชาวต่างประเทศที่พำนักในประเทศไทยได้ให้สัมภาษณ์ว่า เขาชอบงานพื้นเมืองของไทย เช่นพวก ผ้า งานไม้ งานฝีมือโดยตัวเขามาไทยได้ระยะหนึ่ง อยากให้จัดซุ้มของชาวบ้าน ของท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น

กลุ่มแม่บ้านญี่ปุ่น สนใจพวกเครื่องครัว จากไม้และชิ้นงานสานเช่นกระเป๋าสาน หรือว่าแผ่นรองอาหาร เป็นที่ชื่นชอบและได้รับความสนใจอย่างมาก  อยากให้ทางโครงการโปรโมทให้แม่บ้านต่างนานาชาติได้มาเลือกซื้ออุปกรณ์ ต่างๆที่ใช้งานได้จริงในบ้านมางานกันเยอะๆ

ผู้ที่ชื่นชอบงานสไตล์มาทุกครั้ง ฝากคำเชิญชวนว่า ให้ทุกคนออก มาเปลี่ยน furnitureบ้าง เพื่อให้เกิดบรรยากาศใหม่ไปในบ้าน และ ของที่ใช้จะได้ไม่ชำรุด และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยเหลือกันในประเทศได้ด้วย

สสบ. สรุปจำนวนผู้เข้าชมงาน STYLE Bangkok 2024 ในวันที่ 24 มี.ค. 67 วันจำหน่ายปลีกวันสุดท้ายของการจัดงานจำนวนยอดผู้เข้าชมงานรวม 5 วันทั้งสิ้น 25,545 คน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.40 จากการจัดงานครั้งที่ผ่านมา  สำหรับต่างประเทศที่ให้ความสนใจสูงสุด 3 ชาติแรกยังคงเป็น จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น

ภาพบรรยากาศของงานในวันค้าปลีก ของงาน STYLE Bangkok 2024 วันที่23-24 มีนาคม 2567 มีทั้งการจับจ่ายซื้อสินค้า แลกเปลี่ยนความรู้และวัฒนธรรม การให้คำแนะนำระหว่างผผู้ใช้ที่อยากให้ผู้ผลิตได้นำไปออกแบบให้ดีไซน์ใช้งานได้ทั้งสวยและใช้งานได้จริงและคาดหวังว่าในปีหน้าของการจัดงาน STYLE Bangkok จะได้เห็นสินค้าแนว sustainability ที่มีนวัตกรรมใหม่เพิ่มขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือก

และเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวไทยเที่ยวเมืองรองบนเส้นทางสายศรัทธาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ใน 15 จังหวัด พร้อมกับกิจกรรมล่าบิ๊กพอยต์ลุ้นรับโปรโมชั่นสุดคุ้มตลอดทริป เริ่ม 1 เม.ย. – 31 พ.ค. 67

X

Right Click

No right click