ตอกย้ำความสำเร็จภาพลักษณ์ใหม่ ทัชใจ Young Gen

ชูจุดเด่นเรียลรีวิวเอาใจสายบิวตี้ช้อปไอเทมเด็ด ลดแรงเหมือนแจกฟรี!

การลงทุนยุคใหม่ให้ทรัพย์สินทำงานแทนเรา สร้างหลักประกันที่มั่นคงของชีวิตในวันเกษียณ-สุข

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ได้รับประกาศนียบัตรเครื่องหมายรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product: CFP) ประจำไตรมาสแรกของปี 2567  จำนวน 584 รายการ จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. โดยมี นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการ อบก.เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนีบัตรรับรองฯ ตอกย้ำความุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ (CP Low-carbon Products) เพื่อส่งมอบสู่ผู้บริโภคมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปด้วยกัน  

ผลิตภัณฑ์ของซีพีเอฟทั้ง 584 รายการ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์บกทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ รวมเป็นจำนวน 523 รายการ อาทิ อาหารสุกรขุน ไฮโกร 591, อาหารไก่เนื้อ ไฮโปรไวท์ 510 รวมทั้งเมล็ดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์  กลุ่มผลิตภัณฑ์เป็ด มีทั้งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการต่ออายุฉลาก และได้รับการขึ้นทะเบียนสินค้าที่ได้รับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ อาทิ เป็ดปรุงสุก ผลิตภัณฑ์เป็ดพะโล้ รวมจำนวน 20 รายการ ยกตัวอย่าง เนื้อเป็ดย่างเครื่องเทศสไตส์ฮ่องกง ตราซีพี, เป็ดต้มทอดเลาะกระดูกแช่แข็ง ตราซีพี เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ไก่ปรุงสุก 1 รายการ ได้แก่ เนื้ออกไก่หั่นเต๋าอบ ตราคิทเช่นจอย ผลิตภัณฑ์ของสายธุรกิจสัตว์น้้ำ มีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองตลอดห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่อาหารกุ้งจนถึงผลิตภัณฑ์แปรรูป รวมจำนวน 40 รายการ อาทิ อาหารกุ้งขาว บลังก้า พลัส,จุลินทรีย์ ไบโอติก,กุ้งขาวแวนนาไมสด,เกี๊ยวกุ้งจักรพรรดิ ตราซีพี ฯลฯ

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากอบก. เป็นการประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากผลิตภัณฑ์แต่ละหน่วย ตลอดวัฎจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การประกอบชิ้นงาน การกระจายสินค้า การใช้งาน และการจัดการซากบรรจุภัณฑ์หลังของเสียหลังหมดอายุการใช้งาน รวมถึงการขนส่งที่เกี่ยวข้อง โดยคำนวณออกมาในรูปของ กรัม, กิโลกรัม หรือตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า สะท้อนความมุ่งมั่นในการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งมอบผลิตภัณฑ์คาร์บอนฯต่ำ (CPF low-carbon products) ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน มุ่งสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) เป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคในการมีส่วนร่วมบริหารจัดการและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยสังเกตได้จากฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์บนผลิตภัณฑ์ 

ซีพีเอฟ ให้ความสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ โดยประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ปี 2552  ตามหลักการประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐาน ISO 14040 ,ISO 14044 และISO 14067  ซึ่งจนถึงปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ของซีพีเอฟที่ได้รับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ 880 รายการ และในปี 2024 มีแผนเพิ่มผลิตภัณฑ์กลุ่มเนื้อหมูชีวา แบรนด์ยูฟาร์ม เพื่อขึ้นทะเบียนรับรองการได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ นอกเหนือจากเนื้อหมูซีพี และหมูซีพี คุโรบุตะที่ได้รับรองไปก่อนหน้านี้แล้ว  รวมทั้งในปีนี้ จะนำกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน ขึ้นทะเบียนรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ด้วยเช่นกัน

ทำเอาลานน้ำพุ ณ Parc Paragon ชั้น M เนืองแน่นไปด้วยคนรักกินกับงานแถลงข่าว แข่งขันกินจุที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ “THAILAND FOOD KINGDOM 2024” ที่จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จัดโดย บริษัท เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด ร่วมกับ Major League Eating (MLE) เวทีที่ส่งนักกินอันดับต้นๆ ของโลก มาท้าแข่งคนไทยและนักกินจากทั่วเอเชีย เฟ้นหาผู้ชนะเพียง 1 เดียว เพื่อเป็น ตัวแทนนักกินทำลายสถิติจากเอเชียเดินทางไปร่วมแข่งขันบนเวทีระดับโลก กับการแข่งกินฮอตดอกนาธาน (Nathan's Hot Dog Eating Contest) ซึ่งถือเป็นกิจกรรมร่วมเฉลิมฉลองวันชาติสหรัฐอเมริกาในวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ประเทศสหรัฐอเมริกา

ด้าน คุณวราวุธ เจนธนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด ผู้จัดงานนี้ กล่าวว่า “สำหรับงาน THAILAND FOOD KINGDOM จัดขึ้นเป็นที่ 2 แล้ว ปีนี้พิเศษสำหรับผู้ที่ชนะจะเป็นตัวแทนของเอเชียเดินทางไปแข่งขันกิน ฮอตดอกนาธาน (Nathan’s Hot Dog Eating Contest) ซึ่งถือเป็นกิจกรรมร่วมเฉลิมฉลองวันชาติสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเวทีที่เหล่านักกินใฝ่ฝันอยากไปแข่งขันในรายการนี้ และแน่นอนว่าในปีนี้การแข่งขันจะสนุกและเข้มขึ้นมากด้วยเช่นกัน โดยวันแรกเป็นรอบสะสมคะแนน มี 2 รายการ วันที่สองของการแข่งขันมี 3 รายการ และวันสุดท้ายที่เป็นรอบตัดสิน (วันที่ 24 มีนาคม 2567) แข่งขันอีก 3 รายการ รวมทั้งหมดแข่งขัน 8 รายการ ใครได้คะแนนมากที่สุดคนนั้นก็เป็นตัวแทนไปแข่งที่สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ภายในงานยังมีร้านอาหารชื่อดัง เจ้าเด็ดมาร่วมกันเปิดขายกันอย่างคับคั่ง เริ่มจากเอาใจคนรักเส้นกับร้านรสสยาม นู้ดเดิ้ล  ร้านลูกชิ้นหมูหันครัวลุงรงค์  ร้านเวทย์มนต์ เค้กสุดแปลกที่มีหน้าตาเป็นสัตว์ต่างๆ ได้แก่ เค้กเห็บหมา เค้กตุ๊กแก ฯลฯ ร้านปลาหมึกย่างเจ้าดังย่านเยาวราช เป็นต้น

สำหรับใครที่ไม่มีคิวไปเที่ยวไหน ขอเชิญมาที่งาน THAILAND FOOD KINGDOM 2024 ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 24 มีนาคม 2567 นี้ ที่  Parc Paragon ชั้น M บริเวณลานน้ำพุกันได้นะครับ มาอุดหนุนของกินของอร่อยของคนไทยและเชียร์คนไทยไปเวทีกินจุที่สหรัฐอเมริกากันครับ”

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “สานสัมพันธ์เครือข่ายภาครัฐ GCC 1111 ประจำปี 2567” โดยมี นางสาวกัญญาภัค ขุนทอง ผู้อำนวยการกลุ่มงานประชาสัมพันธ์ กองกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้กำกับดูแลโครงการศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (GCC 1111) ให้การต้อนรับและกล่าวสรุปงาน ร่วมด้วย นายเอกชัย กองเกิด ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ ICT พร้อมผู้บริหาร บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ในฐานะหน่วยงานผู้บริหารจัดการโครงการ GCC 1111 เข้าร่วมพิธีเปิดการสัมมนาดังกล่าว ณ โรงแรม Yuu Residence Sriracha ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี  เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2567

ทั้งนี้ “โครงการศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน GCC 1111” ภายใต้กำกับดูแลของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัดสัมมนาดังกล่าวสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐกับผู้ปฏิบัติงานโครงการ GCC 1111 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประสานงานร่วมกัน อันเป็นปัจจัยความสำเร็จต่อการพัฒนาคุณภาพบริการของ GCC 1111 ในการทำหน้าที่ศูนย์ให้บริการข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานภาครัฐ และรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ แจ้งเหตุขอความช่วยเหลือ รับข้อเสนอแนะและติชม  เพื่อประโยชน์แก่ประชาชน และผู้ใช้บริการต่อไป

 

และแล้วความคิดสร้างสรรค์ก็มาบรรจบกันกับความยั่งยืนอีกครั้ง ในงาน STYLE Bangkok 2024 ที่กำลังต้อนรับนักธุรกิจจากทั่วโลกและทั่วไทย ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทุกวันจนถึงวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคมนี้ ภายใต้ธีม 'Chicnature' เมื่อความงดงามทางศิลปะผสานกับความตระหนักในด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างลงตัว และเป็นอีกหนึ่งประจักษ์พยานในความมุ่งมั่นของไทยในด้านความยั่งยืนและนวัตกรรม

ไฮไลท์ของงาน เช่น ผลงานดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่ ภายใต้โครงการ Qurated Fashion Incubation Project โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์  จัดแสดงแฟชั่นโชว์ ‘Co-Design Collections' จากการทำงานร่วมกันของดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่ นำวิสัยทัศน์การออกแบบที่ผสมผสานความงดงามอย่างมีสไตล์กับการใช้ชีวิตโดยคำนึงถึงยั่งยืน เผยให้เห็นอนาคตและเสน่ห์ของแฟชั่นไทย

นอกจากโครงการ Qurated Fashion Incubation Project แล้ว ยังมีผลงานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ทั่วประเทศ ในโครงการ STYLE Bangkok Collaboration Project นำผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ที่พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “Reimagine Lifestyle” โดยใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น และยึดแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ไทยในตลาดโลกมาจัดแสดงด้วย

การนำแนวคิดความยั่งยืนและความงดงามอย่างมีสไตล์มาบรรจบกันเป็นรูปธรรมบนเวที Style Bangkok เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ทั้ง “โครงการ Qurated Fashion Incubation และนิทรรศการ STYLE Bangkok Collaboration Project ล้วนเป็นกิจกรรมที่มุ่งส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ควบคู่กับสนับสนุนแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนที่จะต่อยอดออกไปในอุตสาหกรรมแฟชั่นและไลฟ์สไตล์

สัมผัสความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และความมุ่งมั่นสู่ความยั่งยืนที่จะกำหนดอนาคตของแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ไทย ในงาน STYLE Bangkok 2024

ความร่วมมือกับ Alipay ในครั้งนี้ ช่วยให้ Mastercard สามารถขยายช่องทางการชำระเงินข้ามพรมแดน พร้อมตอบสนองความต้องการการทำธุรกรรมที่โปร่งใส ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ

ให้ท่องเน็ต  โทร ส่งข้อความได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งบนเครื่องบินและเรือสำราญข้ามแดน เอาใจนักเดินทางทั้งทรูและดีแทค ใช้งานผ่านเครือข่ายพันธมิตร 5G ระดับโลก เร็วสุด แรงสุด  ไม่จำกัดดาต้า

นับตั้งแต่เริ่มการเปิดตัวสู่ตลาดทั่วโลก VinFast ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของเวียดนามได้นำเทคโนโลยีจากความเชี่ยวชาญ ของ Vingroup ซึ่งเป็นบริษัทแม่ และเป็นธุรกิจใหญ่ที่สุดในเวียดนามมาสร้างความแตกต่างที่สำคัญ และผลักดันการเติบโตของบริษัท  

การประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในตลาดโลกของ VinFast โดยมีฐานที่มั่นในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และตลาดยุโรปนำสู่การตั้งเป้าหมายในตลาดเอเชียอย่างจริงจังทั้งในอินเดีย อินโดนีเซีย และล่าสุดคือประเทศไทย  ทั้งนี้ Vingroup ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำของเวียดนามที่ยิ่งใหญ่ นอกจากให้การสนับสนุนทางการเงินแล้ว ยังเป็นเสาหลักสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจให้ VinFast ก้าวสู่เวทีโลกอีกด้วย

จากประเทศผู้นำเข้ารถยนต์สู่การเป็นผู้เล่นระดับโลก: วิสัยทัศน์อันกล้าหาญของ Vingroup เพื่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของเวียดนาม

Vingroup บริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุด และมีบทบาทสำคัญอย่างหลากหลายต่อเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม สร้างรายได้ประชาชาติ (GDP) เกือบ 1.6% ในปี 2023 โดยมีการดำเนินงานในสามหมวดธุรกิจหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีการค้าและบริการ และธุรกิจเพื่อสังคม

ธุรกิจทั้งหมดของ Vingroup มีส่วนสนับสนุนความสำเร็จของบริษัท แต่อสังหาริมทรัพย์ และยานยนต์ไฟฟ้าเป็นกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้หลักในปี 2023 โดยมีมูลค่ารวมกันมากกว่า 236,457 ล้านบาท (6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภาคอสังหาริมทรัพย์เติบโตอย่างน่าทึ่งสร้างรายได้มากกว่า 137,330 ล้านบาท (94.3 ล้านล้านดองเวียดนาม : VND) ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากปี 2022 ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่นำโดยรถยนต์ไฟฟ้าของ VinFast เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีรายได้มากกว่า 41,359 ล้านบาท (28.4 ล้านล้านดอง)  เมื่อเทียบกับ 18,932 ล้านบาท (13 ล้านล้านดอง) ในปีก่อน

ก่อนหน้าที่จะมี VinFast อุตสาหกรรมยานยนต์จำกัดอยู่แค่การนำเข้า อุตสาหกรรมต่อเนื่องไม่ได้รับการพัฒนาและมีต้นทุนที่สูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค ตลาดยานยนต์ของเวียดนามมีศักยภาพสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เพราะมีอัตราการเป็นเจ้าของรถยนต์ต่ำมากเพียง 23 คันต่อประชากร 1,000 คน

จนถึงปัจจุบัน VinFast ได้สร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง สร้างความเป็นอิสระ และความตื่นตัวในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์ของเวียดนาม อิทธิพลของบริษัทไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในเวียดนามเพราะเพียงเจ็ดปีหลังจากเปิดตัวรถรุ่นแรกที่งาน Paris Motor Show ประธานของ Vingroup ก็ติดอันดับผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก  

แผนการเติบโตทั่วโลกของ VinFast ได้รับการเน้นย้ำอีกครั้งจากการที่ Pham Nhat Vuong ประธาน Vingroup และ CEO ของ VinFast ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อ MotorTrend Power List ปี 2024 เป็นนักธุรกิจเพียงคนเดียวจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับเกียรตินี้ ซึ่งแสดงถึงความมีวิสัยทัศน์ ผลงานการบุกเบิก การเติบโตอย่างรวดเร็ว  และศักยภาพที่มั่นคงในการปฏิวัติภูมิทัศน์ยานยนต์ของ VinFast

ความมุ่งมั่นในตลาดโลกขับเคลื่อนโดยระบบนิเวศทางเทคโนโลยีของ Vingroup

ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันภูมิทัศน์ยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกคือระบบนิเวศทางเทคโนโลยีของ Vingroup ครอบคลุม VinBigData, VinAI, VinES, VinCSS, VinBrain และ VinHMS ต่างมีส่วนส่งเสริมความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง VinBigData พัฒนาขึ้นจากความสำเร็จของสถาบัน Big Data ของ Vingroup ในด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ ที่เน้นการประมวลผลภาพ และภาษาช่วยให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไฮเทคจำนวนมาก เช่น ViVi (ผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะ), กล้อง AI, และ VinDr โซลูชัน AI ที่สำหรับการวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ เป็นต้น

สำหรับ VinCSS มุ่งเน้นการวิจัยพัฒนา และโซลูชันการรับรองการตรวจสอบความถูกต้องแบบไม่ใช้รหัสผ่านตามมาตรฐาน FIDO2 บริการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับ IT, Internet of Things (IoT) และยานยนต์  VinHMS ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ มีความเชี่ยวชาญในการจัดหาผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีคุณภาพสูงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกิจกรรมทางธุรกิจขององค์กร

VinBrain ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีสุขภาพชั้นนำของเวียดนามปฏิวัติการดูแลสุขภาพด้วยผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประโยชน์จากศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของ AI พัฒนาด้านภาพและการเรียนรู้ของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เพื่อออกแบบโซลูชันให้เหมาะกับความต้องการของวงการแพทย์

VinES ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 มุ่งเน้นการวิจัยพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า เครื่องมือไฟฟ้ากำลังขนาดกลางและสูง แอปพลิเคชั่นเพื่อยานพาหนะและโซลูชันการจัดเก็บพลังงาน โดยได้จัดตั้งหน่วนงานการวิจัยและพัฒนา การผลิตการทดสอบ และการตรวจสอบ โดยร่วมมือกับผู้นำระดับโลกเพื่อปฏิวัติวงการเทคโนโลยี

เมื่อปีที่แล้ว ประธานของ Vingroup ประกาศว่าจะมอบหุ้นของ VinES จำนวน 99.8 เปอร์เซ็นต์ให้กับ VinFast เพื่อเพิ่มความสามารถในการพึ่งพาตนเองในด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่และห่วงโซ่การผลิต สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

เพื่อให้ภาพด้านเทคโนโลยีครบถ้วน VinAI ผู้นำด้านโซลูชันการเคลื่อนที่อัจฉริยะสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์ และซัพพลายเออร์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของยานพาหนะได้ VinAI ได้ปรับปรุงความปลอดภัยและสร้างประสบการณ์ที่ดีสำหรับผู้ขับขี่หลายล้านคนทั่วโลก เทคโนโลยี และคุณสมบัติที่บริษัทได้รวมเข้ากับรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่นแล้ว รวมถึง VF e34, VF5 และ eBus รวมถึงรถยนต์ของผู้ผลิตในยุโรป

ที่งาน CES 2024 VinFast MirrorSense เทคโนโลยีการปรับกระจกอัตโนมัติที่ใช้ AI รายแรกของโลกพัฒนาขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง VinFast และ VinAI ได้รับรางวัล Innovation Award Honoree ในหมวดหมู่ Vehicle Tech and Advanced Mobility รางวัลนี้ไม่เพียงแต่เป็นการยอมรับถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี  แต่ยังยืนยันถึงตำแหน่ง และศักยภาพของ VinFast และ VinAI ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลกอีกด้วย เทคโนโลยีการปรับกระจกอัตโนมัติใน VinFast MirrorSense ตรวจจับตำแหน่งศีรษะและทิศทางการมองของคนขับรถได้อย่างแม่นยำถึง 10 มม. โดยจะปรับตำแหน่งของกระจกที่เกี่ยวข้องทั้งหมดโดยอัตโนมัติ

เมื่อเร็วๆ นี้ Vingroup ได้รับรางวัล ASEAN Tech for ESG Award 2023  ตอกย้ำถึงฐานะผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การผลักดันอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการริเริ่มทางดิจิทัลตามหลักการ ESG และใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เช่น AI, IoT, หุ่นยนต์, เทคโนโลยีเสมือนจริง และบล็อกเชน  ที่ช่วยแก้ไขปัญหาความยั่งยืนในหลากหลายอุตสาหกรรมเทคโนโลยี การค้าและบริการและธุรกิจเพื่อสังคม

VinFast ที่ซึ่งเทคโนโลยีมาบรรจบกับการเดินทาง

VinFast ไม่ได้สร้างแค่รถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่พัฒนาพาหนะอัจฉริยะที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี AI ล้ำสมัย มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยสะดวกสบาย และสนุกยิ่งขึ้น ด้วยปรัชญาที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง VinFast ยกระดับความปลอดภัยของผู้ขับขี่ไปอีกขั้นด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Advanced driver assistance system : ADAS) จึงติดตั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยในรถยนต์ทุกรุ่น ช่วยให้ลูกค้าทุกคนสามารถเข้าถึงก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้โดยไม่คำนึงถึงงบประมาณรถยนต์ที่ติดตั้ง ADAS ระดับ 2 ทำงานกึ่งอัตโนมัติช่วยให้รถบังคับเลี้ยว เร่งความเร็ว และเบรกโดยอัตโนมัติในสถานการณ์ที่ซับซ้อนภายใต้การดูแลของผู้ขับขี่ หนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นคือเทคโนโลยีการเปลี่ยนเลนอัตโนมัติสำหรับผู้กังวลเกี่ยวกับจุดบอดในการขับขี่ โดยใช้เครือข่ายกล้องและเซ็นเซอร์ช่วยสแกนหาช่องว่างบนถนนและเปลี่ยนเลนอย่างปลอดภัยแทนคุณลดความกังวลและความเครียดในการขับขี่

VinFast ติดตั้งระบบการลดการชนที่ประกอบด้วยเซ็นเซอร์ ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ และกล้องทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์บนท้องถนนจะตรวจสอบวัตถุที่อยู่ด้านหน้าหรือด้านหลังรถของคุณอย่างต่อเนื่อง หากตรวจพบโอกาสเสี่ยงการชน และคุณไม่ตอบสนองได้ทันเวลาระบบจะปรับลดความเร็วโดยอัตโนมัติ หรือหยุดรถโดยสมบูรณ์ซึ่งช่วยป้องกันอุบัติเหตุได้เคยขับรถออกนอกเลนเนื่องจากสมาธิหลุดหรือง่วงนอนหรือไม่ VinFast's Lane Keeping Assistance พร้อมช่วยเหลือระบบนี้ทำหน้าที่เหมือนผู้ช่วยนักบิน เมื่อเปิดใช้งานเซ็นเซอร์จะตรวจจับว่ารถของคุณเริ่มออกนอกเลนหรือไม่ และจะแก้ไขการบังคับเลี้ยวอย่างนุ่มนวลเพื่อให้คุณอยู่ตรงกลางระหว่างเส้นเลน

VinFast มีการใช้กล้องและ AI ตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่เพื่อหาสัญญาณของความเหนื่อยล้า การใช้โทรศัพท์ หรือการละมือออกจากพวงมาลัย หากระบบตรวจพบพฤติกรรมเสี่ยง ระบบจะส่งเสียงเตือนเพื่อให้ผู้ขับกลับมาสนใจถนนอีกครั้งเพื่อความปลอดภัยของคุณและผู้คนรอบข้าง

VinFast ไม่ใช่แค่บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่เปิดพรมแดนใหม่ของเทคโนโลยีรถยนต์อีกด้วย ด้วยความมุ่งมั่นในนวัตกรรม AI บริษัทจึงสร้างอนาคตที่การขับขี่ปลอดภัย ฉลาดขึ้น และสนุกยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน

X

Right Click

No right click