ทาวน์โฮมดีไซน์ใหม่ Vertiplex 3.5 ชั้น เชื่อมต่อสุนทรีย์ธรรมชาติ บนทำเลสุดสะดวก ติดถนนใหญ่ 0 เมตร ปักหมุดพรีเซลพร้อมชมบ้านตัวอย่าง 18-19 พค.นี้ เริ่มต้น 5.99 – 8 ล้าน

นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ได้เกียรติรับเชิญจากหน่วยงาน Hong Kong Talent Engage ของรัฐบาลฮ่องกง โดยนายคริส ซัน รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานและสวัสดิการฮ่องกง ให้การต้อนรับในโอกาสเข้าร่วมเป็นวิทยากรเสวนาในหัวข้อ “International Talent Forum” เพื่อแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและประสบการณ์ในฐานะผู้นำองค์กรที่มีธุรกิจหลากหลายใน 9 ประเทศทั่วเอเชีย รวมถึงฮ่องกงด้วย โดยแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับภาพรวมการพัฒนาผู้มีความสามารถระดับโลกและกลยุทธ์การได้มาซึ่งผู้มีความสามารถ

สำหรับการประชุม Global Talent Summit จัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ศูนย์การประชุมและนิทรรศการฮ่องกง โดยมีนายจอห์น ลี ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง และนางหวัง เสี่ยวผิง รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และประกันสังคมของจีน และผู้ชมโดยทั่วไปเข้าร่วมงานอย่างท่วมท้นอีกกว่า 1,500 คน

เอ็น.ซี.ซี. เปิดงาน PET EXPO THAILAND 2024 อย่างยิ่งใหญ่ฉลองครบรอบ 24 ปีของการจัดงาน รวบรวมเหล่าสัตว์เลี้ยงมาประชันโฉมในธีมโจรสลัดสุดน่ารัก รับกระแส Petsumer และเทรนด์ Pet Humanization - Pet Celebrity ทำตลาดสัตว์เลี้ยงเติบโตแรงต่อเนื่อง คาดตลอดระยะเวลาการจัดงานจะมีเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท

นายสุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทรนด์การดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) ยังคงเป็นกระแสยอดนิยม และขยายตัวอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี นอกจากกระแสของ Pet Humanization แล้ว สัตว์เลี้ยงบางตัวอาจพัฒนาบทบาทจากลักษณะนิสัยส่วนตัวที่สามารถยกระดับจากสมาชิกในครอบครัวปกติ จนกลายเป็นสมาชิกในครอบครัวที่สามารถสร้างรายได้ ผ่านรูปแบบลักษณะเฉพาะของสัตว์เลี้ยงที่สามารถดึงดูดความสนใจจากคนในสังคมวงกว้าง หรือ “Pet Celebrity” ส่งผลให้ภาพรวมตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยยังมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปีประมาณ 5-10% อย่างต่อเนื่อง โดยปี 2567 นี้คาดการณ์ว่าตลาดสัตว์เลี้ยงจะมีมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท มูลค่ายอดใช้จ่ายของเจ้าของสัตว์เลี้ยงเฉลี่ยต่อคนที่สูงถึง 10,000 - 20,000 บาทต่อปี

นอกจากมูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงในไทยที่ขยายตัวจากเทรนด์การเลี้ยงที่เปลี่ยนไปดังกล่าว รูปแบบการเลี้ยงนี้ยังส่งผลทางอ้อมไปยังธุรกิจและบริการที่สามารถรองรับมูลค่าที่ขยายตัวนี้ได้ เช่น กลุ่มโรงแรมที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง ธุรกิจรับฝึกสัตว์เลี้ยงให้กลายเป็น Petfluencer รวมถึงธุรกิจเกี่ยวกับบริการรักษาสัตว์ที่อาจมีการขยายขอบเขตบริการ Veterinary Telemedicine หรือ Virtual Vet ที่อาจเข้ามาตอบโจทย์กรณีเจ็บป่วยเล็กน้อยที่เจ้าของอาจไม่สะดวกเดินทางพาสัตว์เลี้ยงเข้ารับการรักษา เป็นต้น

ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ของการเลี้ยงสัตว์ที่เปลี่ยนไป เจ้าของจะเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสัตว์เลี้ยงของตัวเองมากขึ้น เอ็น.ซี.ซี.ฯ จึงได้จัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 งานแสดงสินค้าและบริการ ด้านสัตว์เลี้ยงที่ดีที่สุด เพื่อเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-12 พฤษภาคม 2567 ณ ฮอลล์ 5-8 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นการจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 24 ภายในงานยังได้เตรียมกิจกรรมสนุกๆ ไว้มากมาย โดยปีนี้จัดขึ้นในธีมโจรสลัดสุดน่ารัก “Friendship Treasure ขุมทรัพย์เพื่อนรักสุดขอบฟ้า” โดยได้รวบรวมสินค้าและบริการ สำหรับสัตว์เลี้ยงจากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำกว่า 300 บริษัท 700 บูธ

“ด้วยปีนี้เราได้จัดงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 24 เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำการจัดแสดงงานด้านสัตว์เลี้ยง เราได้รวบรวมสินค้าจากทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าชั้นนำมาจัดรายการในราคาสุดพิเศษ พร้อมทั้งได้มีกิจกรรมให้คนรักสัตว์ได้ร่วมสนุกตลอดทั้ง 4 วัน โดยเชื่อว่าตลอดการจัดงานนี้จะมีเงินสะพัดภายในงานไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท” นายสุรพล กล่าว

สำหรับไฮไลท์ภายในงาน PET EXPO THAILAND 2024 ได้รวบรวมกิจกรรมการแข่งขันและการประกวดชิงรางวัลสนุก ๆ ของเพื่อนสัตว์เลี้ยงตัวน้อย พร้อมของรางวัลแบบจัดเต็มตลอดระยะเวลา 4 วัน รวมถึงการโชว์ตัวครั้งแรกในประเทศไทยของ Blue Holicer Rabbit กระต่ายพันธุ์ใหม่ล่าสุด ลำดับที่ 52 ของโลก และยังมีเหล่าผู้ประกอบธุรกิจด้านสัตว์เลี้ยงที่พาเหรดยกทัพสินค้าและบริการจากแบรนด์ชั้นนำมาให้ผู้รักสัตว์เลี้ยงได้เลือกซื้ออย่างจุใจ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ทั้งกลุ่มอาหารสัตว์ เวชภัณฑ์ อาหารเสริม แชมพูและผลิตภัณฑ์บำรุงขน อุปกรณ์ตัดแต่งขน เสื้อผ้าและเครื่องประดับ และอุปกรณ์และของเล่นพัฒนาทักษะ นอกจากนี้ภายในงานยังมีบริการมากมาย โดยเฉพาะบริการทางด้านสุขภาพสัตว์เลี้ยงจากโรงพยาบาลสัตว์ชั้นนำของไทยมาให้เลือกใช้บริการ และรับคำปรึกษา แนะนำจากสัตวแพทย์อย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ในวันเสาร์ที่ 11 และวันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2567 ในโซนกระต่าย ท่านจะได้ชมการประกวดกระต่ายระดับโลกมาตรฐานสายพันธุ์ ARBA การประกวดหนูเควี่ และหนูแฮมเตอร์ ตัดสินโดยกรรมการ 3 ท่านจากสหรัฐอเมริกา

ส่วน โซนสัตว์ Exotic Pet หรือโซนสัตว์พิเศษได้รวบรวมสัตว์ต่างๆ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสัตว์พิเศษที่หาดูได้ยาก เช่น งูหลามบอล ทามารินมือทอง ตุ๊กแกหางอ้วนแอฟริกา จิ้งจอกทะเลทราย สกั๊งค์ กบต้นไม้  ตัวกินมด หนูไร้ขน หมาน้ำ แมงมุมทารันทูล่า และสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย พร้อมทั้งยังมีการประกวดแมงมุม Thailand's Grand Tarantulas ครั้งที่ 1  ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2567, การประกวดงูใหญ่ Thailand Giant Snake Contest 2024 วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2567

ในขณะที่ โซน Pet Village ท่านจะได้พบกับคาพิบาร่า วัววาตูซี จิ้งโจ้แคระ แพะแองโกล่า แกะคาทาดิน White Face Owl นกแก้วซันคอนัว และอีกมากมาย

“ภายในงานยังมีกิจกรรมการแข่งขันบริเวณลานกิจกรรมพร้อมของรางวัลมากมาย อาทิ เกมฮาเฮ เหมียวหม่ำๆ เหมียวยอดนักตบ ด่านกำแพงใสไหนทางออก การแข่งขันหมาน้อยลมกรด การแข่งขัน My Dog Anywhere การแข่งขัน Dog Agility เป็นต้น โดยตลอดระยะเวลา 4 วันของการจัดงาน คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 180,000 คน” นายสุรพล กล่าว

สำหรับผู้ที่สนใจกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งต้องการเลือกชมสินค้าและบริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง สามารถเข้าชมได้ภายในงาน “PET EXPO THAILAND 2024” จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 9-12 พฤษภาคม 2567 ณ ฮอลล์ 5-8 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยสามารถติดตามข่าวสาร และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.petexpothailand.net หรือ เฟซบุ๊ก Petexpoclub หรือช่องทางทวิตเตอร์ @PetexpoclubTH1 หรือแอดไลน์เพื่อติดตามทุกความเคลื่อนไหวของงานและโปรโมชั่นเด็ด ๆ ก่อนใครได้ที่ @petexpoclub

พร้อมดีไซน์เรียบหรู น้ำหนักเบาบาง ถ่ายภาพสนุกด้วยความจุจัดเต็ม พร้อมขาย 10 พ.ค.นี้! ในราคาเพียง 7,999 บาท

สตาร์ทอัพไทยปั้น “ปันปัน”  แอปพลิเคชันมาร์เก็ตเพลส บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ รายล่าสุดของไทย  แอปฯ ตลาดออนไลน์สัญชาติไทยเพื่อคนไทย  เผยพร้อมเดินตามแนวคิด CSV  เพื่อสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนไปด้วยกันกับปันปัน ทั้งพาร์ทเนอร์ และลูกค้า 

บจก.ปันปันเวิร์ล นำโดย นายกิตติพันธ์ ศรีฉันทะมิตร กรรมการบริหาร พร้อมด้วย ธวัลพร เหล่าวณิชย์วิทย์  ผู้บริหารฝ่ายการตลาด นายสุเมธ ศรีฉันทะมิตร ที่ปรึกษาบริษัทฯ  จัดกิจกรรมแนะนำสตาร์อัพไทยน้องใหม่ “ปันปัน” โดยมี ครูรัก-ศรัทธา ศรัทธาทิพย์ นักแสดงและผู้กำกับชื่อดัง อ.ป๊อป-ปรีดี นุกุลสมปรารถนา   อาจารย์และที่ปรึกษาด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์   ร่วมเป็นเกียรติในงาน

นายกิตติพันธ์ ศรีฉันทะมิตร กรรมการบริหาร บริษัท ปันปันเวิร์ล จำกัด  เปิดเผยว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาตลาดอีคอมเมิร์ซของประเทศไทยเติบโตคึกคักเป็นอย่างมาก โดยข้อมูล Priceza ระบุในบทวิเคราะห์  Thailand E-Commerce Landscape 2024  ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซของไทย ในปี 2023 แตะอยู่ที่ 932,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 14% เมื่อเทียบกับ 2022 อยู่ที่ 818,000 ล้านบาท  ซึ่งทำให้เห็นว่าตลาดอีคอมเมิร์ซยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

จากโอกาสทางธุรกิจตลาดอีคอมเมิร์ซที่ยังสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้น ทำให้แบรนด์“ปันปัน” แอปพลิเคชันมาร์เก็ตเพลส ในฐานะสตาร์ทอัพผู้เข้าสู่วงการตลาดอีคอมเมิร์ซรายล่าสุด มั่นใจว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซ ยังมีพื้นที่สำหรับ “ปันปัน” โดยแรกเริ่ม ปี 2022 ปันปัน ก่อตั้งในรูปแบบเว็บไซต์ และพัฒนามาสู่แอปพลิเคชันในปี 2023  เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่สะดวกและคล่องตัวสำหรับพาร์ทเนอร์และลูกค้ามากขึ้น

แอปพลิเคชัน “ปันปัน” เหมาะสำหรับร้านค้า เจ้าของธุรกิจรายย่อย ขนาดเล็ก ขนาดกลาง ที่มีสินค้าถูกกฎหมายทุกประเภท โดยต้องเป็นผู้ที่จดทะเบียนการค้ากับหน่วยงานรัฐ และกำลังหาช่องทางการจำหน่ายสินค้าที่ไม่ต้องการแบกรับค่าส่วนแบ่งทางการตลาด(GP) ที่สูงมากตามกลไกของตลาดอีคอมเมิร์ซ

“ปันปัน” มีรูปแบบการดำเนินธุรกิจ คือ ปันที่1 ร้านค้าและเจ้าของธุรกิจ (Partner Shop) ที่เปิดร้านกับ “ปันปัน” จะได้รับการปันรายได้บางส่วนจาก “ปันปัน” ในทุกยอดการสั่งซื้อ ตลอดอายุการใช้งาน ปันที่2 ปันสู่สังคม “ปันปัน” เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ที่พร้อมเปิดพื้นที่ มอบโอกาสทางการตลาดให้มีการซื้อ-ขายในทุกมิติ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำให้กับคนไทยทั้งที่เป็นผู้ผลิต ผู้จำหน่ายรายเล็ก รายย่อย รวมถึงขนาดกลางและใหญ่ เพื่อให้คนไทยมีรายได้มั่นคงยั่งยืนไปพร้อมกับ “ปันปัน”

ลูกค้าที่ช้อปผ่าน แอปพลิเคชัน “ปันปัน”  จะได้พบกับสินค้าอุปโภค บริโภค ที่มีให้เลือกหลากหลายนานาชนิด และได้อุดหนุนร้านค้า เจ้าของธุรกิจ ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายคนไทยที่เป็นพาร์ทเนอร์ปันปันด้วย และภายในปี 2567 นี้จะมีสินค้ามากกว่า 1,000 ชิ้น ทั้งนี้สินค้าที่อยู่ในแอปพลิเคชัน “ปันปัน” เป็นสินค้าที่มีอยู่จริง เชื่อถือได้ โดย “ปันปัน” จะจัดให้มีโปรโมชั่นสินค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อขายที่คึกคัก  ด้านการจัดส่งสินค้าลูกค้ามั่นใจได้ในความว่องไวทันใจ

นายกิตติพันธ์  กล่าวในตอนท้ายว่า ด้วยรูปแบบการดำเนินธุรกิจดังกล่าว “ปันปัน” ยังได้เตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามแบบแนวคิด CSV (Creating Shared Value) เพื่อให้พาร์ทเนอร์และลูกค้าร่วมสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนไปด้วยกันกับ “ปันปัน” โดย “ปันปัน” สตาร์ทอัพแอปพลิเคชันอีคอมเมิร์ซ มีความมั่นใจว่า CSV สามารถเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจได้ในทุกมิติทุกระดับ ทั้ง ด้านสังคม (Social) เศรษฐกิจ (Economic) และสิ่งแวดล้อม (Environment) ซึ่งหมายถึงธุรกิจของ “ปันปัน” จะเป็นธุรกิจที่แบ่งปันคุณค่าอย่างแท้จริง

sacit เชิญ 9 กูรูผู้เชี่ยวชาญในงานศิลปหัตถกรรมไทย มาระดมสมองมองไปในอนาคต เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาสินค้าศิลปหัตถกรรมไทยให้ตรงกับความต้องการของตลาดโลก และสร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทยให้เผยแพร่ไปในระดับสากล และเกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน

นางสาวนฤดี  ภู่รัตนรักษ์  ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม และรักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ sacit เปิดเผยว่า sacit ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการพัฒนาส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย ได้จัดประชุมเสวนา “sacit Craft Power” SACIT The Future of Crafts : Guru Panel ระดมสมองผู้เชี่ยวชาญในงานศิลปหัตถกรรมไทยในด้านต่าง ๆ มาร่วมหารือถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมศิลปหัตถกรรมในตลาดโลก เพื่อให้เห็นแนวทางความต้องการของตลาดในอนาคต ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาสินค้าศิลปหัตถกรรมไทยให้เติบโตขยายในตลาดโลกได้มากขึ้น

โดยการประชุมเสวนาในครั้งนี้ sacit ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปหัตถกรรมไทย 9 ท่าน มาแสดงความคิดเห็น ได้แก่ ตัวแทน Unseen Craft 2 ท่าน คือ ศาสตราจารย์เกียรติคุณวิบูลย์ ลี้สุวรรณ ราชบัณฑิต ประเภทวิชาวิจิตรศิลป์ สาขาวิชาจิตรกรรม ราชบัณฑิตยสภา และครูมีชัย แต้สุจริยา ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (ทอผ้า) / ครูศิลป์ของแผ่นดิน ปี 2559 (ผ้ากาบบัว) นอกจากนี้ ยังมีตัวแทน Thainess 3 ท่าน  ได้แก่ ม.ล.ภาวินี สันติศิริ กรรมการผู้จัดการ, บริษัท อโยธยาเทรด(93) จำกัด และ บริษัท สหัสชา (1993) จำกัด, รศ.ดร.สุภาวี ศิรินคราภรณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาออกแบบเครื่องประดับ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร  และ อาจารย์ ดร.ไพโรจน์ พิทยเมธี อาจารย์ประจำภาควิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และเชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องการนำศิลปะไทยต่อยอดสู่ออกแบบร่วมสมัย และเรื่องสี “ไทยโทน”

รวมทั้งตัวแทน Soft Power 4 ท่าน ได้แก่ นางสาวชลดา สิทธิวรรณ ผู้อำนวยการกลุ่มงานอำนวยการด้านนโยบายและแผน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), นายอาสา ผิวขำ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรม (CEA), นายพิติรัตน์ วงศ์สุทินวัฒนา หัวหน้างานยกระดับการท่องเที่ยวโดยชุมชน สำนักท่องเที่ยวโดยชุมชน (อพท.), ดร.สิริกร มณีรินทร์ ผู้อำนวยการสถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่น สำนักบริหารวิทยสถานสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย (ธัชชา)

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 9 ท่าน ล้วนแต่เป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านที่สำคัญ โดยผลที่ได้จากการประชุมเสวนาในครั้งนี้ จะนำไปรวบรวม และสังเคราะห์ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ และผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งมีประสบการณ์ และเกี่ยวข้องกับการสร้างคุณค่า และสร้างมูลค่าเพิ่มแก่งานศิลปหัตถกรรมในบริบทต่างๆ เพื่อที่จะนำไปจัดทำกรอบแนวคิด SACIT The Future of Craft,  Trends Forecast 2025

โดยผลที่ได้จากการจัดทำ Trends Forecast 2025 จะช่วยให้งานศิลปหัตถกรรมไทยก้าวหน้าไปในทุกมิติ และมีความยั่งยืน รวมทั้งยังช่วยส่งเสริมสนับสนุนให้มีการพัฒนา และเพิ่มทักษะการประกอบอาชีพ รวมไปถึงการพัฒนาคุณภาพ และมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ ความคิดสร้างสรรค์ และภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังเป็นการสืบสานและยกย่องเชิดชู รักษา พัฒนา และเผยแพร่ ถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญางานศิลปหัตถกรรมไทยให้เผยแพร่ในระดับสากล และสร้างผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยให้เติบโตในเวทีโลกต่อไปในอนาคต

ศึกษา-สื่อสาร-ส่งต่อ  ช่วยลดความขัดแย้ง เพิ่มประสิทธิภาพการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นอย่างยั่งยืน

ทีเอ็มบีธนชาต  หรือ ทีทีบี ประกาศความสำเร็จด้านดิจิทัล คว้ารางวัล Best Institution for Digital CX บนเวทีระดับสากล Digital CX Awards 2024 โดยมีนายนริศ อารักษ์สกุลวงศ์ ประธานกลุ่ม งานกลยุทธ์องค์กรและดิจิทัล ทีทีบี เป็นผู้รับมอบรางวัล ตอกย้ำความโดดเด่นของแอปพลิเคชัน ttb touch ในการผสมผสานนวัตกรรมดิจิทัลและการออกแบบที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง มีฟีเจอร์การจัดการทางการเงินที่ใช้งานง่าย และสร้างประสบการณ์ที่สุดเอ็กซ์คลูซีฟแบบรายบุคคล (Personalized Message) ซึ่งพัฒนาโดยทีมดิจิทัล “ttb spark” ในฐานะศูนย์กลางดิจิทัลของทีทีบี เพื่อขับเคลื่อนธนาคารสู่ทุกความเป็นไปได้ ด้วยดิจิทัลโซลูชันที่เป็นมิตรและรู้ใจ ภายใต้แนวคิด Humanized Digital Banking เพื่อให้ลูกค้าทุกกลุ่มมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น ทั้งนี้ การมอบรางวัลจัดขึ้น ณ โรงแรมมาริน่า เบย์ แซนด์ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อเร็ว ๆ นี้   

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) เปิดโครงการ “Krungsri ESG Awards” ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง โดยได้รับเกียรติจากองค์กรพันธมิตรผู้ทรงคุณวุฒิและมีวิสัยทัศน์ด้าน ESG เพื่อยกย่องและส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ที่ดำเนินธุรกิจตามแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social)  และ    ธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG พร้อมต่อยอดด้วยการเปิดหลักสูตรอบรมพิเศษ Krungsri ESG Academy 2024 โดยผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่อง ESG ให้กับผู้ประกอบการ ในการสร้างแผนเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ความยั่งยืนตามกรอบ ESG และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงให้กับธุรกิจในระยะยาว

นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในฐานะส่วนหนึ่งของภาคการเงินที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนของประเทศ กรุงศรีตระหนักถึงความเร่งด่วนและความจำเป็นในการสนับสนุนลูกค้าธุรกิจให้ปรับตัวและเปลี่ยนแปลงสู่เส้นทางของความยั่งยืน โดยเราพร้อมยืนหยัดเคียงข้างผู้ประกอบการ SME ผ่านการสนับสนุนทางการเงินและกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจด้าน ESG ด้วยเป้าหมายสำคัญสามประการ คือ 1. ส่งเสริมความรู้เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าใจถึงความสำคัญของ ESG และเห็นแนวทางในการสร้างความยั่งยืนซึ่งเป็นเรื่องง่ายและใกล้ตัวกว่าที่คิด  2. ให้การช่วยเหลือธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อพัฒนาแผนการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ความยั่งยืนที่นำไปใช้ได้จริง  3. ขยายโอกาสให้ธุรกิจเข้าถึงเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืน เพื่อสร้างพันธมิตรในการต่อยอดด้าน ESG ได้ครบทุกมิติ”

“อย่างไรก็ตาม การลงมือปฏิบัติเพื่อสร้างการเปลี่ยนผ่านให้เกิดขึ้นจริง นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการ SME ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การมีความรู้ ความเข้าใจที่ครบถ้วนในทุกมิติ การพัฒนาแผนธุรกิจที่นำไปสู่การวัดผลได้จริง รวมไปถึงการเข้าถึงเครือข่ายที่จะช่วยต่อยอดการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ในปีนี้ กรุงศรีจึงได้สานต่อโครงการ Krungsri ESG Awards เป็นปีที่สอง เพื่อเป็นแพลตฟอร์มในการเชิดชูเกียรติธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการทำงานด้าน ESG และนำแนวทางไปปรับใช้กับธุรกิจจนเกิดผลสำเร็จ ซึ่งเรามุ่งหวังให้รางวัลนี้เป็นแรงกระตุ้นให้ผู้ประกอบการที่ลงมือทำ ESG อยู่แล้ว ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการรายอื่นๆ เห็นว่า ESG สามารถทำได้จริงและจำเป็นต้องทำ พร้อมกันนี้ กรุงศรีได้ร่วมมือกับศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Move) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดหลักสูตรอบรมพิเศษ Krungsri ESG Academy 2024 โดยจะเน้นการถ่ายทอดความรู้เรื่อง ESG ให้กับผู้ประกอบการอย่างเข้มข้น เพื่อช่วยสร้างแผนเปลี่ยนผ่านธุรกิจที่นำไปใช้ได้จริง และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงให้กับธุรกิจในระยะยาว” นางสาวดวงกมล กล่าวเสริม

สำหรับโครงการ Krungsri ESG Awards 2024 ได้รับเกียรติจากองค์กรพันธมิตรผู้ทรงคุณวุฒิและมีวิสัยทัศน์ด้าน ESG มากมาย ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทยแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจเพื่อสังคม กรมพัฒนาธุรกิจการค้า องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม  และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาร่วมแนะนำแนวทางในการปรับตัวให้กับธุรกิจ และเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการพิจารณาและตัดสินรางวัล ซึ่งแบ่งออกเป็นสองประเภท ได้แก่

  • รางวัลที่มอบให้กิจการที่มีความเป็นเลิศ ครอบคลุมทุกมิติทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Excellence) และ
  • รางวัลเพื่อเชิดชูกิจการที่ริเริ่มและดำเนินการตามแนวปฎิบัติที่ดีทั้งสามด้าน (Highly commended)

โดยในปีนี้ มีกิจการที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการกว่า 60 องค์กร ประกอบไปด้วย ลูกค้าธุรกิจ SME ลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่น สมาชิกของสมาคมธุรกิจเพื่อสังคม (SE Thailand) รวมถึงผู้ประกอบการที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของกรุงศรี ซึ่งผู้ประกอบการทั้งหมดจะได้เข้าร่วมหลักสูตรอบรมพิเศษ Krungsri ESG Academy 2024 เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจตามกรอบ ESG อย่างครบทุกมิติจากผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ ตลอดระยะเวลาสี่เดือน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่วิธีการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน การจัดการด้านสภาพภูมิอากาศ การบริหารความเสี่ยงและภาวะวิกฤต รวมถึงแนวทางการดำเนินการธุรกิจหรือกิจกรรมสีเขียวตามนิยาม Thailand Taxonomy และได้ลงมือพัฒนาแผนในการปรับเปลี่ยนธุรกิจตามกรอบ ESG (Transition Plan) ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากพันธมิตรและกรุงศรี ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับโอกาสการเข้าถึงเครือข่าย ESG ที่น่าเชื่อถือจากเครือข่ายพันธมิตรของกรุงศรี เพื่อสร้างโอกาสธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ

“นับเป็นความน่ายินดีที่กรุงศรีได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญในวงการ ESG มาร่วมสานต่อในการผลักดันธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศไทยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งนอกจากการสนับสนุนผ่านโครงการดี ๆ อย่าง Krungsri ESG Awards และ Krungsri ESG Academy แล้ว กรุงศรียังได้ตั้งเป้าให้การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainable Finance) สำหรับกลุ่มลูกค้า SME ไว้ที่จำนวนกว่า 4,500 ล้านบาท และด้วยการสนับสนุนของกรุงศรีที่ครอบคลุมทั้งด้านการเงิน การพัฒนาธุรกิจ และเครือข่ายที่แข็งแกร่ง เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถช่วยส่งเสริมสนับสนุนการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการ SME ในการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ความยั่งยืนได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต และช่วยให้ทุกธุรกิจอยู่รอดต่อไปได้  โดยไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” นางสาวดวงกมล กล่าวปิดท้าย

การแข่งขัน Huawei ICT Competition ระดับเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 8 ประจำปี 2023-2024 (พ.ศ. 2566-2567) ประกาศผลผู้ชนะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภายในงานพิธีประกาศผลรางวัลซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างหัวเว่ยและมูลนิธิอาเซียน (ASEAN Foundation) ที่สำนักงานเลขาธิการอาเซียน ในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย การแข่งขันระดับภูมิภาคภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Connection, Glory, and Future’ ครั้งนี้ ได้รับความสนใจเข้าร่วมอย่างล้นหลามจากนักเรียนนักศึกษากว่า 6,400 คน จาก 14 ประเทศและเขตการปกครองทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมไปถึงตัวแทนนักศึกษา 4 ทีมจากประเทศไทย ซึ่ง 2 ทีมสามารถคว้ารางวัลจากการแข่งขันประเภท Network Track และ AI Track รวมทั้งได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมชิงแชมป์ต่อในรอบตัดสินของการแข่งขัน Huawei ICT Competition ระดับโลก ณ เมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 23-26 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 โดบพิธีประกาศผลรางวัลนี้ยังได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ เกา กึมฮวน เลขาธิการสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) เป็นประธานพิธีเปิดงาน พร้อมด้วยคณะผู้แทนประจำอาเซียนและตัวแทนจากองค์การระหว่างประเทศเข้าร่วมในพิธีอย่างคับคั่ง

นายไซมอน หลิน ประธานกรรมการบริหาร หัวเว่ย ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้กล่าวเกี่ยวกับการแข่งขันว่า “เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 มานี้ เราได้เพิ่มการแข่งขันในหมวด Computing Track เข้ามาอีกหนึ่งประเภท นอกเหนือไปจากประเภท Network Track, Cloud Track และ Innovation Track เรายังได้ออกแบบกิจกรรมที่เน้นการปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันมากขึ้น เพื่อเสริมสร้างทักษะเรื่องความเป็นผู้นำและทักษะเพื่อการทำงานให้กับนักเรียน และด้วยความร่วมมือจากพันธมิตรจากภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และสถาบันทางการศึกษา โดยเราหวังที่จะได้เพาะบ่มผู้นำ ผู้เชี่ยวชาญ และนักนวัตกรรมในอนาคตให้กับภูมิภาคนี้”

ผู้ชนะรางวัลสูงสุดในแต่ละประเภทของการแข่งขันระดับเอเชียแปซิฟิกในปีนี้ ประกอบด้วย สถาบัน Cebu Institute of Technology ประเทศฟิลิปปินส์ สำหรับประเภท Innovation Track สถาบัน Institut Teknologi Bandung ประเทศอินโดนีเซีย สำหรับประเภท Network Track สถาบัน Singapore Polytechnic สำหรับประเภท Cloud Track และสถาบัน i-Academy ประเทศฟิลิปปินส์ สำหรับประเภท Computing Track ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีอีก 16 ทีมจากทั่วภูมิภาค ซึ่งรวมถึงทีมนักศึกษาไทยจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบังและจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ได้รับรางวัลอันดับหนึ่ง อันดับสอง และอันดับสาม พร้อมด้วยสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน Huawei ICT Competition รอบตัดสินในระดับโลก 

นายมากิ คัตสึโนะ-ฮายาชิคาวา ผู้อำนวยการและตัวแทนจากสำนักงานยูเนสโก (UNESCO) ส่วนภูมิภาค ประจำกรุงจาการ์ตา กล่าวแสดงความชื่นชมหัวเว่ยสำหรับความตั้งใจในฐานะที่เป็น “พันธมิตรในโครงการ Global Skills Academy (GSA) ของยูเนสโก ซึ่งหัวเว่ยได้แสดงถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนการฝึกอบรมออนไลน์แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายให้กับนักเรียนนักศึกษาทั่วโลกโดยผ่านทางโครงการ Huawei ICT Academy เพื่อเป็นการบ่มเพาะบุคลากรด้านไอซีที”   

ดร. ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการบริหาร มูลนิธิอาเซียน กล่าวย้ำถึงความจำเป็นของทักษะการมีองค์ความรู้ด้านดิจิทัล (Digital Literacy) ว่า “ในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียแปซิฟิก ความรู้และความเชี่ยวชาญในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลไม่ใช่แค่ทักษะที่ควรติดตัวไว้ แต่คือทักษะที่มีความจำเป็นต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ การพัฒนาทางสังคม และการเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันบนเวทีโลก”

การแข่งขัน Huawei ICT Competition เปิดเวทีให้นักเรียนนักศึกษาได้เข้ามาร่วมแข่งขันและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างสร้างสรรค์ ควบคู่ไปกับการเพาะบ่มองค์ความรู้ด้านไอซีทีและเสริมทักษะด้านการปฏิบัติจริง นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในปี พ.ศ. 2559 ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 8 แล้ว ที่มีการจัดการแข่งขันขึ้นในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยกิจกรรมที่จัดขึ้นไม่เพียงเพื่อมุ่งยกระดับความสามารถด้านนวัตกรรมของนักเรียนที่เข้าร่วมเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการลดช่องว่างด้านบุคลากรดิจิทัล หัวเว่ย มีความมุ่งมั่นที่จะขยายการสนับสนุนด้านการศึกษา ด้วยแผนการจัดตั้งสถาบันฝึกอบรม Huawei ICT Academy จำนวน 500 แห่ง เพื่อบ่มเพาะนักศึกษากว่า 200,000 คน ภายในปี พ.ศ. 2568  

ทีมนักศึกษาไทยจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบังและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งได้รับรางวัลอันดับ 3 ในการแข่งขันประเภท Network Track และ AI Track ตามลำดับ โดยสามารถคว้าชัยชนะด้วยผลงานแอปพลิเคชันเทคโนโลยีสุดล้ำที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้คนในสังคม

จากการแข่งขันระดับประเทศของนักศึกษาไทยจำนวน 317 คน จากมหาวิทยาลัย 14 แห่งทั่วประเทศ คัดเลือกเหลือเพียง 4 ทีมเพื่อเข้าแข่งขันต่อในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก หลังเสร็จสิ้นพิธีประกาศรางวัลรอบเอเชียแปซิฟิก นักเรียนไทยผู้ชนะทั้ง 2 ทีม ได้แสดงความรู้สึกดีใจที่ได้ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายในระดับโลก และเปิดเผยว่าการแข่งขันได้ให้ประสบการณ์มากมาย ได้เรียนรู้ทักษะทางเทคนิคเพิ่มเติมในสาขาวิชาที่ศึกษาอยู่ รวมไปถึงได้เรียนรู้วิธีที่เหมาะสมมากขึ้นในการสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีม โดยทั้งสองทีมยังได้เผยแผนการต่อยอดโครงการสำหรับการแข่งขันในระดับโลกและหวังที่จะคว้ารางวัลสูงสุดกลับมาเช่นกัน

หัวเว่ย มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการพัฒนาทางด้านดิจิทัลให้กับประเทศไทย สอดคล้องกับพันธกิจที่มีต่อประเทศไทย ในการ ‘เติบโตในประเทศไทย สนับสนุนประเทศไทย’ และพันธกิจต่อภูมิภาคอาเซียนในการ ‘นำทุกฝ่ายก้าวไปข้างหน้า โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง’ ในอนาคต หัวเว่ยจะยังคงเดินหน้าส่งมอบโซลูชันล้ำสมัยและส่งเสริมการพัฒนาทางด้านบุคลากรผ่านโครงการต่าง ๆ ต่อไป เพื่อเสริมสร้างการเติบโต ยกระดับประสิทธิภาพ และเพิ่มความสามารถทางการแข่งขัน ตลอดจนการร่วมมือกับพันธมิตรในแต่ละประเทศเพื่อขับเคลื่อนเทคโนโลยี อำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย พร้อมเป็นอีกหนึ่งกำลังในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางทางด้านดิจิทัลแห่งภูมิภาคอาเซียน    

X

Right Click

No right click